อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 824 มีแค่ฟันที่แข็งแรงเท่านั้นแหละที่ดีจริงๆ
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 824 มีแค่ฟันที่แข็งแรงเท่านั้นแหละที่ดีจริงๆ
ร้านพลันตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงซดและเสียงของอู๋ไห่ที่กำลังสูดปากเนื่องจากอาหารรสชาติเผ็ดเกินไปให้ได้ยินเท่านั้นแหละ ทั้งสามคนเอาแต่จดจ่ออยู่กับการกินเกี๊ยวอยู่แบบนั้น
ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคน โจวเจียสงวนท่าทีเอาไว้ได้มากที่สุด แต่หลังจากเธอกินเกี๊ยวคำแรกเข้าไป ท่าทีอันน้อยนิดที่เธอสงวนเอาไว้ได้ก็หายวับไปทันทีเนื่องจากเธอเอาแต่หมกมุ่นกับอาหารรสเลิศตรงหน้า
น้ำซุปพริกไทยที่หยวนโจวทำมีสองสีแบ่งเป็นชั้นสีเขียวอยู่บริเวณครึ่งบนและชั้นน้ำมันพริกแดงบริเวณครึ่งล่าง เกี๊ยวอวบๆไหลขึ้นไหลลงในน้ำซุปและสามารถมองเห็นใบกระเทียมสีเขียวเข้มได้เป็นครั้งคราวเช่นกัน
ทีแรกโจวเจียไม่สามารถฝืนทนกินเกี้ยวลงไปได้เลยเนื่องจากพวกมันดูน่ารักน่าชังเกินไปแล้ว แต่เมื่อเห็นเถ้าแก่ของเธอกับอู๋ไห่กำลังซดไม่หยุดเนื่องจากพวกเขากินพร้อมกับกลิ่นหอมเย้ายวนที่ครอบคลุมโพรงจมูกทำให้เธอต้องหยิบช้อนตักเกี๊ยวขึ้นมาลูกหนึ่ง
ตัวช้อนเป็นช้อนกระเบื้องและเกี๊ยวเองก็เป็นสีขาวเช่นกัน ส่วนชั้นน้ำมันพริกแดงกลับห่อหุ่มอยู่รอบเกี๊ยวพร้อมกับใบกระเทียมชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลิ่นหอมที่ปลดปล่อยออกมาช่างเย้ายวนอย่างน่าเหลือเชื่อ
ยามที่กินเกี๊ยวคนส่วนใหญ่จะกัดส่วนที่มีไส้อยู่ข้างใน โจวเจียก็ไม่เว้น เธอค่อยๆกัดอย่างระมัดระวัง
“งั่ม” เธอกินเกี๊ยวไปครึ่งลูกทันทีและอดไม่ได้ที่จะสูดปากออกมา
เกี๊ยวเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆแถมยังร้อนมากๆอีกต่างหากด้วย และทันทีที่ความร้อนจัดในทีแรกล่วงผ่านไปก็พลันบังเกิดความรู้สึกเผ็ดขึ้นมาชักนำให้โจวเจียเคี้ยวต่อไป
และด้วยการเคี้ยวต่อไปเรื่อยๆ ลิ้นของเธอก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอื่นๆนอกเหนือไปจากนี้ เกิดความรู้สึกชาราวกับปลายลิ้นของเธอหมดความรู้สึกอย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นทั่วทั้งปากของเธอก็ชาไปหมด แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกเผ็ดกลับพุ่งเข้าจู่โจมต่อมรับรสไม่หยุดหย่อน เมื่อยามที่เคี้ยวนั้น น้ำซุปรสชาติสดชื่นและหอมหวานพลันระเบิดออกจากไส้เนื้อวัวนุ่มเด้งของเกี๊ยว
“อูย อร่อยชะมัดเลย!” หยวนโจวร้องครางออกมาพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง
“ฮ่าฮ่า ฉันบอกเธอแล้วไง” อู๋ไห่กล่าวอย่างลำพองใจราวกับเป็นเชฟเสียเอง
“อืม กินเยอะๆสิ” หยวนโจวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“อืม อืม” โจวเจียพยักหน้าแรงๆก่อนที่จะกินเกี๊ยวอีกครึ่งลูกให้หมดในคำเดียว
“อูย ร้อนชะมัดเลย!” โจวเจียปิดปากด้วยมือข้างหนึ่งแล้วโบกพัดปากตนเองด้วยมืออีกข้าง
“ถ้ามันร้อนเกินไปก็กินทีละนิดสิ” อู๋ไห่รีบบอกด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง
โจวเจียรีบก้มหน้าแล้วปกป้องชามของเธอเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง
“เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? ฉันดูเหมือนคนที่จ้องจะขโมยอาหารของสาวๆหรือไงกัน?” อู๋ไห่กล่าวด้วยท่าทีดูถูกดูแคลนก่อนที่จะจ้องมองไปที่ชามของหยวนโจว
ใช่แล้วล่ะ อู๋ไห่ยังคงมีหลักการเป็นของตัวเอง เขาจะไม่ขโมยอาหารของสาวๆหรอก แต่หยวนโจวไม่ใช่สาวๆนี่นา
อนิจจา หยวนโจวนั่งห่างจากเขาเกินไป อู๋ไห่ไม่สามารถเอื้อมไปถึงชามของเขาได้ และด้วยความระแวดระวังของโจวเจียทำให้เขาไม่มีโอกาสต่อต้านเธอได้เช่นกัน
ทั้งสามคนต่างพากันเพลิดเพลินไปกับเกี๊ยวในมื้อนั้น แน่นอนว่าคนที่เพลิดเพลินที่สุดก็คือโจวเจียนั่นเอง แต่เธอกลับอารมณ์บูดขึ้นมาทันทีที่เกี๊ยวหมดลง
“พรุ่งนี้น่าจะมีส่วนลด 10% นะ” หยวนโจวกล่าวขณะที่เริ่มทำความสะอาดชามและตะเกียบ
“ฮะ?” คำกล่าวสร้างความประหลาดใจให้แก่โจวเจียมากเสียจนลืมอารมณ์บูดๆไปเลย
“อะไรนะ? ส่วนลดงั้นรึ? อย่างนี้ร้านนายไม่แออัดแย่หรือไง?” อู๋ไห่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ทั้งโจวเจียและอู๋ไห่ร้องออกมาด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป โจวเจียร้องออกมาเพราะนับตั้งแต่เปิดร้านแห่งนี้มา นอกจากช่วงเปิดร้านแล้วก็ไม่เคยมีส่วนลดให้เลย
ส่วนเจ้าคนหน้าไม่อายอู๋นั้น เขาร้องออกมาเพราะเขาเกรงว่าจะมีคนมาต่อสู้แย่งชิงที่นั่งในร้านกับเขา แหล่งที่มาแห่งความสนุกสนานเพียงหนึ่งเดียวของอู๋ไห่ก็คือหลิงหงที่ไม่สามารถเพลิดเพลินกับส่วนลดในวันพรุ่งนี้ได้นั่นเอง
ความสูญเสียของหลิงหงคือความเบิกบานของอู๋ไห่
“อืม ส่วนลดนั่นแหละ” หยวนโจวพยักหน้า เมื่อตอนที่เขาไม่สบายอยู่นั้น บรรดาลูกค้าต่างส่งของขวัญแสดงความห่วงใยมาให้เขา เขาจึงตัดสินใจที่จะเสนอส่วนลดให้เป็นการตอบแทน
ถึงแม้ว่าอีคิวของหยวนโจวจะสูงมากเป็นพิเศษก็ตามที แต่เขาก็ยังพอทราบว่าควรจะตอบแทนความมีน้ำใจ
แล้วทำไมเจ้าระบบถึงเห็นด้วยกับเรื่องนี้กันเล่า? เพราะหยวนโจวเป็นคนควักสตางค์ในกระเป๋าตัวเองออกมาเป็นส่วนลดน่ะสิ อาจกล่าวได้เลยว่าคราวนี้หยวนโจวต้องจ่ายเงินเอง
“เอาล่ะ ฉันจะประกาศในกลุ่มแชทคืนนี้นะคะ ฉันจะได้บอกให้เซินหมินรู้ด้วย” โจวเจียกล่าวขึ้นมาทันที
“ดูเหมือนพรุ่งนี้ฉันต้องรีบตื่นแต่เช้าเสียแล้วสิ” อู๋ไห่กล่าวด้วยความกังวลใจ
“ดึกแล้ว พวกนายควรจะกลับได้แล้วนะ” หยวนโจวบอกพวกเขา
“โอเค ลาก่อนนะ” อู๋ไห่โบกมือแล้วจากไป
ส่วนโจวเจียนั้น เธอเดินออกไปพลางโพสต์ประกาศลงในกลุ่มแชท แต่เมื่อเธอแหงนหน้ามองไปที่ร้านกลับมีร่องรอยความไม่พอใจอยู่ในดวงตาของเธอ ส่วนอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เธอไม่พอใจน่ะเหรอ? เป็นที่รับรู้กันว่าหลังจากได้ลองชิมอาหารของหยวนโจวไปครั้งหนึ่งแล้วก็ยากที่จะทานทนต่อความเย้ายวนต่ออาหารของหยวนโจวในภายภาคหน้าได้
“ในที่สุดฉันก็เข้าใจสักทีแล้วว่าทำไมเจ้าคนหน้าไม่อายอู๋ถึงสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่ออาหาร” โจวเจียถอนหายใจแล้วค่อยๆมุ่งหน้าไปที่สถานีรถโดยสาร
หลังจากทั้งสองคนกลับไปแล้ว ร้านก็กลับคืนสู่ความสงบตามเดิม หยวนโจวจึงกลับขึ้นชั้นบน ไม่นานนักเขาก็ไปล้างหน้าแล้วกลับเข้านอน
เมื่อยามที่เจ็บป่วยก็ควรจะพักผ่อนให้มากเข้าไว้ นี่ก็คือสิ่งที่มารดาของหยวนโจวเคยบอกเขาเอาไว้
รายการโรล เดียร์ บีฟที่หยวนโจวเซ็นต์สัญญาเมื่อไม่นานมานี้มาถึงในที่สุด การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว
พวกเขาน่าจะตัดสินใจที่จะเริ่มการถ่ายทำตอนนี้แล้วเนื่องจากพักนี้หยวนโจวได้รับความนิยมทางอินเตอร์เน็ตจากวิดีโอโปรโมต
ทันทีที่ตอนนั้นจบลงในวันอาทิตย์ โฆษณาสำหรับตอนต่อไปก็เริ่มออกอากาศแล้ว
[เชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศเป็นผู้ที่ได้คะแนนในแง่บวกมากกว่าร้อยละ 95 ซ้ำยังเป็นผู้ที่ถูกคอมเมนต์ด่าถึงร้อยละ 80 มีทั้งพวกนักชิมที่รักและเกลียดในขณะเดียวกัน]
[นี่คือตอนต่อไปที่รายการโรล เดียร์ บีฟจะถ่ายทำ คราวนี้หลี่เหอจะพาเรามาเจอกับอะไรกันนะ?]
ถึงแม้ว่าร้านหยวนโจวจะไม่มีบริการห่อกลับบ้านและไม่ได้ลงทะเบียนในบริการส่งอาหารใดๆเลยก็ตาม แต่ก็ยังได้รับการวิจารณ์ในแอพพลิเคชันวิจารณ์อาหาร
ในบางแอพพลิเคชันวิจารณ์อาหาร ผู้วิจารณ์กว่าร้อยละ 97 ให้คำวิจารณ์ร้านหยวนโจวในแง่ดีโดยมีคะแนนนำโด่งมากกว่าร้อยละ 10 มาตั้งแต่แรกอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีใครสามารถโค่นล้มร้านหยวนโจวออกจากแอพพลิเคชันนี้ได้เลย อีกด้านหนึ่งส่วนความคิดเห็นก็เต็มไปด้วยคำร้องเรียนต่างๆ
คำร้องเรียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจำกัดให้สั่งได้เพียงแค่คนละจานไม่ก็คิวยาวไปอะไรทำนองนั้น
เมื่อสองสามวันก่อนที่หยวนโจวจะได้รับสนับคู่นั้น ทางรายการได้ส่งคนไปขอคำยืนยันขั้นสุดท้ายจากหยวนโจว แน่นอนว่าย่อมต้องส่งคนอื่นมาแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าบุรุษที่ไว้ผมทรงเปิดข้างหายไปไหนเสียแล้ว
ถึงแม้ว่าบุรุษที่ไว้ผมทรงเปิดข้างจะไม่ใคร่ฉลาดและดื้อรั้นมากเกินไปสักหน่อย ทว่าเขาก็ยังเป็นคนที่สุภาพ
อีกด้านหนึ่งผู้ที่มาใหม่กลัวแสดงท่าทีราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งยังเอาแต่บ่นระหว่างช่วงเวลาเปิดร้านอยู่ตลอด
เมื่อกิจการของเขาถูกขัดจังหวะลงในเวลาเปิดร้านย่อมเป็นสิ่งที่หยวนโจวไม่อาจยอมรับได้มากที่สุดอยู่แล้ว
ผู้ที่มาใหม่ยังคิดที่จะกดหัวหยวนโจวด้วยการข่มขู่ด้วย แต่เขาก็ถูกหลิงหงไล่ตะเพิดออกไปก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรเสียอีก ในฐานที่เป็นบุตรของตระกูลอันมั่งคั่งที่เคยออกเดทกับนางแบบมานับไม่ถ้วน หลิงหงยังค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการบันเทิงด้วย
ผู้ที่มาใหม่นี้ดูเหมือนจะได้งานโดยอาศัยเส้นสายของใครบางคนที่เขารู้จัก เขาช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลยแถมยังถูกผู้กำกับเรียกมาตักเตือนเรื่องหยวนโจวอีกต่างหาก
หยวนโจวไม่สนใจเรื่องผลการตักเตือนสักเท่าไหร่นักหรอก สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือผู้ที่มาใหม่ได้หายหน้าหายตาไปแล้วนับตั้งแต่ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เรียกเขาให้มาขอโทษ
และเหตุการณ์ก็จบลงแบบนั้นเอง ถ้าหากอู๋ไห่ไม่ถูกเจิ้งเจียเว่ยรั้งเอาไว้คงได้ต่อยผู้ที่มาใหม่และเริ่มกัดเขาเป็นแน่แท้ คนผู้นั้นรนหาที่ตายเองชัดๆเลย
อู๋ไห่ก็เหมือนกับสุนัขพิทักษ์ร้านหยวนโจว ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น หยวนโจวก็มักจะปล่อยอู๋ไห่ออกไปทันที
มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่รู้ว่ามีแค่ฟันที่แข็งแรงเท่านั้นแหละที่ดีจริงๆ