อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 826 คู่ปรับตลอดกาล
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 826 คู่ปรับตลอดกาล
เนื่องจากส่วนลดและการมาถึงของเหล่าดาราดัง ร้านหยวนโจวจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเป็นอย่างยิ่ง แต่ให้พูดจริงๆก็คือสาเหตุหลักที่คนเยอะก็ยังคงเป็นเพราะส่วนลดอยู่ดีนั่นแหละ
หนึ่งในนั้นเป็นไอ้หนุ่มบางคนที่เคยบอกแม่เทพธิดาของเขาว่าน่าจะมีโอกาสที่ฟุตบอลทีมชาติจะผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกถึงร้อยละ 0.04 แต่ในที่สุดก็ล้มเหลว ส่วนความน่าจะเป็นของการที่จะได้รับส่วนลดของเถ้าแก่หยวนกลับต่ำถึงร้อยละ 0.018 แถมยังมีท่าทีว่าจะต่ำกว่าการที่ฟุตบอลทีมชาติจะได้ถ้วยแชมป์โลกอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าหากฉันได้รับส่วนลดของเถ้าแก่หยวนจริงๆขึ้นมา เธอจะเปิดโอกาสให้ฉันจีบได้ไหม?
แม่เทพธิดาตอบตกลง
ใช่แล้วล่ะ เพื่อแม่เทพธิดาแล้ว เขายอมเดิมพันกับทุกสิ่งเลย แม้จะพยายามจนถึงที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่ได้เข้าร้านในตอนเที่ยวครึ่งเลย ถ้ามองในแง่ดีสุดท้ายแล้วเขาก็ได้หมายเลขมาแล้ว
หลี่เหอและเพื่อนร่วมงานต่างไม่ล่วงรู้ถึงชะตากรรมที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่ มาให้ความสนใจกับแขกรับเชิญของรายการกันก่อนเถอะ เมื่อสองวันก่อน แขกรับเชิญผู้นี้ยังอยู่ในประเทศฝรั่งเศสอยู่เลยแท้ๆ
หันมาทางครัวของฉูเสี่ยวกันบ้าง
“หัวหน้าเชฟฉูคะ มิสเตอร์ดีนมาหาค่ะ” สตรีผมบลอนด์ตะโกนเรียกฉูเสี่ยวขณะที่เขามัวแต่ยุ่งง่วนอยู่ในครัว
“ชู่ว์ ไม่ต้องพูด มากับฉันนี่” ก่อนที่ฉูเสี่ยวจะทันได้เงยหน้า บุรุษผมสีน้ำตาลก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วลากสาวสวยผมบลอนด์ออกไป
ตึก ตึก ตึก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านนอกแล้ว สาวสวยผมบลอนด์ดึงแขนของเธอออกจากการยึดกุมของบุรุษผู้นั้นแล้วจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“จิมมี่ นายกำลังจะทำอะไรกันแน่? ฉันมาหามิสเตอร์ฉูเพราะเรื่องงานนะ” สาวสวยผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“ฉันก็กำลังช่วยเธออยู่นี่ไงเล่า เธอไม่เห็นเหรอว่าหัวหน้าเชฟฉูยุ่งจะตายชัก? เธออยากจะถูกไล่ออกเพราะรบกวนเขางั้นรึ?” บุรุษผมสีน้ำตาลตอบด้วยความดูถูกดูแคลน
“มิสเตอร์ฉูไม่ใช่คนที่จะโกรธใครง่ายๆหรอก” สาวสวยผมบลอนด์ไม่เชื่อคำพูดของเขา เท่าที่เธอเข้าใจ บุรุษผู้นี้พยายามที่จะทำให้เธอกลัวเสียมากกว่า
“โอ้ เชิญเลย งั้นก็เข้าไปเถอะ แล้วฉันจะดูซิว่าเธอจะสามารถรอดพ้นเที่ยงวันไปได้หรือเปล่าก็แล้วกันนะ” จิมมี่กอดอกท้าทายเธอ
“หึ” สาวสวยผมบลอนด์เหลือบมองไปที่ครัวในทีแรกก่อนที่จะหันมามองสีหน้าท่าทางยั่วยุของจิมมี่ จากนั้นเธอก็ส่งเสียงออกทางจมูกแล้วเดินจากไป
ในที่สุดเธอก็นึกถึงวันแรกที่มาที่นี่ได้ ผู้จัดการร้านเตือนเธอว่าห้ามรวบกวนหัวหน้าเชฟฉูเมื่อตอนที่เขากำลังทำอาหารอยู่เป็นอันขาด
“โนตมแต่กลับไร้สมองจริงๆ” จิมมี่เย้ยหยันพลางมองไปที่แผ่นหลังของสาวสวยผมบลอนด์
“มีคนชื่อดีนกำลังรอหัวหน้าเชฟฉูอยู่ด้านนอกจริงๆนะ เขาบอกว่าพวกเขารู้จักกันด้วย” จู่ๆสาวสวยผมบลอนด์ก็หันมาบอก
“ฉันรู้แล้วแหละน่า มีคนรู้จักหัวหน้าเชฟฉูตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วเจ้าดีนั่นเป็นใครกันเล่า?” จิมมี่โบกมือโดยท่าทีไม่สนใจก่อนที่จะกลับเข้าครัว
และเมื่อจิมมี่กลับเข้าครัวไปแล้ว เขาก็เดินเข้าไปหาฉูเสี่ยวที่กำลังจดจ่ออยู่กับการทำสตูว์หม้อหนึ่งเงียบๆ
ฉูเสี่ยวคนสตูว์เบาๆด้วยถือกระบวยเหล็ก สตูว์เป็นสีน้ำตาลและบางครั้งก็จะมีเนื้อปลาชนิดต่างๆหมุนวนอยู่โผล่ขึ้นมาบนผิวหน้าของสตูว์ที่กำลังเดือด
เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือสตูว์เนื้อปลาหม้อหนึ่งอันเป็นสตูว์เนื้อปลาชนิดต่างๆ
สตูว์เนื้อปลานี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าบูลาเบย์ซึ่งเป็นอาหารหนึ่งในสุดยอดอาหารจานเด็ดของประเทศฝรั่งเศส อันมีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ใกล้ชายฝั่งที่หันหน้าเข้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและเป็นความภาคภูมิใจของโพรวองซ์อีกด้วย
อันที่จริงแล้วหลายๆภูมิภาคของประเทศฝรั่งเศสก็มีสตูว์เนื้อปลาเป็นของตัวเองทั้งนั้นแหละ และจากภูมิภาคที่ว่ามานั้น สตูว์จะมีชื่อที่แตกต่างกันออกไป ที่เบอร์กันดี สตูว์เนื้อปลาของพวกเขาจะมีชื่อเรียกว่าโปชูส์ ส่วนสตูว์ที่ฉูเสี่ยวทำนั้นเป็นที่นิยมกันมากในมาร์แซย์และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานที่เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของสตูว์ทั่วโลก
บูลาเบย์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 500 ปีมีต้นกำเนิดมาจากชาวกรีก เนื่องจากมาร์แซย์หันหน้าเข้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจึงทำให้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะล ดังนั้นก็เลยทำให้นั่นเป็นทำเลที่เหมาะจะทำสตูว์นี้ขึ้นมา
อันที่จริงแล้วบูลาเบย์ทำง่ายมากเชียวล่ะ แถมไม่จำเป็นต้องต้มนานเกินไปอีกด้วย ดังนั้นตอนที่จิมมี่มาถึงนั้น ฉูเสี่ยวก็ทำเสร็จแล้ว
ติ๊ง ฉูเสี่ยววางกระบวยลงเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสตูว์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“หัวหน้าเชฟครับ มีคนมารอคุณอยู่ด้านนอกแน่ะครับ ผมคิดว่าเขาน่าจะชื่อดีนนะ” จิมมี่กล่าว
“ดีนงั้นรึ? ดีน แบรดบูรีน่ะเหรอ?” ฉูเสี่ยวถามขึ้นมา
“ไม่แน่ใจนะครับผมก็ยังไม่เคยเห็นเขามาก่อน ผมได้ยินเรื่องนี้มาจากบริกรหญิงน่ะครับ” จิมมี่กล่าวตามตรง
“โอเค เข้าใจแล้ว” ฉูเสี่ยวพยักหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะออกไปทันที นอกจากนั้นเขายังเริ่มล้างมือด้วยท่าทีไม่รีบร้อนแต่อย่างใดอีกด้วย
“หัวหน้าเชฟครับ หรือว่าจะเป็นดีน เดอะ ดีน คนนั้น?” จิมมี่ถามด้วยความอยากรู้
ความอยากรู้ของจิมมี่ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันทีที่เขาได้ยินชื่อจากฉูเสี่ยว ถึงอย่างไรดีน แบรดบูรีก็เป็นเชฟยอดอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมมากในประเทศฝรั่งเศส เขาน่าจะเป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแถบนี้เลยหากไม่มีฉูเสี่ยวอยู่เหนือกว่าเขาล่ะก็นะ
ที่สำคัญไม่เพียงแค่ดีนผู้นี้จะมีฝีมือในการทำอาหารเท่านั้น แต่เขายังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆอีกด้วย ด้วยผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าทำให้เขาดูหล่อเหลาเอาเรื่องเลยทีเดียว
“นายคิดว่าไงล่ะ?” ฉูเสี่ยวถามขึ้นมา
“ผมไม่รู้ก็เลยต้องมาถามคุณไงล่ะครับ” จิมมี่กล่าวด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อ
“ถ้าเขามาตอนนี้ก็น่าจะมากินอาหารฟรีอีกนั่นแหละ เอาสตูว์ไปเสิร์ฟข้างนอกสองที่ด้วยนะ” ฉูเสี่ยวกล่าวโดยยอมรับแบบอ้อมๆว่าเป็นคนผู้นั้นจริงๆ
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะยกสตูว์ไปเสิร์ฟให้เอง” จิมมี่กล่าว
“อยู่ในห้องครัวก็ระมัดระวังหน่อยนะ” ฉูเสี่ยวเตือนก่อนที่เขาจะเดินออกจากครัวไป
ทันทีที่เขาเข้ามาในห้องอาหาร ฉูเสี่ยวก็เห็นดีน แบรดบูรีกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะว่างๆ
“มิสเตอร์ฉู ไม่เจอกันเสียนานเลยนะครับ” ดีน แบรดบูรีลุกขึ้นทันทีที่เขาเห็นฉูเสี่ยวแล้วกล่าวคำทักทายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“อืม” ฉูเสี่ยวพยักหน้า
“ผมสงสัยจังเลยว่าวันนี้จะโชคดีพอที่จะได้ลองชิมอาหารของมิสเตอร์ฉู่หรือเปล่านะ?” ดีน แบรดบูรีถามด้วยความคาดหวัง
“ยังไงคุณก็มาตอนนี้เพื่อจะได้กินอาหารฟรีๆตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา” ฉูเสี่ยวนั่งลงแล้วกล่าว
“จริงด้วยสินะ ผมคงต้องรบกวนคุณเสียแล้วล่ะ มิสเตอร์ฉู” ดีนยอมรับ
“วันนี้พวกเราจะกินสตูว์เนื้อปลากันครับ” ฉูเสี่ยวกล่าว
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นจัง ขอบคุณครับ มิสเตอร์ฉู” ดีนเหลือบมองไปที่ครัวโดยไม่หยุดหย่อนเพื่อรอให้อาหารมาเสิร์ฟ
อันที่จริงแล้ว ดีน แบรดบูรีไม่ได้สนิทสนมกับฉูเสี่ยวเลยสักนิด แต่พวกเขาก็ยังรู้จักกันอยู่ดี จะพูดให้ถูกก็คือพวกเขาเป็นสหายเก่าแก่จากการแข่งขันนั่นเอง
ฉูเสี่ยวมักจะพบไอ้เจ้าหมอนี่โดยบังเอิญไม่ว่าเขาจะไปแข่งขันระดับใหญ่ขนาดไหนก็ช่างเถอะ อีกด้านหนึ่ง ทั้งสองคนก็เคยทะเลาะกันแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง และดีน แบรดบูรีก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของฉูเสี่ยวโดยไม่ต้องสงสัยเลย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดีน แบรดบูรีก็เริ่มทักทายฉูเสี่ยวทุกครั้งที่เห็นเขาเลย และด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงรู้จักกันได้ แต่พวกเขากลับไม่ค่อยพบกันในสถานที่ส่วนตัวสักเท่าไหร่นัก
ดังนั้นพวกเขาก็เลยไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก พวกเขานั่งรอให้จิมมี่ยกสตูว์มาเสิร์ฟอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
ไม่มีอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับบูลาเบย์ สตูว์จะต้องถูกยกมาเสิร์ฟทันทีโดยไม่มีอย่างอื่นมาด้วย
“ทานให้อร่อยนะครับ” จิมมี่ยกมาเสิร์ฟอย่างรู้งาน
“มิสเตอร์ฉู ผมไม่เกรงใจแล้วนะ” ดีนหยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มซดน้ำสตูว์
“เชิญ” ฉูเสี่ยวยกชามขึ้นมาแล้วหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อเริ่มซดน้ำสตูว์เช่นกัน
สตูว์เนื้อปลาของประเทศฝรั่งเศสไม่ได้สนใจเรื่องการขจัดกลิ่นคาว แต่ฉูเสี่ยวก็สามารถผสมผสานกลิ่นคาวกับรสชาติอันสดใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างชาญฉลาด เมื่อซดน้ำสตูว์เข้าไป รสชาติทั้งสองอย่างที่ผสมเข้าด้วยกันจะปลดปล่อยรสชาติอันแสนยอดเยี่ยมออกมา
ทั้งสองคนต่างกำลังซดน้ำสตูว์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉูเสี่ยวอยากรู้ว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงอีกบ้าง ในขณะที่ดีนพยายามที่จะหาความแตกต่างระหว่างเขากับฉูเสี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย
ดีนกินสตูว์หมดชามโดยไม่ได้แตะต้องขนมปังเลย
“รสชาติค่อนข้างแตกต่างไปจากบูลาเบย์แบบอื่นๆ นี่จะต้องเป็นผลจากการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆของมิสเตอร์ฉูเป็นแน่แท้เลยเชียว” ดีนกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ไม่จริงหรอกครับ บูลาเบย์สูตรต้นตำหรับก็ต้องแบบนี้แหละ” ฉูเสี่ยวขมวดคิ้วแล้วอธิบายให้ฟัง
“สูตรต้นตำหรับงั้นรึ? แต่รสชาติกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลย” ดีนกล่าว
ถึงอย่างไรฉูเสี่ยวก็มีชื่อเสียงขึ้นมาจากการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆในการทำอาหาร จู่ๆเขาก็ออกมาพร้อมกับบูลาเบย์สูตรต้นตำหรับที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายซึ่งดีนเองก็ยังไม่เคยลิ้มลองมาก่อนเลย เป็นที่พอเข้าใจได้ว่าสิ่งนี้คงจะสร้างความประหลาดใจให้ดีนอยู่มากทีเดียว
“ทุกวันนี้ทุกคนต่างทำอาหารที่เตรียมขึ้นมาอย่างไม่เหมาะสมเป็นผลทำให้อาหารสูตรต้นตำหรับค่อยๆสูญหายไป” ฉูเสี่ยวให้คำอธิบายสั้นๆ
ดีนเป็นคนฉลาดและทันใดนั้นเองก็นึกขึ้นได้ว่าบูลาเบย์มีต้นกำเนิดมาจากปลาที่เหลือในแหของชาวประมงในสมัยก่อน ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สตูว์ที่มีขั้นตอนการเตรียมที่ยุ่งยากแต่อย่างใดเลย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของฉูเสี่ยวพลางมองไปทางฉูเสี่ยวด้วยแววตาลุกโชน
“ผมเข้าใจแล้วล่ะ คุณคู่ควรที่จะเป็นคู่ปรับตลอดกาลของผมแล้วจริงๆ” ดีนรำพึงออกมา
ฉูเสี่ยว: “…”