อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 827 สร้างความประหลาดใจให้กลุ่มคนทั้งสาม
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 827 สร้างความประหลาดใจให้กลุ่มคนทั้งสาม
คู่ปรับตลอดกาล ช่างน่าอับอายอะไรเช่นนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉูเสี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนพองไปตามสันหลัง เขากล่าวออกมาตามตรงว่า “พักนี้คุณดูการ์ตูนเรื่องไหนอยู่งั้นรึ?”
“เปล่า ผมจริงจังอยู่นะ” ดีนกล่าวยืนยัน “ผมมักจะเชื่อมาโดยตลอดว่าพรสวรรค์ของตัวเองดีพอแล้ว แต่พรสวรรค์ของคุณกลับไล่เลี่ยกับผมเสียได้นี่ คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเราไม่ใช่คู่ปรับตลอดกาลด้วยการเหนือกว่าผมเท่านั้นแหละ”
ภาษาจีนของดีนค่อนข้างฉะฉานมากทีเดียว เขาสามารถใช้วลีจีนอย่างคำว่า “ไล่เลี่ย” ได้เสียด้วย เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาได้เรียนรู้คำและวลีพวกนี้ของฉูเสี่ยวมานั่นเอง
“มีอยู่สองอย่างที่ผมแน่ใจ อย่างแรกคือพรสวรรค์ของผมไม่ได้ไล่เลี่ยกับคุณเลยสักนิด ทว่าพรสวรรค์ของผมออกจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำไป”
ฉูเสี่ยวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างที่สอง ถ้าหากคุณกำหนดว่า ‘คู่ปรับตลอดกาล’ เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการเหนือกว่าผู้อื่นเพียงเท่านั้น ผมขอบอกเลยว่าผมก็มีคู่ปรับตลอดกาลอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น เขามีนามว่าหยวนโจวครับ”
วาจาเหล่านั้นทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว ดีนอาการหนักมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นเพราะอย่างแรก อย่างที่สองหรือทั้งสองอย่างก็ตามที
“หยวนโจวงั้นรึ? ชื่อนี้ฟังดูไม่ค่อยคุ้นเลย” ดีนงึมงำด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ใช่แล้วล่ะเป็นหยวนโจวไม่ใช่คุณ” ฉูเสี่ยวไม่รู้หรอกว่าอะไรคือ “การรักษาหน้า” เอาไว้ เขาเอาแต่พูดออกไปโดยไม่ได้นึกถึงคนอื่นเลย
“เอาล่ะ” ดีนอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่ได้จากไปแถมยังนั่งที่ของตัวเองอยู่อีกต่างหาก ถึงอย่างไรอาหารจานหลักก็ยังไม่มาเลยนี่นา การทำอะไรครึ่งๆกลางๆไม่ใช่สไตล์ของเขาเลยสักนิด
“อาหารจานหลักกำลังจะมาแล้ว” ฉูเสี่ยวกล่าว
ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลของฉูเสี่ยว แต่ในที่สุดดีนก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการและได้กินอาหารของฉูเสี่ยวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาหารสูตรต้นตำหรับอีกต่างหาก ที่สำคัญเขาได้ประโยชน์มากมายจากสิ่งที่ฉูเสี่ยวบอกในตอนท้ายอีกด้วย
เนื่องจากฉูเสี่ยวย้อนถามเขากลับไปบ้างเมื่อตอนที่เขาถามด้วยความอยากรู้ว่าทำไมฉูเสี่ยวถึงต้องทำสตูว์เนื้อปลาตำหรับดั้งเดิมให้เขาด้วย
“คุณคิดว่าระหว่างการรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมากับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆแบบไหนสำคัญกว่ากันล่ะครับ?” ฉูเสี่ยวกล่าว
“การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆสิ ถ้าไม่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆก็ย่อมไม่มีการพัฒนาหรอก” ดีนตอบตามตรง อันที่จริงแล้วทั้งเขาและฉูเสี่ยวต่างก็มีความถนัดทางด้านอาหารเชิงสร้างสรรค์
“จริงเหรอครับ? แต่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆจะมาจานไหนกันหากไม่มีการรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมา?” ฉูเสี่ยวถามกลับ
จริงๆแล้ว อาหารเชิงสร้างสรรค์ทุกอย่างสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงโดยอาศัยตำหรับดั้งเดิมเป็นหลัก พวกเขาก็จะพบต้นกำเนิดจากอาหารตำหรับดั้งเดิม
“ยอดไปเลย การรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมา…” ดีนยังพูดไม่ทันจบก็มีท่าทีตอบสนองขึ้นมาในทันที เขาแก้ตัวขึ้นมาใหม่ว่า “สำคัญพอๆกันเลย”
ฉูเสี่ยวไม่มีความคิดเห็นต่อคำตอบของดีนอีก แต่ท่าทีเฉยเมยเช่นนั้นกลับกระตุ้นดีนขึ้นมาในทันที
“คำตอบของคำถามนี้คืออะไรกันรึ?”
“ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเป็นการรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมาหรือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆกันแน่ บางคนก็ยืนยันที่จะรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมาในขณะที่บางคนก็ย่อมต้องการที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” ฉูเสี่ยวกล่าว “ดังนั้นคำตอบของคถามนี้ก็คืออย่างได้คร่ำเคร่งเกินไป คุณสามารถหนีอะไรก็ได้ยกเว้นแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ”
ฉูเสี่ยวเป็นคนปากร้ายจริงๆ แต่ดีนชินเสียแล้วล่ะ แต่คำพูดที่ว่า “คุณสามารถหนีอะไรก็ได้ยกเว้นแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ” ทำให้ดีนต้องขบคิดอย่างลึกซึ้งจริงๆ
หลังจากเขาออกมาจากร้านฉูเสี่ยวแล้ว ดีนเผลอใจลอยไปสักครู่ จนกระทั่งเมื่อมีคนมาขอลายเซ็นต์เขาบนถนนจึงกลับมาเป็นปกติและนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“รายการโทรทัศน์ที่ฉันกำลังจะไปเข้าร่วมด้วยอีกสองวันหลังจากนี้น่าจะจัดขึ้นในร้านหยวนโจวนี่นา” ดีนยังเกรงว่าตัวเองจะจำผิดไป เขาจึงขอเบอร์โทรศัพท์ของฝ่ายรายการจากผู้ช่วยของตนมาเป็นพิเศษแล้วค่อยโทรหาโปรดิวเซอร์เพื่อขจัดข้อสงสัยออกไป
สาเหตุที่ทำให้ฝ่ายรายการเชิญดีนให้มาเป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ก็เพราะครั้งหนึ่งผู้ช่วยของดีนเคยโพสต์วิดีโอการทำอาหารของดีนลงไป
เนื่องจากการเคลื่อนไหวอันว่องไวและท่าทีอันสง่างาม ทันใดนั้นเขากลับกลายเป็นมีชื่อเสียงในประเทศจีนจึงทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเอาไว้ได้ จากนั้นเขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นเชฟที่เป็นสุภาพบุรุษมากที่สุดทางอินเตอร์เน็ต
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดีนยอมรับคำเชิญของฝ่ายรายการนั้นก็ง่ายๆเลยนะ เพราะฉูเสี่ยวเป็นชาวจีน เขาจึงมีเหตุผลที่จะไปประเทศจีนเพื่อดูน่ะสิ แล้วรายการวาไรตี้แบบนี้ก็มอบโอกาสแบบนี้ให้เขา
ถึงจะง่วงแต่เขาก็ไม่คิดที่จะนอนเลยสักนิด ดีนจึงโทรไปหาโปรดิวเซอร์
“ใครล่ะนั่น?” โปรดิวเซอร์พบว่าเป็นสายแปลกๆที่โทรมาจากประเทศฝรั่งเศส ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องงาน เขาคงไม่รับหรอก
“สวัสดีครับ ผมดีน แบรดบูรี แขกรับเชิญพิเศษของคุณเองนะครับ” ดีนแนะนำตัวเองทันที
จากนั้นโปรดิวเซอร์ก็จำได้แล้วว่าเขาคือแขกรับเชิญพิเศษที่ได้รับคำเชิญให้มารายการของพวกเขาจริงๆ แต่เป็นตัวแทนของดีนที่มาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องการเซ็นต์สัญญาแถมยังไม่เคยคุยกันแบบตัวต่อตัวเลยด้วยซ้ำไป ทำไมเขาถึงได้โทรมาหาเขาเองโดยตรงเลยเล่า? เขาจะเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการงั้นหรือ?
เมื่อนึกได้เช่นนั้น โปรดิวเซอร์ก็รีบถามขึ้นมาว่า “มิสเตอร์ดีน คุณมีปัญหาอะไรกับกำหนดการหรืออยากจะเปลี่ยนโรงแรมครับ?”
“ไม่ครับ ผมโทรมาถามว่าสถานที่ถ่ายทำของรายการนี้อยู่ในร้านของสุดยอดเชฟหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่าร้านหยวนโจวหรือเปล่าครับ?”
หลังจากโปรดิวเซอร์ให้คำตอบยืนยันแก่เขาแล้ว ดีนก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “หยวนโจวใช่เชฟของร้านหยวนโจวหรือเปล่าครับ? ขอถามหน่อยได้ไหมครับว่าในประเทศจีนมีคนชื่อหยวนโจวสักกี่คนกันครับ?”
โปรดิวเซอร์รู้สึกมึนไปเล็กน้อย มันเป็นงานของแผนกสถิติในการคำนวณว่ามีคนที่ชื่อหยวนโจวอยู่สักกี่คน เขาจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า?
“ผมอาจจะไม่เข้าใจเองเสียมากกว่า ผมแค่อยากรู้เฉยๆแหละครับว่ามีเชฟชื่อดังนามว่าหยวนโจวอยู่ที่นั่นสักกี่คนน่ะครับ?” จากนั้นดีนก็ทำความเข้าใจกับตัวเองเสียใหม่
“เท่าที่ผมทราบน่าจะมีเชฟชื่อดังนามว่าหยวนโจวอยู่แค่คนเดียวแหละครับ แถมร้านของเขาก็เป็นร้านที่พวกเรากำลังจะมุ่งหน้าไปในไม่ช้านี้ด้วยล่ะครับ” ถึงแม้ว่าโปรดิวเซอร์จะไม่ทราบว่าดีนต้องการจะถามอะไรกันแน่ แต่เขาก็ยังตอบคำถามเขาอย่างชัดเจนอยู่ดี
“ยอดไปเลยครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดีนโพล่งออกมาแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณครับมิสเตอร์หวัง งั้นผมวางสายแล้วนะครับพอดียังมีงานค้างอยู่”
หลังจากนั้นโปรดิวเซอร์ก็ได้ยินเสียงดัง “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” จากโทรศัพท์ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “พวกเราไม่ควรบอกว่าหยวนโจวเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงระดับประเทศเลย แต่เขาควรจะเป็นเชฟชื่อดังระดับโลกเสียมากกว่านะ แม้แต่ดีนเชฟชื่อดังชาวฝรั่งเศสก็ยังดีอกดีใจเมื่อตอนที่เขาได้ยินว่าจะได้อยู่ร่วมรายการกับหยวนโจวอีกด้วยล่ะ”
โปรดิวเซอร์มีรู้สึกความสุขมากเหลือเกิน เมื่อตอนที่พวกเขาไปถ่ายทำกันที่ร้านหยวนโจวก็คงจะเป็นเชฟชื่อดังระดับโลกที่เกือบเทียบเท่าได้กับครึ่งหนึ่งของแขกรับเชิญพิเศษเลยเชียวล่ะ
ฉันจะไปแจกอั่งเปาให้คนเขียนบทที่เสนอให้ถ่ายทำในร้านหยวนโจว โปรดิวเซอร์คิดเช่นนั้นอยู่ในใจ
โปรดิวเซอร์เข้าใจดีนผิดไปถนัดเลยล่ะ
เมื่อวางสายลง ดีนก็พึมพำกับตัวเองว่า “หยวนโจว ฉันจะรอดูซิว่านายจะควรค่าแก่การถูกเรียกว่าคู่ปรับตลอดกาลของฉูเสี่ยวหรือเปล่า”
ด้วยเหตุนั้นดีนจึงไม่ได้ไปที่สถานีโทรทัศน์เพื่อรวมตัวกับหลี่เหอและคนอื่นๆในสองวันให้หลัง แต่เขากลับตรงไปที่ร้านหยวนโจวพร้อมผู้ช่วยของเขาโดยหวังว่าจะได้เห็นหยวนโจวก่อน
ความคิดเหล่านั้นก็ดีอยู่หรอกเพียงแต่กลับทำได้ยากเย็น ดีนเกิดหลงทางในเมืองเฉิงตูระหว่างการเดินทางครั้งแรกของเขาในประเทศจีน
ดังนั้นดีนจึงยังไม่เจอฝ่ายรายการเมื่อตอนที่รถของหลี่เหอมาถึงร้านหยวนโจวแล้ว คนจากฝ่ายรายการรีบโทรหาเขาและเร่งให้เขารีบมาทันที
หลี่เหอกับคนอื่นๆต้องทำภารกิจแรกให้เสร็จ เมื่อลงจากรถแล้วเดินเข้าสู่ถนนเถ่าซือก็จะถึงร้านหยวนโจว มีผู้คนมากมายปรากฏตัวอยู่
วันนี้สมาชิกทุกคนของคณะกรรมการจัดระเบียบแถวเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ และวันนี้ทั้งโจวเจียกับเซินหมินต่างก็อยู่ในร้าน มีคนเยอะเกินไปจนบริกรหญิงเพียงคนเดียวไม่อาจดูแลทุกอย่างได้
คราวนี้หยวนโจวไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่บอกพวกเธอว่าเงินค่าจ้างในวันนี้จะมากกว่าปกติถึงสองเท่า
นับเป็นความเย้ายวนของส่วนลด 10% จริงๆ!
หลี่เหอ ไป๋กั้วและเจียงเหม่ยซือต่างรู้สึกประหลาดใจ
“นั่นมันเว่อร์เกินไปแล้ว”
“ผู้กำกับ คุณจัดฉากนี้ขึ้นมาใช่ไหม? มีคนเยอะจนพวกเราเบียดเข้าร้านไปยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป”
“ผมก็ไม่เคยเห็นกิจการอะไรจะดีขนาดนั้นมาก่อนเลย”