อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 828 เกี๊ยวซอสน้ำมันพริก
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 828 เกี๊ยวซอสน้ำมันพริก
“แม้แต่ในยามปกติก็ยังมีคนอยู่ในร้านหยวนโจวตั้งเยอะแน่ะ ที่สำคัญวันนี้ยังมีส่วนลด 10% อีกต่างหาก” ผู้กำกับอธิบายว่ามันหาใช่การจัดฉากของพวกเขาแต่อย่างใดไม่
ถึงแม้ว่าเขาจะตรวจสอบความนิยมของร้านหยวนโจวมาแล้วก็เถอะนะ แต่ผู้คนมากมายก็ยังสร้างความประหลาดใจให้แก่เขาอยู่ดี
ผู้กำกับแสดงท่าทีฝืนยิ้มออกมา ตามที่คนเขียนบทบอกเอาไว้และตามความคิดของเขานั้น ความยากของภารกิจมีอยู่เพียง 6 ใน 10 เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ความยากพุ่งขึ้นสูงถึง 30 เข้าไปแล้วขณะที่คะแนนเต็มมีอยู่แค่ 10 เท่านั้น ภารกิจจะดำเนินต่อไปได้อย่างไรกัน?
“พวกเขาตื่นเต้นกันมากขนาดนั้นกับส่วนลดแค่ 10% น่ะเหรอ?” เจียงเหม่ยซือบ่งบอกว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องแบบนั้นเอาเสียเลย เธอพูดต่อไปอีกว่า “ตอนที่ฉันกินในร้านที่เสนอส่วนลดให้ถึง 30% หรือ 50% ก็ยังไม่เอาจริงเอาจังกันขนาดนั้นเลยนะ”
“ใช่ เธอพูดถูก” ไป๋กั้วเห็นด้วย
หลี่เหอกวาดตามองไปทั่วร้าน ถึงแม้ว่าลูกค้าบางคนกำลังขยับตัวถ่ายรูป แต่คนส่วนใหญ่ก็อยู่ในที่ของตนเองหาได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
เมื่อก่อนตอนที่หลี่เหอถ่ายภาพยนตร์ เขาไม่ชอบถูกผู้ชมมามุงดูเนื่องจากจะถ่ายได้ยากขึ้น แต่ตอนนี้หลี่เหออยากให้บรรดาลูกค้าเข้ามามุงดูแล้วพวกเขาก็จะได้สบช่องเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ
เหล่าดาราที่อยู่นอกร้านมองไปทางบรรดาลูกค้าที่กำลังตื่นเต้นพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบว่าจะบรรลุภารกิจเพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าไปด้านในและกินอาหารได้อย่างไร
“ฉันคิดว่าฝ่ายรายการต้องขาดสติเอามากๆเลยล่ะถึงได้มองภารกิจง่ายๆให้เรา” ไป๋กั้วรู้สึกเสียใจ “ฉันไม่น่าคิดแบบนี้เลย”
“ถูกเผงเลย ฉันเองก็ไร้เดียงสาเกินไป” เจียงเหม่ยซือกล่าว
มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมทั้งในร้านและนอกร้าน ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันลดราคาย่อมมีคนเยอะกว่าปกติอยู่แล้ว
แม้ว่าบางคนจะไม่ได้กิน แต่พวกเขาก็ยังอยู่ตรงนั้นเพื่อชมดูเหตุการณ์สนุกๆ ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นที่หยวนโจวเสนอส่วนลดให้
“ไม่ต้องไปสนใจส่วนลดหรอก เถ้าแก่หยวนนายเตรียมอาหารจานใหม่ขึ้นมา นายจงใจใช่ไหม?” หลิงหงที่ยืนอยู่ข้างคุณเฉิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“เปล่าสักหน่อย” หยวนโจวกล่าวอย่างจริงจัง
เห็นได้ชัดเลยว่าหลิงหงไม่เชื่อเขาสักนิด เขามองไปทางบรรดาลูกค้าที่กินอาหารอยู่ตรงนั้นอย่างมีความสุขด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ฉันคิดว่านายจงใจนะ ไม่งั้นทำไมนายถึงได้มาที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ได้กินอะไรเลยกันเล่า?” เฉินเว่ยกินอย่างเบิกบานใจทว่ากลับกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเสียอย่างนั้น
สมญานามไม่เอาส่วนลดหลิงหาใช่แค่เพียงเรื่องตลก เขาไม่เคยกินอะไรโดยใช้ส่วนลดจึงได้แต่ยืนอยู่ข้างๆเท่านั้น
“พวกเราไม่มีทางเลือก วันนี้มีคนเยอะเกินไป พี่เจียงเลยขอให้คณะกรรมการจัดระเบียบแถวทุกคนมาปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้” หลิงหงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“อืม อืม แถมวันนี้จะมีพวกดารามาถ่ายรายการโทรทัศน์แล้วก็มีพวกแฟนๆอีกมากมายอยู่ด้านนอกด้วย” อู๋โจวที่ไม่ได้มาที่นี่เสียนานพยักหน้าติดๆกัน
“พวกเขาช่างรบกวนการกินของฉันเสียจริง” เฉินเว่ยบ่นพึมพำแล้วกินข้อเท้าหมูตงพัวต่อไป
ในร้านหยวนโจว มีเพียงแค่ข้อเท้าหมูตงพัวเท่านั้นแหละที่สามารถทำให้เฉินเว่ยกินได้อย่างมีความสุข แถมยังมีเนื้อเยอะและรสชาติละมุนอีกต่างหาก นอกเหนือไปจากนั้นเขาก็ยังสามารถกินจนอิ่มได้ด้วย
“มีคนเยอะเกินไปแล้วจริงๆ โชคดีที่ฉันพาคนจากที่อื่นมาด้วย” หลิงหงกล่าว
“คนไม่พองั้นรึ?” จู่ๆเฉินเว่ยก็ตามขึ้นมา
“ไม่เป็นไร” หลิงหงยักไหล่
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ให้ฉันเรียกพรรคพวกมาช่วยไหมล่ะ” เฉินเว่ยกล่าวด้วยความเต็มใจ
“นายใจกว้างขนาดนั้นเชียวรึ?” หลิงหงมองไปทางเฉินเว่ยด้วยความคลางแคลงใจ
“แหงล่ะ ปัญหาของเถ้าแก่หยวนก็คือปัญหาของฉัน” เฉินเว่ยตบหน้าอกของเขาเองแล้วกล่าวอย่างจริงจัง
แต่หลิงหงกลับไม่ตอบเขาเมื่อตอนที่เฉินเว่ยพูดต่อไปว่า “แต่คืนนี้นายต้องเลี้ยงเบียร์ฉันสองแก้วเป็นการตอบแทน”
หลังจากกล่าวเช่นนั้นออกมา เฉินเว่ยก็ยิ้มกว้างและแสดงสีหน้าจริงใจออกมา
“โฮ่โฮ่ ไปตายซะ” หลิงหงปฏิเสธทันที
“เอาล่ะ ฉันขอถอนคำพูดก็แล้วกัน หนุ่มสาวสมัยนี้มักจะไม่ค่อยออกกำลังกายกันสักเท่าไหร่ แล้วถ้าหากนายดื่มเบียร์มากเกินไป นายก็จะลงพุงเพราะเบียร์ได้นะ” เฉินเว่นบ่นพึมพำ
“ใครบอกนายว่าฉันลงพุงเพราะเบียร์กันเล่า” หลิงหงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ไม่มีใครบอกฉันหรอก ฉันสามารถเห็นได้ด้วยตาตัวเอง” เฉินเว่ยกล่าวอย่างแนบเนียน
“ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว ฉันจะออกไปดูซิว่าพอจะสามารถช่วยอะไรด้านนอกได้บ้าง” หลิงหงถึงกับพูดไม่ออกไปในทันที หลังจากนั้นสักพักค่อยกล่าวออกมาเช่นนั้น
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีลูกค้ามาอีกสองคน พวกเธอเป็นหญิงสาวสองคนที่ต่างสวมเสื้อถักกับกางขายาว คนหนึ่งดูสะโอดสะองส่วนอีกคนหนึ่งดูงดงามน่ารัก
หญิงสาวผู้งดงามน่ารักที่สวมใส่เสื้อสเว็ตเตอร์สีเทาก็คือหยวนหยวนนั่นเอง เธอโด่งดังมากในร้านหยวนโจว ถึงอย่างไรวิธีกินอาหารของเธอก็มักจะต่างออกไปอยู่เสมอ เพียงแค่แซนด์วิชเนื้อกับแยมบลูเบอร์รีก็ทิ้งความประทับใจต่อผู้คนมากมายได้เป็นอันมากแล้ว
และหญิงสาวผู้สะโอดสะองก็คือเสี่ยวซูที่มักจะมาที่นี่พร้อมกับหยวนหยวนอยู่บ่อยๆ เธอมักจะกินอาหารเดิมๆเนื่องจากไม่ใช่คนที่ชอบลองของใหม่แต่อย่างใด
“หยวนหยวน เธออยากกินอะไรดี?” เสี่ยวซูนั่งที่แล้วถามขึ้นมา
“เอาล่ะ ขอฉันดูหน่อยนะ เธอสั่งไปก่อนเลย” หลังจากกล่าวเช่นนั้นออกมา หยวนหยวนก็เปิดเมนูอย่างเอาจริงเอาจัง
“ขอก๋วยเตี๋ยวน้ำใสสักที่ก็แล้วกันค่ะ” เสี่ยวซูกล่าว
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ” เป็นเซินหมินที่มารับออเดอร์นั่นเอง
“เสี่ยวซู เถ้าแก่หยวนมีของว่างแบบใหม่มาเสิร์ฟด้วยนะ” หยวนหยวนชี้ไปที่ของว่างท้องถิ่นเฉิงตูแล้วกล่าว
“อะไรงั้นรึ?” เสี่ยวซูชะเง้อคอไปดูเมนูกับหยวนหยวน
“เธออยากกินของว่างแบบใหม่งั้นเหรอ?” เสี่ยวซูอ่านดูสักครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมา
“อืมมม” หยวนหยวนขมวดคิ้วแล้วพยักหน้า
“เป็นอะไรเหรอ?” เสี่ยวซูรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของหยวนหยวนแล้ว
“ขอดูก่อนนะว่าฉันเอาเงินมาเท่าไหร่” หยวนหยวนเริ่มตรวจดูกระเป๋าสตางค์
“พวกเราจ่ายทางโทรศัพท์ก็ได้ไม่ใช่หรือไง?” เสี่ยวซูเตือน
“โอ้จริงด้วย ฉันลืมไปเลย” หยวนหยวนยิ้มอายๆ
“ตอนนี้ก็สั่งอาหารของเธอได้แล้ว เธอไม่อยากกินของว่างที่เพิ่งจะถูกนำมาเสิร์ฟดูบ้างเลยเหรอ?” เสี่ยวซูคุ้นเคยกับนิสัยของหยวนหยวนอยู่แล้วจึงแค่เตือนเธออีกครั้ง
“โอเค สั่งอาหารหน่อยค่ะ” หยวนหยวนพยักหน้าแล้วบอกเซินหมินที่อยู่ข้างๆ
“เอาเกี๊ยวซอสน้ำมันพริกกับแยมบลูเบอร์รีอย่างละที่นะคะ” หยวนหยวนกล่าว
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” เซินหมินก้มหน้าแล้วคำนวณยอดเงินที่ต้องชำระ
“หยวนหยวน ทำไมเธอสั่งแยมบลูเบอร์รีตั้งแต่ตอนที่สั่งเกี๊ยวเลยล่ะ?” จู่ๆเสี่ยวซูก็ชักสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
“แน่นอนว่าต้องเอามากินคู่กับเกี๊ยวน่ะสิ” หยวนหยวนกล่าวอย่างเห็นสมควรแล้ว
“เกี๊ยวซอสน้ำมันพริกมีรสเผ็ดส่วนแยมบลูเบอร์รีมีรสหวาน เธอจะกินคู่กันไปได้ยังไงกัน?” เสี่ยวซูถึงกับพูดไม่ออกไปบ้าง
“แต่ฉันอยากกินทั้งเกี๊ยวซอสน้ำมันพริกกับแยมบลูเบอร์รีนี่นาก็เลยสั่งมากินทั้งสองอย่างด้วยกันเสียเลย” หยวนหยวนกล่าว
“เรื่องนั้นมันก็มีเหตุผลอยู่หรอกนะ แต่รสชาติคงจะแปลกพิกลเชียวล่ะ” แม้ว่าเสี่ยวซูจะทราบถึงรสนิยมที่แตกต่างไปจากคนอื่นของหยวนหยวนก็ตามที แต่ก็ยังรู้สึกรับไม่ได้อยู่ดี
แยมบลูเบอร์รีเป็นเนื้อผลไม้จำพวกหนึ่งที่ไม่ต้องสนใจรสหวาน สิ่งเดียวที่เหมือนกันคงเป็นแค่เรื่องรสหวานแหละมั้ง? เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่!
แม้แต่เซินหมินที่กำลังคำนวณยอดเงินอยู่ข้างๆก็ยังอดไม่ได้ที่จะบอกว่า “เกี๊ยวก็มีน้ำซุปมาให้ด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยากกินเกี๊ยวซอสน้ำมันพริกอย่างเดียวมากกว่า” หยวนหยวนปฏิเสธอย่างสุภาพ
“งั้นก็ได้ค่ะ คุณต้องการชำระเป็นเงินสดหรือว่าโอนเงินผ่านธนาคารดีคะ? วันนี้มีส่วนลด 10% ให้ด้วยนะคะ” เซินหมินชะงักไปสักครู่หนึ่งแล้วเริ่มคิดเงิน
หยวนหยวนชำระเงินด้วยการโอนเงินผ่านธนาคารด้วยความรวดเร็วแล้วรอกินอาหารด้วยความตื่นเต้น
แต่เสี่ยวซูกลับขยับตัวห่างออกไปอีกนิดทั้งยังแสดงท่าทีว่า “ฉันไม่รู้จักตัวประหลาดคนนี้หรอกนะ”
นอกจากนี้ลูกค้าอีกคนที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า “ประสาทการรับรสของสาวน้อยผู้นี้ช่างแตกต่างไปจากคนอื่นจริงๆ เป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะกินเกี๊ยวซอสน้ำมันพริกกับแยมบลูเบอร์รีได้น่ะ?”
“ก็อาจจะเป็นไปได้นะ ถึงยังไงสาวน้อยผู้นี้ก็มักจะกินอาหารที่ต่างออกไปนิดหน่อยอยู่เสมอนี่นา” อู๋โจวพยักหน้าแล้วกล่าวไปทางด้านข้าง
“เสี่ยวซู เธออยากลองดูบ้างไหมล่ะ?” หยวนหยวนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำสนทนาของผู้อื่น แต่กลับเชิฐชวนเพื่อนสนิทของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ” เสี่ยวซูปฏิเสธทันที
“ก็ได้” หยวนหยวนไม่ได้ยัดเยียดความคิดของตนเองให้เพื่อน เธอเพียงแค่พยักหน้าแล้วมองดูหยวนโจวทำอาหารไปเงียบๆ
เมื่อหยวนโจวเห็นออเดอร์แรก เขาก็รู้สึกแปลกๆ ถึงอย่างไรก็เป็นครังแรกเลยที่มีคนสั่งเกี๊ยวซอสน้ำมันพริกกับแยมบลูเบอร์รี่พร้อมกัน แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของหยวนหยวน
ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ทราบว่ารสนิยมของหยวนหยวนเป็นเรื่องเข้าใจได้ยากมาก เธอเองก็มาที่นี่หลายครั้งหลายคราแถมยะงเป็นลูกค้าขาประจำอีกต่างหาก