อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 832 แผนสำรองอันยอดเยี่ยม
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 832 แผนสำรองอันยอดเยี่ยม
ถึงแม้ว่าดีนจะไม่ทราบว่าหยวนโจวมีกฎไม่พูดคุยตอนทำอาหารหรือไม่ แต่ในฐานที่เป็นเชฟแถมยังเป็นเชฟมิชลินสามดาวด้วยแล้ว เขาก็รู้ดีว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไร
เขายืนอยู่ด้านข้างและหลังจากรอมานานหลายนาที ในที่สุดหยวนโจวก็ออกมาจากครัวพร้อมอาหารที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพูดขึ้นมาว่า “เชฟหยวน ผมขอยืมครัวทำอาหารหน่อยได้ไหมครับ?”
ดีนถามอย่างสุภาพ แต่น่าเสียดายที่คำตอบของหยวนโจวคือ:
“เสียใจด้วยครับแต่คงจะไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าหยวนโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นนั้น ดีนก็เลยไม่ถามอะไรอีก จากสิ่งนี้ไม่ว่าใครก็คงพอจะทราบแล้วล่ะว่าดีนมีส่วนคล้ายหยวนโจวมากเลยทีเดียว พวกเขาเชื่อว่าสำหรับเชฟแล้ว อุปกรณ์ทำอาหารกับครัวของเขาเป็นของส่วนตัวที่ไม่อาจให้ผู้ใดมาหยิบยืมกันได้
ดีนเดินออกมาพบกับสายตาเปี่ยมความหวังทั้งสามคู่
“เชฟหยวนไม่ให้ยืมครัวครับ” ดีนกล่าวพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวว่า “แต่ผมก็ยังมีแผนสำรองอยู่นะ”
หัวใจของพวกเขาเย็นเฉียบเมื่อได้ยินประโยคครึ่งแรกของดีน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินอีกครึ่งหลัง เปลวเพลิงแห่งความหวังก็ลุกโชนขึ้นในใจของพวกเขาอีกครั้ง
“แผนสำรองอะไรงั้นหรือ?” ไป๋กั้วถามขึ้นมา
“พวกเราสามารถซื้อหาวัตถุดิบบางอย่างมาได้นี่ครับ ในเมื่อมีร้านอยู่ข้างๆ พวกเราก็ให้ทีมงานถ่ายทำไปยืมอุปกรณ์ทำอาหารที่นั่นมาเสียก็สิ้นเรื่อง ผมจะทำอาหารมันตรงนี้แหละ” ดีนกล่าวเสริม “ปกติแล้วร้านจะไม่อนุญาตให้นำอาหารจากภายนอกเข้ามาในร้านกันน่ะครับ”
นี่เป็นแผนที่วิเศษจริงๆ ร้านส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้นำเหล้าจากภายนอกเข้ามาในร้าน ทั้งยังแทบไม่ค่อยอนุญาตให้นำอาหารจากภายนอกเข้ามาในร้านสักเท่าไหร่ด้วย แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าร้านหยวนโจวจะมีกฏมากมายถึงเพียงนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะลองหาข้อมูลดูก่อน
เจียงเหม่ยซือถือโอกาสสุ่มถามคนที่ยืนมองพวกเขาอยู่ตรงนั้นระหว่างที่กำลังถ่ายทำ
“ห้ามนำอาหารจากภายนอกเข้ามาในร้านแห่งนี้ด้วยเหรอคะ?”
คนผู้นั้นเหม่อลอยไปนิดหนึ่งเมื่อสังเกตได้ว่ามีดาราดังกำลังถามคำถามเขาอยู่ หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เขาพบว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“ผมว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง? แต่ผมเองก็ไม่เคยเห็นใครนำอาหารจากภายนอกเข้ามาในร้านหยวนโจวสักทีเลย”
“ฉันคิดว่าได้นะ ฉันเคยเห็นหยวนหยวนนำเสี่ยวหลงเป่าทอดมาระหว่างมื้อเช้าเพื่อกินคู่กับแยมบลูเบอร์รีของร้านด้วยล่ะ
“จริงสิ อืม ฉันจำได้แล้ว ฉันก็เคยเห็นคนนำอาหารจากภายนอกเข้ามาในร้านด้วยนะ”
“ใช่แล้วล่ะ สาเหตุที่ผู้คนแทบไม่เคยนำอาหารของพวกเขาเองเข้ามาเลยก็เป็นเพราะอาหารของเถ้าแก่หยวนอร่อยเกินไปน่ะสิ”
จากการสนทนากันครั้งนี้ เจียงเหม่ยซือก็ได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว ร้านหยวนโจวไม่ได้ห้ามมิให้นำอาหารจากภายนอกเข้ามา เนื่องจากอาหารของหยวนโจวอร่อยเกินไป ผู้คนก็เลยแทบจะไม่เคยนำอาหารจากภายนอกเข้ามาเลย เจียงเหม่ยซือวิ่งกลับไปบอกสิ่งที่เธอค้นพบให้ผู้อื่นได้ทราบด้วยความเบิกบานใจ
ด้วยเหตุนี้เอง แผนสำรองของดีนจึงเป็นไปได้โดยราบรื่น เมื่อทั้งสามคนมองไปทางดีน พวกเขารู้สึกราวกับว่านอกเหนือไปจากรัศมีบนตัวเขาแล้ว ทั่วทั้งร่างของเขายังเปล่งแสงของรัศมีแห่งนักบุญอีกด้วย
พวกเขาเริ่มทำตามแผนการ หลี่เหอบอกแผนของพวกเขาให้ทีมงานถ่ายทำได้ทราบและทีมงานก็เริ่มให้ความช่วยเหลือพวกเขาด้วยการยืมอุปกรณ์ทำอาหารและอื่นๆ
อนิจจา วัตถุดิบที่รวบรวมได้และอุปกรณ์ทำอาหารต่างไม่ได้มาตรฐานตามที่ดีนต้องการ ในระหว่างที่ทำอาหารนั้นเขาเองก็มีเงื่อนไขเยอะมากเช่นเดียวกัน
ดีนจึงตัดสินใจโทรหาฉูเสี่ยว ถึงอย่างไรประเทศจีนก็เป็นถิ่นของฉูเสี่ยวนี่นา เขาน่าจะรู้ว่าแหละว่าจะสามารถหาซื้อวัตถุดิบดีๆได้จากที่ไหนในเมืองเฉิงตู
ดังนั้นเขาจึงทำการโทรออกทันที
“ตู๊ด… ตู๊ด… ตู๊ด… หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”
สายถูกตัดไปก่อนจะทันได้รับสาย หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ ดีนจึงสรุปเอาว่าฉูเสี่ยวอาจจะอยู่ระหว่างการหาข้อมูลอาหารจานใหม่และคงจะโทรกลับในภายหลังเป็นแน่
ดังนั้นดีนจึงได้แต่ยืนมองโทรศัพท์ของตนเองอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นสามนาทีก็ยังไม่มีสายใดโทรเข้ามาเลย เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องโทรกลับไปที่เบอร์ฉูเสี่ยวอีกครั้ง
จากนิสัยของดีนแล้ว เขาจะไม่โทรกลับไปอีกหากโทรไปแล้วไม่มีคนรับสาย แต่ฉูเสี่ยวเป็นถึงคู่ปรับตลอดกาลของเขาเชียวนะ เขาจึงไม่คิดอะไรมากก็โทรกลับไปที่เบอร์ของฉูเสี่ยวทันที
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้”
ดีน: “??”
ปิดเครื่องงั้นรึ?
เมื่อจ้องมองไปที่โทรศัพท์ ดีนก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว สิ่งต่างๆรอบกายเขาต่างตกอยู่ในความเงียบงัน
“ดีน ฉันพบว่าแถวนี้มีร้านอาหารสไตล์ตะวันตกชั้นสูงด้วยล่ะ พวกเราน่าจะลองไปที่นั่นดูนะ” ผู้ช่วยของดีนแนะนำ
ผู้ช่วยคนนี้มีผมสีน้ำตาลกับรูม่านตาสีฟ้าตุ่น รูปลักษณ์ภายนอกของเธอค่อนข้างสวยทั้งยังมีความละม้ายคล้ายคลึงกับโซฟี มาโซอยู่หน่อยๆอีกต่างหาก
ขณะที่ผู้ช่วยพูดขึ้นมานั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นแววตาจริงจังคู่หนึ่ง ในขณะนี้ประโยชน์ของใบหน้าสวยๆได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อดีนเหลือบมองใบหน้าสวยๆนั้นแล้ว อารมณ์ของเขาก็เย็นลง แต่เขาก็ยังค่อนข้างไม่สบายใจอยู่ดี
“เธอคิดว่าที่นั่นจะมีวัตถุดิบที่ตรงกับความต้องการของฉันอยู่งั้นเหรอ?” ดีนถามเสียงแข็ง
“ฉันก็คิดว่างั้นแหละค่ะ คุณก็รู้นี่คะว่ามีเชฟอยู่ที่นั่นเหมือนกัน นั่นก็คือมิสเตอร์ลี่ไงล่ะคะ” ผู้ช่วยกล่าวพลางยิ้มหวานหยด
ก่อนที่ดีนจะทันได้พูดอะไร เหล่าดาราที่อยู่ข้างหลังก็เริ่มคุยกัน
“ว้าว งั้นดีนก็รู้จักคนที่นี่น่ะสิ?” เจียงเหม่ยซือกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“งั้นมั้ง พวกเราจะได้รู้กันก็ตอนที่ไปถึงร้านแล้วนั่นแหละนะ” หลี่เหอกล่าว
“ถึงพวกเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถเชียร์เราได้นี่นา” ไป๋กั้วกล่าวพร้อมเอ่ยถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเมื่อตอนที่เขาร้องเพลงอยู่
“ไปกันเถอะ รีบตามเขาไปกันเลย” เจียงเหม่ยซือกล่าวขณะที่เริ่มเดิน
ตากล้องถ่ายทำทุกสิ่งทุกอย่างไปตามความเป็นจริงแล้วตามพวกเขาไปร้านลี่ลี่เช่นกัน
พวกเขาหยุดอยู่นอกร้าน พวกเขามีกันหลายคนเกินไป แถมร้านยังต้องดำเนินกิจการอยู่ด้วย ถ้าหากพวกเขาเข้าไปกันหมดย่อมทำให้กิจการได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลี่เหอผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนหยุดอยู่นอกร้าน
“ร้านนี้เป็นยังไงครับ? มิสเตอร์ดีน คุณเข้าไปตรวจสอบวัตถุดิบส่วนพวกเราจะไปขอยืมอุปกรณ์นะครับ?” หลี่เหอถามดีน
“ได้ครับ” ดีนพยักหน้า
หลี่เหอ เจียงเหม่ยซือและไป๋กั้วต่างก็เป็นดาราดังในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าบรรดาลูกค้าที่ร้านหยวนโจวจะไม่สนใจเขาเพราะอาหารก็ตามที แต่พวกเขาก็มีแฟนๆอยู่มากมายทีเดียว
ดังนั้นนอกเหนือไปจากสมาชิกในทีมงานถ่ายทำแล้ว ผู้คนเป็นจำนวนมากก็ยังประกอบไปด้วยแฟนๆของพวกเขาที่กำลังติดตามอีกด้วย เนื่องจากมีผู้คนเป็นจำนวนมากอยู่ด้านนอก ถึงแม้ว่าลี่ลี่จะไม่ได้ออกมาด้วยตัวเอง แต่หลิวรั่วอวี๋ผู้เป็นผู้จัดการก็ยังออกมาต้อนรับอยู่ที่นั่นอยู่ดี
“สวัสดีค่ะ พวกคุณจะมากินหรือมาถ่ายทำคะ?” หลิวรั่วอวี๋ถามด้วยรอยยิ้มสุภาพเป็นกันเอง
หลี่เหอที่เป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์มักจะเป็นคนรับมือกับเรื่องนี้อยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงก้าวขึ้นหน้าพร้อมมองไปที่ป้ายชื่อของหลิวรั่วอวี๋แล้วยิ้มออกมา
“สวัสดีครับ พวกเรากำลังถ่ายทำรายการโรล เดียร์ บีฟอยู่น่ะครับ พวกเรามีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อยครับ คุณพอจะช่วยได้ไหมครับ?” หลี่เหอถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองอันเป็นความภาคภูมิใจของดาราดังที่ใช่ว่าจะพบเห็นได้ทุกที่เสียเมื่อไหร่กัน
“ได้สิคะ ว่าแต่ฉันจะช่วยได้ยังไงกันคะ?” หลิวรั่วอี้ตอบพลางยิ้มออกมา
“ขอบคุณครับผู้จัดการหลิว เราไปหาที่คุยกันเถอะครับ ผมไม่อยากรบกวนกิจการของร้านน่ะครับ” หลี่เหอเสนอให้ไปคุยกันที่อื่นด้วยความเกรงใจ
“ก็ได้ค่ะ” หลิวรั่วอวี๋พยักหน้าแล้วพาพวกเขาไปหาที่คุยกันโดยจัดการทางเข้าให้โล่งเข้าไว้
หลี่เหอ ไป๋กั้วและเจียงเหม่ยซือเริ่มขอยืมอุปกรณ์ทำอาหารในขณะที่ดีนพาผู้ช่วยของเขามุ่งหน้าไปที่ครัว