อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 838 ภารกิจที่สองของเหล่าดารา
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 838 ภารกิจที่สองของเหล่าดารา
ดีนที่มีความเข้าใจในเรื่องมีทบอลหันหลังเดินออกจากประตูเพื่อตามหาผู้กำกับอย่างจริงจัง
ดีนถามผู้กำกับตรงๆเรื่องวิดีโอการทำสวีดิชมีทบอลของหยวนโจว ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้เห็นวิธีทำแยมแครนเบอร์รีชนิดพิเศษให้ชัดๆเลยก็ตามที แต่เขาก็ค่อนข้างประทับใจวิธีจัดการกับเนื้อหมูและเนื้อวัวของหยวนโจวอยู่ดี
เมื่อตัดสินจากลักษณะที่ดีนพูดถึงหยวนโจวเมื่อสักครู่แล้ว ดีนก็รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างแท้จริง เขารู้สึกว่าหยวนโจวคู่ควรที่จะเป็นคู่แข่งตลอดกาลของฉูเสี่ยวแล้วล่ะ เนื่องจากฝีมือการทำอาหารของเขาช่างส่องประกายเหลือเกิน
เหล่าดาราบรรลุภารกิจแรกขณะที่เวลาเปิดร้านของร้านหยวนโจวเกือบหมดลง นอกเหนือไปจากสวีดิชมีทบอลแล้ว เมาส์ที่ตัดสินใจว่าจะละลายทรัพย์ให้มากขึ้นก็สั่งอาหารจานอื่นมากินด้วย โชคดีที่มีเพื่อนร่วมงานของเขาคอยให้กำลังใจแล้วพวกเขาก็ออกไปอย่างเชื่องช้า
ผู้คนที่เข้าแถวเองก็หายไปแล้ว ถนนเถ่าซือยังพลุกพล่านอยู่แต่กลับมีคนน้อยลงไปมากแล้ว
ทีมผู้กำกับเริ่มปล่อยภารกิจที่สองออกมาแล้ว ในขณะเดียวกันดีนก็เดินเข้าไปหาหยวนโจวเป็นครั้งแรก
“เชฟหยวน ผมขออภัยจริงๆที่สบประมาทคุณนะครับ” ดีนเป็นฝ่ายขอโทษขึ้นมาก่อน
หยวนโจว “???”
ไม่ว่าหยวนโจวจะเข้าใจหรือไม่ก็ตามที ดีนก็ต้องหาหนทางพิสูจน์การคาดเดาของตนเองเสียก่อน เขาหยิบยกวิธีการที่ทำให้สวีดิชมีทบอลถูกเคลือบอยู่ในแยมขึ้นมาเสียดื้อๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยวนโจวก็รู้สึกประหลาดใจมาก ดีนเป็นคนที่สองที่เข้าใจหลักการเบื้องหลังสวีดิชมีทบอล
หลังจากการคาดเดาของเขาได้รับการยืนยันจากหยวนโจวแล้ว ดีนก็กำหมัดแน่นแล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เชฟหยวน บอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าคุณได้รับแรงบันดาลใจในการปรับปรุงสวีดิชมีทบอลให้เป็นเช่นนั้นมาจากอะไรกัน?”
“ปิงถังหูลู่ครับ” หยวนโจวไม่คิดจะเก็บมันเป็นความลับเลยสักนิด เขาจึงบอกดีนโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
“ปิงถังหูลู่งั้นเหรอครับ? นั่นคืออะไรครับ? อาหารจานอย่างหนึ่งหรือเปล่าครับ?” ดีนครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมา
“เป็นธรรมดาที่พวกฝรั่งอย่างคุณจะไม่รู้จักแผ่นเยื่อแป้งเนื่องจากคุณไม่เคยกินปิงถังหูลู่มาก่อนนี่ครับ” หยวนโจวตอบแล้วฝึกฝีมือการแกะสลักของเขาต่อไป
แต่ทว่าดีนกลับคร้านจะใส่ใจกับคำพูดของหยวนโจวแล้วขอให้ผู้ช่วยของเขาไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นเยื่อแป้งมา แผ่นเยื่อแป้งซึ่งผลิตขึ้นมาจากแป้งและเจลาตินด้วยการคั้นในอุณหภูมิสูงและการอบแห้งมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ซ่งเสียอีก
เมื่อนึกถึงแผ่นเยื่อแป้งกับแยมแครนเบอร์รีที่เคลือบมีทบอล ในที่สุดดีนก็เข้าใจเสียที ต้องมีฝีมืออยู่ในระดับสุดยอดปรมาจารย์เท่านั้นจึงจะปรับปรุงบางสิ่งบางอย่างที่สามารถพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันแล้วทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาของเชฟส่วนใหญ่ได้
“วัฒนธรรมที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนานของอาหารจีนหยั่งรากลึกมากเสียจนแผ่นเยื่อแป้งธรรมดาๆก็ยังสามารถบ่งบอกได้ถึงภูมิปัญญาของการทำอาหารอร่อยๆได้เลย” ดีนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
อีกด้านหนึ่ง ภารกิจที่สองที่ทีมผู้กำกับปล่อยออกมาก็คือให้เหล่าดาราได้เรียนรู้ทักษะจากหยวนโจวโดยมีแขกรับเชิญพิเศษคอยให้ความช่วยเหลืออยู่นั่นเอง
“ทีมผู้กำกับได้ไปเจรจากับเชฟหยวนเอาไว้ล่วงหน้าหรือยังครับ?” เมื่อได้รับภารกิจ หลี่เหอก็ถามขึ้นมาทันที
ผู้กำกับส่ายหน้าอย่างที่คาดไว้ “แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เหอจึงโพล่งออกมาว่า “คุณคิดว่าเชฟหยวนจะสอนเรางั้นเหรอครับ?”
ผู้กำกับยักไหล่แล้วแสดงท่าทางราวกับจะบอกว่า “ก็ไม่รู้สินะ” ออกมาซึ่งพาให้หลี่เหอยิ่งรู้สึกเดือดดาลมากขึ้น
เดิมทีฝ่ายรายการอยากให้ดาราทั้งสามคนนี้ทำภารกิจนี้ให้เสร็จด้วยความช่วยเหลือของดีนผู้เป็นแขกรับเชิญพิเศษ ถึงอย่างไรฝ่ายรายการก็ไม่ได้ไร้สมองไปเสียทีเดียว ถ้าหากดีนไม่อยู่ตรงนั้นพวกเขาก็ไม่คาดว่าดาราทั้งสามคนจะเรียนรู้อะไรจากหยวนโจวได้ในรายการเลย
แต่หลังจากหลี่เหอ ไป๋กั้วและเจียงเหม่ยซือหารือกันอยู่สักครู่หนึ่ง พวกเขาก็พบอีกวิธีเพื่อให้บรรลุภารกิจ
ก่อนอื่นเลย ทักศะไม่จำเป็นต้องหมายถึงอาหารเสมอไปเสียหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะเรียนรู้เรื่องง่ายๆก็พอ
อะไรคือทักษะที่ง่ายที่สุดน่ะเหรอ? ดาราทั้งสามคนต่างนึกถึงการหุงข้าวขาวธรรมดา ไม่มีอะไรจะง่ายดายไปกว่านี้อีกแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยสักนิดนอกจากเปิดหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ซาวข้าวและเติมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้อง
ยังเหลือเวลาอยู่อีกนิดหน่อยก่อนที่เวลาอาหารค่ำของร้านหยวนโจวจะเริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่าทั้งสามคนไม่น่าจะรออยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด แต่พวกเขาก็เกรงว่าจะมีคนเยอะเกินไปเนื่องจากส่วนลด 10% จนทำให้ไม่สามารถมองเห็นหยวนโจวทำอาหารได้
ดังนั้นหลี่เหอจึงต้องหาวิธีประนีประนอม
ไม่แปลกที่มักจะมีแต่คนบอกว่าเหล่าพอเป็นดาราดังก็ทำอะไรได้สะดวกขึ้น ไป๋กั้วกับเจียงเหม่ยซือจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากบรรดาลูกค้าระหว่างเวลาอาหารค่ำโดยขอให้พวกเขาสั่งข้าวขาวให้หน่อย แบบนั้นพวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะการหุงข้าวขาวธรรมดาอย่างง่ายๆได้
แน่นอนว่าเจียงเหม่ยซือย่อมเป็นคนแรกที่ออกไปหาทางแก้ปัญหา ผลของการเป็นสาวงามมักจะออกมาดีโดยไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงดาราสาวแสนสวยอีกด้วย ดังนั้นภารกิจนี้จึงสำเร็จลงในไม่ช้า
หลังจากแฟนๆตอบตกลง หลายคนถ้าไม่พักสักหน่อยก็จะรีบไปเปิดการแสดงที่อื่น
เวลาอาหารค่ำของร้านหยวนโจวเริ่มต้นตรงตามกำหนดเวลา เพื่อช่วยให้เหล่าไอดอลรวมทั้งแฟนๆมาเข้าคิวได้เร็วกว่าอู๋ไห่นั่นเอง
แฟนคนนี้เป็นเพียงลูกค้า 10 คนแรกเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็เรียกไอดอลของเขาให้รีบมาเร็วๆเข้า
“ซือซือ ผมสั่งข้าวขาวธรรมดาให้แล้วนะครับตอนนี้เถ้าแก่หยวนกำลังทำอยู่เลย” เป็นแฟนที่เจียงเหม่ยซือหารือด้วยเมื่อสักครู่นี้เอง
ใช่แล้วล่ะ ดาราทั้งสามคนได้ร้องขอแฟนๆเอาไว้ล่วงหน้าให้ช่วยสั่งข้าวขาวธรรมดาให้อย่างชาญฉลาด ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็จะสามารถบรรลุภารกิจได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่น่าพอใจ
หลังจากแฟนๆสั่งข้าวขาวธรรมดาให้แล้ว เขาก็รีบบอกไอดอลของเขาทันที เขาค่อนข้างมีความสุขมากทีเดียวที่สามารถช่วยเหลือไอดอลของเขาได้ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่สามารถแหกกฎของเถ้าแก่หยวนได้
“ขอบคุณค่ะ” เจียงเหม่ยซือแสดงความขอบคุณพลางอมยิ้มแล้วมอบภาพถ่ายพร้อมลายเซ็นต์ของตัวเองให้เขาเป็นของขวัญ
“ขอบคุณครับ ซือซือ โชคดีกับภารกิจนะครับ” แฟนคนนี้เก็บรูปถ่ายอย่างทะนุถนอมแล้วให้กำลังใจพวกเขาเสียงดังลั่น
“พวกเราจะพยายามนะคะ” เจียงเหม่ยซื่อกำหมัดแล้วตอบอย่างจริงจัง
“ลุยกันเลยพวก เถ้าแก่หยวนกำลังเริ่มทำอยู่เลย” แฟนคนนี้ชี้ไปทางหยวนโจวที่อยู่ในครัวแล้วกล่าวขึ้นมา
“โอเค ตั้งใจหน่อยก็แล้วกัน มาดูกันวิธีหุงข้าวขาวธรรมดากันเถอะ” หลี่เหอก้าวไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว ระหว่างนั้นเขาก็ชนเข้ากับคุณเฉิงโดยไม่เจตนาจึงแสดงรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็มองดูหยวนโจวต่อไป
เมนูข้าวร้อยอย่างของหยวนโจวมักมีข้าวขาวรวมอยู่ด้วยเสมอ และเนื่องจากเจ้าระบบเป็นผู้จัดเตรียมหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามาให้ หยวนโจวจึงหุงข้าวขาวธรรมดาไปพร้อมๆกันได้ง่ายๆ
ถึงอย่างไรก็มีผู้คนตั้งมากมายที่สั่งข้าวขาวธรรมดา
“ฉันเห็นข้าวขาวธรรมดาที่หนึ่งก็มีราคาถึง 98 หยวนแล้ว” ไป๋กั้วพึมพำ
ถูกต้องแล้วล่ะ ในสายตาของไป๋กั้ว ราคาของข้าวขาวธรรมดาแพงเกินไปแล้ว แต่ตามที่แฟนๆบอกมา มันกลับเป็นอาหารที่ขายดีมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากพวกเขาสามารถสั่งข้าวขาวธรรมดาพร้อมกับเมนูข้าวร้อยอย่างได้
แต่ไป๋กั้วกลับเชื่อว่าไม่น่าจะมีวิธีการหุงข้าวขาวธรรมดาได้มากมายถึงเพียงนั้นได้ น่าจะเป็นเพราะได้รับความนิยมอีกครั้งจึงทำให้ราคาแพงมาก ถึงกระนั้นไป๋กั้วก็หาได้ปฏิบัติตัวเช่นนั้นต่อหน้าผู้อื่นแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงดาราดังและมาที่นี่เพื่อการถ่ายทำแทนที่จะมารณรงค์ต่อต้านการทุจริต เขาเพียงแค่ต้องเรียนรู้การทำอาหารและทำภารกิจให้สำเร็จ
ที่สำคัญที่สุดคือไป๋กั้วพบว่าคนพวกนี้ทำตัวราวกับว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับบางสิ่งบางอย่างเมื่อตอนที่พวกเขากินอาหารของหยวนโจวซึ่งก็น่าจะอร่อยมากจริงๆนั่นแหละ นอกเหนือไปจากนั้นแม้แต่เชฟชาวฝรั่งเศสชื่อดังก็ยังgvjpถึงฝีมือการทำอาหารและความคิดสร้างสรรค์ของเขาเลยว่ายอดเยี่ยมไปเลยทีเดียว
เมื่อพิจารณาเรื่องนั้นดูแล้ว ข้าวขาวธรรมดาที่มีราคา 98 หยวนก็ไม่นับว่าแพงจริงๆในร้านมิชลินสามดาว
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความคิดพวกนี้ของไป๋กั้ว พวกเขาต่างกำลังคิดว่าจะเพิ่มความสำเร็จในภารกิจง่ายๆนี้และทำให้ผู้ชมชื่นชอบพวกเขาได้อย่างไร
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นงานหลักของเหล่าดารานี่นา
สำหรับในเรื่องนั้น หยวนโจวย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว เขาหยิบข้าวออกจากตู้แล้วเริ่มซาวทันที
ปิงถังหูลู่(冰糖葫芦) เป็นของหวานที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอมยิ้มเสียบไม้