อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 841 ความมีน้ำใจของหยวนโจว
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 841 ความมีน้ำใจของหยวนโจว
ในขณะที่ไม่กี่คนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง ดีนที่เฝ้าสังเกตอยู่เงียบๆก็พูดขึ้นในที่สุด
“คุณสามารถผ่าแตงโมให้เปิดอ้าก่อนที่จะตักส่วนที่อยู่ด้านในของแตงโมออกมาก่อนที่จะคั้นน้ำผลไม้ออกมา” ดีนเตือน
“อืม ถูกต้อง ดีนพูดถูก แค่นั้นก็เสร็จแล้วล่ะ” หลี่เหอเห็นด้วย
“ฉันก็เห็นด้วยนะ” ไป๋กั้วเองก็เห็นด้วยเช่นกัน
“อืม งั้นก็มาทำน้ำแตงโมกันเถอะ” เจียงเหม่ยซือกล่าวขึ้นมา
“เลือกแตงโมไร้เมล็ดมาสิครับ แบบนั้นจะช่วยให้ทำได้ง่ายขึ้นนะเขา” คุณเฉิงเตือน
ขณะที่อยู่ในร้าน คุณเฉิงจะค่อนข้างมีน้ำใจมากทีเดียว ดังนั้นเมื่อบรรดาลูกค้าเห็นเขามีน้ำใจมากขนาดนั้นก็หาได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดไม่
ถึงอย่างไรไม่ว่าพวกเขาจะมีคำถามใดอีก พวกเขาก็สามารถถามคุณเฉิงได้แล้วเขาก็จะอธิบายให้ฟังอย่างมีน้ำอดน้ำทน สิ่งนี้ช่างแตกต่างไปจากหลี่เหยียนอี้ผู้ปากร้ายนัก
“ขอบคุณครับ คุณเฉิง” หลี่เหอพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ
เพราะแบบนั้นเองพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะทำน้ำแตงโมกันอย่างเบิกบานใจและมองโลกในแง่ดี ถึงอย่างไรนี่ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่พกเขาจะสามารถเตรียมขึ้นมาได้แล้ว
ถัดมาพวกเขาก็แจ้งให้ทีมงานทราบถึงตัวเลือกของพวกเขา จากนั้นทีมานก็วางแตงโมเอาไว้ในครัวชั่วคราว
ดีนยืนอยู่ตรงหน้าและเริ่มอธิบายวิธีการเตรียมขึ้นมา
“ในอาหารจีน ฝีมือการใช้มีดเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นพวกคุณย่อมไม่สามารถเลียนแบบสิ่งที่เถ้าแก่หยวนทำได้อย่างแน่นอน อีกทางก็คือคุณจะต้องผ่าแตกโมให้เปิดอ้าก่อนที่จะใช้มีดปอกผลไม้เพื่อดำเนินขั้นตอนที่เหลือให้เสร็จ” ดีนแนะนำ
“โอเค” พวกเขาพยักหน้าเห็นด้วยโดยสิ้นเชิง
ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าฝีมือการใช้มีดของพวกเขาช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ในตอนนี้การบรรลุภารกิจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ด้วยการแนะนำของดีนทำให้หลี่เหอ ไป๋กั้วและเจียงเหม่ยซื่อสนองความต้องการของโปรดิวเซอร์ได้ในที่สุดหลังจากเสียแตงโมไปสี่ลูกแล้ว
แน่นอนว่าในขั้นตอนการทำน้ำแตงโมย่อมต้องมีเรื่องราวน่าขบขันมากมายเกิดขึ้น และพวกเขาก็หมดเรี่ยวหมดแรงไปกับสิ่งที่ทำในตอนนั้น
ตลอดรายการนี้ นักชิมอย่างเจียงเหม่ยซือเข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่วาอาหารจะธรรมดาขนาดไหนแต่มันก็เป็นผลจากการกรำงานหนักของเชฟอยู่ดีนั่นเอง
นอกจากนี้ท่าทีเอาจริงเอาจังของหยวนโจวที่มีต่ออาหารก็ทำให้เจียงเหม่ยซือกลายเป็นผู้สนับสนุนหลักในการต่อต้านอาหารขยะอีกด้วย แน่นอนว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นหลังจากการถ่ายทำ โดยที่หยวนโจวไม่ทันได้รู้ตัวแต่อย่างใด
บางครั้งอาจส่งผลต่อผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว แต่บางครั้งก็อาจจะส่งผลในทางกลับกันก็เป็นได้ ตัวอย่างของเรื่องนี้ก็คือฟางเหิงที่ตอนนี้ไม่อยากดื่มเหล้าของครอบครัวตนเองเพราะหยวนโจวนั่นเอง
หลังจากนั้นไม่นานเดือนเพ็ญก็ลอยขึ้นสูงกลางฟ้าและโคมแดงตามท้องถนนก็สว่างขึ้น ทีมงานก็บอกว่าเบาะแสของภารกิจถัดไปในมือของหยวนโจวแล้ว
เนื่องจากเป็นรายการวาไรตี้นอกสถานที่ ทีมงานจึงไม่ได้ถ่ายทำในสถานที่ที่กำหนดเอาไว้ นั่นออกจะเป็นวิธีการที่ดูน่าเบื่อเกินไปสักหน่อย ที่สำคัญไปกว่านั้นหากการถ่ายทำยืดเยื้อมากเกินไป หยวนโจวก็คงไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ปกติแล้วพวกเขาถ่ายทำในสถานที่ที่แตกต่างกันถึงสามแห่งต่อหนึ่งตอน
“นอกเหนือไปจากสถานที่ตั้งของภารกิจต่อไปแล้ว ภารกิจในวันพรุ่งนี้ก็อยู่ในมือของเถ้าแก่หยวนแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ” ผู้กำกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันรู้สึกว่าพวกเขากำลังพยายามที่จะฆ่าเราเลย ในตอนเช้าพวกเขามอบภารกิจที่ดูเหมือนจะง่ายแต่กลับถ้าไม่ใช่เพราะดีนแล้วล่ะก็ไม่มีทางทำได้สำเร็จเป็นแน่” ไป๋กั้วเริ่มบ่นขึ้นมาแล้ว
“แถมภารกิจตอนบ่ายก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก พวกเขาบอกเราให้เรียนรู้เขาโดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับเถ้าแก่หยวนล่วงหน้าเสียด้วยซ้ำไป พวกเขาพยายามที่จะฆ่าเราชัดๆเลย แถมตอนนี้พวกเขาดันอยากให้เราตามหาเบาะแสอีก ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตายไปแล้วยังไงก็ไม่รู้” ไป๋กั้วซบไหล่ของหลี่เหอเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเหนื่อยมากจริงๆ
“จึ๊ จึ๊ มันก็ต้องเหนื่อยแหงอยู่แล้วล่ะว่าแต่นายทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? นายลืมฉันไปแล้วหรือไงกัน?” เจียงเหม่ยซือกล่าวขึ้นมา เธอพยายามที่จะบอกว่าขนาดผู้หญิงอย่างเธอยังไม่ปริปากบ่นเลยแล้วทำไมเขาถึงได้บ่นออกมาทั้งๆที่เป็นผู้ชายกันเล่า?
“ฉันขออธิบายก่อนเลยนะว่าฉันเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับเจ้าหมอนี่เลยสักนิด เราจงมาให้ความสนใจกับเรื่องที่จะได้เบาะแสจากเถ้าแก่หยวนกันได้อย่างไรจะดีกว่านะ เรื่องนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ของเราแล้วล่ะ” หลี่เหอผลักไป๋กั้วออกไปแล้วกล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมย
“พูดอย่างนั้นไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยนะ ฉันก็แค่บ่นนิดๆหน่อยๆเองนะ” ไป๋กั้วกล่าวด้วยสีหน้าของคนที่ทำผิด โชคดีที่เขาเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาจึงทำให้การกระทำของเขาดูแล้วไม่น่ารำคาญตาแต่อย่างใด
หลี่เหอกลอกตาแล้วหันไปมองดีน “ดีน คุณมีความคิดอะไรไหม?”
“ไม่เลยครับ แต่ผมไม่คิดว่าเชฟหยวนจะชื่นชอบการเข้าสังคมนักหรอก” ดีนกล่าวพลางยักไหล่
“จริงด้วยสิ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าตอนที่เห็นคนสวยอย่างฉันอยู่แถวนี้ด้วยซ้ำไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ติดกับตัวล่อชั้นเยี่ยมเลย” เจียงเหม่ยซือกล่าว ในฐานที่เป็นผู้จัดรายการวาไรตี้จึงจำเป็นที่จะต้องไร้ยางอายกันบ้าง
“ทำไมเธอไม่บอกล่ะว่าตัวเองสวยไม่พอที่เขาจะชะโงกหน้ามามองน่ะ?” ไป๋กั้วกล่าวขึ้นมา
“จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันเล่า? ความงามของฉันเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนเชียวนะ” เจียงเหม่ยซือกล่าวด้วยความมั่นใจ
“เรามาให้ความสนใจกับภาระหน้าที่ของเรากันเถอะ” หลี่เหอชะงักแล้วพูดต่อไปว่า “ไม่ว่าเธอจะสวยสักแค่ไหนยังไงก็ไม่ได้ช่วยให้เธอได้กินอาหารที่นี่เยอะขึ้นหรอกนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูสิ แม้แต่หัวหน้าหลี่ก็ไม่สนใจเธอแล้ว” ไป๋กั้วล้อเลียน
“เฮอะ นั่นก็เป็นเพราะการรับรู้ความงามของนายมันผิดปกติน่ะสิ” เจียงเหม่ยซือส่งเสียงออกทางจมูกแล้วกล่าวขึ้นมา
“ดังนั้นเขาย่อมไม่ใช่คนที่ชอบวิสาสะกับใครแถมยังไม่ติดกับตัวล่อชั้นเยี่ยมอีกต่างหาก แล้วพวกเราจะได้เบาะแสจากเขาได้ยังไงกันเล่า?” หลี่เหอขนี้ตาแล้วถามออกมา นับเป็นเรื่องค่อนข้างน่าปวดหัวทีเดียวที่ผู้จัดรายการต้องมาแสดงร่วมกับเจียงเหม่ยซือและไป๋กั้ว เขาไม่มีทางเลือกจึงได้แต่เริ่มเอาจริงแล้ว
พวกเขาลองใคร่ครวญดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากมากทีเดียวที่จะได้เบาะแสจากคนที่เข้มงวดอย่างหยวนโจว
ดังนั้นพวกเขาจึงเสียเวลาในการปรึกษาหารือกันไปราวๆ 10 นาทีก่อนที่จะเริ่มแผนการ
หลี่เหอจะเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน ถ้าหากเขาถูกหยวนโจวปฏิเสธพวกเขาก็จะให้เจียงเหม่ยซือไปถามหาเงื่อนไขในการมอบเบาะแส ต่อมาไป๋กั้วก็จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการสนองต่อเงื่อนไข ส่วนดีนจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการประสานงานกับพวกเขาและช่วยเหลือเมื่อยามที่จำเป็น ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแขกรับเชิญของรายการทั้งยังเป็นชาวต่างชาติอีกด้วย ถ้าหากพวกเขาพึ่งพาอาศัยเขามากเกินไปก็คงจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพื่อให้ทำงานได้สำเร็จทางที่ดีก็คือต้องแยกย้ายกันไปทำ
หลังจากตัดสินใจเรื่องแผนของพวกเขาได้แล้ว พวกเขาก็ยืดอกแล้วเดินเข้าร้านไป ในขณะนี้ลูกค้าที่มาดื่มเหล้าต่างอยู่ที่ชั้นสองแล้ว มีเพียงหยวนโจวเท่านั้นที่อยู่ชั้นล่าง
“สวัสดีครับเถ้าแก่หยวน” หลี่เหอกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ” หยวนโจวหันไปทักทายพลางพยักหน้าให้
“ดูสิครับ พวกเรากำลังตามหาเบาะแสของสถานที่ในวันพรุ่งนี้อยู่เลย ขอผมถามหน่อยครับว่ามีเบาะแสอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” หลี่เหอเข้าประเด็นทันที
“ครับ มันอยู่ในซองบนชั้นตัวนั้น คุณสามารถหยิบมาเองได้เลยครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นมา
“ถ้าหาก…” คำพูดของหลี่เหอติดอยู่ในลำคอ
ใช่แล้วล่ะ เขาพูดขึ้นมาพร้อมๆกับตอนที่หยวนโจวพยักหน้า เขากำลังจะถามเรื่องเงื่อนไขในการมอบเบาะแสออกมา แต่หยวนโจวกับทำตัวอยู่นอกเหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิงแถมยังจะเปิดเผยเบาะแสออกมาตรงๆเลยด้วย
“โอ้ เยี่ยมไปเลย ขอบคุณครับเถ้าแก่หยวน” เขาแก้ไขคำพูดตนเองเสียใหม่
“ด้วยความยินดีครับ ผมวาดแผนที่เอาไว้ในซองแล้วและด้านหลังแผนที่ก็คือเนื้อหาของภารกิจนะครับ ก็นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาเฉิงตูเลยนี่นา” หยวนโจวกล่าว
“ขอบคุณครับเถ้าแก่หยวน” หลี่เหอและคนอื่นๆกล่าวขอบคุณเขาแล้วจากไปหลังจากรับซองไปแล้ว
หลังจากออกจากร้านแล้ว ไป๋กั้วก็พูดขึ้นมาว่า “น่าแปลกชะมัดเลยที่เถ้าแก่หยวนเออออไปกับเขาด้วย”
“ใช่แล้วล่ะ เขามอบเบาะแสมาให้เราเสียดื้อๆเลย” เจียงเหม่ยซือเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“ดูเหมือนเถ้าแก่หยวนจะเป็นคนที่ภายนอกเย็นชาทว่าภายในกลับอบอุ่นนะ” หลี่เหอกล่าวอย่างเบิกบานใจ
“จริงด้วย” ดีนก็เห็นด้วย ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ หลังจากออกมาแล้ว เขาก็ยังคงจ้องมองไปที่ร้านราวกับอยากจะเข้าไปอีกสักครั้ง
ทุกคนรวมไปถึงสมาชิกในทีมต่างรู้สึกตกตะลึงที่ได้เบาะแสมาง่ายๆ
“งั้นเถ้าแก่หยวนก็ไม่ได้ร้องขออะไรสำหรับเบาะแสเลยงั้นรึ?” ผู้กำกับถามขึ้นมา
“ครับ เถ้าแก่หยวนไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอย่างคุณนี่นา” ไป๋กั้วกล่าวอย่างเบิกบานใจ
“ดีล่ะ ในเมื่อพวกคุณได้เบาะแสมากันแล้วก็ได้เวลาที่จะเปิดดูแล้วล่ะนะ” ผู้กำกับกล่าวพลางไม่ใส่ใจเรื่องความใจไม้ไส้ระกำโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าเขาชินกับการถูกเรียกว่าใจไม้ไส้ระกำไปเสียแล้ว
“ไม่สิ ช้าก่อน นี่มันเป็นชัยชนะอันหอมหวานเกินไปแล้ว พวกเราต้องใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับมันระหว่างที่กำลังนั่งอยู่ในรถสิ ถึงอย่างไรเถ้าแก่หยวนก็บอกว่าเขาเป็นคนวาดแผนที่ให้เราขึ้นมาเองเลยเชียวนะ” เจียงเหม่ยซือกล่าวพลางยิ้มกว้าง
“ผู้กำกับครับ เราขึ้นรถกันเถอะ” หลี่เหอเองก็เห็นด้วย
“ก็ได้ๆ” ผู้กำกับพยักหน้าเห็นด้วย ช่างกล้องติดตามพวกเขาไปด้วยเนื่องจากเขากำลังถ่ายทำต่อไปนั่นเอง
ความเบิกบานใจของพวกเขานั้นพอเป็นที่เข้าใจได้ ถึงทั้งสองภารกิจก่อนหน้านี้จะยากเกินไปทว่ากลับได้เบาะแสมาอย่างง่ายดาย ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะไม่เบิกบานใจในตอนนี้ได้
นอกเหนือไปจากนั้นพวกเขายังตกหลุมพรางของโปรดิวเซอร์มาหลายครั้งเกินไปแล้ว แต่ละครั้งที่พวกเขาได้เบาะแสมาก็จะเป็นที่อยู่อันคลุมเครือยิ่งเสียจนไม่ต่างอะไรจากปริศนาที่ต้องแก้เลยสักนิดเดียว นับเป็นเรื่องที่เปลืองทั้งเวลาและเรี่ยวแรงมากทีเดียว คราวนี้กลับต่างออกไปเนื่องจากมีคนวาดแผนที่ให้พวกเขา
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกเบิกบานใจเป็นอันมาก