อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 843 บางอย่างที่มีความยุ่งยาก
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 843 บางอย่างที่มีความยุ่งยาก
ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้างั้นรึ? หยวนโจวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเคยได้ยินชื่อผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าเมื่อตอนที่เขาได้เรียนรู้การแกะสลักน้ำแข็งมาก่อน หลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวนของปรมาจารย์ด้านการแกะสลักที่ทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าออกมาได้สำเร็จก็มีไม่ถึงห้าคนแล้ว
หยวนโจวตอบหลังจากเงียบไปสักครู่ “อาจารย์หยางครับ ถึงแม้ว่าผมจะแกะสลักน้ำแข็งมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าก็ยังยากเกินกว่าที่ผมจะทำให้สำเร็จได้อยู่ดีแหละครับ”
อันที่จริงแล้วคำว่า “สักระยะหนึ่ง” นั้น หยวนโจวก็แค่ลองแกะสลักน้ำแข็งดูเล่นๆมาได้ประมาณสามเดือน แน่นอนว่าหยางซู่ซินย่อมไม่ทราบเรื่องนี้ เขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“คุณไม่ใช่คนเดียวที่ไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จหรอก ผมก็เหมือนกันครับ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจมาชวนคุณให้มาทำงานร่วมกันน่ะสิครับ” หยางซู่ซินกล่าว จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “ผมหวังว่าพวกเราจะสามารถเสริมทักษะให้กันและกันระหว่างการแกะสลักได้นะครับ”
เรื่องนั้นก็พอเป็นที่เข้าใจได้ การเสริมทักษะให้กันและกันอาจจะช่วยให้ไปถึงการแกะสลักในระดับใหม่ๆได้
เนื่องจากปรมาจารย์หลายต่อหลายคนจากยุค 40 และ 50s ที่เกษียนตัวเองออกมานั้น นอกเหนือไปจากการแกะสลักน้ำแข็งแล้ว งานฝีมือหลายๆแขนงก็เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา
บางทีความล้มเหลวที่ต้องประสบพบพานในงานศิลป์ก็ไม่อาจโทษความเอาแน่เอานอนไม่ได้และความใจร้อนของคนเดี๋ยวนี้ไปเสียทั้งหมดได้ ถึงอย่างไรความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมนุษย์ก็นำมาซึ่งความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความตื้นเขิน
สุดท้ายหยวนโจวก็ตอบตกลงหลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เขาอยากรู้ว่าจะสามารถท้าทายภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จหรือไม่เช่นเดียวกัน
หยวนโจวหาใช่คนที่มีนิสัยชอบประกวดประขันแต่เขาดูจะเพลิดเพลินไปกับการทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารให้ดีที่สุด
โจวซื่อเจี๋ยไม่ได้ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเขาจะคอยเฝ้าระวังมิให้หยวนโจวถูกขโมยตัวไปก็ตามที แต่ด้วยการสนทนาที่จริงจังเช่นนั้น โจวซื่อเจี๋ยก็ยังรู้ว่าเป็นสิ่งที่สมควรต้องทำ
พวกเขาตอบตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างง่ายดาย แต่กลับเกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกันในด้านเทคนิคการแกะสลักน้ำแข็ง
วัตถุดิบของผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าย่อมไม่ใช่ก้อนน้ำแข็งทั่วๆไป หยางซู่ซินได้กำหนดน้ำแข็งที่เขาต้องการจะนำมาใช้เอาไว้แล้ว
เมืองเฉิงตูไม่มีก้อนน้ำแข็งที่ตรงตามความต้องการของเขาเลย ดังนั้นหยางซู่ซินจึงต้องเชิญหยวนโจวไปเมืองฮาร์บิน
แต่หยวนโจวก็ยังยืนกรานว่าเขาจะไม่ลาพักเพียงเพื่อการแกะสลักน้ำแข็งเป็นแน่ ท้ายที่สุดแล้วหยางซู่ซินก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหยวนโจวได้จึงได้แต่จำใจกำหนดสถานที่ทำงานอยู่ในเมืองเฉิงตูแล้ว โดยก้อนน้ำแข็งที่ต้องการจะต้องถูกลำเลียงมาจากเมืองฮาร์บิน
“นายกลับไปก่อนก็ได้นะ ฉันมีเรื่องอยากหารือกับหยวนน้อยสักหน่อยน่ะ” โจวซื่อเจี๋ยโบกมือพลางบอกให้หยางซู่ซินกลับไป
ทันทีที่หยางซู่ซินหารือกับหยวนโจวเสร็จ โจวซื่อเจี๋ยก็โบกมือไล่เขาราวกับว่าเขาเป็นแมลงวันอย่างไรอย่างนั้นแหละ
เนื่องจากหยางซู่ซินกำลังอารมณ์ดีที่ปฏิบัติภารกิจที่นี่สำเร็จ เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ถือสาเรื่องนี้ หลังจากบอกลาหยวนโจวไปแล้วเขาก็จากไปทันที
“หยวนน้อย คุณสนใจโต๊ะจีนขงจื๊อไหม?” โจวซื่อเจี๋ยถามขึ้น “สองวันหลังจากนี้ อาจารย์ข่งลี่จะมาจัดงานในปักกิ่ง”
ชื่อโต๊ะจีนขงจื๊อกระตุ้นความสนใจของหยวนโจวเอามากๆทีเดียวเนื่องจากนี่เป็นงานเลี้ยงที่มีชื่อเสียงซึ่งเหนือกว่าโต๊ะจีนแมนจูฮั่นครบสูตรอันเป็นหนึ่งในสี่โต๊ะจีนที่ดีที่สุดในประเทศสูตรเสียด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่าโต๊ะจีนแมนจูฮั่นครบสูตรเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่จากโต๊ะจีนที่ดีที่สุดในประเทศทั้งสี่รูปแบบ
“ปักกิ่งอยู่ไกลเกินไปหน่อยน่ะสิครับ ผมทิ้งร้านไปไม่ได้หรอก” หยวนโจวกล่าวขึ้นหลังจากนึกขึ้นมาได้ “ถ้าเป็นไปได้คุณช่วยอัดวิดีโอของโต๊ะจีนให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ประธานโจว?”
หยวนโจวหาใช่คนโง่แต่อย่างใดไม่ เขารู้ว่าของอย่างโต๊ะจีนขงจื๊อจะไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสด ดังนั้นเขาจึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากโจวซื่อเจี๋ยเพียงเท่านั้นแล้ว
เนื่องจากเขาเพิ่งจะลาหยุดไปสองวันเมื่อตอนที่เขาป่วยย่อมไม่สามารถลาหยุดเร็วๆนี้ได้อีก นี่คือการประนีประนอมที่หยวนโจวสามารถทำได้
โจวซื่อเจี๋ยไม่ได้พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมหยวนโจวอีก เขาพยักหน้าแล้วตอบตกลงว่าถ้าเป็นไปได้เขาก็จะอัดวิดีโอมาให้ ที่สุดแล้วถึงแม้ว่าโจวซื่อเจี๋ยจะมีตำแหน่งสูงกว่าข่งลี่ แต่นี่ก็เป็นเรื่องของมารยาท
“ฝีมือการทำอาหารเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ?” โจวซื่อเจี๋ยเริ่มพูดคุยเรื่องสัพเพเหระหลังจากจัดการธุระเสร็จแล้ว
“ตอนนี้ผมกำลังค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีของเสฉวนน่ะครับ” หยวนโจวตอบ
โจวซื่อเจี๋ยพยักหน้า เขาทราบว่าเมื่อเร็วๆนี้อาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีในตำหรับเสฉวนได้ถูกเพิ่มลงในเมนูของร้านหยวนโจวเข้าไปแล้ว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้โจวซื่อเจี๋ยไม่กังวลเรื่องที่หยางซู่ซินจะสามารถลักตัวหยวนโจวได้สำเร็จ
หยวนโจวยังคงวิเคราะห์และพัฒนาฝีมือการทำอาการของเขาต่อไป
หยวนโจวมีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากโจวซื่อเจี๋ย “ประธานโจวครับ คุณรู้จักคนตั้งเยอะตั้งแยะ คุณช่วยหาข้อมูลสำหรับผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าให้หน่อยได้ไหมครับ?”
เรื่องนี้สร้างความสับสนให้แก่โจวซื่อเจี๋ยเป็นอันมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขัดจังหวะการสนทนาของหยวนโจวกับหยางซู่ซิน แต่เขาก็ยังได้ยินชัดเลยว่าก้อนน้ำแข็ง จะถูกหยางซู่ซินลำเลียงมาจากเมืองฮาร์บิน
“อาจารย์หยางเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแกะสลักน้ำแข็งและอาจจะลำเลียงก้อนน้ำแข็งมาจากเมืองฮาร์บินเลย ผมไม่รู้จักใครจากเมืองฮาร์บินเลยแล้วก็ไม่สามารถหาก้อนน้ำแข็งที่เหมาะแก่การแกะสลักมังกรนพเก้าเลย ดังนั้นผมจึงต้องการความช่วยเหลือของคุณน่ะครับ”
โจวซื่อเจี๋ยชักจะสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆแล้วว่าเขาเข้าใจภาษาจีนจริงๆหรือเปล่า เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หยวนโจวพยายามที่จะบอกเลยสักนิด เขาจึงได้แต่จ้องมองหยวนโจวจนตาค้าง
“แน่นอนว่าผมย่อมไม่มีฝีมือในการแกะสลักน้ำแข็งเท่าอาจารย์หยางหรอกครับ ดังนั้นในสงครามแห่งผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของเราอีกสองวันหลังจากนี้ ผมจึงหวังว่าตัวเองจะไม่แพ้ในด้านเนื้อหาเช่นกันครับ” หยวนโจวกล่าว
สงครามแห่งผลงานแกะสลักมังกรนพเก้า… โจวซื่อเจี๋ยรู้สึกว่าหยวนโจวจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปเสียแล้ว หลังจากนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างแยบยลว่า “ที่จริงตาเฒ่าหยางชวนคุณให้มาทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้ากับเขาให้เสร็จน่ะ”
“ผมรู้ครับ ผมยังได้ยินมาอีกด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นการแกะสลักน้ำแข็งตามตำหรับของทางภาคเหนือและภาคใต้ งานฝีมือส่วนใหญ่จึงเลือนหายไปตามกาลเวลา เมื่อพันกว่าปีที่ผ่านมายังไม่มีใครสักคนที่สามารถทำผลงานแกะสลักชิ้นนี้สำเร็จเพียงลำพัง” หยวนโจวกล่าว เขาพูดต่อไปอีกว่า “แต่ในการพัฒนาจำเป็นต้องมีแรงกดดัน ผมกลับชื่นชมความกระตือรือร้นในการแสวงหาหนทางการพัฒนาของอาจารย์หยางมากเลยล่ะครับ”
อันที่จริงแล้วถ้ามีคนสองคนที่กำลังแข่งขันกัน หากทั้งสองมีฝีมือเพียงพอแล้วล่ะก็จะเป็นวิธีการพัฒนาที่ดีเชียวล่ะ
“ผมเองก็หวังว่าฝีมือการแกะสลักของตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้ระหว่างการแข่งขันครั้งนี้” หยวนโจวกล่าว ไม่ว่ายังไงเขาก็จำเป็นที่จะต้องแกะสลักน้ำแข็งและจานน้ำแข็งเพื่อการตกแต่งอาหาร มันจะช่วยเขาในการทำอาหารได้มากทีเดียว
เหตุผลเดียวที่หยวนโจวไม่เอ่ยถึงก็คือในเมื่อสุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งมาตามหาเขาก็เป็นการบ่งบอกแล้วว่าเขามีฝีมือในการแกะสลักน้ำแข็งดีมากเช่นกัน ดังนั้นหยวนโจวจึงมีความรู้สึกค่อนข้างลำพองใจ แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมไม่สะท้อนออกมาทางสีหน้าของเขา
ในที่สุดโจวซื่อเจี๋ยก็เข้าใจเสียทีว่าหยวนโจวเข้าใจหยางซู่ซินผิดไปโดยสิ้นเชิง แต่หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เขาก็ยังตัดสินใจที่จะไม่แก้ไขความเข้าใจผิดนั้น เขาจึงตอบตกลงคำร้องขอของหยวนโจว
สิ่งต่างๆดูจะน่าสนใจในสองวันข้างหน้า จะเห็นได้ว่าตอนเด็กๆโจวซื่อเจี๋ยย่อมต้องเป็นจอมก่อเรื่องอย่างแน่นอน
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย โจวซื่อเจี๋ยก็กลับไป
หลังจากหยวนโจวทำความสะอาดเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นสอง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวขึ้นบันไดไปนั้น เขาก็ได้ยินเสียงคนร้องเรียกเขาอย่างเร่งด่วนจากด้านนอก
โชคดีที่เจ้าระบบไม่ได้ตัดสินใจที่จะป้องกันเสียงมิให้ผ่านเข้าร้านได้หลังเวลาเปิดร้าน มิฉะนั้นก็คงไม่ได้ยินเสียงคนที่กำลังร้องตะโกนอยู่เป็นแน่
นอกเหนือไปจากอู๋ไห่แล้วจะยังมีผู้ใดมาหาหยวนโจวยามดึกดื่นเช่นนี้อีกเล่า?
แต่ก็อีกนั่นแหละนะ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหาใช่เสียงของอู๋ไห่แต่อย่างใดไม่ หยวนโจวจึงเดินขึ้นห้องนอนชั้นบนไปแล้วมองลงมาจากทางหน้าต่าง เขาเห็นชายแปลกหน้าร่างสันทัดคนหนึ่ง
ขณะที่หยวนโจวกำลังจะพูดอยู่นั้น ประตูเหล็กม้วนของร้านค้าฝั่งตรงข้ามถนนก็เปิดออก ถัดมาก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากร้าน
เมื่อชายร่างสันทัดคุยกับชายหนุ่มแล้ว หยวนโจวถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มมีนามว่าหยวนเล่อปาน ดังนั้นหยวนโจวจึงเข้าใจผิดไปว่าชายร่างสันทัดมาตามหาเขาเมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนว่า “เถ้าแก่หยวน”
“มีร้านที่เปลี่ยนเจ้าของกิจการอีกแล้วงั้นรึ?” หยวนโจวบ่นพึมพำ
ก่อนช่วงปีใหม่ร้านแห่งนั้นยังขายบะหมี่อยู่เลย ถัดมาก็เริ่มขายคอเป็ดแทน แถมตอนนี้กลับมีเจ้าของกิจการคนใหม่อีกคนปรากฏตัวขึ้นด้วย
บางทีอาจเป็นเพราะร้านแห่งนั้นมีฮวงจุ้ยที่ไม่ค่อยดีก็ได้ เนื่องจากร้านหยวนโจวทำให้ถนนสายนี้ได้รับความนิยม ทุกร้านจึงอยู่รอดกันมาได้ แม้แต่ลี่ลี่ก็ยังหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากร้านของเขาเลย แต่ร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนแห่งนี้เป็นร้านเดียวที่เอาแต่เปลี่ยนเจ้าของกิจการอยู่เรื่อย
หยวนโจวนึกใคร่ครวญดูแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าไม่ว่าจะร้านอื่นจะเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน แต่ร้านสุดยอดเชฟของเขาก็จะยังคงอยู่ตลอดไป
ถัดมาหยวนโจวก็เริ่มร่างพิมพ์เขียวขึ้นมา ในการทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าให้ออกมาเสร็จสมบูรณ์นั้น ไม่เพียงต้องแกะสลักเท่านั้น แต่ยังต้องทำพิมพ์เขียวที่เป็นการทดสอบขนานใหญ่อีกด้วย
ถึงอย่างไรมังกรนพเก้าก็หาได้ยืนอยู่เคียงกันเสียเมื่อไหร่เล่า ทว่ามังกรแต่ละตัวกลับมีท่าทางที่แตกต่างกันออกไป หยวนโจวจึงเริ่มเตรียมความพร้อมของตนเองด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง