อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 844 กระตุ้นให้ไปวิ่งออกกำลัง
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 844 กระตุ้นให้ไปวิ่งออกกำลัง
“ฉันน่าจะสามารถหาก้อนน้ำแข็งมาได้อยู่นะ แต่ผมเคยได้ยินมาว่าน้ำแข็งของเมืองฮาร์บินแข็งกว่าน้ำแข็งธรรมดาๆเสียอีก”
ในด้านการแกะสลักน้ำแข็ง หยวนโจวได้เรียนรู้ฝีมือด้วยตนเองโดยไม่มีใครสอนเขาเลยแม้แต่เจ้าระบบ เนื่องจากมีฝีมือการใช้มีดที่ดีเป็นพื้นฐาน แต่กลับขาดความรู้เกี่ยวกับการแกะสลักน้ำแข็งในด้านต่างๆ ตัวอย่างของเรื่องนี้ก็คือการที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับความแข็งของก้อนน้ำแข็งชนิดต่างๆในภูมิภาคที่แตกต่างกัน คำแนะนำเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์มาตั้งแต่แรก
ช่างฝีมือจะได้รับความเคารพยำเกรงจากการความเชี่ยวชาญในงานฝีมือของเขา
“ดูเหมือนว่าฉันจะลืมถามประธานโจวเรื่องก้อนน้ำแข็งในภูมิภาคที่เขาจะนำเอามาให้ฉันเลย พรุ่งนี้เห็นทีฉันต้องโทรหาเขาแล้วถามเรื่องนี้ดูเสียแล้วล่ะ” หยวนโจวบ่นพึมพำพลางจ้องมองไปทางก้อนน้ำแข็งที่เขามีอยู่ในช่องเก็บน้ำแข็งเมื่อตอนที่เขากลับเข้าครัวหลังจากร่างพิมพ์เขียวเสร็จแล้ว
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันจะแกะสลักพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” หยวนโจวสะกดกลั้นอารมณ์อยากจะแกะสลักเอาเสียตอนนี้แล้วเตรียมตัวมุ่งหน้าไปที่เตียงนอน
ใช่แล้วล่ะ หลังจากการมาเยือนของหยางซู่ซินและการทำงานบนพิมพ์เขียวก็เล่นเอาเสียดึกดื่นเข้าไปแล้ว แม้แต่เซินหมินก็ยังเลิกงานแล้วเลย ได้เวลาเข้านอนเสียที
หยวนโจวทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วดิ้นไปดิ้นมาอีกนิดหน่อยก่อนที่เขาจะเผลอหลับไป นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหายากจากตัวเขาแต่ก็พอเป็นที่เข้าใจได้อยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกภาคภูมิใจหลังจากได้รับการยอมรับจากสุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็ง
วันรุ่งขึ้นหยวนโจวตื่นเร็วกว่าปกติห้านาที เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วล้างหน้าตามเคยก่อนที่จะออกไปวิ่งออกกำลัง
เขายืนกรานที่จะออกกำลังกายเหมือนกับที่เขายืนกรานว่าจะพัฒนาฝีมือการทำอาหารของตนเอง ถึงจะช้าแต่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
เมื่อก่อนหยวนโจวเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่เคยออกไปข้างนอกเลย เขาหมดเวลาไปกับการยืนทำอาหารอยู่ในครัวและถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินทองไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าหมดเรี่ยวหมดแรงไปกับรูปแบบการดำเนินชีวิตเช่นนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทุกวันนี้เขาไม่ได้หมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากหมดวันอีกต่อไปแล้ว สิ่งนี้ช่วยพิสูจน์ให้เห็นว่าร่างกายของหยวนโจวแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกันและเป็นผลทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นของเงินที่เขาได้รับก็น่าจะมีส่วนทำให้เขารู้สึกดีเช่นเดียวกัน
ที่สำคัญไปกว่านั้นหยวนโจวสามารถรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขากำมีดแน่นขึ้นแม้แต่ในช่วงสุดท้ายของเวลาเปิดร้านที่เขาจวนจะหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่แล้ว ทว่าเขาก็ยังสามารถกำเอาไว้ได้มั่น
การพัฒนาเพียงช่วงเวลาสั้นๆทำให้เขารู้สึกเบิกบานอย่างไม่น่าเชื่อ
“มาวิ่งออกกำลังอีกแล้วเหรอ เถ้าแก่หยวน?”
“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่หยวน”
“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่หยวน”
“อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรงั้นรึ เถ้าแก่หยวน?”
“อาหารเช้าวันนี้มีบะหมี่ไหมเงินเนื้อปลารมควันหรือเกี๊ยวน้ำไหม? ฉันชอบอาหารสองอย่างนี้มากเชียวล่ะ”
ขณะที่หยวนโจววิ่งออกกำลังอยู่นั้นก็มีคนมากมายเข้ามาทักทายเขาโดยมีบางคนที่ถามเรื่องอาหารเช้าด้วย ถึงแม้ว่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่อาศัยร้านหยวนโจวทุกมื้ออย่างอู๋ไห่ก็ตามที แต่อาหารเช้าของร้านก็ยังเป็นสิ่งที่หลายๆคนตั้งตารอคอยในแต่ละวัน
“อรุณสวัสดิ์” หยวนโจวทักทายกลับไปทีละคนๆ
ส่วนผู้ที่ถามเรื่องอาหารเช้านั้น หยวนโจวก็ตอบไปแกนๆว่า “คุณจะได้รู้ตอนมื้อเช้านี่แหละครับ”
หยวนโจวเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าการบอกตอนจบเป็นเรื่องที่ทำให้เสียอรรถรส ดังนั้นเขาจึงชอบเก็บสิ่งต่างๆเอาไว้เป็นความลับมากกว่า
ระหว่างที่กำลังวิ่งออกกำลังอยู่นั้น หยวนโจวก็เห็นสาวงามที่เขามักจะพบเห็นเป็นบางครั้งบางคราว เธอให้ความรู้สึกสดชื่นแต่เนื่องจากเธอไม่เคยไปที่ร้านหยวนโจวเลย เขาจึงไม่เคยพูดคุยและทำความรู้จักกับเธอ
หลังจากออกกำลังกายแล้วก็ถึงเวลาอาหารเช้าอันแสนยุ่งวุ่นวายแล้ว เนื่องจากนี่มิใช่เช้าวันอาทิตย์ ลูกค้าส่วนใหญ่กำลังเร่งรีบ ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงไม่นานหยวนโจวก็จำหน่ายอาหารเช้าได้ถึง 100 ชุดแล้ว
แม้แต่แผงลอยจำหน่ายอาหารเช้านอกร้านก็ยังพลอยขายดีไปด้วย
“อืม ตอนนี้ฉันก็สามารถเริ่มแกะสลักได้แล้ว” หยวนโจวพึมพำด้วยความเบิกบานใจขณะที่เขาทำความสะอาดถ้วยใบสุดท้าย
“เถ้าแก่หยวน วันนี้คุณก็คันไม้คันมือจะแกะสลักอีกแล้วเหรอคะ?” โจวเจียที่กำลังเช็ดโต๊ะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อืม ผมมีแข่งน่ะ” หยวนโจวพยักหน้า
“แข่งงั้นเหรอคะ? ยังมีคนที่แกะสลักได้เก่งกว่าคุณอยู่จริงๆอีกเหรอคะ?” โจวเจียกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ใช่แล้วล่ะ ในความคิดของโจวเจีย การแกะสลักของหยวนโจวหาใช่งานฝีมืออีกต่อไปแล้ว ทว่ากลับพัฒนาไปเป็นงานศิลป์ไปแล้วต่างหากเล่า
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือทิวทัศน์ หยวนโจวก็สามารถแกะสลักพวกมันออกมาได้ด้วยหัวผักกาดธรรมดาๆ เขาสามารถแกะสลักได้แม้แต่ดอกโบตั๋นจากมะเขือเทศ ด้วยฝีมือการแกะสลักเช่นนี้ยังมีคนแข่งกับเขาได้อยู่จริงๆน่ะเหรอ? โจวเจียไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน
“เปล่าหรอก มันเป็นการแกะสลักน้ำแข็งน่ะ” หยวนโจวพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังแม้ว่าเขาจะรู้สึกลำพองใจขึ้นมาอีกแล้วก็ตามที
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะค่ะ” โจวเจียพยักหน้า
นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้มากเนื่องจากเป็นการแกะสลักน้ำแข็ง ถึงอย่างไรการแกะสลักน้ำแข็งของหยวนโจวก็ใช่ว่าจะดีอย่างการแกะสลักพืชผักของเขา แต่โจวเจียก็ยังคงรู้สึกไม่ดีกับผู้ท้าดวลสักเท่าไหร่นัก
“กลับบ้านดีๆล่ะ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา
“ใส่เสื้อให้อุ่นๆเข้าไว้นะคะเถ้าแก่ อย่าให้จับไข้เสียได้นะคะ” โจวเจียพยักหน้าแล้วให้คำแนะนำด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่ยอมให้ตัวเองจับไข้อีกแน่” หยวนโจวเงียบไปสักครู่ก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“ลาก่อนค่ะ เถ้าแก่” โจวเจียมองเสื้อผ้าที่ค่อนข้างหนาที่หยวนโจวกำลังสวมใส่อยู่แล้วจึงคลายกังวลลงบ้าง
หลังจากโจวเจียกลับไปแล้ว หยวนโจวเริ่มย้ายของออกไปนอกร้านเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแกะสลักน้ำแข็งของเขา
ทันทีที่เขาย้ายเก้าอี้ออกไปข้างนอก โทรศัพท์ของเขาก็พลันดังขึ้น
“กริ๊ง กริ๊ง” โทรศัพท์ดังขึ้น
“ซุนหมิงเหรอ?” หยวนโจวรู้สึกสงสัยเมื่อเขาได้เห็นชื่อผู้โทรเข้ามา ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็เพิ่งจะมาเยี่ยมเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง
“มีอะไรงั้นรึ?” หยวนโจวรับโทรศัพท์
“ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรมาเช็คอาการป่วยของนายเท่านั้นเองแหละ” ซุนหมิงตอบ
หยวนโจวตอบว่า “ฉันดีขึ้นมาได้สองวันแล้ว”
ดูเหมือนว่าเขากำลังต่อว่าซุนหมิงที่เพิ่งจะมาโทรหาเขาเอาตอนนี้ แต่แน่นอนว่านี่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่หยวนโจวตั้งใจ อนิจจา นี่เป็นวิธีการที่เขามักจะใช้ทำลายการสนทนา
โชคดีที่ซุนหมิงมีหนังหนาจึงสามารถทานทนต่อความกระอักกระอ่วนและสนทนาต่อไปได้
“ยาของนายค่อนข้างดีเชียวล่ะ” หยวนโจวกล่าวอย่างจริงจัง
ถูกต้องแล้ว ตอนที่หยวนโจวจับไข้อยู่นั้น ซุนหมิงได้ส่งยาแก้ไข้หวัดมาให้เขาด้วย
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ” ซุนหมิงตอบ
“อืม” หยวนโจวเองก็ตอบเช่นกัน
“อีกอย่างฉันก็มีข่าวดีมาบอกนายด้วยล่ะ” ซุนหมิงกล่าว
“บอกข่าวร้ายมาก่อนก็แล้วกันนะ” หยวนโจวตอบตามสัญชาตญาณ
ไม่อาจตำหนิเขาสำหรับท่าทีตอบสนองเช่นนี้ได้ ถึงอย่างไรคนส่วนใหญ่ก็มักจะถามว่าอยากได้ยินข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อนเมื่อมีสิ่งที่อยากจะบอก ส่วนหยวนโจวมีนิสัยชอบฟังข่าวร้ายก่อน ดังนั้นเขาจึงกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมาโดยอัตโนมัติ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ” ซุนหมิงหัวเราะลั่นแล้วกล่าวขึ้นมา
“งั้นก็ว่ามา” หยวนโจวกล่าวขึ้นหลังจากชะงักไปเล็กน้อย
“อย่าโมโหไปเลยน่า ใช่ว่าฉันเจตนาแกล้งนายเสียเมื่อไหร่กันเล่า นายเป็นฝ่ายที่เข้าใจผิดเองนะ” ซุนหมิพูดหยอกเล่น
“ฉันจะไปแกะสลักแล้ว” หยวนโจวกล่าวพลางบอกเป็นนัยว่าเขากำลังจะวางสายแล้ว
“อย่านะ ช้าก่อน ฉันมีเรื่องจะบอกนายจริงๆ” ซุนหมิงกล่าวขึ้นมาทันควันเนื่องจากเขารู้จักหยวนโจวเป็นอย่างดี
“นายก็รู้นี่นา ใกล้จะถึงวันเกิดฉันแล้วนะ ฉันจะเลี้ยงอาหารนายในวันเกิดฉันเอง” ซุนหมิงกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“วันเกิดงั้นรึ? ฉันนึกว่านายนายฉลองวันเกิดไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้วเสียอีก” หยวนโจวกล่าวอย่างเย็นชา
“นั่นเป็นวันเกิดตามปฏิทินจีนของฉันต่างหากเล่า ตอนนี้ฉันกำลังฉลองวันเกิดตามปฏิทินเกรโกเรียนของฉันน่ะ” ซุนหมิงกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ฉันไม่มีของขวัญให้นายหรอกนะ” หยวนโจวพ่ายแพ้ให้กับความไร้ยางอายของซุนหมิงจึงรีบอธิบายเรื่องนั้นให้กระจ่างแจ้ง
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันก็แค่อยากได้ของขวัญธรรมด๊าธรรมดาเท่านั้นเอง ไม่เป็นปัญหาสำหรับนายอยู่แล้วล่ะน่า” ซุนหมิงรีบกล่าวออกมาทันที
“พอถึงเวลาค่อยมาว่ากันอีกทีก็แล้วกันนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา
“ได้เลย ฉันจะไปเยี่ยมนายภายในสองวันเพื่อรับของขวัญนะ อย่าลืมเตรียมไว้ด้วยล่ะ” ซุนหมิงกล่าวแล้ววางสายทันทีเพื่อป้องกันมิให้หยวนโจวปฏิเสธเขา