อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 846 มีประโยชน์อะไรงั้นเหรอ?
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 846 มีประโยชน์อะไรงั้นเหรอ?
“ฉันเนี่ยนะ? โกหก? โฮ่โฮ่” อู๋ไห่ทำตัวราวกับเด็กๆ ทันทีที่เขาได้ยินผู้คนกำลังตั้งคำถามในตัวเขาอยู่นั้น เขาก็เริ่มระเบิดอารมณ์ออกมาทันที เสียง “โฮ่โฮ่” ของเขาเจือด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม
“งั้นก็อธิบายมาสิว่าทำไมถึงเป็นก้อนเมฆเล่า?” ลูกค้าตั้งคำถามขึ้นเมื่อเขาเห็นอู๋ไห่หลงเชื่อเรื่องจิตวิทยาย้อนกลับ
ไม่อาจโทษบรรดาลูกค้าที่กำลังสงสัยในตัวอู๋ไห่ ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ใช้มีดทำครัวในการแกะสลักเส้นโค้งอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าแถมยังดูไม่เหมือนก้อนเมฆเลยสักนิด
บางครั้งหยวนโจวก็จะแกะสลักเส้นโค้งให้เสร็จในรวดเดียว และบางครั้งเขาก็จะหยุดลงกลางคัน
ถ้ามีคนบอกว่าเขากำลังแกะสลักเทือกเขาที่ต่อเนื่องกันก็คงจะเชื่อได้มากทีเดียว ว่าแต่มีก้อนเมฆมากมายอยู่ในเส้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
“ยากงั้นหรือ?” อู๋ไห่กล่าวพลางดูเหมือนพยายามที่จะสุ่มถามบรรดาลูกค้า
“ดูตรงเส้นนั้นสิ ทิศทางจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับเมฆก้อนเล็กๆในฤดูใบไม้ผลิเลยใช่ไหมเล่า? เส้นโค้งตรงส่วนกลางของมันจะลื่นไหลมากขึ้นดูราวกับผ้าม่านหนาหนักของก้อนเมฆในฤดูหนาวและเส้นบางๆที่ซ่อนตัวระหว่างเส้นหนาๆ ไม่ใช่ชั้นที่พบได้ทั่วไปเหนือชั้นก้อนเมฆหรอกหรือ?” อู๋ไห่ชี้ไปทางเส้นที่หยวนโจวกำลังแกะสลักแล้วกล่าวขึ้นมา
“ส่วนตัวแล้วฉันชอบก้อนน้ำแข็งก้อนที่สอง หลายๆเส้นดูเหมือนจะคล้ายทว่าก็ไม่คล้ายบางสิ่งบางอย่างในขณะเดียวกันเช่นทั้งสุนัขและแมว แต่น่าเสียดายที่ผลงานชิ้นนี้ยังค่อนข้างขาดความคิดทางศิลปะเนื่องจากรู้สึกเหมือนเขาใช้ความพยายามมากเกินไป” อู๋ไห่พูดต่อไป
เมื่อทุกคนเหลือบมองไปที่ก้อนน้ำแข็งขณะที่กำลังฟังอู๋ไอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน
บางทีสิ่งที่พวกเขาเห็นคงจะแตกต่างไปจากสิ่งที่อู๋ไห่เห็นไปโดยสิ้นเชิงกระมัง? นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน? สุนัขงั้นรึ? แมวงั้นรึ? ถ้าหากสุนัขหรือแมวหดลงจนกลายเป็นเส้นแล้วจะยังคงเป็นสุนัขหรือแมวได้อย่างไรกันเล่า?
“นายกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ มันก็แค่เส้นๆเดียวเท่านั้นเอง จะไปสง่างามราวกับก้อนเมฆได้ยังไงกันเล่า?” ลูกค้าตั้งคำถาม
“เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋กลายเป็นจอมโกหกไปแล้วหรือนี่?”
หลิงหงไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ต่อว่าอู๋ไห่ไป “นายเชื่อเขาด้วยรึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง”
“พวกนายขาดมุมมองของศิลปะมากเกินไป” อู๋ไห่กล่าวด้วยความดูถูกดูแคลน
“ถ้านายจินตนาการให้ดีๆก็จะดูเหมือนก้อนเมฆ” อู๋ไห่กล่าวขึ้นมาตามตรง “การเขียนภาพกับการแกะสลักเหมือนกันก็ตรงที่จินตนาการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉันจำได้ว่านายมาจากโรงเรียนศิลปะใช่ไหม? ในตัวนายไม่มีจินตนาการแม้แต่น้อย แล้วนายไปเข้าโรงเรียนศิลปะทำบ้าอะไรกัน?”
ถูกต้องแล้วล่ะ อู๋ไห่กำลังพูดถึงลูกค้าที่เคยเรียนการเขียนภาพมาก่อน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขาดความมั่นใจเมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ไห่ขึ้นมาในทันที
“โอ้ ตอนนั้นนายบอกว่าพวกมันดูเหมือนก้อนเมฆ ดูอย่างเส้นที่สับสนและยุ่งเหยิงนี้สิดูเหมือนก้อนเมฆที่กำลังล่องลอยอย่างอิสระเสรีในท้องฟ้าเลย”
“อืม ดูเหมือนว่าจะใช่นะ ถ้าหากนี่คือภูเขาก็น่าจะมีความสอดคล้องกันบางอย่าง แต่หากพวกมันเป็นก้อนเมฆก็สมควรที่จะยุ่งเหยิงเช่นนั้น พวกมันให้ความรู้สึกของก้อนเมฆออกมาเลยเชียวล่ะ” ลูกค้าอีกคนที่เคยเรียนการเขียนภาพมาก่อนเช่นเดียวกันกล่าวขึ้น
และเมื่อมีคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าคนอื่นๆก็ชักจะเห็นด้วยขึ้นมาเช่นเดียวกัน ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คืออู๋ไห่เป็นผู้รอบรู้ด้านการเขียนภาพอย่างเห็นได้ชัด และมันเป็นนิสัยของมนุษย์ทุกหนทุกแห่งที่จะเชื่อในตัวผู้รอบรู้
“เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋คู่ควรแก่การเป็นจิตรกรจริงๆ ฝีมือของเขาได้พิสูจน์ออกมาให้เห็นแล้ว” บรรดาลูกค้าเริ่มชื่นชมอู๋ไห่
“ก็นั่นมันเป็นเรื่องธรรมดานี่” อู๋ไห่ยอมรับคำชม
ไม่สำคัญหรอกว่าตอนนั้นอู๋ไห่จะรู้สึกลำพองใจมากแค่ไหน หยวนโจวที่อยู่ด้านข้างเพิ่งจะแกะสลักก้อนน้ำแข็งเสร็จ การฝึกในคราวนี้ก็ยังไม่อาจทำให้เขาพอใจได้เลยเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะคับแค้นใจราวกับว่าเขากำลังเก็บความผิดหวังเอาไว้ เขาคงไม่สามารถใช้ไพ่ตายใบนี้ได้ระหว่างการแข่งขันเป็นแน่
บรรดาลูกค้าที่ยังคงสงสัยในตัวอู๋ไห่เริ่มถามหยวนโจวทันทีที่พวกเขาเห็นเขาหยุดพูด
“เถ้าแก่หยวน นายกำลังแกะสลักก้อนเมฆที่ดูไปแล้วคล้ายแมวและสุนัขอยู่งั้นรึ?” ลูกค้าคนหนึ่งถามขึ้นมา
“นายเห็นว่าฉันกำลังแกะสลักก้อนเมฆอยู่จริงๆหรือ?” หยวนโจวมองไปที่มีดของเขาด้วยความสงสัยก่อนที่จะมองไปที่ก้อนน้ำแข็งตรงหน้าเขา
บนก้อนน้ำแข็งรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีเส้นนับไม่ถ้วนแกะสลักเอาไว้ บางเส้นบางส่วนบางเส้นหนา บางเส้นโค้งในขณะที่บางเส้นตรง หากมองเผินๆก็จะดูเหมือนรอยขีดเขียนของเด็กๆ แต่เมื่อวิเคราะห์รายละเอียดให้ดีแล้วก็จะดูเหมือนจะเป็นไปตามกฎบางประการที่แสดงความงามในแบบที่ผิดระเบียบแบบแผนออกมา
“พวกเขาเห็นแบบนั้นเหรอ? ช่างมีความสามารถอย่างน่าประหลาดนัก” หยวนโจวพึมพำ
อันที่จริงแล้วก้อนน้ำแข็งก้อนนี้และก้อนน้ำแข็งก้อนเมื่อวานนี้ถูกนำมาใช้เพื่อสลักก้อนเมฆ นี่ก็คือไพ่ตายที่หยวนโจวเตรียมเอาไว้ต่อกรกับหยางซู่ซินนั่นเอง
ไพ่ตายของหยวนโจวก็คือมังกรเมฆา ถ้าหากผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งช่างแกะสลักน้ำแข็งแล้วล่ะก็ตระกูลมังกรนพเมฆาก็เป็นผลงานแกะสลักระดับตำนานเช่นเดียวกัน
ในผลงานแกะสลักชิ้นนี้ ก้อนเมฆจะมีความสำคัญยิ่ง อันที่จริงแล้วก้อนเมฆจะเป็นตัวตัดสินว่าผลงานแกะสลักล้มเหลวหรือสำเร็จ
ถ้าหากหยางซู่ซินล่วงรู้ถึงสิ่งที่หยวนโจวพยายามที่จะทำเข้าล่ะก็เขาคงได้ช็อกแน่ ด้วยวัยขนาดนี้ช่างแกะสลักน้ำแข็งส่วนใหญ่สามารถไปถึงระดับของการแกะสลักมังกรคำรามหรือมังกรทะยานได้เพียงเท่านั้น
มังกรเมฆาเป็นส่วนผสมของทั้งสองรูปแบบที่ดูเหมือนกำลังคำรามทว่ากลับพุ่งทะยานไปพร้อมๆกันด้วย แน่นอนว่ายังมีคนที่กำลังแกะสลักก้อนเมฆและมังกรอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่มังกรบนก้อนเมฆแทนที่จะเป็นมังกรเมฆาที่เป็นการผสมผสานของทั้งสองรูปแบบ
ในตำราแห่งการเปลี่ยนแปลงได้กล่าวเอาไว้ว่าก้อนเมฆจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับมังกรในขณะที่สายลมจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับเสือ จากสิ่งนี้ก็จะสามารถเข้าใจความสัมพันธ์อันลึกลับซับซ้อนระหว่างก้อนเมฆและมังกรได้
และเพื่อให้เข้าใจถึงความรู้สึกของก้อนเมฆ ลายเส้นเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากทีเดียว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หยวนโจวต้องแกะสลักลายเส้นอย่างไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
น่าเสียดายที่หยวนโจวก็ยังไม่พอใจกับลายเส้นเหล่านี้อยู่มาก ตามความเห็นของเขาแล้ว ลายเส้นเหล่านี้ใส่ความพยายามมากเกินไปจนไม่เป็นธรรมชาติและสง่างามอย่างก้อนเมฆในท้องฟ้า
“นายรู้ได้ยังไงกัน?” หยวนโจวถามขึ้น
“พวกมันเป็นก้อนเมฆจริงๆงั้นรึ?” บุรุษผู้นั้นจ้องมองไปทางอู๋ไห่ก่อนที่จะมองหยวนโจวอีกครั้ง “งั้นก้อนเมฆที่ดูไปแล้วเหมือนทั้งแมวและสุนัขก็มีอยู่จริงๆหรือนี่?”
หยวนโจวไม่ตอบแต่กลับมองด้วยสายตาที่เพียงพอจะแสดงคำตอบออกมา
ด้วยความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด บุรุษผู้นั้นตอบว่า “เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋เป็นคนบอกฉันเองแหละ เขามองแค่แวบเดียวก็เข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งเลยเชียวล่ะ”
การจดจำก้อนเมฆเป็นเรื่องธรรมดามากเลยนะ ถึงยังไงฉันก็เป็นจิตรกรเชียวนะ” อู๋ไห่ขัดจังหวะพลางยิ้มเยาะ
“ภาพเขียนงั้นรึ? ใช่แล้ว! ภาพเขียนนี่เอง!” หยวนโจวดูเหมือนจะนึกอะไรออกแล้ว ในด้านของศิลปะเสมือนจริง อู๋ไห่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง คงจะเป็นเรื่องเสียเปล่าหากเขาไม่ใช้อู๋ไห่ให้เป็นประโยชน์
หยวนโจวเริ่มเก็บข้าวของออกไป เห็นได้ชัดเลยว่าไม่คิดจะทำต่อแล้ว
“ฮะ? ได้เวลาเตรียมอาหารกลางวันแล้วงั้นรึ?” บรรดาลูกค้าต่างให้ความสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่หยวนโจวกำลังทำอยู่
“ฉันก็ว่างั้นแหละมั้ง? แต่มันเพิ่งจะสิบโมงเช้าเองนะ” มีคนกล่าวหลังจากมองนาฬิกาของเขาแล้ว
“อืม วันนี้ฉันยังไม่ได้ถ่ายอะไรเลย” เด็กจอมซนกล่าวตาขุ่นเขียว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงไม่มีเงินทุนพอที่จะยึดครองตลาด “จ้างทำการบ้าน” ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะแกะสลักวันนี้แล้วค่อยมาทำต่ออีกทีวันพรุ่งนี้แหละนะ” ลูกค้าที่กำลังจะกลับกล่าวขึ้นมา
“ฉันไม่เคยเห็นคนที่แกะสลักก้อนเมฆแบบนี้ได้มาก่อนเลย ฉันล่ะสงสัยเสียจริงๆเลยว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นก้อนเมฆที่เสร็จสมบูรณ์ไหมนะ” ลูกค้าที่ตั้งคำถามในตัวอู๋ไห่เมื่อก่อนหน้านี้กล่าวขึ้นมาบ้าง
ลูกค้าบางคนเตรียมตัวจะกลับแล้วขณะที่บางคนก็ยังรอต่อไปเพราะเกรงว่าหยวนโจวจะแกะสลักต่อไปอีก เด็กคนนั้นก็อยู่ในพวกนั้นด้วย
แต่หยวนโจวกลับขยับตัวอย่างว่องไวในเวลาเพียงไม่นานพื้นที่ก็ว่างโล่ง แล้วทุกคนก็กลับไป
ผู้ชมทั้งหลายกลับไปแล้ว แต่อู๋ไห่ยังอยู่ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเกียจคร้าน บางครั้งยังสุขสำราญบานใจไปกับความรู้สึกของการได้รับคำชมเมื่อก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำไป
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่อู๋ไห่ได้รับคำชมเรื่องสติปัญญาของเขา สิ่งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากจริงๆ