อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 858 สร้างปัญหา
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 858 สร้างปัญหา
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าเถ้าแก่หยวนจะต้องสร้างปัญหา เถ้าแก่หยวนช่างสุดยอดไปเลยจริงๆ”, “ฉันได้เห็นเถ้าแก่หยวนในอินเตอร์เน็ตอีกครั้งแล้ว”, “ช่างยอดเยี่ยมและไม่ธรรมดาจริงๆ อีกอย่างคุณจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาประเมินราคาหรือเปล่า?”, “ทีแรกฉันคิดว่าไม่ว่าเถ้าแก่หยวนจะมีฝีมือในการแกะสลักน้ำแข็งที่ยอดเยี่ยมสักแค่ไหน เขาก้ยังไม่ใช่มืออาชีพอยู่ดี แต่หลังจากที่ฉันได้ชมดูด้วยความกระตือรือร้น… ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าฉันคิดผิด”
ส่วนผู้ที่แค่พูดคำว่า “สุดยอด” ในอินเตอร์เน็ตก็หาได้ควรค่าแก่การเอ่ยถึงแต่อย่างใดไม่ เพียงแค่ไม่มีการเปรียบเทียบผลงานแกะสลักมังกรนพเก้ากับภาพเศียรมังกรคู่ ดังนั้นจึงทำให้เกิดผลกระทบค่อนข้างเยอะทีเดียว พวก “นายพลนั่งเก้าอี้” และ “นักวิเคราะห์ทางอินเตอร์เน็ต” ทั้งหลายเริ่มการวิเคราะห์ของพวกเขา แต่โชคดีที่คุณภาพวิดีโอไม่ใคร่ดีนักและมุมที่ใช้ในการถ่ายทำแบบครึ่วๆกลางๆก็ช่วยปกป้องความลับของหยวนโจวเอาไว้
หยวนโจวเป็นผู้ที่กำลังโด่งดังในอินเตอร์เน็ตทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมในอินเตอร์เน็ตยิ่งกว่าพวกคนดังในอินเตอร์เน็ตเสียอีก บางคนที่มีชื่อผู้ใช้งานว่ามือใหม่เฉียนเหมินได้มอบคำอธิบายที่เหมาะสมแก่หยวนโจวเอาไว้ด้วย
“ฉันรู้สึกว่าเถ้าแก่หยวนมีพฤติกรรมประหลาดคน ผู้คนส่วนใหญ่จะเก็บงำกลเม็ดเอาไว้เป็นไพ่ตาย ขณะที่เถ้าแก่หยวนกลับแสดงเฉพาะกลเม็ดและเก็บงำทุกๆอย่างเอาไว้ เมื่อคุณเชื่อว่าเถ้าแก่หยวนเป็นแค่เชฟคนหนึ่ง จู่ๆเขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี เมื่อฉันยอมรับความจริงข้อนั้นได้ในที่สุด เขาก็กลับกลายเป็นสุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งแทนเสียได้ ฉันคงไม่ประหลาดใจเลยล่ะถ้าวันหนึ่งจู่ๆมีคนมาบอกฉันว่าเถ้าแก่หยวนเป็นสุดยอดผู้เล่นบาสเก็ตบอลขึ้นมาจริง ฉันก็จะไม่ประหลาดใจเลยล่ะ”
คนที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิคก็จะมองเห็นแง่มุมของสิ่งต่างๆแค่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีความรู้ทางเทคนิคก็จะสามารถมองเห็นแง่มุมที่สำคัญของสิ่งต่างๆได้ เนื่องจากความยากของการแกะสลักมังกรนพเก้าจึงดึงดูดความสนใจด้านการแกะสลักน้ำแข็งได้เกือบทั้งหมด
ซุนเสี่ยวอี้เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็งเช่นเดียวกัน หลังจากเขาดูวิดีโอของหยางซู่ซินกับหยวนโจวแล้ว เขาก็โพสต์แสดงความคิดเห็นลงในเว่ยป๋อของตนเองทันที
[ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าคือสุดยอดของโลกแห่งการแกะสลักน้ำแข็ง ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นก็ตอนที่ยังเป็นเด็กเมื่อฉันได้เห็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ของอาจารย์อวี๋เมิ่งหลง ในฐานที่เป็นอาจารย์ผู้ล่วงลับ ถึงจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แน่นอนว่าผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น นอกจากนี้ยังอาจกล่าวได้ว่ามันได้กลายเป็นเป้าหมายสำหรับช่างแกะสลักยุคใหม่ที่จะต้องข้ามผ่านไปให้ได้ ถ้ามีคนมาฉันว่าผู้ใดในยุคปัจจุบันที่น่าจะมีโอกาสทำได้สำเร็จ ฉันก็คงจะบอกว่าหยางซู่ซิน เพราะเขามีความเชี่ยวชาญมากพอแถมยังมีเรี่ยวแรงเยอะอีกต่างหาก]
เพื่อให้ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าเสร็จสมบูรณ์นั้น ทักษะและประสบการณ์จึงมีบทบาทสำคัญยิ่ง แต่ข้อสนับสนุนของทั้งหมดนั้นก็คือเรี่ยวแรง ยกตัวอย่างเช่นซุนเสี่ยวอี้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะทำให้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่เขาอายุปาเข้าไป 67 ปีแล้วและไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะมาทำงานแกะสลักที่ต้องใช้เรี่ยวแรงเยอะมากขนาดนั้นอีก
[และวิดีโอก็พิสูจน์ว่าฉันคิดถูก หยางซู่ซินทำสำเร็จจริงๆเสียด้วย จากวิดีโอ ทักษะของเขาช่างยอดเยี่ยมเสียจนแทบจะเป็นตำราอันแสนสมบูรณ์แบบเล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้ฉันอย่างแท้จริงก็คือมีผู้เชี่ยวชาญที่อายุน้อยเสียขนาดนั้นมาแข่งกับหยางซู่ซินน่ะสิ ถึงแม้ว่าท่าทางในการแกะสลักของเขาออกจะหยาบกระด้างไปสักหน่อยก็เถอะนะ แต่การควบคุมของเขากลับแม่นยำที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย ฉันพบว่ามันช่างเหลือเชื่อจริงๆ]
เมื่อเทียบกับการเขียนพู่กันจีนแล้ว การแกะสลักน้ำแข็งเป็นที่นิยมน้อยกว่ามาก งานศิลป์หาใช่สิ่งที่จะชื่นชมด้วยตัวมันเองได้ ดังนั้นด้วยการผลักดันของสมาพันธ์การแกะสลักน้ำแข็งจึงทำให้สุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งทุกคนมีบัญชีเว่ยป๋อหรือโซเชียลมีเดียเป็นของตนเอง โดยจุดประสงค์ของการทำเช่นนี้ก็เพื่อเผยแพร่การแกะสลักน้ำแข็งไปสู่ผู้คนให้มากขึ้น
นี่เป็นความคิดที่ดี แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เป็นความจริง ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมพอที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็งก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สูงอายุกันทั้งนั้น แม้แต่หยางซู่ซินเองก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอายุน้อยที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาคงต้องเพิ่มอันดับของเหล่าผู้เชี่ยวชาญลงไปใหม่เสียแล้วล่ะ
หยวนโจวเพิ่งได้รับการยอมรับให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็ง
เนื่องจากอายุเฉลี่ยของผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็งก็คือ 50 ปี พวกเขาต้องอุทิศเวลาให้เว่ยป๋อกับโซเชียลมีเดียได้อีกนานสักเท่าไหร่กันเชียว? บ่อยครั้งที่ข่าวไวรัลพวกนั้นหาได้เกิดจากตัวผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นเองแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือพวกเขาโด่งดังขึ้นมาได้ก็เพราะผู้คนที่รู้สึกดีและอยากให้ความช่วยเหลือนั่นเอง
ตัวอย่างที่ดีมากเลยก็คือซุนเสี่ยวอี้นั่นเอง รวมทั้งข้อความที่เขาเพิ่งจะโพสต์ลงไปด้วย เขาโพสต์แค่สองข้อความลงในบัญชีเว่ยป๋อของตนเองเท่านั้น โดยข้อความที่โพสต์ในครั้งแรกจะเป็นข้อความที่ระบบโพสต์ขึ้นโดยอัตโนมัติระหว่างที่สร้างบัญชี
นอกเหนือไปจากเขาแล้วก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่ได้ยินได้ฟังมาเช่นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญบางคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงติดแท็กสมาพันธ์เชฟบนเว่ยป๋อในทันทีแล้วกล่าวว่า “เจ้าพวกคนของสาขาการทำอาหาร จงอย่าได้ขัดขวางเส้นทางสู่หอคอยแห่งอนาคตของโลกการแกะสลักน้ำแข็ง”
โจวซื่อเจี๋ยไม่มีบัญชีเว่ยป๋อแต่จงลี่ลี่มี เมื่อโจวซื่อเจี๋ยเจอโพสต์นี้เข้า เขาก็โกรธมากเสียจนแทบจะหัวใจวาย เขาโทรหาผู้รับผิดชอบบัญชีเว่ยป๋อของสมาพันธ์เชฟด้วยความโกรธทันที และเริ่มสงครามทางอินเตอร์เน็ตระหว่างสาขาการทำอาหารและการแกะสลักน้ำแข็งที่แต่เก่าก่อนเคยเป็นมิตรต่อกันขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากมีหยวนโจวเป็นสาเหตุของสงครามในครั้งนี้
ถึงแม้ว่าบัญชีเว่ยป๋อของบัญชีสาขาการแกะสลักน้ำแข็งและการทำอาหารจะมีผู้ติดตามน้อยกว่าพวกดาราคนดังและผู้ทรงอิทธิพลในโซเซียลมีเดียที่ค่อนข้างใหญ่โต ทว่าอิทธิพลที่พวกเขามีในโลกแห่งความเป็นจริงก็ยังคงเป็นที่มิอาจปฏิเสธได้ เป็นที่พอเข้าใจได้ว่าเหตุใดเจ้าระบบถึงได้ตัดสินให้สิ่งนี้เป็นการบรรลุภารกิจที่ซ่อนอยู่
ในขณะเดียวกัน หยวนโจวผู้เป็นสาเหตุของสงครามครั้งใหญ่มัวแต่ทุ่มเถียงกับเจ้าระบบอยู่
“ไม่ก็คือไม่ ทำไมแกถึงต้องหาข้ออ้างมาตั้งมากมายขนาดนั้นด้วยเล่า?” หยวนโจวจงใจยั่วยุเจ้าระบบ “แกไม่สามารถให้การรักษาได้ยังกล้าเรียกตัวเองว่าระบบอีกงั้นหรือ? แกมันเป็นความอัปยศของทั้งระบบเสียจริงๆ!”
แต่หลังจากคำตอบในช่วงแรกๆ เจ้าระบบก็เอาแต่เงียบสนิท ไม่ว่าหยวนโจวจะยั่วยุสักเพียงใด เจ้าระบบก็ยังเอาแต่เงียบอยู่ดี
เมื่อหยวนโจวเห็นว่าเจ้าระบบไม่ตอบ เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไรอีก หลังจากใช้ถุงน้ำแข็งมาประคบบนข้อมือแล้ว เขาก็ยกชามน้ำซุปออกไปข้างนอก แน่นอนว่าน้ำซุปชามนี้ย่อมเป็นของเจ้าซุป
เมื่อเขาเปิดประตูออกมาก็พบว่าฝนหยุดตกแล้ว เจ้าซุปวิ่งเข้ามาที่ประตูหลังตามเคยหลังจากได้ยินเสียงตรงนั้นแล้วแหงนหน้ามองหยวนโจว
“เอ้านี่ น้ำซุปของแกอยู่นี่” หยวนโจวกล่าวขณะที่เตรียมจะเทน้ำซุปลงในชามอาหารของเจ้าซุป
“โฮ่ง!” จู่ๆเจ้าซุปก็เห่าขึ้นมาตอนที่หยวนโจวกำลังจะเทน้ำซุปให้ เสียงเห่าที่ค่อนข้างแหลมสูงก็ดังขึ้น
“มีอะไรงั้นรึ?” หยวนโจวมองเจ้าซุปด้วยความสงสัย
เจ้าซุปจ้องมองหยวนโจวด้วยดวงตาดำขลับของมันอยู่แบบนั้น จู่ๆมันก็ก้าวมาข้างหน้าหลายก้าวแล้วเลียข้อมือของหยวนโจว
ลิ้นของเจ้าซุปเป็นสีชมพู มันทั้งเล็ก เปียกชื้นและอบอุ่นอีกต่างหาก
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขต่างยืนอยู่ตรงนั้นอยู่เงียบๆสักครู่อยู่แบบนั้น หยวนโจววางชามลง เขาไม่ได้ลูบหัวของเจ้าซุป ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาพึมพำบางอย่างเบาๆก่อนที่จะกลับเข้าร้านไป
ยามราตรีผันผ่านไปอย่างสงบเงียบ หยวนโจวตื่นนอนตอนหกโมงเช้าตามปกติ จากนั้นเขาก็ล้างหน้าก่อนที่จะเตรียมตัวออกไปวิ่งออกกำลัง
แต่หยวนโจวอยู่ในร่มเพิ่มอีก 10 นาทีเพื่อบริหารข้อมูล
“ฟู่ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” หยวนโจวกล่าวด้วยความพึงพอใจพลางจ้องมองข้อมือที่บวมเป่งของตนเอง
หยวนโจวที่เหงื่อชุ่มนิดหน่อยออกไปแล้วเริ่มวิ่งออกกำลัง เขาไม่ลืมที่จะทักทายเจ้าซุประหว่างทางเช่นกัน
“เจ้าซุป แกเริ่มอ้วนเพราะอาหารมื้อเย็นในแต่ละวันแล้วนะ แกอยากไปวิ่งออกกำลังกับฉันหน่อยไหมเล่า?” หยวนโจวถามขึ้นมา
เขาถูกเจ้าซุปเมินโดยสิ้นเชิง
“เจ้าหมาจอมขี้เกียจเอ้ย” หยวนโจวกล่าวแล้วจากไป
คราวนี้เจ้าซุปแหงนหน้าและส่งสายตาให้หยวนโจวก่อนที่มันจะเปลี่ยนท่าทางแล้วนอนต่อ
หลังจากหยวนโจวกลับไปท้ายตรอกแล้ว เขาก็เริ่มมองดูพวกคนเดินเท้า บางคนรีบไปเข้าทำงานกะเช้าของตนเองในขณะที่บางคนเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่กำลังซื้ออาหารเช้ากลับไปกินที่บ้าน ทั้งยังมีบางคนที่กำลังทำความสะอาดถนนอยู่ด้วย
หลายๆคนทักทายหยวนโจวเช่นเคย
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่หยวน”
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์” หยวนโจวตอบทุกคนพลางพยักหน้ารับ