อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 859 ฉันจะหักกระดูกตัวเองให้นายดูเอง
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 859 ฉันจะหักกระดูกตัวเองให้นายดูเอง
หลังจากการสนทนาโดยบังเอิญ บางคนก็เริ่มถามถึงผลงานแกะสลักน้ำแข็งเมื่อวันก่อน
“เถ้าแก่หยวน เถ้าแก่หยวน ผมจะสามารถดูมังกรที่คุณแกะสลักได้ที่ไหนงั้นหรือ?” ชายหนุ่มที่สวมแว่นตาถามขึ้นด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ใช่ ใช่ มังกรตัวนั้นน่าทึ่งชะมัดเลย ดูเหมือนมังกรจริงๆเลยล่ะ! ฉันได้ยินมาว่ามีขุนเขาและสายน้ำแล้วก็มีมังกรอยู่ตรงกลางเลยทำให้ดูโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุดเลยเชียวล่ะ” สตรีวัยกลางคนที่ถือตะกร้าใส่ผักกล่าวขึ้น
หยวนโจวเริ่มเหงื่อตกเมื่อได้ยินคำถามนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังพูดถึงผลงานแกะสลักของหยางซู่ซิน เขาให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายไอ้เจ้าคนที่บอกเธอว่าเป็นผลงานแกะสลักของหยวนโจวถ้าเขาเผอิญเจอตัวเข้าล่ะก็นะ เนื่องจาหหยวนโจวไม่ได้หยุดวิ่งออกกำลัง ทุกคนจึงวิ่งออกกำลังไปกับเขาด้วย โชคดีที่หยวนโจวชะลอฝีเท้าตัวเองลงขณะที่คนพวกนั้นกำลังคุยกับเขาอยู่
“มีคนเอาไปแล้วครับ พวกคุณคงจะอดดูเสียแล้วล่ะ” หยวนโจวตอบอย่างจริงจัง
“ห๊ะ? แย่ชะมัดเลย” ชายหนุ่มที่สวมแว่นกล่าวขึ้น
“เฮ้อ เมื่อวานนี้ฉันก็มัวแต่ยุ่งกับการเลี้ยงหลานชายจนไม่มีโอกาสได้มาดูเลย งั้นมังกรมีลักษณะเป็นยังไงบ้างเหรอ?” สตรีวัยกลางคนที่ถือตะกร้าใส่ผักถามขึ้นมา
บางคนก็รู้สึกว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเช่นกัน เขาจึงรีบมาที่นี่หลังจากดูวิดีโอในอินเตอร์เน็ต น่าเสียดายที่เขาทำได้แค่อยากมองดูผลงานแกะสลักให้นานขึ้นแทนที่จะได้มาเห็นด้วยตาตนเอง
“ฉันจะเล่าให้ฟังนะ เมื่อวานนี้ฉันได้ยินเรื่องนั้นมาด้วยล่ะ เถ้าแก่หยวนใช้มีดทำครัวได้เจ๋งไปเลยเชียวล่ะ ด้วยเสียงดังขวับขวับ ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็กลับกลายเป็นมังกรน้ำแข็ง แถมยังมีขุนเขาและสายน้ำอีกต่างหาก ผลงานทั้งชิ้นยิ่งกว่าภาพเขียนเสียอีกแน่ะ พูดง่ายๆก็คือน่าทึ่งมากเลยล่ะ” สตรีวัยกลางคนผู้ใจดีอธิบายเมื่อเธอเห็นท่าทีผิดหวังของบางคนตรงนั้นเข้า
คำอธิบายของเธอออกจะเกินจริงจนน่าเหลือเชื่อไปบ้างทำให้หยวนโจวรู้สึกค่อนข้างกระอักกระอ่วนมากทีเดียว แน่นอนว่าคงจะดีหากเธอให้คำอธิบายที่ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่เธอกลับเอาแต่คุยโม้โอ้อวดและชื่นชมเขาเสียมาก
ที่สำคัญไปกว่านั้น เธอยังไม่ได้พบเห็นด้วยตนเองแต่อย่างใดเพียงแค่ฟังมาจากผู้อื่นอีกทีก็เท่านั้นเอง
หยวนโจวค่อนข้างประทับใจในตัวสตรีวัยกลางคนผู้นี้อยู่ลึกๆ เธอไม่เคยกินอะไรในร้านของเขาเลยนอกเสียจากมักจะมาเดินเตร่แถวถนนเถ่าซือกับหลานชายของตนเอง ทันทีที่มีคนถามเธอว่าอาหารที่ร้านหยวนโจวอร่อยหรือไม่ เธอก็จะเริ่มคุยโม้โอ้อวดและชื่นชมร้านขึ้นมาในทันที แน่นอนว่าเธอก็ไม่ลืมที่จะบอกว่าเรื่องพวกนั้นได้ยินได้ฟังมาจากผู้อื่นอีกที หากพูดกันตามจริงแล้ว สตรีวัยกลางคนผู้นี้ก็นับได้ว่าเป็นตัวกระจายเรื่องสนุกเลยทีเดียว
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่หยวนโจวจะสามารถทำได้แล้วล่ะ เขาจึงได้แต่รีบจ้ำฝีเท้าของตนเองเท่านั้นแล้ว
“งั้นใครเป็นคนเอาไปกันล่ะ? ฉันต้องไปดูให้ได้เลยแม้จะหมายความว่าฉันต้องซื้อตั๋วก็เถอะนะ” ชายหนุ่มที่สวมแว่นตาถามขึ้นมา
“คุณเหยียนเป็นคนเอาไปน่ะสิ ฉันเองก็ไม่รู้จักที่อยู่เสียด้วยสิ คราวหน้าตอนอยู่ในร้านนายก็ลองถามดูสิ” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“โอ้ ได้เลยครับ” ชายหนุ่มที่สวมแว่นตากล่าวขึ้นขณะที่จะเลิกตามหยวนโจวแล้ว
หลังจากชายหนุ่มที่สวมแว่นตาและบุรุษที่รีบวิ่งมาหาจากไปแล้วก็มีคนอื่นๆเข้ามาหาหยวนโจว ส่วนใหญ่จะถามถึงเรื่องผลงานแกะสลัก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เองที่ทำให้สตรีวัยกลางคนสบโอกาสครั้งสำคัญในการแสดงความสามารถในการเล่าเรื่องขึ้นมา
มีนักข่าวสองคนที่พยายามจะขอสัมภาษณ์หยวนโจว หยวนโจวยืนกรานว่านี่เป็นเวลาออกกำลังกายของเขาอยู่แล้วอีกไม่นานก็คงยุ่งง่วนอยู่กับการเปิดร้าน แต่นักข่าวผมสั้นคนหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะฉวยโอกาสที่หยวนโจวอารมณ์ดีคอยรบเร้าเขาต่อไป
“เจ้าหนุ่ม มารยาทของนายไปไหนหมดเสียเล่า? เถ้าแก่หยวนก็บอกว่ายุ่งอยู่นะ ถ้าอยากรู้อะไรก็มาถามฉันนี่ ฉันรู้ทุกเรื่องเลยนะ” สตรีวัยกลางคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวกล่าวขึ้นมา
นักข่าวผมสั้นดูเหมือนจะไม่คิดที่จะเสียเวลาคุยกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเขาต้องการที่จะหลบเลี่ยงสตรีวัยกลางคนผู้นี้เพื่อไล่ตามหยวนโจว น่าเสียดายที่สตรีวัยกลางคนดูเหมือนจะย่างเท้าได้เร็วเป็นพิเศษ บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่เธอได้มาจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือขนส่งสาธารณะในชั่วโมงเร่งรีบก็เป็นได้ เธอค่อยๆซอยเท้าถี่ๆจนสามารถขัดขวางนักข่าวที่พยายามจะหลบเลี่ยงเธอได้เป็นผลสำเร็จ
“ฉันจะบอกให้นะ หากนายมีอะไรก็ถามฉันได้ เจ้าหนุ่ม ไม่ได้ยินฉันพูดงั้นรึ?” สตรีวัยกลางคนเริ่มถามนักข่าวแทนแล้ว
เมื่อนักข่าวเห็นว่าหยวนโจวกำลังจะกลับไปที่ร้าน เขาก็เริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว เขาเหลือบมองสตรีวัยกลางคนทั้งยังดูเหมือนคิดจะใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกายอีกด้วย
ไม่เพียงสตรีวัยกลางคนจะไม่รู้สึกหวาดกลัวสายตาดุดัน เธอยังสืบเท้าไปข้างหน้าอีกต่างหาก “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าหากนายแน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ ขอเพียงแค่แตะต้องฉันนิดเดียวเท่านั้นแหละ ฉันก็คงจะกระดูกกระเดี้ยวหักแล้ว การกระทบกระแทกใส่ตัวฉันอาจจะทำให้ฉันกระดูกแตกละเอียดได้ แล้วเมื่อถึงโรงพยาบาลฉันก็คงต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง ลำพังแค่เงินเดือนขี้ปะติ๋วของนาย แค่ให้ฉันอยู่โรงพยาบาลสักสองเดือนก็พอให้บัญชีธนาคารของนายโดนสูบจนเกลี้ยงได้แล้วนะจะบอกให้”
และก่อนที่นักข่าวจะทันได้ตอบอะไรออกไป สตรีวัยกลางคนก็พอต่อไปว่า “ฉันรู้กฎหมายนะ แถมฉันยังมีเพื่อนบ้านอีกเป็นล้านที่อยู่ที่นี่ด้วย ถึงนายจะเป็นนักข่าวก็ไม่มีสิทธิ์หนีความผิดไปได้หรอก”
และสิ่งนี้ก็ทำให้นักข่าวหวาดกลัวได้เป็นผลสำเร็จ เขาได้แต่มองหยวนโจวจากไปอย่างช่วยไม่ได้
ด้วยหูอันเฉียบคมของหยวนโจวทำให้เขาได้ยินทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจึงลอบชื่นชมสตรีวัยกลางคนอยู่ในใจ
ตอนนี้หยวนโจวไม่รู้ตัวว่ากำลังมอบความรู้สึกให้คนนอกเพราะเขาเป็นคนใจกว้าง แต่อันที่จริงแล้ว หยวนโจวเป็นคนที่ภายนอกดูเย็นชาทว่ากลับมีหัวใจอันเร่าร้อน ทั้งยังเป็นคนที่ดูใจกว้างทั้งๆที่ภายในแล้วเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น
ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบว่านักข่าวทั้งสองคนนั้นมาจากหนังสือพิมพ์ไหนกันแน่ จากนั้นเขาก็ตอบตกลงให้นักข่าวคนอื่นๆที่ว่าง่ายเข้าสัมภาษณ์ได้หลังเวลาอาหารเช้า หยวนโจวทำเช่นนี้ก็เพื่อแสดงให้นักข่าวที่กำลังรบกวนผู้อื่นอยู่ได้รู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนสบายๆ แต่เขาก็ใช่ว่ายอมไปเสียตลอดเวลาไม่ ด้วยเหตุนี้นักข่าวที่กำลังรบกวนผู้อื่นผู้นั้นก็จะถูกรบกวน แถมยังต้องรู้สึกริษยาและหัวเสียไปอีกด้วย
“ทุกวันนี้พวกนักข่าวต้องตื่นแต่เช้ากันแน่ๆเลย” หยวนโจวกล่าวพลางปาดเหงื่อบนศีรษะ เขามุ่งหน้าขึ้นชั้นสองเพื่อไปอาบน้ำก่อนที่จะเริ่มเตรียมอาหารเช้า
แต่วันนี้กลับมีลูกค้าที่มาเพื่ออาหารเช้ามากขึ้น ถึงอย่างไรเมื่อวานนี้หลายๆคนก็ไม่ได้เห็นการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งด้วยตาตนเองแถมตอนนี้ยังมาที่นี่เพื่อดูตัวเอกของการแข่งขันอีกต่างหาก
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่อยู่ในสาขาการแกะสลักน้ำแข็งของเมืองเฉิงตู โชคดีที่พวกเขาทราบว่าหยางซู่ซินเป็นผู้ที่แข่งขันกับหยวนโจว ดังนั้นจึงหามีผู้ใดกล้ามาทำปากดีกับหยวนโจว
พวกเขาแค่จ้องมองหยวนโจวด้วยความอยากรู้อยากเห็นจากระยะไกล ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะคุ้นเคยกับการเป็นจุดสนใจเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้ เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยและเริ่มคิดว่าเขาน่าจะคิดเงินพวกเขาที่มาจ้องมองเขาเช่นกัน
แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าหากเขาคิดเงินพวกเขาที่มาจ้องมอง ตัวเขาเองจะไม่ต่างอะไรกับสัตว์ในสวนสัตว์งั้นหรือ? ดังนั้นหยวนโจวจึงต้องพิจารณาใคร่ครวญให้ลึกซึ้ง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนจากสมาพันธ์การแกะสลักน้ำแข็งแห่งเมืองเฉิงตูไม่ได้มาจ้องมองเขานั้นก็คงขอคำตอบเอาจากโจวซื่อเจี๋ยแล้วล่ะ
หามีผู้ใดกล้าขโมยคนจากโจวซื่อเจี๋ยหรอก ถึงอย่างไรเมื่อตอนที่เจรจาต่อรองกัน โจวซื่อเจี๋ยก็ถือมีดทำครัวไปเยี่ยมอีกฝ่ายเชียวนะ ควรรู้เอาไว้ว่าโจวซื่อเจี๋ยก็เป็นเชฟแถมยังมีมีดทำครัวอีกมากมาย ไม่ว่าอย่างไรสงครามในอินเตอร์เน็ตก็ยังคงดำเนินต่อไป หามีผู้ใดล่วงรู้เลยว่ามันจะขยายไปสู่ชีวิตจริงเช่นเดียวกันด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าร้านจะแออัดมากในช่วงเวลาอาหารเช้า ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไปโดยไม่เกิดสิ่งไม่คาดฝัน ส่วนการสัมภาษณ์หลังจากนั้นก็ดำนินไปอย่างราบรื่น แต่ในช่วงเวลาอาหารกลางวันกลับมีบางคนมาถึง
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ พี่ยา” โจวเจียกล่าวทักทาย
“สวัสดีจ่ะ เจียเจีย” น้ำเสียงมีชีวิตชีวาของสตรีผู้หนึ่งขานตอบ
เสียงนี้ทำให้แม้แต่หยวนโจวที่กำลังยุ่งง่วนกับการทำอาหารก็ยังต้องเงยหน้าขึ้นมา
เขาประสานสายตากับญินยาในชุดทางการรัดรูปสีครามที่กำลังเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างสง่างาม
“โจวเจีย เนื้อวัวสไลซ์บางเฉียบ” หยวนโจวกล่าวพลางวางจานลง