อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 863 หมอนมาได้ทันเวลาพอดี
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 863 หมอนมาได้ทันเวลาพอดี
“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วตอบเช่นเคย
หลังจากเขาถูกถามเรื่องฝีมือการทำอาหาร พวกเขาก็พูดคุยสัพเพเหระ โจวซื่อเจี๋ยถามขึ้นมาและหยวนโจวก็แค่ตอบเท่านั้น เขาถามเรื่องที่หยวนโจวฝึกฝนแกะสลักน้ำแข็งแล้วก็มาถึงธุระสำคัญในเฮือกสุดท้าย
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ เท่าที่ผมทราบมาตอนนี้ร้านของคุณก็เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้คนและอาหารตำหรับเสฉวนก็เป็นแบบต้นตำหรับทีเดียว คุณสนใจจะเข้าร่วมการประเมินสุดยอดร้านอาหารไหมล่ะ?” โจวซื่อเจี๋ยกล่าว
“สุดยอดร้านอาหารงั้นเหรอครับ?” หยวนโจวรู้สึกประหลาดใจแล้วเขาก็ถามขึ้นมา
“ใช่แล้วล่ะ ผมยังไม่ได้บอกคุณมาก่อนเลยนี่นา มีการประเมินสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนในมณฑลเสฮฉวนกันอยู่ทุกปี ผมทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการตัดสินปีนี้ด้วยล่ะ ฉะนั้นผมก็เลยได้โควตาของคนที่อยากจะแนะนำมาด้วย แล้วปีนี้ผมก็อยากแนะนำร้านของคุณน่ะ” โจวซื่อเจี๋ยกล่าวเสียงค่อย
ช่างเป็นหมอนให้แก่ผู้ที่กำลังง่วงนอนเสียจริงๆเลยเชียว ข้อเสนอแนะของโจวซื่อเจี๋ยช่วยแก้ปัญหาเรื่องบัตรผ่านประตูได้ทันเวลาพอดีเลย หยวนโจวคลี่ยิ้มบนใบหน้าออกมา ความเปลี่ยนแปลงมักจะล้ำหน้าแผนอยู่เสมอ แม้แต่เจ้าระบบก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าผลจะลงเอยเช่นนี้
“ขอบคุณครับ” หยวนโจวกล่าวด้วยความเคารพ
“อย่าเอ่ยถึงมันเลยน่า นับเป็นบุญของสมาพันธ์เชฟของเราที่มีคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างคุณมาร่วมงานกับเรา ทั้งยังเป็นโชคดีของวงการเชฟในประเทศจีน แน่นอนว่ากิจกรรมดังกล่าวควรจะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มผู้มีความสามารถอย่างคุณ มีเพียงแบบนี้เท่านั้นแหละที่จะสามารถพัฒนาวงการเชฟให้ดีขึ้นได้ แน่นอนว่ากิจกรรมดังกล่าวก็ควรจะเปิดกว้างด้วย” โจวซื่อเจี๋ยกล่าวอย่างเป็นทางการ
“ผมก็เอาแต่คุยเรื่องกิจกรรมสุดยอดร้านอาหารจนลืมถามไปเลย คุณจะยอมรับคำเชิญไหมล่ะ?” โจวซื่อเจี๋ยรู้ว่าหยวนโจวไม่ชอบคุยเรื่องสัพเพเหระจึงยุติการสนทนาลงทันที
“ครับ ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะดีๆนะครับ ท่านประธาน” หยวนโจวพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วกล่าวว่า “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ”
“ดี ดี งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ ตอนที่คุณฝึกฝีมือการทำอาหารก็อย่าลืมดูแลตัวเองเสียเล่า ผมจะวางหูแล้วนะ” โจวซื่อเจี๋ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้ววางสายไป
เนื่องจากเรื่องบัตรผ่านประตูได้รับการแก้ไขแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการแสดงความสามารถของหยวนโจวเอง อีกทั้งเจ้าก็ระบบตัดสินให้ร้านหยวนโจวเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในมณฑลเสฉวนด้วย และนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่อันที่จริงแล้วมันยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่เนื่องจากเวลาเปิดร้านอันจำกัด
ถ้าหากเขาได้ฉายา “สุดยอดร้านอาหาร” มาก็ย่อมช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างหมดจดเป็นแน่แท้
แน่นอนว่าเรื่องนี้หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่
กลับมาที่อีกด้านหนึ่ง หลังจากหยวนโจวตอบตกลงแล้ว โจวซื่อเจี๋ยก็รู้สึกทั้งพึงพอใจและเบิกบานใจเหลือแสน
“เจ้าหมอนี่ไม่เลวเลยจริงๆ” โจวซื่อเจี๋ยวางสายแล้วกล่าวว่า “เขาแค่ต้องทุ่มเทให้กับฝีมือการทำอาหารของตัวเองเท่านั้นเอง”
“ท่านประธาน คุณได้โควตามาแค่ที่เดียวแถมยังไม่ยกให้ใครนอกจากเขาอีกต่างหาก แน่นอนว่าเขาย่อมต้องตอบตกลงอยู่แล้วล่ะ” เป็นจงลี่ลี่นั่นเองที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วพูดขึ้นมา
“คุณไม่เข้าใจหรอก เจ้าหมอนี่เป็นคนทะนงตนมากเชียวล่ะ ดังนั้นการที่เขาตอบตกลงเข้าร่วมงานย่อมดีที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงนับได้ว่าความผูกพันใกล้ชิดกับสมาพันธ์เชฟของเรา” โจวซื่อเจี๋ยกล่าวพลางอมยิ้ม
“เถ้าแก่หยวนเป็นเชฟโดยเนื้อแท้จริงๆ” จงลี่ลี่ชักจะสับสนนิดหน่อย “เขาจะหนีไปไหมครับ?”
“อืม เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่เชฟหรอกนะ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นเชฟที่มีพรสวรรค์ทั้งยังผู้เชี่ยวชาญอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีที่มีอายุน้อยอีกต่างหาก และตอนนี้เขาก็เป็นช่างแกะสลักน้ำแข็งด้วย พูดก็พูดเถอะนะ เขาสามารถมีฝีมือมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” โจวซื่อเจี๋ยชักจะปวดหัวขึ้นมาเสียแล้วเมื่อต้องพูดถึงเรื่องนั้น
ที่จริงโจวซื่อเจี๋ยมีสาเหตุให้ปวดหัว เขาเพิ่งจะเกลี้ยกล่อมซาลาเปาจี้ให้ยอมขอโทษหยวนโจวที่ไปสร้างความลำบากให้ และเขาก็หายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลยเมื่อหยางซู่ซินผู้เป็นตัวแทนของวงการแกะสลักน้ำแข็งกลับมาอีกครั้ง
ถึงอย่างไรซาลาเปาจี้ก็พอเข้าใจได้ เนื่องจากอย่างน้อยอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีก็เป็นฝีมือการทำอาหารอีกสาขาหนึ่ง แต่แน่นอนว่าย่อมมีการก้าวก่ายของวงการแกะสลักน้ำแข็งเพื่อชิงตัวหยวนโจวด้วย
ในฐานที่เป็นชายชราที่มีอายุกว่าห้าสิบปี เขาจึงพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาพรสวรรค์เอาไว้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ความกังวลก็นับเป็นโชคอีกแบบหนึ่งด้วย
“อันที่จริงแล้วอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยฝีมือการทำอาหาร ส่วนการแกะสลักน้ำแข็งนั้น พวกเราเองก็ร่วมมือกับพวกเขาในเมนูอาหารของเราอยู่บ่อยๆ” จงลี่ลี่พูดอะไรไม่ออกได้แต่ปลอบโยนโจวซื่อเจี๋ยด้วยวิธีนี้เท่านั้นแล้ว
“แน่นอน ฉันรู้ดี ถ้าหากพวกเราไม่ทำอะไรเสียเลย คุณคิดว่าผมจะยอมให้ตาเฒ่าหยางมารังแกอย่างนั้นหรือไง?” โจวซื่อเจี๋ยเริ่มโมโหขึ้นมาเมื่อเขาพูดถึงหยางซู่ซิน
ถูกต้องแล้วล่ะ หลังจากหยางซู่ซินกลับไปคุยเรื่องการแข่งขันกับคนจากวงการแกะสลักน้ำแข็ง ไม่เพียงจะเกิดการทะเลาะกันอย่างดุเดือดในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แม้แต่ประธานของวงการแกะสลักน้ำแข็งก็ยังถามหาหยวนโจวเอากับโจวซื่อเจี๋ยเลย
ในสายตาของโจวซื่อเจี๋ยนั้น เรื่องนี้ต้องโทษหยางซู่ซิน ในเมื่อพ่ายแพ้ในการแข่งขันแล้ว ทำไมถึงต้องพูดให้คนอื่นฟังแถมยังคิดที่จะดึงตัวหยวนโจวไปด้วย?
เมื่อได้ยินโจวซื่อเจี๋ยบ่น จงลี่ลี่ก็พบว่าคงไม่เหมาะที่จะพูดอะไรอีกจึงได้แต่ยิ้มอยู่เงียบๆ เมื่อก้มหน้าแล้วเจอเอกสารในอ้อมแขนตัวเองจึงรีบยื่นส่งให้เขาทันที
“ท่านประธาน นี่เป็นเอกสารของคุณ เสร็จแล้วเรียกฉันได้เลย” จงลี่ลี่วางเอกสารแล้วเตรียมที่จะหลบฉากออกไป
“เป้ง” เสียงกลวงๆส่งผ่านจากการสัมผัสกันของเอกสารหนาหนักกับโต๊ะไม้เนื้อแข็ง โจวซื่อเจี๋ยก้มหน้ามองเอกสารแล้วพบว่าอย่างแรกเป็นจดหมายซึ่งลงลายมือชื่อเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วซึ่งบ่งบอกว่ามาจากประธานของวงการแกะสลักน้ำแข็ง
“เวรเอ้ย เจ้าตัวก่อเรื่อง! ฉันอุตส่าห์ไม่รับสายเขาแล้วแท้ๆยังจะเขียนจดหมายมาให้ประหลาดใจเล่นได้อีก” ทันทีที่โจวซื่อเจี๋ยเห็นส่วนท้าย เขาก็แทบจะทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นทันที
“แค่ก แค่ก คุณเป็นอะไรไหม?” จงลี่ลี่รู้สึกตกใจจึงรีบหันหน้าไปถาม
“ไม่เป็นไร โยนจดหมายฉบับนั้นทิ้งไปซะ” โจวซื่อเจี๋ยหยิบซองจดหมายขึ้นมาแล้วโยนไปให้จงลี่ลี่
“ได้ๆ พักผ่อนก่อนเถอะนะ” จงลี่ลี่รับซองจดหมายมาแล้วรีบกันหลังออกจากห้องไปแล้วปิดประตูทันที การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นในรวดเดียว
เมื่อจงลี่ลี่ออกมาแล้ว ผู้ช่วยอีกคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเว่ยป๋อของโจวซื่อเจี๋ยถามเธอตรงประตู “ท่านประธานอารมณ์เสียอีกแล้วเหรอ?”
“อืม” จงลี่ลี่รักษาความเยือกเย็นของตนเองเอาไว้แล้วพยักหน้า
“เพราะเถ้าแก่หยวนคนนั้นเหรอ?” ผู้ช่วยคนนี้ยังคงถามต่อไปด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์เช่นนี้ดีจึงถามซอกแซกขึ้นมา
“อืม” จงลี่ลี่พยักหน้าพอเป็นพิธีแล้วเหลือบมองผู้ช่วยอย่างเข้มงวด
“จึ๊ จึ๊ เถ้าแก่หยวนคนนี้สุดยอดมากเลย นานขนาดไหนแล้วที่สมาพันธ์เชฟของเราไม่ครื้นเครงกันแบบนั้น คนจากวงการอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีเพิ่งจะกลับไปแท้ๆ คนจากวงการแกะสลักน้ำแข็งก็มาหาเขาอีกแล้ว ราวกับว่าทุกคนอยากจะกัดกินเถ้าแก่หยวนให้ได้อย่างไรอย่างนั้นแหละ” ผู้ช่วยยังคงไม่สังเกตถึงความผิดปกติแต่อย่างใด เธอจึงเอาแต่พร่ำบ่นตอนที่กำลังจ้องมองไปที่คอมพิวเตอร์
“เอาล่ะ หยุดเสียทีเถอะน่า กลับไปทำงานได้แล้ว” ในที่สุดจงลี่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิเธอ
“โอ้ ค่ะ ฉันจะกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” จากนั้นผู้ช่วยก็ต้องประหลาดใจที่จงลี่ลี่ดูมีสีหน้าไม่ดีนัก ดังนั้นเธอจึงรีบนั่งลงแล้วเริ่มทำงานของตัวเองทันที
เมื่อจัดการกับผู้ช่วยช่างจ้อที่มีหน้าที่คอยรับผิดชอบเรื่องเว่ยป๋อแล้ว จงลี่ลี่ก็นั่งลงบนเก้าที่แล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นเธอค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงในที่สุด
แต่ทันทีที่เธอเห็นเอกสารเป็นปึกบนโต๊ะ เธอก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง สมาพันธ์เชฟไม่เคยยุ่งและเหนื่อยมากขนาดนี้มาก่อนเลย
“ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าหยวนโจวมีฝีมือพวกนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยได้ยังไงกัน” เมื่อมองไปทางเอกสารปึกใหญ่เกี่ยวกับตัวหยวนโจว จงลี่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
เอกสารพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคำเชิญถึงหยวนโจว ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน การสัมภาษณ์หรือรายการโทรทัศน์
ถึงอย่างไรภาพลักษณ์อันเป็นที่ยอมรับมากที่สุดของหยวนโจวก็ยังคงเป็นเชฟ ดังนั้นผู้ที่อยากเชิญเขาย่อมต้องส่งจดหมายเชิญมาที่สมาพันธ์เชฟ
สิ่งเหล่านี้ผ่านการเจรจาต่อรองระหว่างโจวซื่อเจี๋ยกับหยวนโจวมาแล้ว หลังจากสมาพันธ์เชฟประกาศออกมาแล้ว พวกเขาก็จะช่วยจัดการเรื่องจุกจิกพวกนี้ให้หยวนโจว ปกติไม่ค่อยมีใครมาคุยเรื่องจุกจิกพวกนี้กับหยวนโจวตัวต่อตัวหรอกเว้นเสียแต่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่ทราบเรื่องประกาศหรือผู้ที่ดื้อรั้นดันทุรัง
แถมโจวซื่อเจี๋ยยังกำชับเป็นพิเศษว่าอย่าให้เรื่องหยุมหยิมพวกนี้มารบกวนหยวนโจวได้