อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 865 ขอให้เธอมีความสุข
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 865 ขอให้เธอมีความสุข
ที่สำคัญไปกว่านั้นผู้หญิงทุกคนมีแนวโน้มที่จะเลิกติดต่อกับหลิงหงหลังจากเลิกกันแล้ว ถึงจะเคยรักกันมาก่อนก็เถอะนะ
“ผู้หญิงคนนี้ต่างจากคนอื่น พวกเราเคยรักกันมากมาก่อน” หลิงหงกล่าวด้วยความมั่นใจ
“สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องจริงนะ แต่สำหรับนาย ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้นหรอก” อู๋ไห่กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “นายเคยมีรักแท้กับเขาด้วยเหรอ?”
“นายให้คำอธิบายกับทุกสัมพันธ์ว่าเป็นรักแท้ของนายไปเสียหมดเลยนี่นา” แม่แต่พี่วั่นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเขา
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย คนนี้ต่างออกไป” หลิงหงส่ายหน้า
“ช้าก่อนนะ หมายความว่านายมีแฟนหลายคนเลยหรือ?” หยวนโจวอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ พี่วั่นเองก็อดที่จะกลอกตาให้เขาไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น
เมื่อเมินหยวนโจวที่ตกตะลึงไปแล้ว พี่วั่นก็ถามด้วยความสนใจว่า “ต่างกันยังไงกันล่ะ?”
ในขณะนั้นเอง โจวเจียก็ยกเซ็ตก่อนอาหารมาเสิร์ฟให้พวกเขา หลิงหงดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจแล้วเตรียมเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง
“พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนยังเรียนมหาวิทยาลัย” น้ำเสียงของหลิงหงบริสุทธิ์สดใสอย่างถึงที่สุด ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกได้ถึงความยินดีเมื่อเขาเริ่มพูดคุยขึ้นมา
แน่นอนว่าในสายตาของหยวนโจว นั่นคือน้ำเสียงทั่วๆไปของคนหนุ่ม ดังนั้นหยวนโจวจึงค่อยๆลดเสียงให้ค่อยลงเพื่อแหบลงหน่อยจนฟังดูเหมือนเสียงของเจ้าชายรูปงาม
กลับเข้าเรื่องของเรากันต่อเถอะ หลิงหงเล่าเรื่องรักๆใคร่ๆเมื่อครั้งแรกรุ่นอันแสนงดงามและโรแมนติก หลังจากฟังเรื่องราวจนจบแล้ว หยวนโจวก็สามารถสรุปได้เพียงประโยคเดียวว่าคนโสดไม่เหมาะที่จะฟังเอาเสียเลย
รู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องมาเห็นผู้อื่นโอ้อวดความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อหน้าธารกำนัล
“ฉันคิดว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึงแล้วฉันเองก็น่าจะหาแฟนสักคนได้แล้ว” หยวนโจวตัดสินใจ
“งั้นนายก็รู้สึกว่ามันเป็นรักแท้เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมรับของขวัญที่นายซื้อให้สินะ แล้วต่อจากนั้นเล่า?” พี่วั่นมีท่าทีตอบสนองเป็นคนแรกแล้วมองหลิงหงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่เลย แต่ผมรู้สึกได้ว่าเธอรักผม” หลิงหงครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วให้คำตอบอันคลุมเครือแก่พวกเขา
ใช่แล้วล่ะ ในเรื่องราวของหลิงหงนั้น หญิงสาวที่เขารู้จักในมหาวิทยาลัยต่างไปจากหญิงสาวคนอื่นๆ เนื่องจากเป็นคนสูงยาวเข่าดี ร่ำรวยแถมยังหน้าตาหล่อเหลาอีกต่างหาก ตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยเขาจึงเปลี่ยนแฟนบ่อยมาก
หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่คนที่สวยที่สุดและรูปร่างก็ใช่ว่าจะยอดเยี่ยมที่สุด แถมเธอก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุดแต่อย่างใด ถ้าให้อธิบายเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำก็คือเธอไม่นับว่ามีอะไรโดดเด่นสะดุดตาเลยสักนิดเมื่อเทียบกับแฟนคนก่อนๆของหลิงหง ส่วนสาเหตุที่ทำให้หลิงหงตามจีบเธอก็เพราะว่าเธอมีดวงตาอันแสนงดงามมากนั่นเอง
ในสมัยเรียน หลิงหงนับว่ามีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของเพลย์บอยก็ว่าได้ เขาคิดว่าทุกอย่างสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยเงินแล้วเขาจะต้องสนใจทำไมกันเล่า?
ดังนั้นเขาจึงมักจะมอบของขวัญไปให้เมื่อใดก็ตามที่เขากับแฟนทะเลาะกันหรือมีเรื่องทำนองนั้น แต่มีเพียงหญิงสาวคนนั้นที่ปฏิเสธของขวัญ เหตุผลง่ายมากทีเดียว ก็เพราะของขวัญแพงเกินไปน่ะสิ อีกด้านหนึ่งหากเป็นวันเกิดของเขาหรือเทศกาลต่างๆ เธอก็จะมอบของขวัญให้เขาด้วย
ของขวัญของหญิงสาวหาได้มีราคาค่างวดอะไร บางอย่างเป็นของที่เธอทำขึ้นมาเองและบางอย่างก็เลือกมาจากร้านค้าเล็กๆด้วยตัวเองแถมราคายังไม่ถึง 100 หยวนอีกต่างหาก พูดง่ายๆก็คือหญิงสาวค่อนข้างเอาใจใส่และทุ่มเทเพื่อเขามากทีเดียว
ในตอนนั้นสิ่งเหล่านี้กลับไม่ต้องตาของหลิงหงเอาเสียเลย เขารู้สึกว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้ช่างไม่ดึงดูดใจจึงเลิกกับเธอเมื่อเขารู้สึกเบื่อหน่ายเธอเต็มทนหลังจากคบหากันมาได้สักระยะหนึ่ง
หลิงหงยังจำได้ชัดว่าหญิงสาวร้องไห้เสียจนตาแดงก่ำ พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากเรียนจบ
หลิงหงบอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำตอนที่หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาค้นคว้าอันแสนสดใสของเธอเมื่อยามที่มอบของขวัญให้เขาได้ แววตาของเธอเปล่งประกายราวกับกำลังรอคำชมอยู่ แต่ในตอนนั้นหลิงหงกลับไม่เคยรู้สึกว่าสร้อยข้อมือเส้นเล็กๆหรือของขวัญเล็กๆน้อยๆพวกนี้จะน่าดึงดูดใจเลยสักนิด เขาขว้างมันทิ้งไปแล้วเลิกกับเธอ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องชมเธอเลย
หลายวันก่อน จู่ๆหลิงหงก็ได้รับสายที่ไม่รู้จัก น่าแปลกที่หลิงหงกลับจำเสียงได้เมื่อตอนที่เธอพูดขึ้นมา นั่นเป็นเสียงของเธอ หญิงสาวคนนั้นกำลังจะแต่งงานและอยากเชิญเขาไปร่วมงานแต่งงาน แล้วหลิงหงก็ตอบตกลงอย่างน่าประหลาด
“ถ้าพวกเขายอมรับของขวัญของนาย พวกเขาก็น่าจะชอบนายแหละ” พี่วั่นกล่าวเข้าประเด็น “นอกจากนี้จะมีแฟนสาวคนไหนปฏิเสธที่จะรับของขวัญที่แฟนหนุ่มส่งมาให้กันเล่า?”
“ใช่ พี่พูดถูก” หลิงหงยักไหล่แล้วกล่าว “บางทีสิ่งที่ทำให้ผมจำเธอได้อาจไม่ใช้เพราะรักแท้หรอก แต่น่าจะเป็นเพราะหญิงสาวคนนั้นไม่เหมือนกับคนอื่นๆต่างหาก ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“นานมาแล้วสินะที่นายเองก็มีความรักที่ยั่งยืนจริงๆน่ะ” พี่วั่นกล่าว
“อืม ผมเอาแต่หมกมุ่นกับทุกความสัมพันธ์และไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย แต่คนๆนี้เป็นเพียงคนเดียวที่หลงเหลือความประทับใจเอาไว้ให้ผม” หลิงหงพยักหน้า
“อาจเป็นเพราะนายยังอยากเห็นภาพลักษณ์ดีๆของเธอก็ได้นะ” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราแล้วกล่าวอย่างจริงจัง
“ไปตายซะ ไอ้นักมายากล นายมันจะไปรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความรักกันเล่า?” หลิงหงมองอู๋ไห่อย่างดูถูกดูแคลน
“ฉันเข้าใจเรื่องนั้นแล้วล่ะ แล้วนายอยากถามอะไรงั้นเหรอ?” พี่วั่นหาได้สนใจเรื่องนี้แต่กลับถามขึ้นมา
“สานไหมทองด้วยความอุตสาหะระหว่างสวมเสื้อกันหนาว อาหารจานแรกของโต๊ะจีนปลารวมมิตรทั้งสองที่ได้แล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ” ในตอนนั้นเอง โจวเจียก็ยกอาหารจานแรกออกมาเสิร์ฟ
“ขอบใจนะ เจียน้อย” หลิงหงเผยรอยยิ้มเจิดจ้าให้โจวเจียก่อนแล้วค่อยผลักจานไปให้พี่วั่น
“ด้วยความยินดีค่ะ” โจวเจียตอบแล้วหลบฉากออกไป
“มากินกันก่อนเถอะ ไม่งั้นคงได้มีใครบางคนน้ำลายหกใส่ชามตัวเองแหงๆ” หลิงหงเหลือบมองอู๋ไห่แล้วเจตนาพูดเสียงดัง
“นายก็พูดอย่างกับฉันไม่ได้กินอะไรมาก่อนอย่างนั้นแหละ” อู๋ไห่มองหลิงหงด้วยความดูถูกดูแคลน
อู๋ไห่แทบจะหยุดพูดทันทีเมื่อเขายื่นตะเกียบออกไปคีบอาหารแล้วยัดเข้าปากทันทีด้วยความเร็วปานสายฟ้า
“ฮ่าฮ่า ฉันก็ได้กินเหมือนกัน แถมไม่มีน้ำลายหกสักหยดเลย” อู๋ไห่กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“โฮ่โฮ่ เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋” หลิงหงถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
“ขอบใจที่ชม ชื่อนั้นคู่ควรกับฉันแล้วล่ะ” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราแล้วพยักหน้าพลางอมยิ้มเพื่อแสดงความเห็นด้วย
“พี่วั่น ปล่อยเขาอยู่คนเดียวไปเถอะ มากินกันดีกว่านะ” หลิงหงเมินเขาแล้วหันไปรับรองพี่วั่น
“ขอบใจนะ” พี่วั่นพยักหน้าด้วยความสุภาพแล้วยื่นตะเกียบออกไปเพื่อกินอาหาร
อาหารของหยวนโจวมักจะมีรสชาติอร่อยมากอยู่เสมอ และอาหารของโต๊ะจีนปลารวมมิตรก็ทยอยกันถูกยกมาเสิร์ฟทีละจาน เมื่อเพิ่งจะกินหมดไปจานหนึ่งสักครู่ก็จะมีอีกจานถูกยกมาเสิร์ฟ
ฝีเท้าที่สอดคล้องกับเวลาอาหารค่ำของบรรดาลูกค้าและความเคยชินยังทำให้แน่ใจได้ว่าบรรดาลูกค้ามักจะจมจ่อมอยู่กับอาหารอร่อยอยู่เสมอ
ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาแห่งการดื่มด่ำรสชาติของหลิงหง พี่วั่นและอู๋ไห่ที่ขโมยอาหารด้วยการลอบจู่โจมเป็นบางครั้งบางครั้ง ที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาพอที่จะมาพูดถึงเรื่องอื่นเสียด้วยซ้ำไป
หลิงหงกับพี่วั่นคุยกันไม่หยุดจนกว่าจะมีของหวานมาเสิร์ฟ
ส่วนอู๋ไห่นั้น เขาได้แต่จมจ่อมอยู่กับอาหารอร่อยจนยากที่จะถอนตัวออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนาแต่อย่างใด
จากนั้นหลิงหงก็เริ่มคุยธุระสำคัญกับพี่วั่น
เขาค่อยๆถามอย่างละเอียดจนเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดของงานแต่งงาน
พี่วั่นอธิบายเรื่องงานแต่งงานราวกับว่าเธอเคยแต่งงานมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือเธอมักจะไปร่วมงานแต่งงานของคนอื่นอยู่บ่อยๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงรูมเมทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเธอเลย แม้แต่น้องสาวคนเล็กของเธอเองก็ยังแต่งงานแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หลิงหงมาถามเอากับพี่วั่น ถึงอย่างไรก็มีแค่เธอเท่านั้นที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนในการไปร่วมงานแต่งงานของคนอื่น
นักมายากล(魔法师) มีอีกความหมายหนึ่งในหนังสือการ์ตูน อันมีความหมายเจาะจงถึงชายหนุ่มที่ยังคงความบริสุทธ์เอาไว้จนมีอายุ 30 ปี