อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 880 ใช้ได้เลย
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 880 ใช้ได้เลย
เรียนรู้จากหยวนโจวงั้นรึ? จ้าวน้อยกะพริบตาปริบๆพลางรู้สึกพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
“ใช่แล้วล่ะ อีกสองสามวันไปกินอาหารที่ร้านของหัวหน้าเชฟหยวนกับผมสิ” เฉาจื่อซูตัดสินใจได้หลังจากใคร่ครวญเรื่องนั้นดูแล้ว
“ขอบคุณครับ อาจารย์ จ้าวน้อยรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสนในตัวเอง การทำความรู้จักกับหยวนโจวจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ตัวเขาเองอย่างแท้จริง
ถึงอย่างไรการที่อาจารย์จะพาเขาไปด้วยก็นับว่าเป็นเกียรติ แต่ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเขาจะเข้าใจบางอย่างผิดไป แต่เมื่อมองไปทางเฉาจื่อซูแล้ว จ้าวน้อยก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายอย่างไรจึงได้แต่หันหลังแล้วเดินออกไป
“โอเค ไปทำงานของนายต่อเถอะ” เฉาจื่อซูโบกมือแล้วมองหยวนโจวต่อไป
ส่วนหยวนโจวหลังจากเขากินอาหารจานเด็ดของร้านซูจนหมดเกลี้ยงแล้ว บัวขาวทอดอันเป็นอาหารจานใหม่ก็มาถึง นี่เป็นอาหารจานผักที่สามารถบรรเทาความเผ็ดและเลี่ยนในปากของเขาได้เลยเชียวล่ะ
เฉาจื่อซูจัดเรียงลำดับอาหารได้อย่างเหมาะสมทีเดียว อันดับแรกเขาจะเสิร์ฟอาหารจานเนื้อแบบหนักๆก่อนที่จะเสิร์ฟอาหารจานผักตามมาด้วยอาหารจานเนื้อแบบเบาๆ ด้วยเหตุนี้คนที่กำลังกินอาหารอยู่จึงสามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติของอาหารได้ทั้งยังไม่รู้สึกว่าเลี่ยนเกินไปอีกด้วย นี่คือลำดับที่เขาให้ความใส่ใจในการเตรียมการเป็นอันมาก
และในช่วงสุดท้าย เฉาจื่อซูก็เสิร์ฟลูกชิ้นเสฉวนผัดซอสถั่วเหลืองอันเป็นอาหารจานเนื้อแบบหนักๆ
นี่ก็คืออาหารจำพวกลูกชิ้นและในบรรดาเมนูอาหารต่างๆ ลูกชิ้นจัดว่าเป็นอาหารระดับสูง อาหารจำพวกลูกชิ้นจะถูกนำมาเสิร์ฟในโอกาสสำคัญๆเท่านั้น
ในทางภาคใต้ ลูกชิ้นมักจะถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอาหารอย่างที่สามอยู่เสมออันเป็นการบ่งบอกถึงความสมบูรณ์และความสำเร็จนั่นเอง นอกจากนี้ลูกชิ้นยังถูกนำมาเสิร์ฟในช่วงก่อนวันปีใหม่อันเป็นการบ่งบอกถึงความกลมเกลียวของครอบครัวอีกด้วย
แม้แต่ในช่วงเทศกาลอื่นๆเช่น เทศกาลแข่งเรือมังกรไฟและเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ยังไม่เสิร์ฟลูกชิ้นเลย
และในทางภาคเหนือ ลูกชิ้นมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบอลสี่มงคลอันทำหน้าที่เป็นอาหารจานหลักในเทศกาลสำคัญๆหรืองานรื่นเริง
“หัวหน้าเชฟเฉาช่างให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนวิชาครั้งนี้มากจริงๆ” หยวนโจวพึมพำพลางมองไปที่ลูกชิ้นลูกอวบเป็นมันวาว
ลูกชิ้นเสฉวนผัดซอสถั่วเหลืองเป็นอาหารยอดนิยมที่บ้านเกิดของจางต้าเฉียน และในตอนนั้นเอง จางเสวี่ยเหลียง จางต้าเฉียน จางฉุนและหวังซินเหิงก็ผลัดกันเลี้ยงอาหารซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อการแลกเปลี่ยนของสามจางกับหนึ่งหวัง
และเนื่องจากทั้งจางต้าเฉียนและจางฉุนก็เป็นชาวเสฉวน การแลกเปลี่ยนของพวกเขาจึงมีรูปลักษณ์ที่เน้นหนักไปทางอาหารตำหรับเสฉวน ลูกชิ้นเสฉวนผัดซอสถั่วเหลืองจึงเป็นหนึ่งในอาหารหลายๆจานที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาในยามนั้น
แน่นอนว่าอาหารจานนี้ในรูปแบบของร้านซูย่อมเป็นแบบปรับปรุงแล้วมากกว่าจะเป็นแบบดั้งเดิม
“สัดส่วนไม่เยอะเกินไป พอดีให้ฉันกินได้หมดเลยล่ะ” หยวนโจวพึมพำพลางมองดูลูกชิ้นที่ใหญ่เท่าครึ่งกำปั้น
จากนั้นเขาก็เริ่มกิน
“รสชาติไม่เผ็ดแถมเนื้อยังบดได้สม่ำเสมอกันอีกต่างหาก แต่เขียงค่อนข้างบกพร่องเนื่องจากมีกลิ่นแปลกๆผสมอยู่ อันที่จริงแล้ว เครื่องครัวที่เจ้าระบบจัดเตรียมให้ยังไงก็ดีที่สุดแหละนะ” หยวนโจวกินโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนเช่นเคย
“ฉันล่ะสงสัยจริงๆเชียวว่าจะสามารถปรับปรุงลูกชิ้นเสฉวนผัดซอสถั่วเหลืองได้เหมือนกันหรือเปล่า” ความคิดของหยวนโจวเริ่มสับสนหลังจากเขารู้ว่าอาหารจานนี้ไม่ดีเท่ากับอาหารจานก่อนหน้า
และในที่สุดก็มีซุปมาเสิร์ฟ ภายในซุปมีพริกเสฉวนสีแดงสด ดังนั้นเมื่อยามที่ซุปเข้าปากจึงให้รสชาติเผ็ดชานิดหน่อย แต่การกระตุ้นเช่นนี้กลับทำให้ต่อมรับรสของเขารู้สึกสดชื่นได้เลยทีเดียว
“ซุปอร่อยมากเลย” หยวนโจววางชามลงหลังจากกินซุปเสร็จ
ทันทีที่หยวนโจววางชามลง เฉาจื่อซูก็เดินออกมาพร้อมยิ้มกว้าง
“หัวหน้าเชฟหยวน ขอโทษสำหรับการให้บริการแย่ๆของร้านเราด้วยนะครับ” เฉาจื่อซูกล่าวอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ใช้ได้เลยทีเดียวล่ะ” หยวนโจวกล่าวอย่างจริงจัง
“ฮ่าฮ่า ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ ผมอยากรู้ว่าคุณจะประเมินฝีมือของผมว่ายังไงน่ะครับ?” เฉาจื่อซูถามอย่างสุภาพ
“เอิ่ม… ใช้ได้เลยครับ” หยวนโจวอยากจะออกความเห็นตามจริงของตนเองแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่คือการแข่งขันเพื่อมิตรภาพจึงไม่อาจออกความเห็นของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนสิ่งที่จะพูดออกมาแทน
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ ขอแต่คุณชอบก็พอแล้ว” เฉาจื่อซูถามออกไปด้วยความสุภาพ เขาไม่คิดว่าหยวนโจวจะพูดอะไรอีก การแลกเปลี่ยนวิชาหรือการแข่งขันเพื่อมิตรภาพที่เรียกกันถูกจัดขึ้นเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจอีกฝ่ายได้มากขึ้นในทีแรก
พูดง่ายๆก็คือเมื่อตอนที่เฉาจื่อซูไปลองชิมอาหารของหยวนโจวในวันพรุ่งนี้ เขาก็จะได้ไอเดียจากหยวนโจวเช่นเดียวกันเหมือนกับที่ตอนนี้หยวนโจวเองก็ได้ไอเดียจากเขา นี่คือการแข่งขันเพื่อมิตรภาพระหว่างเชฟที่มักจะเผยออกมาอยู่เสมอ
“อืม ขอบคุณครับ” หยวนโจวพยักหน้า
“ฮ่าฮ่า เถ้าแก่หยวนคิดว่าร้านนี้เป็นยังไงบ้างครับ?” เฉาจื่อซูถามขึ้นมา
“ยอดเยี่ยมไปเลยครับ” หยวนโจวพยักหน้า
พวกเขาตกอยู่ในความเงียบไปสักครู่ก่อนที่หยวนโจวจะกล่าวออกมาว่า “สายมากแล้ว ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“ได้ครับ ผมรู้ว่าคืนนี้คุณยังต้องเปิดร้านอีกนี่นา งั้นผมคงไม่รั้งคุณเอาไว้ที่นี่แล้วล่ะ” เฉาจื่อซูกล่าวพลางพาหยวนโจวไปที่ลิฟท์
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น เฉาจื่อซูก็พูดขึ้นมาว่า “เถ้าแก่หยวน ว่างเมื่อไหร่ก็มาที่ร้านได้ตลอดนะครับ ผมยังมีชาดีๆที่วันนี้คุณยังไม่ได้ลิ้มลองด้วยล่ะ คราวหน้าผมจะเลี้ยงชาคุณเองครับ”
“ชาที่ผลิตก่อนวันที่ 5 เมษายนงั้นหรือครับ?” หยวนโจวถามไปตามสัญชาตญาน
“ฮ่าฮ่า ผมจะไปมีของดีแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ? แต่ผมมีชาเหลียนซิน คราวหน้าพวกเรามาลองชิมดูกันนะครับ” เฉาจื่อซูกล่าวพลางลูบศีรษะล้านเลี่ยนของเขาไปด้วย
“อืม คุณเองก็มาลองชิมชาที่ร้านของผมดูบ้างสิครับ หัวหน้าเชฟเฉา” หยวนโจวยื่นคำเชิญให้เช่นกัน
“ได้สิครับ จะให้ผมไปส่งคุณกลับร้านไหมล่ะ?” เฉาจื่อซูถามขึ้นหลังจากเดินออกจากร้านไปแล้ว
“ไม่ต้องหรอกครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“แน่ใจนะครับ?” เฉาจื่อซูถามขึ้นมาบ้าง
“ครับ ขอบคุณครับ” หยวนโจวกล่าว
“ได้ครับ งั้นผมจะไม่พูดมากแล้วล่ะ ไว้เจอกันที่ร้านของคุณพรุ่งนี้นะครับ” เฉาจื่อซูกล่าวขึ้น
“โอเคครับ” หยวนโจวพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ หัวหน้าเชฟหยวน” เฉาจื่อซูกล่าว
หยวนโจวพยักหน้าแล้วหันหลังเดินห่างออกไปตามแนวไผ่
เวลาผ่านพ้นไปและวันรุ่งขึ้นก็มาถึง ได้เวลาที่เฉาจื่อซูจะไปเยือนร้านหยวนโจวแล้ว
เฉาจื่อซูที่มาถึงเป็นตัวแทนของร้านซูโดยมีจ้าวน้อยติดสอยห้อยตามมาด้วย สองปีมาแล้วนับตั้งแต่จ้าวน้อยเข้าร้านซูมา แม้ว่าเฉาจื่อซูจะพาคนมาด้วยก็ไม่น่าจะเป็นจ้าวน้อยเลย แต่เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เฉาจื่อซูจึงพบว่าจ้าวน้อยกับหยวนโจวรู้จักกัน เขาเลยตัดสินใจพาจ้าวน้อยมาด้วย
เฉาจื่อซูแสดงมารยาทอันเหมาะสมเมื่อตอนที่ไปเยี่ยมเยียนหยวนโจว ในทำนองเดียวกัน หยวนโจวเองก็หาได้ละเลยมารยาทที่เหมาะสมแต่อย่างใดไม่ บังเอิญว่าเมิ่งเมิ่งก็อยู่ที่นี่เพื่อถ่ายการแกะสลักน้ำแข็งของหยวนโจวด้วย พักนี้ผลงานแกะสลักน้ำแข็งของหยวนโจวค่อนข้างมีชื่อเสียงมากทีเดียว
ดังนั้นหยวนโจวจึงไม่ได้ปิดร้านและปล่อยให้เมิ่งเมิ่งเฝ้าร้านระหว่างที่เขาเดินไปที่สี่แยกเพื่อต้อนรับเฉาจื่อซู ส่วนเฉาจื่อซูเองก็โทรหาตอนที่เขาใกล้จะมาถึงแล้ว
การแข่งขันเพื่อมิตรภาพควรจะเป็นไปแบบสบายๆ ดังนั้นหยวนโจวจึงไม่เจตนาที่จะแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบในอินเตอร์เน็ต ในเมื่อเถ้าแก่หยวนกล่าวออกมาเช่นนั้น เมิ่งเมิ่งทำหน้าที่ได้ดีและปิดอุปกรณ์สตรีมมิ่งหลังจากบอกลาแฟนๆของเธอแล้ว
ตอนนี้เมิ่งเมิ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแล้ว เธอได้รับการนำเสนอสัญญาที่ให้ผลตอบแทนดีจากบางแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งและตอนนี้เธอก็มีอีกชื่อหนึ่งว่าพี่สาวแห่งแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งนั้นด้วย เมื่อปีที่แล้วเธอยังเป็นสตรีมเมอร์ที่ไม่มีชื่อเสียงอยู่เลย นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้
“ผมขอโทษด้วยที่ต้องรบกวนให้เถ้าแก่หยวนมารอที่นี่ด้วยนะครับ” เฉาจื่อซู่กล่าวทักทายขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นหยวนโจว ถึงแม้ว่าจะมีโครงร่างสูงและแข็งแรง แต่เขาก็เป็นคนที่สุภาพมากคนหนึ่งทีเดียว จ้าวน้อยที่อยู่ข้างตัวเขาไม่มีทางเลือกนอกจากยื่นมือออกไปทักทายเช่นกัน
หลังจากผลัดกันทักทายแล้ว หยวนโจวก็นำทางพวกเขาไปยังร้านของเขา จ้าวน้อยได้แต่ตามไปเงียบๆ ส่วนเฉาจื่อซูนั้น เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับถนนเถ่าซือทีเดียวเนื่องจากเขาเคยมาที่นี่มาก่อน ถึงแม้ว่าจ้าวน้อยจะได้ยินได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับถนนสายนี้มามากในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ตามที แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่อยู่ดี
ตอนนี้ร้านหยวนโจวก็ยังนำอยู่ในเรื่องของบทวิจารณ์ในเว็บไซต์อาหารต่างๆที่มุ่งความสนใจไปที่อาหารตำหรับเสฉวน
สาเหตุที่จ้าวน้อยมีท่าทีเช่นนี้ก็เพราะเขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าเจ้าคนที่ทำงานจิปาถะให้เขาในอดีตมากลับเป็นเขาต้องแหงนหน้ามองในตอนนี้ จะว่าไปไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมอยากเชื่อสิ่งที่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้นแหละ