อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 881 คำขอพิเศษของเฉาจื่อซู
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 881 คำขอพิเศษของเฉาจื่อซู
หลังจากได้เห็นสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเองแล้ว จ้าวน้อยก็เดินตามหลังพลางพร่ำบ่นอยู่ในใจไม่หยุด
“อะไรกันเนี่ย? ไม่มีอะไรน่าทึ่งเท่ากับผู้คนในอินเตอร์เน็ตที่ชอบทำอะไรพิเรนทร์ๆอีกแล้วแหละ”
“ถึงแม้ว่าถนนจะสะอาด แต่ก็สับสนวุ่นวายไปด้วยแผงลอยมากมาย”
“ร้านเล็กจริงๆ แถมยังไม่มีป้ายอีกต่างหาก”
“การตกแต่งในร้านดีพอใช้ แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ”
“และดูที่ภาพเขียนทั้งสองที่ติดอยู่บนผนังสิ นี่คือผู้มีการศึกษาที่แสร้งทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ พวกมันน่าจะเป็นภาพเขียนสุ่มๆที่เขาคว้ามาจากที่ไหนสักแห่ง ผู้เขียนคือเตียวซานเม่ยงั้นรึ? ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”
นับตั้งแต่เขาเข้าสู่ถนนเถ่าซือมา จ้าวน้อยก็มองดูทุกหนทุกแห่งด้วยแววดูถูกดูแคลนอยู่ไม่หยุดหย่อน ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะเลวร้ายสำหรับเขาไปเสียหมดและเขาก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ไม่อาจเทียบได้กับการออกแบบอันแสนคลาสสิกและละเอียดประณีตของร้านซู จากสิ่งที่กำลังพร่ำบ่นในใจทำให้เห็นตำแหน่งในตอนนี้ของเขาได้ชัดเจนเชียวล่ะ
อย่างไรก็ตามแต่เขาก็หาใช่คนโง่ไม่ ในเมื่อเขาเคยถูกเฉาจื่อซูตำหนิมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่แต่สีหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมกลับมาเสียเร็วขนาดนี้ล่ะคะ เถ้าแก่หยวน?” เมิ่งเมิ่งกล่าว เนื่องจากเธอเห็นว่าเถ้าแก่หยวนพาแขกมาด้วย เธอจึงไม่ได้ถามอะไรให้มากเกินไปนัก เธอได้แต่กล่าวอย่างสุภาพว่า “ขอฉันดูตอนคุณทำอาหารได้ไหมคะ? ฉันสัญญาว่าจะดูเท่านั้นค่ะ”
“อย่าส่งเสียงดังก็แล้วกัน” หยวนโจวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ นี่เป็นวิธีการตอบตกลงอย่างหนึ่งของเขา เมิ่งเมิ่งรู้สึกเกินความคาดหมายอยู่บ้างจึงพยักหน้ารัวๆพลางยืนอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง
หยวนโจวเตรียมอาหารสำหรับการมาเยือนเอาไว้สองอย่าง ขณะที่เขากำลังจะบอกชื่ออาหารอยู่นั้น เฉาจื่อซูก็พูดขึ้นมา
“ขอโทษด้วยครับ หัวหน้าเชฟหยวน ผมสงสัยว่าจะสามารถเสนออะไรบางอย่างสำหรับการแลกเปลี่ยนวิชาในวันนี้ได้ไหมครับ?” เฉาจื่อซูกล่าวอย่างขอโทษขอโพย
เนื่องจากหยวนโจวยอมกินทุกอย่างเมื่อตอนที่เขาไปเยือนจึงทำให้เฉาจื่อซูรู้สึกละอายใจที่จะเรียกร้องเมื่อถึงคราวที่เขามาเยือนบ้าง
“บอกมาเถอะครับ” หยวนโจวกล่าว
“ผมได้ยินมาจากลูกศิษย์ของผมว่าคุณวิเคราะห์ปลาต้มเผ็ดเอาไว้เสียละเอียดทีเดียว ดังนั้นผมเลยสงสัยว่าจะสามารถรวมอยู่ในอาหารวันนี้ได้ไหมครับ?” เฉาจื่อซูกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าหากมีปัญหาเกี่ยวกับตัววัตถุดิบก็ลืมมันไปเสียเถอะครับ คำขอของผมก็ออกจะฉุกละหุกเกินไปเสียหน่อย”
“ไม่มีปัญหาครับ” หยวนโจวพยักหน้า
ลูกศิษย์คนที่ว่าก็คือจ้าวซินนั่นเอง หยวนโจวพิจารณาด้วยความสงสัย เขาไปวิเคราะห์ปลาต้มเผ็ดเอาไว้เสียละเอียดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนที่เขาต้องจัดการ แต่เขาก็ตกลงที่จะทำอยู่ดี
สาเหตุเดียวสำหรับคำขอของเฉาจื่อซูก็เนื่องมาจากสิ่งที่จ้าวน้อยพูดนั่นแหละ
ไม่รู้เกมือนกันว่าเมื่อวานนี้จ้าวน้อยพูดอะไรไปบ้างหลังจากหยวนโจวกลับไปแล้ว แต่หากไม่มีปัญหาจริงแล้วล่ะก็ปัญหาก็คงไม่วิ่งมาหาเขาง่ายๆแบบนี้หรอก
“ผมคงสร้างความยุ่งยากให้คุณเสียแล้วสิครับ เถ้าแก่หยวน” เฉาจื่อซูกล่าวอย่างเบิกบานใจแล้วขอบคุณอย่างจริงจัง
“ด้วยความยินดีครับ เชิญนั่งก่อนเถอะครับ” หยวนโจวเชิญ
“งั้นผมจะรออาหารของคุณนะครับ หัวหน้าเชฟหยวน ต้องขอโทษที่สร้างความยุ่งยากให้ด้วยนะครับ” เฉาจื่อซูกล่าวแล้วไปนั่งที่
“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วไม่สนใจที่แสดงท่าทีถ่อมตัวอีกต่อไป
“วันนี้ผมจะเสิร์ฟปลาต้มเผ็ดกับข้าวขาวธรรมดานะครับ” หยวนโจวเปลี่ยนอาหารเพื่อให้เข้ากับปลาต้มเผ็ดมากยิ่งขึ้น
ในความคิดของหยวนโจว ปลาต้มเผ็ดเข้ากับข้าวขาวธรรมดามากที่สุดแล้ว
“ครับ” เฉาจื่อซูตอบตกลง เขาค่อนข้างรู้สึกตกตะลึงเนื่องจากเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเสิร์ฟอาหารกันง่ายๆเช่นนี้ ควรทราบว่าเมื่อคราวที่หยวนโจวเยือนนั้น ร้านซูถึงกับเตรียมอาหารอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่เนื่องจากหยวนโจวเป็นเจ้าภาพ เฉาจื่อซูจึงได้แต่ตอบตกลงเท่านั้นแล้ว
“หยวนโจวผู้นี้ก็แค่ทำท่าทำทางไปงั้นแหละ เขาคิดว่าจะสามารถทำเป็นเล่นเพียงเพราะนี่คือการแลกเปลี่ยนเพื่อมิตรภาพงั้นรึ?” จ้าวน้อยพร่ำบ่นอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็ได้ข้อสรุปในใจว่า “แต่ก็นั่นแหละนะ ร้านเล็กๆแบบนี้จะไปเตรียมวัตถุดิบอะไรได้มากมายนักเล่า ถ้าเกิดความผิดพลาดในการจำหน่ายวัตถุดิบขึ้นมาล่ะก็คงได้เททิ้งแน่ๆ”
จ้าวน้อยคิดว่าการที่ร้านหยวนโจวมีชื่อเสียงอย่างน้อยวัตถุดิบที่นี่ก็น่าจะสดใหม่แหละน่า ไม่อาจโทษที่จ้าวน้อยจะรู้สึกเหนือกว่าที่นี่ ถึงอย่างไรร้านซูก็มีห้องเก็บของขนาดใหญ่มากสำหรับวัตถุดิบพวกนั้น
ทุกวันจะมีการจัดเตรียมผักสด เนื้อสัตว์ ปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็มรวมไปถึงของชั้นยอดอื่นๆ เช่น หอยเป๋าฮื้อที่รอให้เชฟนำไปใช้ตามที่พวกเขาต้องการ
แน่นอนว่าหยวนโจวหาได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่จ้าวน้อยกำลังคิดอยู่แต่อย่างใด เขากำลังโต้เถียงกับเจ้าระบบอย่างเอาเป็นเอาตาย เนื่องจากเปลี่ยนอาหาร ราคาของวัตถุดิบก็เลยต้องเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะทำให้เจ้าระบบคืนเงินที่คิดเขาไปก่อนหน้านี้มา
หลังจากเฉาจื่อซูนั่งลงแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นอีกคนอยู่ในร้าน
“หัวหน้าเชฟเฉิง ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” เฉาจื่อซูถามพลางขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าจะยังคงเรียกเขาว่าหัวหน้าเชฟด้วยความสุภาพ แต่จากน้ำเสียงกระด้างเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใคร่จะดีนัก
ทันทีที่เฉาจื่อซูพูดขึ้นมา จ้าวน้อยก็เงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญานและหยุดพร่ำบ่นเรื่องหยวนโจวในใจไป
“นายจะสนใจไปทำไมเล่า?” คุณเฉิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่สนใจแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นเลยสักนิด
“นายเองก็ได้รับคำเชิญจากหัวหน้าเชฟหยวนให้มาแลกเปลี่ยนวิชาที่นี่เหมือนกันด้วยเหรอ? ฉันขอโทษด้วยนะที่ต้องบอกว่าฉันถูกเชิญเป็นคนแรกเลยล่ะ” เฉาจื่อซูสรุปหลังจากเห็นคุณเฉิงกำลังจ้องมองไปทางครัวที่หยวนโจวกำลังยุ่งง่วนกับการทำอาหารอย่างจริงจัง
คนที่มีปฏิกิริยาต่อคำพูดของเฉาจื่อซูมากที่สุดหาใช้คุณเฉิง แต่กลับเป็นจ้าวน้อย
จ้าวน้อยรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ หยวนโจวก็แค่คนงานจิปาถะ เขากล้าดีอย่างไรมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอาจารย์ของเขา? เขาคู่ควรที่จะได้รับคำเชิญจากเชฟที่มีชื่อเสียงมากมายถึงเพียงนี้เชียวนี้หรือ?
ใช่แล้วล่ะ จ้าวน้อยรู้จักคุณเฉิงเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรคุณเฉิงก็เป็นถึงเชฟที่มีชื่อเสียงนี่นา เขาได้รับคำวิจารณ์ในแง่ที่ดีจากต่างประเทศในเว่ยป๋อของเขาจึงยากนักที่จะไม่รู้จักเขา
“ก็แค่รอให้แกทำอาหารให้เสร็จเท่านั้นแหละน่า แกก็จะถูกสั่งสอนเองนั่นแหละ” จ้าวน้อยสบถอยู่ในใจ
“โฮ่โฮ่” คุณเฉิงสงบสติอารมณ์เอาไว้แล้วไม่คิดจะพูดอะไรเนื่องจากเขายังอยู่ในร้านหยวนโจว
“ดูเหมือนพออยู่ต่อหน้าหัวหน้าเชฟหยวนแล้วนายจะสุภาพมากเชียวนะ ฉันสงสัยเสียจริงเชียวว่านายจะอดทนทำไปได้นานสักแค่ไหนกัน” เฉาจื่อซูกระทบกระเทียบ
“นานกว่านายแหละน่า” ในที่สุดคุณเฉิงก็หันมากล่าว ถึงอย่างไรเขาก็รักษาท่าทีสุภาพยามอยู่ที่นี่มาได้กว่าครึ่งค่อนปีแล้ว
เฉาจื่อซูส่งเสียงออกทางจมูกแล้วเมินคุณเฉิงไปเสีย
ด้วยความรู้สึกเป็นปรปักษ์ของทั้งสองคนทันทีที่เจอหน้ากัน เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขารู้จักกันค่อนข้างดีทีเดียว
ที่มาของความเป็นปรปักษ์ของพวกเขาก็ไม่มีอะไรมาก พวกเขารู้จักกันระหว่างการแข่งขันทำอาหารครั้งหนึ่ง เนื่องจากความคิดเห็นในการทำอาหารที่แตกต่างกัน พวกเขาจึงรู้สึกเป็นปรปักษ์ต่อกัน เฉาจื่อซูคิดว่าอาหารทำให้ประวัติศาสตร์มีน้ำหนักเช่นกัน เนื่องจากอาหารก็เป็นส่วนที่สำคัญของประวัติศาสตร์
ส่วนคุณเฉิงนั้น เขาคิดว่าอาหารก็คืออาหาร ไม่ว่าจะใช้ถ้อยคำที่วิจิตรพิสดารสักเพียงใด อาหารก็ยังเป็นอาหารอยู่วันยังค่ำไม่จำเป็นต้องไปให้น้ำหนักเพิ่มเติมแต่อย่างใดเลย ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถโน้มน้าวใจอีกฝ่ายได้จึงทำให้ต้องติดแหง็กอยู่เช่นนั้น
จนในที่สุดก็เลวร้ายจนถึงขั้นที่คุณเฉิงรู้สึกว่ามารยาทของเฉาจื่อซูก็เป็นการเสแสร้งแกล้งทำด้วย ขณะที่เฉาจื่อซูกลับรู้สึกว่าด้วยอุปนิสัยของคุณเฉิงทำให้เขาออกจะเป็นคนกักขฬะอยู่บ้าง
และเพราะความไม่ชอบหน้ากันและกันนั่นเองทำให้พวกเขามีความรู้สึกเป็นปรปักษ์ทันทีที่เจอหน้ากัน
“หือ? งั้นคุณเฉิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับคนผู้นี้น่ะสิ?” เมิ่งเมิ่งกะพริบตาปริบๆแล้วมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้
โชคดีที่เธอตระหนักขึ้นมาได้ว่าเป็นเรื่องยากขนาดไหนกันที่หยวนโจวจะยอมให้เธอเข้ามาได้ ดังนั้นเธอจึงไม่อ้าปากพูดอะไรออกมา
ร้านตกอยู่ในความเงียบงัน เหลือเพียงแค่เสียงของหยวนโจวที่กำลังทำอาหารดังสะท้อนอยู่กลางอากาศ
“อาจารย์ดื่มชาครับ” จ้าวน้อยสังเกตว่าหยวนโจวไม่ได้เสิร์ฟชาให้พวกเขาเลยจึงยื่นชาที่เขาเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าให้เฉาจื่อซู
ความหมายที่แฝงอยู่เบื้องหลังการกระทำเช่นนี้ชัดเจนทีเดียว จ้าวน้อยกำลังตำหนิหยวนโจวว่าช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย
“อืม” เฉาจื่อซูรับชาเอาไว้ แน่นอนว่าเขาหาได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่จ้าวน้อยกำลังบอกใบ้แต่อย่างใด แต่เขากลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อีกอย่างนะ ถึงแม้ว่านายจะไม่รู้จักลูกศิษย์ของฉัน แต่เขาก็ได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรจากหัวหน้าเชฟหยวนมาเชียวล่ะ สามารถพูดได้เลยว่าฉันได้สานความสัมพันธ์กับหัวหน้าเชฟหยวนก็เพราะเจ้านี่แหละนะ” จู่ๆเฉาจื่อซูก็บอกคุณเฉิงขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะอวดอ้างความสัมพันธ์ที่เขามีกับหยวนโจวอย่างอ้อมๆ
จ้าวน้อยทำให้เฉาจื่อซูรู้ว่าเขาได้แตะต้องโดนข้อห้ามของคุณเฉิงเข้าเสียแล้ว
ทันใดนั้นคุณเฉิงก็หันมาเห็นสีหน้าตกตะลึงและขุ่นเคืองใจของจ้าวน้อย เขาถึงกับยิ้มเยาะขึ้นมาทันที
“อะไรนะ? เขาเคยเรียนรู้จากที่นี่มาก่อนงั้นรึ? เรียนรู้จากอาจารย์หยวนน่ะเหรอ?” คุณเฉิงเย้ยหยัน “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเลย เขายังไม่คู่ควรถึงขนาดนั้นหรอก นายฝันไปล่ะมั้ง?”
“จ้าวน้อย เล่าเรื่องหัวหน้าเชฟหยวนซิ” เฉาจื่อซูหันไปกระตุ้นเร้าจ้าวน้อย