อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 883 นิสัยแย่ๆของฉัน
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 883 นิสัยแย่ๆของฉัน
“เขามันก็แค่คนงานจิปาถะ เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เป็นอันขาด” จ้าวน้อยตะโกนพลางชี้นิ้วไปทางหยวนโจว
จ้าวน้อยหาใช่คนโง่เขลา ถ้าหากสมองของเขายังทำงานเป็นปกติแล้วล่ะก็คงไม่เอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกมาต่อหน้าอาจารย์ของเขาแน่
แต่ความอิจฉาทำให้เขาตัดสินใจผิดพลาด เมื่อใครสักคนรู้สึกอิจฉาย่อมกระทำหลายๆเรื่องที่ดูเหมือนคนโง่ออกไป
ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวน้อยก็กำลังพูดความจริงอยู่ เป็นความจริงที่ว่าหยวนโจวเคยเป็นคนงานจิปาถะในครัวมาก่อนอีกต่างหาก จ้าวน้อยแค่อยากปกป้องร้านของตัวเองจึงได้กล่าวเรื่องนั้นออกไป
น่าเสียดายที่คำพูดไม่อาจพูดซี้ซั้วได้
ดังนั้น…
“นี่มันคนบ้าหรือไงกัน?” เมิ่งเมิ่งมองจ้าวน้อยด้วยความไม่อยากเชื่อด้วยความรู้สึกราวกับคนผู้นี้มีปัญหาทางจิตอย่างไรอย่างนั้นก็ไม่ปาน
“จ้าวซิน!” เฉาจื่อซูหันไปตะโกนด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“เฮ้ ฉันมีนิสัยแย่ๆอย่างนึงอยู่นะ นายอยากลองชิมหมัดของฉันสักหน่อยไหมล่ะ? จะบอกให้เอาบุญนะว่าถ้าหากนายไม่ยอมขอโทษล่ะก็อย่าฝันไปหน่อยเลยว่าวันนี้จะออกจากประตูบานนี้ไปได้เลย” คุณเฉิงม้วนแขนเสื้อขึ้นเตรียมที่จะวิวาทแล้ว
แต่ในเมื่อหยวนโจวยังไม่พูดอะไรเลย คุณเฉิงจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็เห็นหยวนโจวเป็นอาจารย์ของตัวเองทำให้เขาต้องยอมปฏิบัติตามความต้องการของอาจารย์ตนเอง
หยวนโจวเหลือบมองจ้าวน้อยแล้วพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณจำผมได้จริงๆสินะ แต่ว่าพวกเราก็ไม่สนิทกันไม่ใช่เหรอครับ?” หยวนโจวกล่าวด้วยความประหลาดใจ
หยวนโจวไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด ทว่ากลับเริ่มหวนระลึกถึงเมื่อครั้งอยู่ที่โรงแรมแห่งนั้น
อันที่จริงแล้ว จ้าวน้อยหาได้มีความแค้นกับหยวนโจวเลย ถึงอย่างไรจ้าวน้อยก็เคยเป็นผู้ช่วยเชฟส่วนหยวนโจวก็เป็นเพียงแค่คนงานจิปาถะของที่นั่นก็เท่านั้นเอง แม้ว่าจะมีการใช้เล่ห์กระเท่ห์ในการทำงานอยู่บ้างก็น่าจะไม่ใช่เรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองคนแต่อย่างใดเลยนี่
ดังนั้นเมื่อวันนั้นหยวนโจวจึงรู้สึกตกตะลึงที่พบว่าจ้าวน้อยยังจดจำเขาได้ และตอนนี้เมื่อมองเห็นท่าทีเกลียดชังของจ้าวน้อยแล้ว หยวนโจวจึงรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจสาเหตุแห่งความคุมแค้นในครั้งนี้เอาเสียเลย
“งั้นนายก็ไม่เคยเรียนรู้อะไรมาจากหัวหน้าเชฟหยวนมาก่อนเลยน่ะสิ?” เฉาจื่อซูขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นพลางลูบศีรษะล้านเลี่ยนไปด้วย
“เรียนบ้าบออะไรกันเล่า เฉาจื่อซู นายเป็นคนพาเขามาที่นี่ก็จงให้คำอธิบายแทนเขามาด้วย” คุณเฉิงตะคอกออกไป
เมื่อแลเห็นสายตาขึ้งโกรธจากผู้คนมากมายโดยหนึ่งในนั้นยังเป็นอาจารย์ของเขาอีกต่างหาก จ้าวน้อยก็ชักจะลนลานขึ้นมาเสียแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าสับสนของหยวนโจวเข้า เขาก็รู้สึกราวกับว่าความคุมแค้นของเขาเป็นการโชว์เดี่ยวไปโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้ยิ่งกระพืออารมณ์โกรธของเขาขึ้นไปอีกจนพาให้เขามีความใจกล้ามากยิ่งขึ้นในทันที
“ผมกำลังพูดเรื่องจริงอยู่ไง เขาเป็นคนงานจิปาถะจริงๆนะ!” จ้าวน้อยชี้ไปทางหยวนโจวแล้วตอกย้ำเข้าไปอีก
“นายอยากตาย พิการหรือว่าตกเลือดกันดีล่ะ? ฉันจะรับมือกับผลที่ตามมาเอง” คุณเฉิงกล่าวพลางกวาดตามองไปรอบๆเพื่อเสาะหาอาวุธที่เหมาะมือ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมองหามีดอยู่
“นายจะมาเดือดร้อนอะไรด้วยเล่า? เขาเป็นลูกศิษย์ของฉัน ไม่จำเป็นต้องให้นายมาจัดการหรอกน่า” เฉาจื่อซูกล่าวพลางตบจ้าวน้อยไปฉาด
เพี๊ยะ เสียงตบดังสนั่นไปทั่วร้าน
ทีแรกจ้าวน้อยก็รู้สึกตื่นตะลึงที่จู่ๆก็ถูกเฉาจื่อซูลงไม้ลงมือจนไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรได้เลย คราวนี้เขาตบหน้าก่อนที่จะจ้องมองจ้าวน้อยด้วยสายตาเย็นชา
รอยฝ่ามือที่ประทับลงบนใบหน้าของจ้าวน้อยทำให้หัวของเขารู้สึกโล่งขึ้นมาทันที
“ขอโทษครับหัวหน้าเชฟหยวน ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องขออภัยจริงๆ” จ้าวน้อยก้มศีรษะขอโทษโดยไม่ลังเล น้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
“ผมต้องขอโทษอย่างสุดซึ้งกับเรื่องนี้ด้วยนะครับ หัวหน้าเชฟหยวน มันเป็นความผิดของผมเองที่อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ได้ไม่ดี” เฉาจื่อซูก้มศีรษะแล้วกล่าวขอโทษขอโพยเช่นเดียวกัน
หยวนโจวไม่ได้พูดอะไรออกไปขณะที่คุณเฉิงยังคงกวาดตามองไปรอบๆพลางคิดว่าจะเอากระถางดอกไม้มาเป็นอาวุธแทน เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำบ้าอะไรน่ะ? นายจัดการเรื่องนี้ด้วยการขอโทษแค่นั้นน่ะเหรอ? นายกำลังฝันอยู่หรือไง?” คุณเฉิงจ้องมองจ้าวน้อยอย่างแทบจะกินเลือดกินเนื้อ เขาช่างแตกต่างจากยามปกติที่ออกจะเป็นคนเรียบง่าย สัตย์ซื่อและสุภาพไปโดยสิ้นเชิง
“นายจะไปเดือดร้อนทำไมกันเล่า? ฉันก็ยอมรับแล้วนี่ว่าอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ได้ไม่ดี หัวหน้าเชฟหยวนต่างหากที่จะเป็นคนที่จะบอกว่าอยากให้จัดการกับเรื่องนี้ยังไง เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า?” เฉาจื่อซูกล่าวอย่างเหลืออด
“แล้วไงล่ะ? หา ฉันจะบอกให้นะว่าฉันต่างหากเล่าที่เป็นคนที่กำลังเรียนรู้จากอาจารย์หยวนและถือได้ว่าเป็นลูกศิษย์ของเขาครึ่งตัว” คุณเฉิงบอกพลางส่งเสียงออกทางจมูกขณะที่เขาเริ่มยกกระถางดอกไม้ขึ้นมา
“จ้าวซิน หลบไป” เฉาจื่อซูรีบบอกให้จ้าวซินหลบไป
“ฮ้า?” จ้าวซินค่อนข้างตกตะลึงขณะที่เขาเหม่อมองไปทางอาจารย์ของตนเอง
“นายจะอยู่ตรงนี้รอให้เขาตีตายหรือไง?” เฉาจื่อซูกล่าวพลางชี้ไปทางอาจารย์เฉิงที่เพียงแค่ยกกระถางดอกไม้ขึ้นมาเท่านั้น
“โอ้ ครับ” ในที่สุดจ้าวซินก็สังเกตเห็นว่าคุณเฉิงกำลังจะทุ่มกระถางใส่เข้าจริงๆหาได้ล้อเล่นแต่อย่างใดไม่ เขาจึงรีบหันหลังแล้วออกวิ่งในทันที
คุณเฉิงกำลังจะทุ่มกระถางดอกไม้ใส่เขาแล้ว
“อย่าทุ่มกระถางดอกไม้เชียวนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมาทันที นี่เป็นกระถางดอกไม้ที่เขาเพิ่งจะซื้อมาหลังจากจ่ายเงินไป 50 หยวน
ทันทีที่หยวนโจวพูดขึ้นมา คุณเฉิงก็หยุดแล้ววางกระถางดอกไม้ลง เมื่อเขาเห็นจ้าวน้อยเอาแต่วิ่งอยู่ก็เริ่มไล่ตามพลางตะโกนบอกว่า “อย่าหนีนะ ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ตีนายให้ตาย ต่อไปฉันจะเริ่มเขียนชื่อตัวเองกลับหัวเลยเอ้า!”
ทั้งสองคนจึงออกจากร้านไปทั้งแบบนั้น เมิ่งเมิ่งเป็นคนที่มีท่าทีตอบสนองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกรงว่าจเกิดเรื่องร้ายขึ้น เธอจึงรีบวิ่งตามคุณเฉิงไปแล้วตะโกนว่า “คุณเฉิง ใจเย็นๆก่อนนะคะ”
ตอนนี้เหลือเพียงแค่หยวนโจวกับเฉาจื่อซูอยู่ในร้านเท่านั้น
“ผมต้องขอโทษจริงๆครับ หัวหน้าเชฟหยวน เจ้าน้อยบ้าไปแล้วจริงๆ เป็นความผิดของผมเองที่อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ได้ไม่ดี” เฉาจื่อซูกล่าวขอโทษขอโพยพลางลูบศีรษะล้านเลี่ยนของตนเองไปด้วย
“งั้นคุณอยากให้พวกเราจัดการกับเรื่องนี้ยังไงล่ะครับ?” เฉาจื่อซูยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองหยวนโจวด้วยสีหน้าละอายใจ
นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอับอายจริงๆ เขาเป็นคนพาลูกศิษย์มาที่ร้านแห่งนี้สำหรับการแลกเปลี่ยนเพื่อมิตรภาพ แต่กลับกลายเป็นว่าลูกศิษย์ของเขากลับไปด่าทออีกฝ่ายเสียได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้านของอีกฝ่ายนับเป็นการกระทำที่เหมือนกับการมาเยือนใครสักคนถึงบ้านเพื่อตบหน้าคนเขาก็ไม่ปาน
เมื่อเฉาจื่อซูนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้ เขาก็รีบไปลากตัวจ้าวน้อยแล้วประเคนลูกเตะเข้าให้ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทเป็นอันมาก ไม่มีสิ่งใดจะหยาบคายไปกว่าสิ่งที่จ้าวน้อยเพิ่งจะทำลงไปอีกแล้ว
ส่วนคุณเฉิงนั้น เฉาจื่อซูหาได้ถือเป็นอารมณ์แต่อย่างใดไม่ อันที่จริงแล้วคุณเฉิงก็นิสัยไม่ค่อยดีอยู่แล้วแถมยังชอบทะเลาะกับโจวซื่อเจี๋ยอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรเขาก็อายุมากแล้วต่างจากจ้าวซินที่ยังอยู่ในช่วงสำคัญ คุณเฉิงจึงจับตัวจ้าวซินไม่ได้เสียทีอย่างไรเล่า
ที่สำคัญเขาต้องช่วยระบายความโกรธของผู้ตกเป็นเหยื่อด้วย
“แค่กินอาหารให้หมดก็พอแล้วครับ” หยวนโจวกล่าวอย่างแยแสสนใจ
“ฮ้า?” เฉาจื่อซูมัวแต่เหม่อลอยจึงรู้สึกสับสนไปโดยสิ้นเชิง
“ถ้าหากคุณกินอาหารไม่หมดก็ไม่ต้องมากินอะไรอีกต่อไปแล้วนะครับ” หยวนโจวกล่าวพลางชี้ไปที่ป้าย “อย่ากินทิ้งกินขว้าง” บนฝาผนัง ช่างน่าขันมากทีเดียวที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้น
เมื่อเฉาจื่อซูมีสีหน้าสงบนิ่งและดูเหมือนจะไม่สนใจ เขาก็ได้ข้อสรุปว่าหยวนโจวพยายามที่จะยุติเรื่องนี้ด้วยความสมานฉันท์ ความนับถือของเขาในตัวหยวนโจวจึงเพิ่มพูนขึ้นพลางรู้สึกขอบคุณเขาอยู่ข้างในด้วย
พูดตามตรงเลยนะ ถ้าหากเขาตกอยู่ในสถานการณ์อย่างหยวนโจว แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ตนเองบันดาลโทสะออกมาเพื่อเห็นแก่มารยาทก็ตามที่ แต่เขาก็สงสัยว่าหากนี่เป็นการแสดงที่อีกฝ่ายจัดฉากขึ้นโดยใช้ลูกศิษย์ของเขาหลังจากประสบความพ่ายแพ้ล่ะ
เขาคงไม่น่าจะเป็นคนที่ต่ำช้าจนถึงขนาดคิดเรื่องพรรค์นั้นออกมาได้หรอกน่า แต่มันก็ออกจะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยแล้วกระมัง ทันทีที่อีกฝ่ายได้รับคำชมว่าปลาต้มเผ็ดยอดเยี่ยมกว่า ลูกศิษย์ก็เริ่มคลั่งขึ้นมาทันที
“พอดีผมทำอาหารเอาไว้ในสัดส่วนสำหรับที่เดียวเท่านั้นน่ะครับ” หยวนโจวกล่าวเสริม