อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 885 การแสดงความมีน้ำใจจากผู้อาวุโส
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 885 การแสดงความมีน้ำใจจากผู้อาวุโส
“ฉันรู้แล้วล่ะน่าก็เลยตั้งใจมาตอนที่ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านยังไงเล่า” ซุนหมิงบ่นพึมพำเบาๆ
“อะไรนะ?” หยวนโจวถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกน่า นายจำวันเกิดฉันได้ไหม?” ซุนหมิงเปลี่ยนเรื่องคุย
“เมื่อไม่นานมานี้ไง” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย อย่างที่ฉันเคยบอกนายไป วันเกิดตามปฏิทินจีนของฉันไงเล่า” ซุนหมิงกล่าวด้วยความมั่นใจ
“นายพยายามจะทำอะไรกันแน่?” หยวนโจวตรงเข้าประเด็น ถึงแม้ว่าเขาจำวันเกิดจริงๆของซุนหมิงไม่ได้ แต่เขาก็พอจะทราบว่าระหว่างปฏิทินจีนกับปฏิทินเกรกอเรียนคงไม่แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่นักหรอกก็แค่ยืดระยะห่างออกไปด้วยการนำเอาหลายๆเดือนมาคั่นกลางเอาไว้เท่านั้นแหละ
“ฮ่าฮ่า เจ้าเข็มทิศ นายเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันเลยนะ” ซุนหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางลูบพุงป่องๆไปด้วย
“คายออกมาซะดีๆ” หยวนโจวเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องทำอาหารให้ซุนหมิงกิน
ในความคิดของหยวนโจว ซุนหมิงก็แค่หาข้ออ้างที่จะกินอาหารฟรีๆเสียมากกว่า
“คำขอของฉันง่ายดายมากเลยล่ะ แค่ตอบตกลงมาก่อนก็พอ” ซุนหมิงกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ นับเป็นเรื่องหายากที่จะได้เห็นเขาแสดงท่าทีกลิ้งกลอกเช่นนี้
“บอกสิ่งที่นายต้องการมาก่อนสิ” หยวนโจวเกิดความระแวงขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อเห็นท่าทีของซุนหมิง
ซุนหมิงนับได้ว่าเป็นพี่ชายคนหนึ่งและหยวนโจวก็รู้จักเขาดีทีเดียว เขาแน่ใจว่าซุนหมิงพยายามที่จะขอร้องเขาในเรื่องที่ใหญ่มากเป็นแน่ๆ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจริงๆ ฉันแค่อยากไปดูห้องชั้นบนของนายก็เท่านั้นเองน่ะ” ซุนหมิงกล่าวขึ้น
“ไม่ได้” หยวนโจวปฏิเสธพลางไขว้แขนเอาไว้ที่หน้าอก
“นั่นเป็นคำขอเดียวของฉันจริงๆนะ ฉันแค่อยากไปดูเท่านั้นเอง ฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ไปแตะต้องอะไรเป็นอันขาด ตอนนี้ฉันจะมีแค่ตาแต่ไม่มีมือ” ซุนหมิงให้สัญญา
“ไม่ได้” หยวนโจวปฏิเสธอีกครั้ง แถมยังไม่สนใจที่จะถามหาเหตุผลอีกต่างหาก
“คิดเสียว่าเป็นของขวัญวันเกิดฉันก็ได้นะ เจ้าเข็มทิศ ฉันรู้ว่านายเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับเพื่อนมากที่สุด” ซุนหมิงกล่าวขึ้นมา
คราวนี้หยวนโจวไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีก เขาส่ายหน้าแล้วไม่สนใจซุนหมิงอีก
ตอนนี้หยวนโจวกำลังมองซุนหมิงด้วยสายตาแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหมอนี่กันแน่? ทำไมถึงได้อยากเข้ามาดูห้องนอนของผู้ชายอีกคนกันนะ?
เขาคงไม่ได้เปลี่ยนรสนิยมทางเพศหลังจากถูกแม่เทพธิดาปฏิเสธเอาหรอกใช่ไหม? หยวนโจวถึงกับตัวสั่นเมื่อเขานึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้
“เฮ้ ทำไมนายมองฉันแบบนั้นเล่า?” ซุนหมิงตะโกนขึ้นมาทันทีเมื่อเขาแลเห็นสายตาแปลกๆของหยวนโจวเข้า
“นายคิดว่าไงล่ะ?” หยวนโจวกล่าวอย่างเย็นชา
“ฉันแค่อยากดูเฉยๆก็เท่านั้นเอง มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” ซุนหมิงบ่น “นายมันไอ้คนขี้ระแวง”
“ได้สิ ถ้าหากนายเปลี่ยนเพศมาเมื่อไหร่ ฉันจะอนุญาตทันทีเลยเชียวล่ะ” หยวนโจวกล่าวประณามอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าแม้แต่จะคิดแบบนั้นเชียวนะ หัวใจทั้งดวงของฉันเป็นของแม่เทพธิดาไปหมดแล้ว” ซุนหมิงกล่าวพลางก้าวถอยหลัง
หยวนโจวมองซุนหมิงด้วยสายตาดูถูกดูแคลนแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แค่ก แค่ก ว่ายังไงล่ะ? นายตกลงหรือเปล่า?” ซุนหมิงถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังสุดขีด
“ถ้าหากนายมาด้วยสาเหตุนี้ล่ะก็จงกลับไปเสียเถอะ” หยวนโจวปฏิเสธอีกครั้งพลางกล่าววาจาที่เฉียบขาดยิ่งกว่าเมื่อก่อนหน้านี้
หยวนโจวไม่มีความคิดที่จะปล่อยให้ผู้ชายเข้าไปดูห้อง ถ้าหากเป็นสาวงามล่ะก็เขาจะคิดดูอีกที แต่เนื่องจากเป็นซุนหมิง เขาจึงไม่ตกลง แม้ว่าซุนหมิงจะเป็นพี่ชายคนหนึ่งก็เถอะ
“นายแน่ใจนะ?” ซุนหมิงถามเป็นครั้งสุดท้าย
“อืม” หยวนโจวพยักหน้าอย่างแน่วแน่
ซุนหมิง “จริงดิ?”
หยวนโจว “อืม”
ซุนหมิง “แน่ใจ๊?”
หยวนโจว “เออ”
ซุนหมิง “นายจะไม่เสียใจแน่นะ?”
หยวนโจว “ไสหัวไปซะ”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันจะบอกเหตุผลที่แท้จริงก็ได้” ซุนหมิงถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้วเนื่องหยวนโจวปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาดถึงขนาดนี้
“ว่ามา” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“นายก็รู้นี่ว่าหลังจากฉันเปิดร้านเมื่อไม่นานมานี้ ฉันก็ต้องทำงานหนักจนไม่ได้ออกไปไหนเลย ฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะไปพนันขันต่ออีกเลยเสียด้วยซ้ำไป” ซุนหมิงชมตัวเองขึ้นมาก่อน
“พูดต่อสิ” หยวนโจวจ้องมองซุนหมิงพร้อมสีหน้าที่บอกเป็นนับให้ซุนหมิงพูดต่อ
“ฉันกำลังพูดเรื่องจริงอยู่นะ ฉันรู้จักแม่เทพธิดาระหว่างงานคืนสู่เหย้าและในที่สุดฉันก็สังเกตเห็นว่าเธอจะเดินผ่านถนนหน้าร้านของฉันเป็นบางครั้งบางคราว ฮ่าฮ่า” ซุนหมิงกล่าวพลางฉีกยิ้ม
ทันทีที่หยวนโจวได้ยินเช่นนั้น เขาก็ได้รู้ว่าพักนี้ซุนหมิงทำงานหนักอย่างน่าเหลือเชื่อ
หยวนโจวรู้ว่าซุนหมิงเป็นคนที่ออกจะไม่ค่อยมีความอดทนในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ เมื่อตอนที่พวกเขากำลังเรียนอยู่ในครัวด้วยกัน ซุนหมิงก็ถอนตัวหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน และหลังจากเขาได้ลองมาหลายอาชีพแล้ว ในที่สุดเขาก็ลงเอยด้วยการเปิดร้านเสื้อผ้า แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ขี้เกียจเปิดร้านเอามากๆและมักจะปิดร้านเพราะมีธุระอยู่เรื่อย ผลก็คือยอดขายของร้านก็เลยไม่กระเตื้องสักเท่าไหร่นัก
เขามักจะเสียเวลาไปกับการชวนใครสักคนไปกินอาหารหรือพนันขันต่อ เขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางและแน่นอนว่าบิดามารดาของเขาก็มักจะจ้องจับผิดพฤติกรรมของเขาอยู่เสมอ แต่เขากลับไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เขาจะเลิกขี้เกียจก็ต่อเมื่อเขาตกหลุมรักใครสักคนเท่านั้นแหละ
เขาหมั่นเปิดร้านบ่อยๆเพื่อจะได้เห็นแม่เทพธิดาของเขาได้มากขึ้นและการที่เขาขยันก็เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งแม่เทพธิดาของเขาอาจจะมาเยือนที่ร้านก็ได้
“แล้วไงล่ะ?” หยวนโจวถามอย่างใจเย็น
“พักนี้พ่อกับแม่เห็นว่าฉันทำงานหนัก แล้วพวกท่านก็เจอนายอยู่ในข่าวทั้งยังพบว่าทุกวันนี้นายดังขนาดไหนด้วยล่ะ” ซุนหมิงกล่าวขึ้นมา
“หืม?” หยวนโจวรู้สึกสับสน เรื่องนี้เกี่ยวข้องยังไงกับเขาล่ะเนี่ย?
“พ่อกับแม่คิดว่าการที่ฉันกลายเป็นคนขยันทำงานก็ต้องขอขอบคุณอิทธิพลในด้านบวกของนายน่ะสิ” ซุนหมิงพูดต่อด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างจนปัญญาเมื่อยามที่กล่าวถึงเรื่องนั้นออกมา
“พวกเขาฉลาดมากทีเดียว” หยวนโจวพยักหน้าแล้วพูดต่อไปว่า “แล้วไงล่ะ?”
“แน่นอนว่าฉันเองก็อายเกินกว่าที่จะบอกพวกท่านเรื่องแม่เทพธิดาของฉัน ฉันยังไม่ได้เป็นแฟนกับเธอเลย ฉะนั้นฉันก็เลยต้องเออออไปกับพวกท่านก่อนจนนำมาสู่เจ้าสิ่งนี้แหละ” ซุนหมิงกล่าวขึ้นมา
“เจ้าสิ่งนี้ที่ว่ามันคืออะไรน่ะ?” หยวนโจวถามขึ้น
“ฉันขอดูห้องนอนของนายหน่อยสิ” ซุนหมิงกล่าว
“แม่ฉันอยากขอบใจนายก็เลยบอกให้ฉันมาดูว่านายขาดเหลืออะไร เธอจะได้ซื้อให้แล้วให้ฉันเอามาให้นายยังไงเล่า” ซุนหมิงกล่าวตามตรงเนื่องจากไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
อันที่จริงแล้ว ซุนหมิงกำลังเล่าเรื่องฉบับย่อให้หยวนโจวฟัง แต่ฉบับเต็มนั้นคือเขาโดนบิดามารดาสวดอยู่เป็นนานแถมยังบอกให้เขาเรียนรู้จากหยวนโจวอีกต่างหาก
พวกท่านยังบอกอีกว่าถึงแม้ว่าเขาจะเสียบิดามารดาไปแล้ว แต่หยวนโจวก็ยังสามารถเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้ถึงขนาดนั้น พวกเขาบอกให้ซุนหมิงคบค้าสมาคมกับหยวนโจวให้มากๆและการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแทนหยวนโจวที่ไม่มีบิดามารดาคอยเฝ้าดูเขาอยู่ และสุดท้ายพวกท่านก็บอกให้ซุนหมิงไปเยี่ยมเพื่อดูว่าพวกท่านจะสามารถซื้ออะไรให้เขาได้บ้าง
แน่นอนว่าก่อนที่ซุนหมิงจะมา พวกท่านก็บอกรายการของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันยาวเหยียดที่คนๆหนึ่งน่าจะต้องใช้ในการดำรงชีวิตมาด้วยแถมยังบังคับให้เขาจดลงไปอีกต่างหาก รายการยาวมากเสียจนเมื่อได้ยินซุนหมิงก็ยังรู้สึกปวดหัวเลย
ทำไมซุนหมิงถึงได้ไม่กล้าบอกเรื่องจริงกับหยวนโจวน่ะเหรอ? เขาเกรงว่าสิ่งนี้อาจจะทำให้หยวนโจวรู้สึกอึดอัดใจเอาน่ะสิ ถึงอย่างไรเขาก็ทราบว่าหยวนโจวเป็นคนที่อ่อนไหวมากทีเดียวเมื่อพูดถึงเรื่องในอดีต เขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องนั้นมากเหลือเกินเช่นกัน ทั้งๆที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่บิดามารดาของเขากลับยังอบรมเข้าราวกับเขาเป็นเด็กๆไปได้
หยวนโจวถึงกับเงียบไปเมื่อได้ยินว่าซุนหมิงมาที่นี่แทนบิดามารดาของเขา ซุนหมิงหาได้รีบร้อนแถมยังอยู่ตรงนั้นเพื่อรอฟังคำตอบของหยวนโจวอีกต่างหาก
“เอาล่ะ ขึ้นชั้นบนทางประตูหลังก็แล้วกัน” หยวนโจวกล่าวพลางพยักหน้า
“ได้เลย ไม่มีปัญหา” ซุนหมิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นายคงไม่คิดว่าฉันเป็นเกย์หรอกใช่ไหม?” ซุนหมิงกล่าวขึ้นมา
อันที่จริง ซุนหมิงก็น่าจะระแวงอยู่หรอก ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ หยวนโจวก็คงไม่ตกลงเรื่องนี้หรอก แต่หลังจากเผชิญทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนี้มา เขาก็เปิดใจมากขึ้นและตอนนี้เขาก็เต็มใจที่จะยอมรับการแสดงความมีน้ำใจดังกล่าวเอาไว้
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะ แล้วอย่านั่งบนเตียงฉันล่ะ” หยวนโจวกล่าวพลางมองไปทางซุนหมิงโดยไม่ต้องสงสัยเลย
“เงียบไปเลย ฉันบอกนายไปแล้วนี่ว่ามันเป็นคำขอของแม่ฉันน่ะ” ซุนหมิงกล่าวขึ้น
“อืม ฝากขอบคุณท่านด้วยแล้วกัน” หยวนโจวกล่าวหลังจากปิดประตู
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงพวกท่านก็คิดว่านายดีกว่าลูกในไส้ของตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ” ซุนหมิงยักไหล่แล้วคร่ำครวญออกมา
“อืม ก็นั่นมันเป็นเรื่องจริงนี่หว่า” หยวนโจวพยักหน้า
“ว้าว นายยอมรับคำชมง่ายๆแบบนั้นเลยเหรอเนี่ย? ฉันเปลี่ยนไปก็เพราะแม่เทพธิดาของฉันต่างหากโว้ย” ซุนหมิงกล่าว
“ฉันหมายถึงคำพูดพวกนั้นของพ่อแม่นายต่างหากเล่า” หยวนโจวยักไหล่
“แต่ก็อีกนั่นแหละนะ นายน่าจะรีบไปร้านตัวเองได้แล้วนะ ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งแบรนด์เสื้อผ้าที่นายดูแลอยู่เป็นที่ยอมรับขึ้นมาหรือสามารถขยายกิจการจนใหญ่โตขึ้นมาได้ แม่เทพธิดาของนายก็คงจะมาเยือนร้านของนายอย่างแน่นอนเลยเชียวล่ะ พวกผู้หญิงชอบเสื้อผ้าสวยๆและนุ่มสบายกันทั้งนั้นแหละ” หยวนโจวให้คำแนะนำพลางขอบคุณบิดามารดาของซุนหมิงไปด้วย
หยวนโจวพยายามที่จะทำให้ซุนหมิงฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อืม สวยแล้วก็นุ่มสบายสินะ จริงด้วย” ซุนหมิงกล่าวพลางลูบคางด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ดีล่ะ” หยวนโจวไม่ได้พูดอะไรมากนักตอนที่เขาเห็นว่าซุนหมิงเจอเป้าหมายที่ต้องไขว่คว้ามาให้ได้แล้ว เขาก็พาซุนหมิงเดินไปทางประตูหลังต่อไป