อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 886 นวมอันแสนล้ำค่า
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 886 นวมอันแสนล้ำค่า
“นี่คือตรอกหลังร้านงั้นรึ? ถึงแม้จะเป็นท้ายตรอก แต่ค่อนข้างสะอาดมากเชียวล่ะ” ซุนหมิงตั้งข้อสังเกต ปกติแล้วท้ายตรอกของร้านอาหารจะต้องสกปรกมากๆ แต่ร้านหยวนโจวนับเป็นข้อยกเว้น
“พวกเราก็แค่อยู่ห่างจากที่นั่นเท่านั้นเอง” หยวนโจวชี้ไปทางตึกสูงที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก
สิ่งนี้ช่างให้ความรู้สึกของการแบ่งแยกระหว่างความร่ำรวยและความยากจน อีกด้านหนึ่งของผนังเป็นอาคารสำนักงานอันแสนโอ่อ่ามากมายนับไม่ถ้วนในขณะที่ด้านนี้ อาคารที่สูงที่สุดคืออาคารสองชั้น เมื่อเทียบกันแล้ว พื้นที่ตรงนี้ช่างดูยากแค้นนัก
แน่นอนว่าความยากจนเป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียวก่อนที่ร้านหยวนโจวจะเปิด
“อืม จริงๆก็ไม่ไกลนะเนี่ย เอ๊ะ นี่เจ้าซุปไม่ใช่หรือไงกัน? นี่คือที่ที่แกมาอยู่ตอนกลางวันงั้นรึ?” ซุนหมิงทักทายอย่างกระตือรือร้นทันทีที่เขาเห็นเจ้าซุป
“โฮ่ง” เจ้าซุปเห่าราวกับกำลังทักทายเขา
“ฮ่าฮ่า เจ้าซุปเป็นเด็กดีจัง คราวหน้าฉันจะเอาไส้กรอกแฮมมาให้แกนะ” ซุนหมิงกล่าวอย่างมีความสุข
หยวนโจวจ้องมองเจ้าซุปกับซุนหมิงก่อนที่จะแอบด่าในใจว่า “เจ้าหมอนี่ไม่เคยทักทายฉันเลยแต่กลับไปทักทายซุนหมิงแทนเสียได้ ดูทีว่าเลี้ยงมันไปก็คงเปล่าประโยชน์แล้ว”
“ไปกันเถอะ” หยวนโจวกล่าวพลางหยุดมองแล้วเดินเข้าไปข้างใน
“โฮ่โฮ่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้มาอยู่ในครัวของนาย” ซุนหมิงกล่าวพลางกวาดตามองไปรอบๆ แน่นอนว่าเขาย่อมเก็บไม้เก็บมือไม่ไปแตะต้องอะไรทั้งสิ้น
“แหงล่ะ” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“ทางนี้” หยวนโจวกล่าวพลางชี้ไปที่ขั้นบันได ครัวยังคงสว่างไสวมากเนื่องจากเมื่อก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้ปิดไฟเลย
“ถ้าหากนายโชว์สถานที่แห่งให้สาวๆดูล่ะก็พวกเธอคงจะรู้สึกตื่นเต้นกันมากแน่ๆ น่าเสียดายที่นายได้แต่โชว์ให้คนหยาบกระด้างอย่างฉันดูแค่คนเดียว” ซุนหมิงรำพึง
“หุบปากไปเลย” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“แต่ก็อีกนั่นแหละ ห้องนอนของนายก็คงจะเหมือนกับเจ้าของแหละนะ คือไม่มีอะไรเลย” ซุนหมิงกล่าวขณะที่กำลังปีนบันได
มันเป็นการปีนในชั่วระยะเวลาสั้นๆแล้วทั้งสองคนใช้เวลาเพียงไม่นานมาถึงชั้นบน ถึงแม้ว่าซุนหมิงจะคุยไม่หยุด แต่เขาก็ปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมและไม่ได้แตะต้องอะไรทั้งสิ้น เขายังคงอยู่ทางด้านหลังหยวนโจวตลอดเวลา
“นี่คือห้องของฉัน ไม่ได้ขาดเหลืออะไร” หยวนโจวกล่าวอย่างจริงจังหลังจากเปิดประตูห้องนอนของตนเองแล้ว
“ฉันฝ่าฝืนคำสั่งแม่ไม่ได้ ฉันจะต้องดูด้วยตัวเอง” ซุนหมิงยักไหล่แล้วลูบท้องป่องๆของตนเอง
“อีกอย่างนะ ฉันนึกว่าทุกวันนี้นายขี่จัดรยานเสียอีก?” จู่ๆหยวนโจวก็นึกขึ้นมาได้ว่าซุนหมิงเคยหัดขี่จักรยานเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ในตอนนั้นเอง จู่ๆซุนหมิงก็ยืนกรานหัวชนฝาที่จะเริ่มขี่จักรยานเพื่อจีบแม่เทพธิดา เขาถึงขนาดคิดจะขายร้านทิ้งแล้ววางเดิมพันทั้งหมดไว้กับการขี่จักรยาน แต่ถึงซุนหมิงจะไม่บอก หยวนโจวก็พอจะทราบอยู่แล้วแหละว่าต้องเกิดการโต้เถียงกันครั้งใหญ่ในบ้านของซุนหมิงเพราะเรื่องนี้เป็นแน่แท้
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เถียงกันเลยสักนิด
“แค่ก แค่ก” ซุนหมิงแสร้งทำเป็นไอเพื่อเลี่ยงการตอบคำถาม
“นายคงต้องยอมแพ้อีกครั้งเสียแล้วล่ะ” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“ถ้านายยังคิดว่าตัวเองเป็นน้องชายอยู่ล่ะก็อย่าได้ถามขึ้นมาเชียว พวกเราไม่ควรเอาแต่มองเรื่องที่ผ่านไปแล้วนะ” ซุนหมิงกล่าวพลางเร่งเร้าให้หยวนโจวเข้าไป
หยวนโจวเข้าใจขึ้นมาในทันที มีอยู่หลายครั้งที่ความดื้อรั้นดันทุรังไม่ก่อให้เกิดอะไร ซุนหมิงขาดความอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก
“เข้ามาสิ” พอหยวนโจวเปิดประตูแล้ว ซุนหมิงก็รีบกวาดตามองข้างในทันที
ห้องของหยวนโจวช่างแตกต่างไปจากห้องของเขา ภายในเป็นเตียงเดี่ยว แถมยังเป็นเตียงที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยเอามากๆอีกต่างหากด้วย ข้างเตียงเป็นตู้ที่มีหนังสืออยู่แถวหนึ่ง โดยมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่เปิดอ้าถึงด้านใน นอกจากนี้ยังมีคอมพิวเตอร์ใหม่เอี่ยมวางอยู่บนนั้นพร้อมเก้าอี้อีกตัวอยู่ข้างตู้ ดูไปแล้วเหมือนเป็นทั้งที่ทำงานและห้องอ่านหนังสือเลยก็ว่าได้
ฝั่งตรงข้ามของเตียงนอนเป็นตู้เสื้อผ้าสีเนื้อไม้ที่ปิดสนิท ข้างตู้เสื้อผ้าเป็นชั้นวางตัวยาวที่มีหนังสืออีกแถววางอยู่ โดยมีของอย่างอื่นวางอยู่บนชั้นด้วย ทั้งยังมีกล่องวางเอาไว้ตรงกลางชั้นอย่างค่อนข้างสะดุดตาจนดูเหมือนว่าจะมีของมีค่าอยู่ข้างในอย่างไรอย่างนั้นแหละ
หน้าต่างประจันกับประตูที่เปิดออกตรงๆโดยมีสายลมเยือกเย็นพัดเข้ามาในห้อง อากาศภายในห้องจึงสดชื่นทว่าไม่หนาวเหน็บ แถมม่านสีน้ำเงินเข้มยังให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบายอีกต่างหาก
ทั่วทั้งห้องดูธรรมดาทว่าเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมยังสะอาดมากกว่าหน้าร้านที่เปิดอยู่เสียด้วยซ้ำไป นี่ก็คือห้องของหยวนโจว
“ไม่เลวนี่ พ่อหนุ่ม นายเก็บกวาดห้องเสียเรียบร้อยเลยเชียวนะ” ซุนหมิงกล่าวขณะที่เดินเข้าไป “จะว่าไปแล้วถ้าหากห้องนอนเรียบร้อยและไม่มีกลิ่นใดๆเลยก็มีความเป็นไปได้สองอย่างเท่านั้นแหละนะ”
หยวนโจวยังคงเอาแต่นิ่งเงียบราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ซุนหมิงรู้สึกแปลกๆเหมือนเคย ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะตั้งคำถามอีกเมื่อตอนที่เขากล่าวเช่นนั้นออกมา
“นายไม่สงสัยเหรอว่าฉันกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ?” ซุนหมิงถามขึ้น
“ไม่นี่แล้วฉันก็ไม่อยากรู้ด้วยล่ะ” หยวนโจวปฏิเสธจนซุนหมิงแทบสำลักคำพูดตัวเอง
หลังจากถูกปฏิเสธ ซุนหมิงก็เริ่มคาดคะเนขนาดห้องเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย ในที่สุดบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนเป็นน่าอึดอัดจนบังคับให้ซุนหมิงต้องหวนกลับไปที่ธุระในมือ
“รู้สึกว่าห้องนายจะไม่หนาวหรือขาดเหลืออะไรเลย นายน่าจะบอกฉันมาตรงๆเลยนะว่าอยากได้อะไร” ซุนหมิงถามพลางขมวดคิ้วหลังจากเดินสำรวจไปรอบห้อง
“ไม่เป็นไรหรอก ฝากขอบคุณแม่นายแทนฉันด้วยนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้นหลังจากหยุดคิดไปสักครู่
“ถ้านายไม่บอกอะไรฉันเลย แม่ฉันจะคิดว่าฉันกำลังโกหกแล้วแกล้งทำทีว่ามาที่นี่เท่านั้นน่ะสิ” ซุนหมิงคร่ำครวญออกมา
“ฉันไม่อยากได้อะไรจริงๆนะ” หยวนโจวตอบหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว แต่เขาไม่อยากได้อะไรจริงๆนี่นา
“นี่คืออะไรงั้นรึ?” ซุนหมิงถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลังจากสายตาของเขาจับจ้องไปที่กล่องใบนั้นอีกครั้ง
ถึงอย่างไรกล่องใบนี้ก็สะดุดตามากเกินไปในห้องเล็กๆห้องนี้
“กล่องใส่นวมชกมวยน่ะ” หยวนโจวปัดมือของซุนหมิงที่กำลังจะเอื้อมไปหากล่องก่อนที่จะอธิบาย
“นวมชกมวยงั้นรึ? นายชกมวยด้วยเหรอ?” ซุนหมิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เปล่า” หยวนโจวตอบ
“งั้นนายจะซื้อนวมแพงขนาดนั้นมาทำไมกันเล่า? เอามาสะสมงั้นรึ? นวมคู่นี้เป็นของนักมวยดังคนไหนงั้นเหรอ?” ซุนหมิงถามขึ้น
“ฉันไม่ได้ซื้อมาหรอก” หยวนโจวกล่าว
“ไม่มีลายเซ็นอยู่บนนั้นเสียด้วยสิ ฉันล่ะสงสัยจริงเชียวว่าจะเป็นของนักมวยคนไหนกัน ไม่ใช่ของถูกๆเลยนะ คู่นึงก็ปาเข้าไปหลายร้อยดอลลาร์สหรัฐแล้ว” ซุนหมิงกล่าวหลังจากเห็นสัญลักษณ์บนกล่อง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้มากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
“ใช่ แพงมากเชียวล่ะแล้วก็เป็นของนักมวยที่ยอดเยี่ยมมากด้วย” หยวนโจวพยักหน้า
ขณะที่เขาพูดนั้น หยวนโจวก็นึกถึงนักมวยที่มักจะมาที่ร้านพร้อมรอยฟกช้ำดำเขียวอย่างรุนแรง ในแต่ละครั้งที่เขามา เขาก็จะเล่าผลการต่อสู้ให้หยวนโจวฟังอยู่เสมอ
ต่อมานักมวยผู้นั้นไม่ได้มาอีก แต่หยวนโจวก็ยังจำได้ว่านักมวยผู้นั้นซื้อนวมคู่นี้ในวันก่อนที่จะเขาจะมาที่ร้าน
นวมคู่นี้เป็นสิ่งที่เขาใช้ลงแข่งในคืนนั้น แน่นอนว่าเมื่อตอนที่เขามาถึงก็จะมีรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วเช่นเคย หยวนโจวจึงนำเอาผ้าขนหนูให้เขาเช็ดทำความสะอาดเหมือนเคย ในวันนั้น นักมวยผู้นั้นอารมณ์ดีมากเสียจนรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าฟกช้ำดำเขียวของเขา
“เช็ดเสียสิครับ อย่ามาทำเลือดหยดใส่ชามผมเชียวนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา
“เฮ้ เฮ้ เถ้าแก่หยวน ผมชนะด้วยล่ะ” นักมวยผู้นั้นกล่าวพลางยิ้มออกมาขณะที่เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมา
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
“ดูนวมคู่นี้สิ ไม่น่าดูเอาเสียเลย” นักมวยอวดโอ่พลางโบกนวมไปมาตรงหน้าหยวนโจว
“ไม่เลวนี่ครับ ยังใหม่อยู่เลย” หยวนโจวพยักหน้า
“แหงอยู่แล้ว ก็ผมเพิ่งจะซื้อมาหลังจากเก็บเงินตั้งสองเดือนแน่ะ มันยอดเยี่ยมมากเชียวล่ะ ผมฝากคนอื่นซื้อมาจากต่างประเทศเชียวนะ คุณหาที่นี่ไม่ได้หรอก” นักมวยผู้นั้นกล่าวขึ้น
“เฮ้ นวมดูดีมากเลย” หลิงหงกล่าวพลางชะโงกคอมามอง
“แหงล่ะ ก็มันแพงมากเลยนี่นา” นักมวยผู้นั้นพยักหน้า
“เถ้าแก่หยวน ผมขอเอาผ้าขนหนูเช็ดมันหน่อยได้ไหม” นักมวยผู้นั้นถามขึ้นด้วยความลังเลใจ เขาไม่ได้เอามันไปเช็ดเลือดเลย
“ได้สิครับ” หยวนโจวพยักหน้า
“ขอบคุณครับ” นักมวยขอบคุณแล้วเริ่มเช็ดนวมของตนเองด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง
ตั้งแต่นั้นมาแต่ละครั้งที่นักมวยผู้นั้นมา เขาก็จะเช็ดนวมของเขาก่อนที่จะสนใจบาดแผลของตนเองเสียอีก สำหรับเขาแล้ว นวมคู่นี้มีความสำคัญมากทีเดียว
มันเป็นเครื่องมือดำรงชีพของเขาเลยก็ว่าได้ ตอนนี้หยวนโจวจึงเก็บรักษานวมเอาไว้รอให้นักมวยผู้นั้นมารับคืนไป
โชคดีที่หยวนโจวหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีดูแลรักษานวมชกมวยในอินเตอร์เน็ต อีกทั้งเขายังถามผู้อื่นมาแล้ว ดังนั้นถ้ามีใครมาเปิดกล่องก็จะเห็นนวมใหม่กริบเชียวล่ะ