อยากกินไหมล่ะ - บทที่ 892 รู้จักกันโดยบังเอิญ
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 892 รู้จักกันโดยบังเอิญ
หลังจากกลับเข้าไปในร้าน หยวนโจวก็ขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำ ตอนที่เขาลงมาชั้นล่างอีกครั้งก็ได้เวลาที่เขาต้องไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารค่ำแล้ว
แน่นอนว่าหยวนโจวยังคงจดจ่ออยู่กับการเตรียมอาหารค่ำของเขาแม้ว่าเรื่องถั่วสามสีจะยังคงกัดกินใจของเขาอยู่ก็ตามที
ในขณะที่หยวนโจวกำลังเตรียมวัตถุดิบอยู่นั้น ลูกค้าก็เริ่มเข้าแถวกันอยู่ข้างนอกแล้ว
วันนี้แถวค่อนข้างแตกต่างออกไป โดยปกติแถวจะอึกทึกครึกโครมไปด้วยเสียงดัง แต่วันนี้บางส่วนของแถวค่อนข้างเงียบไป นั่นก็คือท้ายแถวนั่นเอง
นั่นเป็นเพราะเมื่อสักครู่ หลิงหงเพิ่งเข้าแถวพร้อมชายชราผมสีดอกเลาที่ยังคงก้าวเดินอย่างหนักแน่นและมั่นคงแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตามที
ชายชรามีท่าทางน่าเกรงขามและสีหน้าของเขาก็เข้มงวดมากทีเดียว แม้แต่หลิงหงที่มักจะชอบหยอกเย้าก็ถึงกับยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
และเนื่องจากแรงกดดันเงียบๆที่ชายชราก่อขึ้นและหลิงหงที่มีท่าทีผิดปกติ ผู้คนจึงเริ่มลดเสียงตอนที่คุยกันให้เบาลง
“ที่นี่ใช่ไหม?” ชายชราถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ใช่แล้วล่ะ” หลิงหงพยักหน้า
“ถ้าที่นี่ไม่มีชาดำคีมุนล่ะก็ฉันจะสั่งสอนแก” ชายชรากล่าว
“อืม ผมรู้แล้วน่า” หลิงหงตอบอย่างอับจนหนทาง
พวกเขาค่อนข้างโดดเด่นสะดุดตา และแม้แต่อู๋ไห่ที่อยู่หัวแถวก็ยังเห็นพวกเขาเลย เขาหันมาเดาะลิ้นใส่หลิงหงโดยไม่พูดอะไร
จากสีหน้าของอู๋ไห่ คำพูดที่เขาไม่ได้พูดออกมาก็คือ “หลิงหง ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีวันที่นายอ่อนแอกับเขาด้วย”
“ดูเหมือนฉันจะเลือกมากินไข่ต้มชาสมุนไพรผิดเวลานะ” หลิงหงนวดศีรษะด้วยสีหน้ารำคาญใจ เดิมทีเขาวางแผนที่จะมาหลอกเจ้าเข็มทิศเสียหน่อย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่ถูกหลอกจะเป็นตัวเขาเสียเอง
“ร้านนี้สวะมากเกินไป มันเป็นถึงชาดำคีมุนเชียวนะ! เสียดายของจริงๆ!” ชายชรากล่าวด้วยความโมโหพลางเหลือบมองหลิงหง
“ผมก็แค่มากินเท่านั้นเอง ใช่ว่าผมจะเป็นคนทำเสียหน่อย” หลิงหงปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว
ชายชราเบิกตากว้าง “แกกินไม่ได้หรอก! กว่าแกจะโตขึ้นมาได้เลือกกินขนาดไหน? แกอยากใส่ชาดำคีมุนลงในไข่ต้มชาสมุนไพรของแกงั้นเรอะ? ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยนะว่าแกลิ้มรสของแพงขนาดนั้น?”
ชายชราผู้นี้ก็คือคุณปู่ของหลิงหงนั่นเอง หลิงหงจึงต้องแสดงท่าทีนอบน้อมเฉพาะต่อหน้าคุณปู่ของเขา
เป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่าหลิงหงก็คือสาเหตุที่ทำให้คุณปู่ของเขามาที่นี่
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ครอบครัวหลิงจะนัดรวมตัวกันเป็นครั้งคราวโดยทั้งครอบครัวจะมารวมตัวกันทานอาหาร
ปฏิบัติการในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจากชายชราผู้นี้ เนื่องจากเขาเริ่มมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงเริ่มชอบความรู้สึกที่ถูกคนในครอบครัวห้อมล้อมเอาไว้เพื่อสำราญใจไปกับการแสดงความรักในครอบครัว
แล้วเมื่อคืนนี้หลิงหงก็ก่อเรื่องขึ้นจนได้ เขายืนกรานว่าจะมากินไข่ต้มชาสมุนไพร แถมยังรู้ด้วยว่าอาหารจานนี้เตรียมขึ้นด้วยชาดำคีมุนและหลังจากกินอาหาร กลิ่นหอมรุนแรงของชาก็ยังอวลอยู่ในปากของเขา
ที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นหอมของชาเข้มมากพอ หลิงหงจึงร้องขอให้เติมชาลงในจานของเขาด้วย
ด้วยเหตุนั้น คุณปู่ของเขาที่เป็นคนรักชามากจึงสามารถได้กลิ่นของมัน
ผลก็คือคุณปู่ของเขาได้กลิ่นหอมเข้าจนเกือบจะตีหลิงหงตายทันที ถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังยุ่งๆล่ะก็เขาคงมาถึงร้านหยวนโจวแต่เช้าแล้วล่ะ
เขารอจนถึงเวลาอาหารค่ำก่อนที่จะมาในที่สุด แน่นอนว่าชายชราย่อมต้องอารมณ์บูดอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรเมื่อคืนนี้หลิงหงก็กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่าเขาได้กินไข่ต้มชาสมุนไพรมาแล้ว แต่ไข่ต้มชาสมุนไพรก็ยังหลงเหลือกลิ่นหอมของชาดำคีมุนเอาไว้ในโพรงปากของเขาด้วย ถ้าหากหลิงหงไม่ใช่หลานชายของเขาแล้วล่ะก็คงได้ถูกตีตายไปแล้วล่ะ
“คอยอีกนิดสิ” ชายชรากล่าวตาขุ่นขวางพลางจ้องมองไปที่หลิงหง
ในคราวนี้มีลูกค้าอีกไม่กี่คนมาเข้าแถวต่อท้ายหลิงหงกับคุณปู่ของเขา
คุณปู่ของหลิงหงมีสีหน้าดุร้ายราวกับพยัคฆ์อยู่ตลอดเวลา ในขณะที่หลิงหงยืนตัวตรงด้วยท่าทีนอบน้อมราวกับนกยูงรำแพนหาง
นี่คือฉากที่ยากจะพบเห็นได้
“พี่หลิงเป็นอะไรไปเหรอคะ?” โจวเจียที่เพิ่งจะมาถึงทั้งสงสัยและเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงถามอู๋ไห่ขึ้นมา
“ฉันคิดว่าเขาต้องถูกปู่ตัวเองตีแหงๆ” อู๋ไห่กล่าวพลางลูบหนวดเคราของตนเอง “ดูเหมือนตาเฒ่าจะไม่ค่อยแข็งแรงนะเพราะหลิงหงยังไม่เป็นอะไรเลยสักนิด”
“ฮ้า? แต่หลิงหงยังหนุ่มอยู่เลย คุณปู่ของเขายังจะสู้กับเขาอีกเหรอคะ?” โจวเจียถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้นี่นา” อู๋ไห่กล่าวขึ้นพลางกวาดตามองไปรอบๆ
บังเอิญว่าลูกค้ารายอื่นๆดันได้ยินการสนทนาครั้งนี้เข้าพอดี และเนื่องจากอู๋ไห่เจตนาพูดเสียงดัง เพียงไม่นานนักบรรดาลูกค้าทุกคนจึงรู้ว่าวันนี้หลิงหงถูกคุณปู่ของตัวเองตีเข้าให้
ส่วนสาเหตุที่เขาถูกตีนั้น ทุกคนล้วนมีทฤษฎีของพวกเขาเอง บางคนอ้างว่าเป็นเพราะหลิงหงเจ้าชู้มากเกินไป ในขณะที่บางคนอ้างว่าหลิงหงใช้เงินเป็นเบี้ย สั้นๆก็คือมีการเสกสรรปั้นแต่งเรื่องราวต้นฉบับที่หลิงหงถูกตีกว่า 10 แบบโดยที่อู๋ไห่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว
คุณปู่คนขับรถลากเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน เขาก็คือลูกค้าที่ต่อท้ายหลิงหงนั่นเอง
เขาเป็นคนโอบอ้อมอารีทีเดียว ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินและรู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาก็พูดขึ้นมาบ้าง
“สหายเก่า มาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย?” เขาถามคุณปู่ของหลิงหง
หลิงหงทราบดีถึงความสามารถในการสนทนากับคนแปลกหน้าของคุณปู่คนขับรถลาก ดังนั้นเขาจึงหลีกทางให้พวกเขามีโอกาสได้คุยกัน
“คุณคุยกับผมอยู่เหรอครับ?” ชายชราถามด้วยสีหน้าหดหู่
เมื่อคุณปู่หลิงหันหน้ามาเห็นคุณปู่คนขับรถลาก เขาก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยริ้วรอย เห็นได้ชัดว่านี่คือใบหน้าที่ปราศจากการดูแลเช่นเดียวกับใบหน้าของเขา
อีกด้านหนึ่ง ผมของคุณปู่คนขับรถลากก็ไม่ได้หงอกขาวเท่ากับคุณปู่หลิงทั้งยังมีริ้วรอยยับย่นตรงหัวตา สิ่งเหล่านี้เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการยิ้มที่มากเกินไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
คุณปู่คนขับรถลากรูปร่างผอมบางทว่ากลับดูกระฉับกระเฉง เขาหาได้แต่งกายโก้หรูอะไรเนื่องจากมีถุงมือสีดำส่วนหนึ่งยื่นออกมาจากกระเป๋า ส่วนเท้าเป็นรองเท้ากีฬาคู่หนึ่งที่ทำให้เดินไปเดินได้สะดวก
ผมเผ้าของเขาตัดเล็มอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยเหตุผลบางประการ เขาจึงให้ความรู้สึกอันเป็นมิตร
แน่นอนว่าคุณปู่หลิงย่อมรู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆคนเช่นนี้ก็มาคุยกับเขา ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นมิตรมากๆก็ตามที แต่เขาก็แน่ใจว่าไม่รู้จักคนผู้นี้
“ดูเหมือนว่านายจะอารมณ์บูดนะ เขาทำให้นายโมโหงั้นรึ?” คุณปู่คนขับรถลากถามขึ้นพลางชี้ไปทางหลิงหง
“ฮึ จะอะไรเสียอีกเล่า? ไอ้เด็กบ้านี่มันใช้เงินเป็นเบี้ยเลยน่ะสิ” คุณปู่หลิงกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“งั้นเหรอ?” คุณปู่คนขับรถลากถามพลางมองหลิงหงด้วยความสงสัย
เนื่องจากคุณปู่คนขับรถลากเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่ แน่นอนว่าเขาย่อมรู้จักหลิงหงอยู่แล้วล่ะ ในความรู้สึกของเขา หลิงหงไม่ใช่คนที่จะทำตัวไร้ยางอายสักเท่าไหร่นัก เขาเพียงแค่คึกคะนองไปตามประสาคนหนุ่มก็เท่านั้นเอง
“ก็ใช่น่ะสิ ไอ้เด็กบ้านี่กินไข่ต้มชาสมุนไพรที่ปรุงด้วยชาดำคีมุนเชียวนะ ช่างเหลวไหลอะไรขนาดนั้น?” คุณปู่หลิงหันมาเริ่มพูดฉอดๆขณะที่เขาเริ่มด่าพลางชี้ไปทางหลิงหง
ทันทีที่เขาได้ยินเช่นนั้น คุณลุงคนขับรถลากก็ถึงกับตื่นตะลึง เขาเงยหน้ามองตรงไปที่คุณปู่หลิงก่อนที่จะคาดเดาอะไรบางอย่างในตัวเขาราวกับว่ากำลังเป็นผู้รู้เห็นสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างเข้าให้แล้ว
เขายังคงทำเช่นนั้นต่อไปอยู่เป็นนานโดยไม่ได้พูดอะไร
“อะไรกันเล่า?” คุณปู่หลิงที่รู้สึกอึดอัดใจเมื่อถูกจ้องมองถามขึ้น
“นี่คือปู่ของนายงั้นรึ?” คุณปู่คนขับรถลากถามหลิงหงแทนที่จะตอบ