Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 120
“ จำไว้ว่าให้นัดผู้ป่วยเพื่อเริ่มต้นการฟื้นฟูในวันพรุ่งนี้” หลิงรันบอกหลังจากเสร็จสิ้นการผ่าตัดของเขา
ผู้ป่วยนั้นมีการฟื้นฟูสมรรถภาพที่แตกต่างกันมันขึ้นกับว่าเริ่มฟื้นฟูในช่วงไหน และการพิจารณาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของ การเย็บหากหัวหน้าศัลยแพทย์รู้สึกว่าการเย็บแผลนั้นมีความปลอดภัยเพียงพอผู้ป่วยสามารถเริ่มการฟื้นฟูสมรรถภาพในวันถัดไปได้เลย มิฉะนั้นการพักฟื้นจะถูกเลื่อนออกไปอีกเรื่อยๆ
ทักษะของศัลยแพทย์ในเย็บแผลขอหลิงรันนั้นมันทำให้เขาสามารถระบุว่าผู้ป่วยสามารถเริ่มต้นการฟื้นฟูสมรรถภาพได้เร็วขึ้น ในทางกลับกันถ้ายิ่งพักฟื้นนานจะมีปัญหาเกี่ยวกับการความแข็งแรงในไหมเย็บแผล
เมื่อเย่าตี้ได้ยินเรื่องนี้เขารู้สึกกังวลน้อยลง
อย่างน้อยการเย็บที่ยึดเอ็นไว้ด้วยกันนั้นน่าจะแข็งแรงพอ ตามมาตรฐานของแผนกศัลยกรรมมือซึ่งก็น่าจะอยู่ในมาตรฐานเดียวกับการเย็บของหลิงรัน เจิ้งฉีได้ผ่าตัดเสร็จแล้วและเขาปลอดภัย ตราบใดที่เอ็นยังไม่ฉีกขาดผู้ป่วยก็จะได้คะแนนจากผลการทดสอบในระดับ “ยอดเยี่ยม” ซึ่งผ่านการวิเคราะห์จากมือของเขาแล้วแน่นอน
ในไม่ช้าเย่าตี้ก็นึกถึงกระบวนการผ่าตัดของ หลิงรันจากนั้นเขาก็หมดกำลังใจจากความจริงที่ว่าเขาเพียงพยายามที่จะบรรลุแค่การรักษาพื้นฐานเมื่อเขาทำการผ่าตัดของเขาเอง ซึ่งเขาได้เรียนรู้เทคนิคเอ็มถังจากรองผู้อำนวยการแผนกแพนอย่างไม่เป็นทางการเป็นเวลาไม่กี่ปีและอย่างเป็นทางการรวมถึงอย่างจริงจังมานานกว่าหนึ่งปี แต่จนถึงตอนนี้เขาไม่เคยมีโอกาสได้เป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ผ่าตัดโดยใช้เทคนิคเอ็มถังเลย โดยแท้จริงรองผู้อำนวยการแผนกแพนต้องการคุณภาพของเย็บของเขาให้สูงกว่าเดิมมันต้อองอยู่ในระดับ “ยอดเยี่ยม” ก่อนที่เขาจะให้โอกาสกับเย่าตี้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ป่วยที่ทำคะแนน “ยอดเยี่ยม” ในการวิเคราะห์การทำงานของมือผ่านแบบทดสอบที่มีรายละเอียดเล็ก ๆ ทั้งหมดทุกอย่างจะต้องนำมาพิจารณารวมถึงในระหว่างกระบวนการเย็บด้วย …
แม้ว่า เย่าตี้จะพยายามมานานมาก แต่เขาก็ไม่สามารถบรรลุเกณฑ์เหล่านั้นได้ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรมากเช่นกันเนื่องจากเทคนิคเอ็มถังเป็นวิธีการผ่าตัดที่ยากมากตั้งเริ่มต้นเรียนรู้เลยด้วยซ้ำ มีคนไม่มากนักในเมืองหยุนหัวหรือแม้แต่จังหวัดฉางซีที่สามารถผ่าตัดเช่นนั้นได้ …
เย่าตี้พยายามทคิดอย่างลึกซึ้งในเรื่องของหลิงรันและตอนนี้เขารู้สึกอึกอัดใจเป็นอย่างมากโดยเมื่อเปรียบเทียบกระบวนการผ่าตัดของหลิงรันกับทักษะที่เขาได้เรียนมาจากรองผู้อำนวยการแผนกแพนแล้วนั้น
เย่าตี้เริ่มตัวสั่นเทาอย่างรุนแรงและเขาพยายามที่จะไม่คิดมาก
“การฟื้นฟูสมรรถภาพเริ่มขึ้นกี่โมง” เนื่องจากหลิงรันดูเคร่งขรึมกับเย่าตี้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขาจึงหันไปถามหมอลู่
หมอลู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย”เร็วที่สุดจะเป็นตอนตีห้า”
“หือทำกายภายสำหรับการฟื้นฟูตอนตีห้าอย่างงั้นเหรอ?”
“ ก่อนหน้านี้ผมขอให้คนไข้ของผมเริ่มฟื้นฟูตอนตีสาม อย่างไรก็ตามผู้ป่วยและญาติของพวกเขาก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือมากนักและเลื่อนการนัดหมายไปตีห้าเสมอ” หลิงรันกำลังเดินออกไปเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ที่ประตูแล้วก็ตาม แต่เขาก็มีเวลาหันกลับไปและตอบ
เย่าตี้มองที่หมอลู่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ความสำคัญของการกายภาพบำบัดสำหรับฟื้นฟูคืออะไรทำไมต้องเป็นตีสามหรือตีห้า”
“เพื่อให้ใช้ห้องพักฟื้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด” หลิงรันชำเลืองมองที่เย่าตี้และกล่าวว่า “ห้องพักฟื้นที่เรายืมมาจากแผนกศัลยกรรมมือเต็มแล้วถ้าเรายังไม่สามารถเพิ่มจำนวนห้องฟื้นฟูหรือเพิ่มเวลาที่เราสามารถใช้ห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องหยุดทำการผ่าตัด ”
“เฮ้ เฮ้ … เฮ่ เฮ่ … ” เย่าตี้ พยายามจะพูดบางอย่าง แม้ว่าห้องพักฟื้นที่แผนกศัลยกรรมมือที่ให้แผนกฉุกเฉินยืมนั้นไม่ได้มากนักเนื่องจากแต่ละห้องอนุญาตให้คนจำนวนมากทำการออกกำลังกายในเวลาเดียวกันและผู้ป่วยแต่ละคนต้องทำกายภาพบำบัดและการพักฟื้นประมาณสองชั่วโมงต่อวันซึ่งตอนนี้ห้องพักฟื้นยังมีคนอยู่เต็มห้องพอดีกับจำนวนคน
อย่างไรก็ตามวันที่แผนกศัลยกรรมมือให้ยืมห้องพักฟื้นกับแผนกฉุกเฉินไม่มีใครคาดว่าหลิงรันจะรักษาผู้ป่วยสิบคนต่อวัน
ด้วยอัตราที่เขาทำศัลยกรรมปัญหาอาจไม่สามารถแก้ไขได้แม้ว่าพวกเขาจะให้หลิงรันเพิ่มอีกห้องพักฟื้น
ทีมรักษาของเย่าตี้เป็นจะได้รับการชื่นชมอย่างมากถ้าเขาสามารถทำการผ่าตัดใหญ่สิบครั้งต่อสัปดาห์
การผ่าตัดสามสิบครั้งต่อเดือนถือว่ามากพอแล้ว เมื่อมันมาถึงปริมาณการผ่าตัดของทีมการรักษา แพทย์จะสามารถตอบสนองความต้องการของหลายฝ่ายและทำโควตาการผ่าตัดให้สมบูรณ์โดยไม่ต้องรับภาระที่เหนื่อยเกินไป
หลิงรันใช้เวลาเพียงสามวันในการทำศัลยกรรมสามสิบเคส ด้วยความถี่เช่นนี้ทุกคนจะระบุว่าหลิงรันเป็นคนบ้าศัลยกรรมเมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และความบ้าคลั่งในการผ่าตัดไม่ว่าจะมาจากจังหวัดฉางซีหรือปักกิ่งซึ่งคนเหล่านี้เหมือนสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สามารถกลืนกินทรัพยากรของโรงพยาบาลให้หมดไปเลยในพริบตาเดียว
อีกวิธีหนึ่งที่จะนำมาใช้ก็คือยิ่งมีแผนกที่มีความชำนาญในการผ่าตัดมากเท่าไหร่ ครั้งหนึ่งดงเนียนกูว จากโรงพยาบาลหวู่ฮั่นยูเนี่ยนดำเนินการปลูกถ่ายหัวใจมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งภายในหนึ่งปีและติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกของโลก หากแพทย์อีกคนจากโรงพยาบาลอื่นสามารถทำการปลูกถ่ายหัวใจสิบครั้งภายในหนึ่งปีเขาจะคว้าเสื้อคลุมของจักรพรรดิและสวมมันเองเมื่อเขาตะโกนว่า “ฉันคือราชาแห่งโลก!”
นอกจากนี้หากจีนมีผู้บริจาคหัวใจให้กับโรงพยาบาลมากขึ้นด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่ามันจะเป็นไปได้ที่ดงเนียนกูว จะทำให้ประเทศเป็นอันดับหนึ่งในโลกในเรื่องการปลูกถ่ายหัวใจ
อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดความบ้าคลั่งการผ่าตัดยังคงมีข้อจำกัดสำหรับโลกความเป็นจริง
ตัวอย่างเช่นมีความเป็นไปได้ที่หลิงรันจะถูกสั่งห้ามเพราะจำนวนห้องพักฟื้นฟูที่มีอยู่ และแม้กระทั่งหลังจากที่เขาแก้ปัญหานี้ได้เขาก็อาจขาดจากการผ่าตัดสำหรับเขา…
เย่าตี้มองดูไปที่หลิงรันสองสามครั้ง เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผู้ป่วยตื่นตอนตีห้าเพื่อทำกายภาพบำบัดเพื่อการฟื้นฟูไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาการขาดห้องพักฟื้นใช่มั้ย”
หลิงรันพยักหน้าอย่างช้า ๆ และพูดว่า “มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนักที่จะเปลี่ยนชั่วโมงในการกายภาพ แต่เมื่อเราเปลี่ยนเป็นตีสามผู้ป่วยจำนวนมากก็มาช้าอยู่ดี
เย่าตีเเห็นหน้าตาของหลิงรัน ซึ่งดูเหมือนเขาคิดว่าหลิงรันน่าจะมีปัญหามากมาย
เย่าตี้กรีดร้องภายใน ‘มีอะไรที่นายต้องกังวล มีอะไรที่ทำให้นายต้องกังวลอย่างแน่นอน! ‘
ในขณะเดียวกันหมอลู่กำลังคิดบางอย่าง เขาถามว่า “หมอตี้จากแผนกศัลยกรรมมือสามารถแก้ปัญหานี้ให้เราได้ไหม?”
เย่าตี้ตกใจมากและส่ายหัวของเขาไม่หยุด “แผนกศัลยกรรมมือได้ให้บริการห้องพักฟื้นขนาดใหญ่แก่นายแล้วเป็นไปได้อย่างไรที่เราจะให้ห้องฟื้นฟูสมรรถภาพแก่นายเพิ่มอีก? นอกจากนี้พวกนายต้องการพื้นที่ๆกว้างขึ้นอีก”
“เราได้ส่งคำขอไปยังผู้อำนวยการฮวง แล้วตอนนี้ห้องเก็บของเก่ากำลังได้รับดัดแปลง เมื่อการดัดแปลงเสร็จสิ้นมันจะทำให้เราจะมีห้องพักฟื้นขนาดใหญ่ขึ้นเราจะสามารถคืนห้องพันฟื้นให้แผนกคุณได้.”
“ ถึงกระนั้นการตัดสินใจก็ไม่ขึ้นอยู่กับฉัน” ในขณะที่เย่าตี้พูดเขาก็จ้องมองเจิ้งฉีซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด จากนั้นเขาก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ห้องพักฟื้นตอนตีห้า”
หลังจากเย่าตี้พูดจบ เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิงรันไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มากเกินไป หลังจากที่เขาหันไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพของผู้ป่วยเป็นปกติเขาพยักหน้าและออกจากห้องผ่าตัด จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องผ่าตัดถัดไปเพื่อทำการผ่าตัดต่อไป
อย่างไรก็ตามหมอลู่จ้องไปที่ร่างของเย่าตี้และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามคำถามของซูเจียฟูในขณะที่ชายคนนั้นยังอยู่ข้างเขา “โอซูผู้ป่วยรายนี้จะถูกส่งไปยังห้องพักฟื้นใช่ไหม?”
“แน่นอน.”
“คุณโทรหาฉันได้ไหมเมื่อคนไข้ตื่นขึ้นมา?”
“นายต้องการอะไรเป็นพิเศษอย่างงั้นหรอ?” ซู่เจียฟูชอบการผ่าตัดของหลิงรันมากและเขาก็คุ้นเคยกับหมอลู่อยู่แล้ว เขาหัวเราะเบา ๆ และพูดติดตลกว่า “ห้องพักฟื้นของเราอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดไม่ต้องเป็นห่วง”
ห้องพักฟื้นเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อว่าโพสพตที่เซียที่อยู่ในหอผู้ป่วยหนัก (พีเอซียู) แม้ว่าชื่อจะฟังดูยิ่งใหญ่ แต่ขนาดของ พีเอซียูในแต่ละแผนกก็ต่างกัน พีเอซียูในระดับไฮโซจะมีขนาดใหญ่เท่าหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) และมีอุปกรณ์ครบครันเพราะใช้เงินจำนวนมากกับห้องนั้น ตัวอย่างเช่นห้องพักฟื้นที่ใช้ร่วมกันโดยแผนกทั้งหมดในชั้นศัลยกรรมของโรงพยาบาลหยุนหัวมีมากกว่ายี่สิบเตียงและใช้งบประมาณในการสร้างถึงหนึ่ฃล้านหยวน
ในทางกลับกัน พีเอซียูในพื้นที่ปฏิบัติการของแผนกฉุกเฉินที่มำขึ้นด้วยตัวเองก็ไม่ได้หรูหรา แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหรูหราเพราะมีห้องผ่าตัดทั้งหมดสี่ห้อง และห้องพักฟื้นที่ได้ก่อสร้างขึ้นตอนแรกมีเพียงสองเตียงเครื่องมือตรวจสามเครื่องและยาจำนวนมาก หากคุณต้องรวมค่าใช้จ่ายของเครื่องมือแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกของห้องกู้คืนอาจใช้เงินราวหนึ่งแสนหยวนการก่อสร้างมันขึ้นมา
นับตั้งแต่ปริมาณการผ่าตัดของหลิงรันเพิ่มขึ้นห้องพักฟื้นก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะนี้มีเตียงหกเตียงโดยมีอัตราส่วนของเครื่องมือตรวจต่อพยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยผู้ช่วยแพทย์และวิสัญญีแพทย์ที่ประจำอยู่ นั่นคือจำนวนของมัน ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับห้องพักฟื้น
หมอลู่ยิ้มและแสดงท่าทางในการพยายามติดสินบนก่อนจะพูดว่า “หมอซูฉันจะให้หมูสองตีนและตีนเป็ดเพื่อแลกกับข้อมูล”
ซูเจียฟุคิดและพูดว่า “วันนี้นายมีหน้าที่แบกเก้าอี้ทั้งหมด”
“ได้เลย” หมอลู่ เห็นด้วยทันที
หลังจากหมอลู่ดำเนินการผ่าตัดอีกสองสามครั้งเขาก็ได้รับโทรศัพท์ของซู่เจียฟู
หมอลู่รีบให้คำแนะนำก่อนการผ่าตัด จากนั้นเขาก็หันไปและรีบตรงไปที่ห้องพักฟื้น เมื่อมาถึงหมอลู่เห็นว่าหัวของ เจิ้งฉีมีการขยับเล็กน้อย
“คุณเจิ้งคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?” หมอลู่ถาม และทำตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้
“ โอ้…ฉัน…” เจิ้งฉีเพิ่งหายจากการดมยาสลบ เขากำลังมึนงงแต่เขายังมีสติ เขาแค่ถามว่า “หมอแพทนล่ะ อยู่ที่ไหนแพนหัว เป็นคนที่ผ่าตัดให้ฉันใช่ไหม??”
“คุณรู้จักรองผู้อำนวยการแผนกแพนด้วย?” ดวงตาของหมอลู่เบิกกว้างขึ้น
“ เขาเป็นน้องชายของภรรยาของฉันคุณเรียกเขามาได้ไหมและภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน” เจิ้งฉีถาม
“ฉันจะขอให้คนส่งคุณกลับไปที่วอร์ดก่อน” หมอลู่พูดคุยกับผู้ป่วยอีกเล็กน้อยก่อนที่เขาจะทิ้งเขาไว้กับพยาบาล เมื่อเขาอยู่ห่างจากห้องพักฟื้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เมื่อเขาพบหมายเลขโทรศัพท์ของหลิงรันเขาส่ายหัวอย่างแน่วแน่และยังคงเลื่อนลงมา จากนั้นเขาก็พบหมายเลขของผู้อำนวยการฮวงและเลือกมันด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำอำนวยการฮวงลองเดาสิว่าผมพึงเจอใคร “