Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 134
EP 134
By loop
ณ ช่วงบ่าย.
มีฝนตกเป็นละอองลงมาปกคลุมชายหาดเซนจูเรียนบีชช่วยให้คลายความร้อนที่อบอ้าว
มีป้ายขนาดใหญ่ที่มีคำว่า [การตรวจสอบสุขภาพ] แขวนอยู่บนรถบัสที่เช่ามาของโรงพยาบาลหยุนหัว มันดูค่อนข้างไม่เรียบร้อย มีโคลนกระเด็นเปื้อนรถเมื่อล้อขยับ โดยธรรมชาติแล้วมันทำให้ผู้คนในรถบัสไม่มีความสุข
* กระหน่ำกระหน่ำ *
ชายชราสามคนถือฆ้องขนาดใหญ่และเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นเพลงก็ดึงขึ้นและกลุ่มหญิงชราแต่งกายด้วยชุดสีสันสดใสและโบกมือให้แฟน ๆ ของพวกเขาและร้องเพลงในขณะที่พวกเขาเต้น
“กลุ่มทหารของกองทัพแดงถูกส่งลงภูเขาสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงและอิทธิพลของสายฝนในอากาศกวางบนภูเขาร้องอย่างไม่รู้จบ … “ เสียงร้องเพลงดังกระหึ่มไปทั่วรถ
โดยการแสดงเหล่านี้เกิดขึ้นทุกปีสำหรับงานเทศการของทางโรงพยาบาล และมีสิ่งที่แปลกคือปีนี้มีผู้ชมเพิ่มมากขึ้นมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
แม้แต่ทหารผ่านศึกกองทัพแดงที่ไม่เคยออกจากตึกนั่งในเก้าอี้รถเข็นและออกมาเป็นที่ระเบียงหน้าห้อง พวกเขาได้รับความสะดวกสบายท่ามกลางแสงแดดและรอยยิ้มรำลึกถึงอดีต
หลายคนร้องเพลงว่า“ ในขณะที่ทหารหลายพันคนยืนตามริมฝั่งแม่น้ำจิ้นเฮ้าชาวบ้านกว่าหมื่นคนก็ต้องน้ำตาไหลความเมตตาของกองทัพแดงไม่ได้ถูกลืมเลือนการปฏิวัติประสบความสำเร็จกองทัพแดงกลับไปที่บ้านของพวกเขา ..”
ในขณะนี้ทหารผ่านศึกกองทัพแดงร้องเพลงประสานเสียงด้วยเสียงที่ชัดเจนแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร้องเพลงดังกล่าวแบบประสานเสียงมาหลายปีแล้วมันทำให้ดูน่าขนลุกมากสำหรับการร้องครั้งนี้
“กลับบ้าน …
“กลับบ้าน … “
หลังจากเพลงจบลงเสียงร้องอันดังของการแสดงเดี่ยวของเอ้อฮู่ก็ดังขึ้น หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีมันก็ถูกกลบด้วยดนตรีกีต้าร์ที่เข้มข้น
“นายหลิวคุณพร้อมที่จะร่วมต่อสู่กับพวกเราอยู่ไหม” ชายชราร้องเอ้อฮู่เพลงอย่างปลุกเร้าอารมณ์มาก เขาพุ่งขึ้นมาจากที่นั่งและร่างกายสั่นเทาไปหมด
ชายชราผู้เล่นกีต้าร์สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังและกางเกงหนัง เขาหัวเราะสองสามครั้ง “อะไรนเนี่ยคุณพยายามท่าทายเอ้อหู้กับฉันหรอเนี่ย ขณะที่ฉันกำลังดีดกีตาร์คนอื่น ๆ สามารถเลือกได้ว่าคุณต้องการฟังอะไรคุณรู้ไหมว่าประชาธิปไตยคืออะไร”
“เขาดีดกีตาร์ตามคอร์ดอย่างชำนาญ”
“ไปเล่นด้วยธนูของคุณแล้วฉันมีกระดาษคุณต้องการบ้างไหม?” เนื้อเพลง
“หวานเหมือนน้ำผึ้งรอยยิ้มของคุณช่างหวานราวกับน้ำผึ้ง … เหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบานในสายลมฤดูใบไม้ผลิ … ในสายลมฤดูใบไม้ผลิ … “ เนื้อเพลง
หญิงชราสองสามคนสวมชุดกี่เพ้าเดินไปข้างหน้ารถอย่างจริงจังและเริ่มร้องเพลงจมน้ำจากเสียงของกีตาร์และการร้องนำโดยเอ้อฮู่
ผู้อำนวยการสถานพยาบาลที่ แต่เดิมพูดคุยกับทีมจากโรงพยาบาลหยุนอยู่นั้น เขาก็หัวตบต้นขาของเขาและพูดด้วยความโมโห “ไอ้บ้าพวกเขาจะทำเกินไปแล้วกัน ขอโทษทุกคนฉันต้องไปก่อนเพื่อไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้เบาๆลงหหน่อยไม่งั้นต้องมีคนเป็นลมจากการเต้นมากเกินไปแน่เลย “
คนขับรถขับรถความเร็วสูงก่อนจะสั่งการให้คนงานจัดการเส้นทางการเดินรถก่อนรถจะออกและชักชวนให้ทุกคนขึ้นมาบนรถ
ผู้จัดการและแพทย์ของโรงพยาบาลหยุนหัวยังคงยิ้มอยู่ขณะยืนอยู่หน้ารถบัสขนาดใหญ่ พวกเขาโบกแขนอย่างต่อเนื่องเพื่อขอบคุณและกล่าวคำอำลากับผู้อาวุโสที่อยู่รอบตัวพวกเขา
ทีมจากโรงพยาบาลหยุนหัวขึ้นรถบัสขนาดใหญ่ทีละคนภายใต้การจัดการของโรงพยาบาลเมื่อเสียงเพลงของเอ้อฮู่ดังขึ้นอีกครั้ง รถบัสขับออกอย่างช้าๆ
การร้องเพลงและการเต้นรำดำเนินต่อไปในโรงพยาบาล คนที่มาเตรียมส่งทีมแพทย์จากโรงพยาบาลหยุนหัวทำการแสดงด้วยใจจริง แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็อายุมากแล้วจึงอาจจะขยับตัวได้ลำบากซึ่งการแสดง คือ การแสดงคำขอบคุณให้กับทีมแพทย์ที่มาทำการตรวจสุขภาพให้พวกเขา
หลิงรันนั่งอยู่ข้างหลังรถบัสพร้อมกล่องของขวัญบนตักของเขา เขาใช้เวลาในการจัดการพวกมันทีละอัน คุณหมอโจวและแพทย์ประจำบ้านช่วยเขาขณะที่นั่งถัดจากเขา พวกเขายังแกะของขวัญให้เขาด้วย
“หนึ่งโสม … “
“น้ำมันตับปลาหนึ่งขวด … โสมอีกหนึ่ง … “
“น้ำมันเมล็ดองุ่นหนึ่งขวด … “
“โสมอีกหนึ่ง … “
คุณหมอโจวอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความอิจฉา “ไม่น่าประหลาดใจเพราะเขาหล่ออย่างงั้นหรอ? เราทั้งคู่ก็รักษาคนไข้เหมือนกัน แต่ทำไมนายเป็นคนเดียวที่ได้รับของกำนัล?
คราวนี้แม้แต่แพทย์ประจำบ้านก็รู้สึกอึกอัดใจ แต่ให้หมอโจวเหลียวมองไปด้านข้าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า “หลิงรันคนนั้นรักษาผู้ป่วยได้จริงๆ คุณรู้ใช่ไหม”
ใบหน้าของหมอโจวแข็งราวกับว่าเกลือถูกโรยบนใบหน้าของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉา “ฉันเองก็ดูแลคนไข้ที่เป็นโรคความดันโรคหิตสูงเหมือนกันถูกไหมล่ะ?”
“ฉันตั้งหากที่เป็นคนทำแค่มีชื่อคุณติดอยู่ด้วยแค่เท่านั้น” หมอประจำแผนกนั้นโต้กลับอย่างอ่อนโยน
“ โอ้…ใช่ฉันลืมไปแล้ว” คุณหมอโจวแสดงความเห็นและพูดกับหลิงรันว่า “ทักษะการนวดของนายค่อนข้างดีเลยที่เดียวถ้านายต้องทำงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนนายสามารถคิดค่าบริการได้ หนึ่งร้อยหยวนต่อครั้ง และคุณจะได้รับส่วนแบ่งสิบ หรือยี่สิบ หยวนมันและรวมๆแล้วเมื่อจบงานมันเป็นเงินมหาศาลเลยที่เดียวนะ “
หลิงรันฮัมเพลงอย่างเมินเฉย จ้องมองไปที่หมอโจว หมอโจวตัวแข็งเฉียบพัน “ หลิงรันนายก็อย่าไปสนใจปาปารัสซี่คนนั้นล่ะเพราะว่าชีวิตดารามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
“โอเค.” การจ้องมองของหลิงรันกวาดไปที่หลังคอ เขาบังคับให้เขาระงับความต้องการที่จะไปหาคนเหล่านั้นและคอยที่จะนวดคอให้คนเหล่านั้น
ระยะเวลาของภารกิจคือสามวันและเขาทำได้เพียงหนึ่งวันและหนึ่งคืน ยังมีพื้นที่ให้ทำมากกว่านี้ การเดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลหยุนหัวใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงและเป็นการสิ้นเปลืองเวลาอย่างมากที่จะนั่งในรถบัสแบบนี้
“หลิงรัน? นายคิดอะไรอยู่?” คุณหมอโจวอดไม่ได้ที่จะคิดในใจแต่ก็ไม่พูดออกมาเพราะเขาคิดว่าคงไม่ได้คำตอบอะไรไปมากกว่านี้ ถ้าหมอประจำแผนกคนอื่นต้องบอกว่า “ถ้าผมอยากเป็นดาราล่ะ” หมอโจวโต้ตอบกลับไปว่า “ ฉันก็ห้ามอะไรนายไม่ได้และปล่อยเขาไปเผชิญกับความจริง” แต่กรณีของหลิงรันนั้นแตกต่างออกไปเพราะเขามีความพร้อมและเขาอาจจะดังเปรี่ยงปร้างขึ้นมาก็ได้
“คุณดูเหนื่อยมากฉันจะนวดให้คุณ” หลิงรันไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาล้างมือของเขาด้วยเจลล้างมือ และนำผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมาและวางมือบนคอของหมอโจว
คุณหมอโจวต้องการถามคำถามอื่นต่อ แต่เมื่อเขาอ้าปากเขาเริ่มส่งเสียงครวญครางและร่างกายหย่อนตัว
ตลอดการเดินทางหลิงรันทำการนวดหลังคอของหมอโจว ทำให้เขาเองก็รู้สึกสบายใจเมื่อเห็นได้ชัดจากความจริงที่ว่าหลิงรันชอบนวดมากจนเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นดารา เพราะดาราไม่สามารถคว้าคอแฟน ๆ ของพวกเขาและคอยนวดให้แฟนคลับได้ทุกวันจริงไหม
อย่างไรก็ตามเขาต้องระวังผู้คนที่อยู่ในวัยชราจากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน แม้ว่าการนวดจะไม่ได้รับความนิยมในโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีน แต่ก็ยังไม่มีแผนกรักษาโรคกระดูกพรุนในโรงพยาบาลหยุนหัว หากอีกฝ่ายต้องการหลอกล่อหลิงรันด้วยค่าตอบแทนที่สูงอาจมีอันตรายที่โรงพยาบาลหยุนหัวอาจสูญเสียหลิงรันไปให้โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนเหล่านั้น
หลังจากกลับมาที่โรงพยาบาลหลิงรันลงชื่อการเข้าร่วมประชุมและทำรอบวอร์ด จากนั้นเขาก็กลับบ้าน
ยังมีปัญหาการขาดแคลนเตียงในแผนกฉุกเฉิน แม้ว่าแปดเตียงจะว่างในช่วงสามวันที่ผ่านมา แต่เป็นเตียงที่ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษก่อนโครงการเทคนิค เอ็มถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะถูกปล่อยให้กับบ้านบ้างแล้ว แต่ทีมแพทย์ที่รักษาด้วยเทคนิคเอ็มถังแจ้งว่าเตียงก็ยังไม่พอรองรับผู้ป่วยได้
เมื่อหลิงรันจำได้ว่าเขามีตั๋วคอนเสิร์ตสำหรับคืนนี้ เขาก็ไม่ต้องรีบที่จะหาคนไข้เพื่อมาเติมเตียงที่ว่างอยู่อีกต่อไป
…..
เมื่อเขากลับถึงบ้านหลิงรันบอกพ่อของเขาได้รับตั๋วสองใบสำหรับคอนเสิร์ตของเหมย์จูและให้เตาปิงที่กำลังดื่มชาอยู่ด้วย หลังจากที่เขาหันหลังและเดินลงบันไดเขาก็ได้ยินเสียงกรี๊ดระเบิดดังมาจากข้างหลังเขาอย่างที่เขาคาดไว้ “พี่ชชานยู! พี่ชานยู!”
“เหมย์จูมีคอนเสริต์คืนนี้หรอเนี่ย?” หลิงโจวรู้สึกงุนงงเล็กน้อยจากโทรศัพท์ของเขาและคนหาในเว็บไซต์ไป๊ตู้เขาแตะที่ปุ่ม ‘หัวข้อที่ได้รับความนิยม‘ และเริ่มอ่าน “เหมย์จูเขาแค่จามก็ทำให้เขามีเสน่ส์ เอ้เรื่องยังงี้ยังสามารถมาเป็นข่าวได้หรอเนี่ยคนเขียนข่าวคิดอะไรก็เขา แค่จามเนี่ยนะหูเขาคงตึงไปแล้วละ …?”
ในขณะที่หลิงโจวหยุดพูดและนึกบ้างอย่างขึ้นมาได้ มันทำให้เขารู้ว่าเขาทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง
อย่างที่คาดไว้เมื่อเขาเงยหัวขึ้นเขาเห็นภรรยาของเขาจ้องมองเขาด้วยแววตาที่อาฆาต
“ปิง…” หลิงโจวหัวเราะเบา ๆ อย่างรู้สึกผิด ๆ
“ พี่ชายชานยู่อาจจามเพราะเขาเป็นหวัดและมันอาจเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันของเธอลดลงเนื่องจากความเครียดจากการทำงานนอกจากนี้ยังอาจเป็นเพราะเขามีอาการแพ้เนื่องจากสนามสกปรกมากแค่ไหนใครจะไปรู้เขาจะป่วยไม่ได้เลยหรือยังไง! ” เต่าปิงพูดแนวๆให้เหตุผลกับหลิงเจี่ยโจวเป็นครั้งแรก จากนั้นเธอก็หยุดสักครู่ก่อนที่เธอจะพูดโดยเน้นแต่ละคำว่า “พี่ชายชานยู่ไม่ได้หูตึงสักหน่อย”
หลิงโจวชูนิ้วโป้งเพื่อแสดงการสนับสนุนต่อเตาปิงซึ่งเป็นแฟนตัวยงของเหมย์จู
เตาปิงจ้องไปที่สามีของเธอแล้วตะโกนสองสามครั้ง “ฉันอยากให้คุณไปงานคอนเสิร์ตกับฉัน แต่ลืมไปเลยฉันจะพาลูกชายของเราไปด้วย”
หลิงโจวทำได้เพียงแค่ยิ้มแห้ง จากนั้นเขาก็ซ่อนรอยยิ้มและตบต้นขาของเขาอย่างแรง “ที่รักน่าเสียดายมาก!”
“คุณกำลังแสร้งทำเป็นว่าเสียดาย ฉันไม่อยากคุยกับคุณอีกแล้วฉันจะไปกับลูกดีกว่าและเอารถของฉันไปด้วย” เตาปิงหันขึ้นไปชั้นบน เธอรู้สึกอึกอัดใจอยู่แต่เริ่มฮัมเพลง
‘ยอมแพ้‘ หลิงโจวถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วถามหลิงรันว่า “ลูกซื้อตั๋วจากนี้มาจากไหน และมันราคาเท่าไร? พ่อลองไปเช๊คดูขนาดตั๋วที่นั้งคนพิการยังราคาเกือบสามร้อยหยวนและอยู่ในมุมที่ไม่เห็นดาราด้วย”
“ มีคนเอามาให้ผมนะ” หลิงรันพูด
ใบหน้าของหลิงโจวสดใสขึ้นทันที เขากรีดร้องด้วยเสียงแปดหลอดด้วยเสียงสูงกว่าปกติ “อะไรนะ! ผู้ป่วยของลูกมอบบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตของเหมย์จูเพื่อขอบคุณลูกนี้มันสุดยอดมากๆเลยต่อไปลูกต้องดูแลผู้ป่วยให้ดีขึ้นกว่านี้นะ… “