Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 135
EP 135
By loop
หลังจากที่เฮียเฉาเหยียบเบรกและจอดรถโฟล์คสวาเก้นซานตา เขาก็ไขหน้าต่างรถลงอย่างใจร้อนและปีนออกจากรถ
เนื่องจาดตอนนี้แอร์รถพังมันเลยทำให้อากาศเริ่มร้อนและอึดอัดมากซึ่งในตอนนี้เฮียเฉากำลังเลว่าจะซ่อมมันดีไหม เพราะเขาคิดว่ามันจำเป็นขนาดไหนที่จะซ่อมรถที่วิ่งมาแล้วตั้งสองหมื่นห้าพันกิโลซึ่งค่าซ่อมแอร์ในครั้งนี้สามารถซื้อรถเบ็นซ์เก่าๆได้คันหนึ่งสบายๆเลย
หลังจากที่พวกเขาพัดเพื่อคลายร้อนและตอนนี้เสื้อยืดของพวกเขาชุ่มและมีเหงื่อไคลเล็กน้อยเฮียเฉาก้มหัวเล็กน้อยเพื่อปรับหมวกของเขาลงและเดินไปที่สนามกีฬา
สนามกีฬาหยุนหัวสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อน โดยก่อนหน้านั้นที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนักเมื่อสิบปีก่อนแต่หลังจากมีการปรับปรุงพื้นที่ทำให้มีพื้นที่มากพอที่จะใช้จอดรถและกลายเป็นตัวเลือกแรกสำหรับกีฬาและกิจกรรมสันทนาการในหยุนหัว
ทันใดนั้นเฮียเฉา ก็รู้สึกถึงความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาจ้องมองจากระยะไกลไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามกีฬาซึ่งคอยดูแลฝูงชนตามลำดับ
‘อย่าตื่นเต้นอย่าตื่นเต้นเลย ความตื่นเต้นทำให้คนเป็นลมได้ง่าย ‘เฮียเฉาหยุดและคิดกับตัวเองอย่างรวดเร็ว เขารอจนกระทั่งอัตราการเต้นของหัวใจของเขากลับมาเป็นปกติก่อนที่เขาจะแสดงออกอย่างร่าเริง เขาเงยหน้าขึ้นไปยังแสงแดดส่องร่างของเขาและเดินไปข้างหน้าเพื่อ…เข้าร่วมคิว
หญิงสาวช่างพูดสองสามคนยืนอยู่หน้าเฮียวเฉา พวกเขาคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ฉันได้ยินมาว่าพี่ชายชานยุจามเมื่อวานนี้เพราะเนื้อเยื่อของกระดาษทิชชู่มันแย่ เลยมีพวกแบรนด์ทิชชูดังๆมาส่งกระดาษทิชชูมาให้เขาใช้เต็มเลยรวมถึงฉันด้วย”
“เอ๊ะเธอก็ส่งให้เขาด้วยหรอ? ฉันส่งไปด้วยถอนหายใจไปด้วยฉันโกรธมากฉันยังให้ทิปเพิ่มกับเด็กส่งด้วยนะแต่สุดท้ายมันก็ยังช้าอยู่ดีตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาจะได้รับรึยัง??“
“ข่าวออกแล้วข่าวออกมาแล้ว!” เด็กสาวยืนอยู่ที่ท้ายสุด ทันใดนั้นเธอก็พูดอย่างมีความสุข “พี่ชายชานยูยอมรับและรับรองของจู้ฮุ่ยจากจุดนี้เป็นต้นไปเธอจะใช้ทิชชู่ต้านภูมิแพ้ของจู้ฮุ่ย”
“ว้าวพี่ชายชานยู่ดูดีมากเมื่อเธอถือกระดาษทิชชู่ … “
เฮียเฉาโฉงกหัวของเขาเพื่อดูไปที่เหมย์จู มันเป็นไปอย่างที่คาดไว้เธอสวมกางเกงทรงเพรียวบางสีดำ และเธอถือทิชชู่ที่ผลิตโดยจู้ฮุ่ยในมือของเธอ
ถึงแม้ว่าโฆษณาจะไม่สร้างสรรค์มาก แต่เหมย์จูเธอก็ยังดูดีมาก
เฮียเฉาในตอนนี้เขารู้อึดอัดอยู่ในใจและเขาพยายามที่จะใจเย็นและคิดว่า ‘เหมย์จูเป็นเทพธิดาแห่งการเต้นเซ็กซี่ในยุคของฉัน แฟน ๆ งี่เง่าของคุณมีความกล้าที่จะเรียกเธอว่าพี่ชายชานชาน…เพราะเธอชอบใส่กางเกงที่แนบเนื้อในบางครั้ง ‘
เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาตะโกนพวกเธอก็รู้สึกไม่พอ และหันหน้าหนีไปพร้อม ๆ กัน คิ้วและขนตารวมถึงริมฝีปากของพวกเธอทั้งหมดดูเหมือนกันไปเสียหมด เธอจ้องมองไปที่เฮียฉาวอย่างดุดันเมื่อเขาเห็นอย่างงั้นแล้วมันดูน่ากลัวมากๆเลยที่เดียว
เฮียเฉาอดไม่ได้ที่จะเอามือวางบนหน้าอก ‘สิ่งนี้ที่ฉันโดนอยู่นี้มันน่ากลัวมากจนมันเหมือนกับการดูหนังสยองขวัญ ‘
“คุณมาที่นี่เพื่อดูเหมย์จูหรือพี่ชายชานยูหรือไม่?” หญิงสาวคนหนึ่งถาม
“พวกเขาไม่ใช่คนคนเดียวกันเหรอ?” เฮียเฉาแกล้งทำเป็นไม่รู้
อย่างไรก็ตามหญิงสาวไม่ได้โง่เขลา พวกเขาให้เขาหันหน้าไปพร้อมกันและพูดอย่างเหยียดหยามว่า “น่าขยะแขยง”
“เฮ้คุณหมายถึงอะไรโดย ‘น่าขยะแขยง‘?
“ชายชราอย่างคุณ! น่ารังเกียจที่จะเรียกเธอว่าเหมย์จู!”
“เหมย์จูชื่อของเธอไม่ใช่เหรอ?”
เด็กสาวส่ายหัวพร้อมกัน “เหมย์จูเป็นเพียงแค่รูปร่างหน้าตาของเธอโดยเรียกเธอว่าเหมย์จูนั่นหมายความว่าคุณไม่ใช้แฟนคลับจริงๆ และไม่ได้ชอบเธอจริงๆ!”
เฮียเฉาหัวเราะเบา ๆ ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันฆ่าลูกแกะสองตัวเมื่อวานนี้และขายเนื้อแกะคั่วจนถึงตอนเช้าและนั่นเป็นวิธีที่ทำให้ฉันมีเงินมากพอที่จะซื้อตั๋วคอนเสิร์ตคุณคิดว่าฉันเป็นแฟนคลับตัวยังหรือยัง?
เมื่อเด็กหญิงมองมือของเฮียเฉาซึ่งยังคงปรากฏเป็นสีแดงเล็กน้อยพวกเธอก็เลิกโวยวายในทันที่
เฮียเฉาชอบความเงียบ เขามองดูและเห็นว่ามันเป็นเวลาห้าโมงเย็นกับอีกสิบนาทีแล้วเขาคิดว่าเขาจะไปหาที่นั่งก่อนหกโมงนั่นเป็นสิ่งที่ดีงามที่สุด
…. .
ในขณะเดียวกันหลิงรันและเต่าปิงเข้าเดินเข้ามาในลานที่นั่งของคอนเสิร์ต
ตั๋วที่นั่งด้านหน้ารีเลย์เป็นผู้จัดการให้พวกเขามันเป็นตั๋วที่ไม่ได้ขายโดยทั่วไปแต่มอบให้เพื่อเป็นของขวัญเท่านั้น โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะไม่ยอมให้แขกเหล่านี้เข้ามาจากทางเข้าด้านหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่เต่าปิงสนุกกับการมาพักผ่อนแบบนี้ เธออดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ถ้าแม่รู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้แม่จะพาคพ่อของลูกไปเสริมความรู้ของเขาสักหน่อย”
หลิงรันลี้ตาของเขา เขาไม่ได้สนใจที่จะโต้ตอบอะไร
ผู้ชมแถวหน้าคือผู้ชมที่ให้ความสำคัญกับคอนเสิร์ตมากโดยตอนนี้เต่าปิงมองไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข เธอถ่ายภาพเซลฟี่สักสองสามภาพก่อนที่เธอจะขอให้หลิงรันถ่ายภาพให้เธอ จากนั้นเธอก็เห็นว่าหลิงรันรู้สึกว้ารำคาญเล็กน้อยและถามว่า “ลูกเหนื่อยไหม? ถึงแม้ว่าจะพึงเข้ามาได้แปบเดียวแต่รอบๆลูกก็เป็นเพื่อนวัยเดียวกันทั้งนั้นเลยนะ”
“ ผมไม่เหนื่อยหรอกครับ” สายตาของหลิงรันมองไปที่หลังคอ
“ลูกต้องดูแลสุขภาพของลูกด้วยนะ” เต่าปิงหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าฟังพ่อของลูกให้มากนักต่อให้ลูกจะหาเงินนจากการทำผ่าตัดได้เยอะแต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับสุขภาพของลูกนอกจากนี้งานของลูกในฐานะแพทย์นั้นลูกมีรายได้เพียงพอแล้วลูกต้องการเงินอีกสักเท่าไหร่ถึงจะพอในการใช่จ่ายในชีวิตของลูก”
หลิงรันถอนหายใจและพูดว่า “เราจะไม่พูดถึงเรื่องการทดลองนี้อีก”
“ถ้าไม่มีการทดลองเราจะต้องตัดสินใจยังไงนอกจากนี้พ่อของคุณเป็นคนที่แนะนำ” เตาปิงจัดเสื้อผ้าของเธอขณะที่เธอพูดแล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้นอีกครั้ง
“พวกคุณกำลังพูดถึงการทดลองอะไร?” เด็กสาวรอบๆหลิงรันตื่นเต้นมากตั้งแต่เธอเห็นลิงรันเป็นครั้งแรก เธอต้องการพูดคุยกับหลิงรันมากจนเกือบจะเป็นบ้า ในขณะนี้เธอปรากฏตัวออกมาพร้อมกับคำถามทันที เธอแสร้งทำเป็นสนใจเรื่องของพวกเขาแทนที่จะเป็นหน้าหล่อๆของหลิงรัน
หลิงรันมองอย่างสงบที่แม่ของเขา เตาปิงยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกบอกเธอ”
เธอยังคงต้องการที่จะถ่ายรูปหน้าเวที่ที่สวยงามต่อหน้าคนอื่นๆ
หลิงรันจึงพูดว่า “เมื่อผมอายุน้อยแม่ของผมแขวนกล่องไว้ที่หน้าอกของผมมันเขียนว่าในกล่องนี้ทุกคนสามารถถ่ายรูปกับผมได้ในราคาหนึ่งหยวนจากนั้นเธอขอให้ผมยืนอยู่หน้าทางเข้า ของห้างสรรพสินค้า “
“ถ้าอย่างนั้น?” สาวสวยถามอย่างสงสัย
“กล่องเต็มไปแล้ว” หลิงรันตอบอย่างสั้นๆ
เตาปิงเป็นคนที่ไม่สามารถกลั้นความภาคภูมิใจของเธอไว้ได้และพูดว่า “หลังจากที่เราพาเขากลับบ้านเราใช้เวลานับชั่วโมงไปกับการนับเงินทั้งหมดมี 100 หยวนอยู่ข้างใน”
“ว้าว.” สาวสวยคนนี้ประหลาดใจอย่างมาก เธอประเมินหลิงรันจากด้านบนถึงปลายเท้าและดวงตาของเขาก็ตกตะลึงทันที เธออดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า “ถ้าฉันเจอเขาฉันก็เต็มใจที่จะถ่ายรูปกับเขาด้วย”
ขณะที่เธอพูดเด็กสาวมองที่หน้าอกของหลิงรัน ไม่มีได้มีกล่องและไม่มีป้ายที่บอกว่าเธอสามารถถ่ายรูปกับเขาได้
“หลังจากนั้น?” สาวสวยออกพยามเปลี่ยนหัวข้ออื่นเพื่อพูดคุยกับเขา
หลิงรันพูดว่า “ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว”
“ไม่มีอะไรทำไม? มันทำกำไรไม่ได้เหรอ?”
“ เราแค่ต้องการพิสูจน์ว่าลูกชายของฉันจะไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการไม่มีเงินในอนาคต และเพื่อสอนให้เข้าใจคุณค่าของเงิน?” วิธีคิดของเตาปิงแตกต่างจากคนปกติทั่วไปเสมอ
สาวสวยเงยหน้าขึ้นและคิดเกี่ยวกับมัน จากนั้นเธอจ้องไปที่ใบหน้าของหลิงรัน เธอไม่มีทางที่จะตอบโต้คำสั่งของเตาปิงได้เลย
“ทุกคนฉันเป็นผู้จัดการเวทีสำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ลองมาดูกันสองสามครั้งก่อนที่พวกคุณจะตบมือกันก่อนเราจะ … ” ชายวัยสามสิบปีสวมเสื้อผ้าที่มีประกายระยิบระยับมาพร้อมรอยยิ้ม .
ไม่มีเหตุผลที่ฝูงชนจะปฏิเสธและพวกเขาปรบมือกันบนเวทีที่ว่างเปล่า
หลิงรันวางมือซ้ายและขวาเข้าด้วยกันในลักษณะแสร้งทำและกวาดสายตาของเขาไปทั่วคอรอบตัวเขา
ในตอนนี้รีเลย์คือผู้จัดการที่มอบตั๋วให้หลิงรันทันทีทันใดนั้นเธอก็เดินจากหลังเวทีอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเมื่อเธอเห็นหลิงรันและเธอก็ไปหาเขาทันทีและพูดด้วยเสียงนุ่ม ๆ “ หมอหลิงเทคนิคการนวดของคุณสามารถใช้รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ใช่ไหม”
“การนวดหรอก็อาจจะบรรเทาได้” หลิงรันกล่าว
“ คุณมากับฉันได้ไหม? เรามีนักเต้นสำรองสองสามคนที่มีกล้ามเนื้อเป็นตะคริวตอนนี้ร่างกายของพวกเขาร้อนมาก” รีเลย์มองดูนาฬิกาของเธออย่างเดือดดาลและกล่าวว่าหนึ่งทุ่มยังมีอีกหนึ่งชั่วโมงนี้จะเพียงพอที่จะช่วยพวกพวกเขา? “
“ได้” ด้วยเหตุผลบางอย่างหลิงรันเริ่มรู้สึกดี ความรู้สึกผิดที่เขารู้สึกจากการเสียเวลาไปกับการชมคอนเสิร์ตลดลงอย่างมาก