Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 162
EP 162
By loop
“คุณซง ลองมาดูกันว่าแผนกศัลยกรรมฟื้นฟูของโรงพยาบาลหยุนหัวนั้นดีที่สุดในจังหวัดอีกทั้งแผนกศัลยกรรมมือของเราเป็นผู้บุกเบิกแผนกผู้เชี่ยวชาญที่สร้างหอผู้ป่วยฟื้นฟูด้วยตนเอง” ในขณะที่หมอหวังเดินเขาแนะนำสถานที่นี้ให้กับซงเย้าเวิ้น
โดยแผนกพักฟื้นในแผนกศัลยกรรมมือมีความกว้างและสว่างอีกทั้งมีขนาดใหญ่ มีห้องพักฟื้นจำนวนมากในวอร์ดและมันเคยเป็นฝ่ายส่งเสริมการขายสำหรับแผนกศัลยกรรมมือและโรงพยาบาลหยุนหัว
ซงเย้าเวิ้นเธอร่วมมือด้วยความยอดเยี่ยมเธอถ่ายทำสองสามครั้งเพื่อให้หมอหวังได้มีภาพ
หมอหวังรู้สึกมีความสุขอย่างต่อเนื่องเมื่อแนะนำสถานที่ “อัตราส่วนของห้องในหอผู้ป่วยฟื้นฟูของเราต่อเตียงในโรงพยาบาลของเรานั้นสูงมาก อัตราส่วนนี้เป็นหนึ่งในห้องที่ดีที่สุดในประเทศไม่ใช่แค่จังหวัดฉางซี … “
ซงเย้าเวิ้นเธอยิ้มและเธอเดินไปกับเขาผ่านห้องไม่กี่ห้องและฟังหมอหวังให้คำอธิบายเกี่ยวกับห้องทุกประเภท แต่ในไม่ช้าเธอก็รู้สึกเริ่มเบื่อมัน
จริงๆเธอไม่ได้ต้องการที่จะรู้ข้อมูลเหล่านี้เลย เธอใช้เวลานี้หันไปถามหลิงรัน”หมอหลิงคุณมีคนไข้ของคุณในแผนกฟื้นฟูหรือป่าว?”
เป็นที่ชัดเจนว่าซงเย้าเวิ้นรู้สึกอึดอัดใจที่ทำตัวโง่เง่าก่อนหน้านี้ เธอจึงพยายามเปลี่ยนประเด็นเพื่อให้สามารถกลับมาพูดคุยกับหลิงรันได้ดังเดิม
หลิงรันถูกผลักให้มาอยู่ด้านหน้าแถวอีกครั้ง เขาพูดว่า “มี”
“ฉันขอพบคนไข้ของคุณได้ไหม” ซงเย้าเวิ้นพูดด้วยท่าทางอ่อนโยนและพูดเบา ๆ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นเธอเป็นพิธีกรหญิงที่ดูเปราะบางเพราะมันจะช่วยให้ผู้ชายอยากจะปกป้องเธอ
อย่างไรก็ตามแพทย์หญิงและพยาบาลในพื้นที่เพียงทำได้แค่มอง ซงเย้าเวิ้นโดยไม่พูดอะไรซักคำเดียวเพราะพวกเขารู้ว่าซงเย้าเวิ้นก็แค่แสดงเท่านั้น
“แค่ดูแท๊กข้อมือของผู้ป่วยแล้วคุณจะรู้ว่าผู้ป่วยอยู่แผนกไหนโดยถ้ามีแท๊ก ‘แผนกฉุกเฉิน‘เขียนไว้นั้นก็เป็นผู้ป่วยของผม” คำตอบของหลิงรันแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้
ซงเย้าเวิ้นเม้มริมฝีปากของเธอเบา ๆ ในขณะนั้นที่กลุ่มของพวกเขาเดินผ่านเข้าไปอีกห้องหนึ่งซงเย้าเวิ้นก็เลยมองหาแท๊กของแผนกฉุกเฉินและเหมือนจะพยายามโป้ยเสนห์จากลิมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอและวิธีที่เธอพูดซึ่งทำให้ผู้ชายแถวนั้นอยากที่จะปกป้องเธออีกทั้งทำให้หมอหนุ่มแถวๆนั้นสองสามคนรึ้กอิจฉาหลิงรันมากๆในเวลาเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ดีความอิจฉาของพวกเขามันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี?โดยพวกเขาคิดว่าหลิงรันควรจะดูแลนักข่าวหญิงให้ดีกว่านี้? แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้เธอไปกับหลิงรันแน่ๆ?
ทีมแพทย์เฝ้าดูไปที่ ซงเย้าเวิ้นเมื่อเธอก้มลงจนแต่ติดก้นของเธอ พวกเขาอึกอัดใจเป็นอย่างมากเพราะมันทำให้พวกเขาคิดลึก
“ แสดงว่านี้คือคนไข้ของหมอหลิงสินะ? อาคนนี้ก็เป็นคนไข้ของคุณ…และคนนี้ก็เหมือนกัน…พวกเขาทั้งหมดเป็นคนไข้ของคุณ…” ซงเย้าเวิ้นมองดูผู้ป่วยทีละคน
หลิงรันดูไม่ได้แยแสอะไร “ห้องฟื้นฟูนี้ถูกมอบให้อยู่ในการดูแลของแผนกฉุกเฉิน”
“ทำไมคุณไม่พูดถึงมันก่อนหน้านี้? และคุณยังบอกให้ฉันก้มลงดูแท๊กชื่อของพวกเขาด้วย” ซงเย้าเวิ้นตบแขนของหลิงรันเบา ๆ และเธอประหลาดใจมากๆเพราะแขนของหลิงรันดูแน่นเหมือนคนออกกำลังกายและมีกล้ามมันทำให้ใจของเธอตื้นตันและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
หลิงรันคิดว่า ‘ผมสอนวิธีปกติในการค้นหาแผนกทและซึ่งคุณก็ไม่ได้ถามตรงๆ‘
โดยทั่วไปหลิงรันเองก็ไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามให้กับคนที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับเขาซึ่งเป็นธรรมชาติของเขาที่จะไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม
ซงเย้าเวิ้นกำลังไตร่ตรองคำพูดของเธอเพื่อให้เหมาะกับการแสดงออกของคู่สนทนา เมื่อเธอเห็นว่าหลิงรันดูไม่มีความสุขเธอก็เริ่มไตร่ตรองการกระทำของเธอทันที เป็นไปได้ไหมที่หมอหลิงไม่ชอบให้คนมาแตะเนื้อต้องตัว? นั่นเป็นไปไม่ได้ บางทีเขาอาจไม่ชอบผู้หญิงที่ก็ได้…? นั่นเป็นไปได้ แต่ผู้หญิงควรจะดึงดูดความสนใจหมอหลิงได้สิถ้าเธอเริ่มอ่อยเขา? อืม…บางทีหมอหลิงเป็นคนประเภทที่ชอบที่จะเอาชนะผู้หญิงเหมือนคนที่อยู่ในหนังฟิบตี้เชตออฟเกรย์…มันดูแปลกดีนะเนี่ย ‘
ดังนั้นหลังจากการวางท่าทางที่สวยงามแล้ว ซงเย้าเวิ้นก็จดจ่อกับงานของเธอ
หากใครที่จะตัดสิน ซงเย้าเวิ้นจากการทำงานของเธอคนเดียวพวกเขาจะได้ข้อสรุปว่าจริง ๆ แล้วเธอเป็นนักข่าวที่ดีมาก
เธอจบการศึกษาชั้นนำจากสาบันการเงินพีบีซีและเนื่องจากใบหน้าที่สวยงามและทักษะการสื่อสารระดับมืออาชีพของเธอเธอจึงเข้าร่วมรายการโทรทัศน์ธุรกิจและการเงินในจังหวัดในฐานะเจ้าภาพ แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถรับมือกับการล่วงละเมิดจากชายวัยกลางคนที่ดูสูงกว่าเธอมากและแต่งงานแล้วเธอจึงลาออกจากตำแหน่งและเข้าร่วม ‘หยุนหัวรายวัน‘
ซงเย้าเวิ้นมีเทคนิคของเธอเองเมื่อพูดถึงการสัมภาษณ์และเธอมั่นใจในตัวเองมาก
เธอมองหาชายวัยกลางคนที่ดูแก่กว่าซึ่งมีอายุมากกว่าเธอมากเธอให้เขาทดสอบมือผ่านวิธีการปอกกุ้งอย่างถูกวิธีให้เขาเปิดกล่องเครฟิชสีแดงที่เธอเพิ่งซื้อมาและเขาเริ่มปอกเปลือกเปือกออกกุ้งโดยที่เธอไม่จำเป็นจะต้องเสียเงินซื้อกุ้งเหล่านั้นด้วยตัวเองปรากฏว่าชายคนนั้นสามารถปอกกุ้งออกมาโดยไม่แสดงความเจ็บปวดที่มือเลย
“ว้าวคุณทำได้ดีมาก!” ซงเย้าเวิ้นชมเขาแล้วหยิบกุ้งแดงอีกกล่องเพื่อค้นหาผู้ป่วยรายอื่น
ทุกคนให้ความร่วมมือกับเธอ
ลืมไปว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับหญิงสาวสวยหรือไม่ใคร ๆ ก็จะเชื่อฟังมากกว่าปกติเล็กน้อยเมื่อกล้องกำลังถ่ายพวกเขา
ทีมแพทย์ดู ซงเย้าเวิ้นทำการโพสท่าต่าง ๆ ในขณะที่เธอทำการสัมภาษณ์และพวกเขาก็พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก
สำหรับพวกเขาการกำหนดว่านิ้วได้หายไปหรือไม่โดยการขอให้ผู้ป่วยปอกเปลือกกุ้งเป็นการกระทำของมือสมัครเล่นจริง ๆ แต่พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับมันได้เพราะซงเย้าเวิ้นเป็นคนนอกในเรื่องนี้
“ ว้าวหมอหลิงก็ผ่าตัดให้คุณหรอเนี่ย”
“เดี๋ยวก่อนคุณหายในไม่กี่วัน?”
“ว้าวการกู้คืนของคุณเร็วมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาใช่มั้ย”
ซงเย้าเวิ้นสัมภาษณ์ผู้ป่วยในห้องฟื้นฟูอย่างสง่างาม คำที่เธอเลือกนั้นทำให้การสนทนาดูน่าสนใจและเธอก็ช่วยเพิ่มเชื่อเสียงให้กับแผนกศัลยกรรมมือและแพทย์ทำให้หมอรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่บนคลาวด์เก้า
“ ว้าวหมอหลิงช่วยคุณด้วยหรือเปล่า?” ซงเย้าเวิ้นถามเมื่อเธอไปถึงหน้าผู้ป่วยรายอื่น
“ฉันมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนเสื้อคลุมของฉัน” เหมาเพ็งไห่อายุสามสิบเอ็ดปีออกมามีเหงื่อเต็มตัวเมื่อพยาบาลมองทะลุผิวหนังของเขาเพื่อฉีดเฮปาริน เขาจับมันเพราะเขาไม่อยากตายตอนที่ได้ทำการตรวจอยู่
ซงเย้าเวิ้นจ้องที่นิ้วสีดำของเขาและพูดด้วยความกลัวว่า “มันดูไม่ดีเลย”
“เวรเอ๋ยแน่นอนว่ามันเป็นอย่างที่เธอพูด” เหงื่อค่อยๆหยดลงมาที่ร่างของเหมาเพ็งไห่และเขาพูดจาหยาบคายกับเธออย่างไม่น่าเชื่อ
หมอคนหนึ่งในห้องพักฟื้นเดินไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็วและยืนอยู่ระหว่าง ซงเย้าเวิ้นและ เหมาเพ็งไห่เขาพูดกับเธออย่างเงียบ ๆ “ ผู้ป่วยกำลังทุกข์ทรมานจากอาการลงแดงตอนนี้และกระสับกระส่ายมากทำไมคุณควรไปสัมภาษณ์คนอื่นดีกว่า?”
ซงเย้าเวิ้นตกใจ “อาการลงแดงตัวหรอเขา…เอ่อ…ติดยา?”
แพทย์ผู้ดูแลห้องพักฟื้นตอบว่า “เขาเป็นพวกชอบสูบบุหรี่เขาสูบมันมาแล้วห้าสิบปีแล้วเราปฏิเสธที่จะทำการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วมือของเขา แต่เนื่องจากความต้องการจากผู้ป่วยและญาติๆของเขาเราจึงตัดสินใจช่วยเขานอกจากนี้ผู้ป่วยมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเลิกสูบบุหรี่และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะช่วยเขาในขณะนี้เขากำลังทุกข์ทรมานจากอาการลงแดงและเขาปวดเมื่อยทั่วร่างกายลมหายใจไม่ได้ไม่นอนหลับและเหนื่อยในเวลากลางวันสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณชัดเจนของการขาดนิโคติน … “
“ เขาคิดจะเลิกสูบบุหรี่ตั้งแต่เขาได้รับการปลูกฝังนิ้วใช่มั้ยนั่นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ยอดเยี่ยม” ซงเย้าเวิ้นยกย่องเขา “ตอนนี้ฉันต้องการสัมภาษณ์เขาจริงๆ”
แพทย์ผู้ดูแลห้องพักฟื้นรู้สึกไม่อึกอัดใจแต่หัวเราะ เขาพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสูบบุหรี่อีกต่อไป”
หมอหวังเดินไปข้างหน้าเธอและเขายิ้มและชี้ไปที่นิ้วของเขา เขาวาดเส้นสองสามเส้นเพื่อแสดงเส้นเลือดในนิ้วและกล่าวว่า “เส้นเลือดในนิ้วมือมีความบางมากนิโคตินจะทำให้เส้นเลือดในเนิ้วมือสัมผัสกับหลอดเลือดกระตุกรามสู่ก้อนเนื้ออื่น ๆ เราไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่หลังจากได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้ว
“ถ้าอย่างงั้นจะห้ามไม่ให้สูบได้นานแค่ไหน?” ซงเย้าเวิ้นไม่ได้ถามคำถามนั้น แต่มาจากเหมาเพ็งไจที่เดินมาหาพวกเขาอย่างช้าๆ
แพทย์ผู้รับผิดชอบในห้องพักฟื้นถอนหายใจและพูดว่า “คุณเหมาฉันบอกคุณก่อนว่าการสูบบุหรี่จะทำให้คุณไม่ดีทำไมคุณไม่ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเลิกสูบบุหรี่โดยสิ้นเชิง”
“ฉันต้องการเลิกสูบบุหรี่อยู่แล้ว แต่ฉันแค่รู้สึกแย่และหัวใจของฉันก็ขอให้ฉันสูบบุหรี่” เหมาเพ็งไห่พยายามบังคับตัวของเขา ในตอนนั้นเขารู้สึกเจ็บปวดแม้ในขณะที่หายใจเข้าลึก ๆ และความรู้สึกนั้นก็ยิ่งแย่กว่าความเจ็บปวดที่นิ้ว
หมอหวังส่ายหัวแล้วพูดว่า “คุณเหมาจากมุมมองของแผนกศัลยกรรมมือมีความเสี่ยงไม่ว่าคุณจะสูบบุหรี่และมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษในช่วงสองสามเดือนแรกถ้าคุณเลิกสูบบุหรี่เรื่อยๆมันไม่มีประโยชน์สำหรับคุณ แต่มันจะเป็นอันตรายอย่างเหลือเชื่อสำหรับคุณถ้าคุณสูบบุหรี่ “
“มันจะเป็นอันตรายหรอ แม้ว่าฉันจะสูบบุหรี่แค่หนึ่งเดียว?” เหมาเพ็งไห่ถาม
หมอหวังกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “อันตรายมากไม่จำเป็นต้องแม้แต่แท่งบุหรี่แม้แต่แท่งเดียวนิโคตินทั้งหมดที่บรรจุอยู่ในแท่งบุหรี่เพียงครึ่งเดียวจะทำให้ส่วนเกินของนิโคตินที่คุณมีอยู่”
“มันสามารถทำการกรองได้ไหม”
“ในกรณีของการกรองนิโคตินก็เช่นกันอย่าทำ!” หมอหวังได้สังเกตเห็นถึงอันตรายของสถานการณ์แล้ว เขาพูดด้วยท่าทางที่น่ากล่ว “ถ้าคุณสูบบุหรี่คุณจะทำให้นิ้วที่ปลูกถ่ายของคุณตายอีกครั้งและคุณจะไม่ได้สูบมันอีกตลอดไป”
“ ฉันรู้แล้วน่า ฉันแค่พูดเล่นก็เท่านั้นเอง…” เหมาเพ็งไห่เป็นผู้ชายที่มีอายุสามสิบกว่าแล้ว เขายิ้มและจ้องมองไปที่หลิงรัน เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “หมอหลิงขอบคุณมาก”
“ด้วยความยินดีคุณเหมา” หลิงรันหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เลิกบุหรีเสียเถอะนะ”
“ฉันจะไม่ทำมันแน่ๆ” เหมาเพ็งไห่หัวเราะเบา ๆและดูเหมือนเขาจะอายก่อนที่จะเดินออกไป
ซึ่งต่อหลิงรันก็ได้รับหีบสมบัติจากการขอบคุณอย่างจริงใจปรากฏตรงหน้าของเขา หลิงรันดูประหลาดใจที่เหมาเพ็งไห่ยอมที่จะเปิดใจกับความเป็นห่วงของหลิงรัน
สมุดสีเงินเทาปรากฏขึ้นบนหน้าอินเทอร์เฟสของเขามันเขียนอย่างชัดเจนในหน้าชื่อเรื่องคือคำว่า [เทคนิคการเย็บแบบแรมเบอร์หรือการเย็บอวัยวะภายใน (ระดับผู้เชี่ยวชาญ)]
หลิงรันผู้ซึ่งเคยได้รับเซรัมพลังงานทุกครั้งที่เปิดหีบนั้นในครั้งนี้มันทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เทคนิคการเย็บแรมเบอร์เป็นหนึ่งในการเย็บแผลที่ต้องทำการกลับด้านของแผลออกมา มันแตกต่างจากการเย็บที่แบบแนวตั้งแบบขัดจังหวะ ที่หลิงรันซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญก่อนหน้านี้ – เทคนิคการเย็บนั้นมีหลายแบบ สำหรับเทคนิคการเย็บแรมเบอร์มันถูกใช้ในการเย็บภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ มันเป็นเทคนิคที่มักใช้โดยแผนกศัลยกรรมทั่วไป ในขณะนี้หลิงรันไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะนี้ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดช่องท้องเป็นสิ่งที่ศัลยแพทย์พบบ่อยที่สุด การควบคุมการเย็บอวัยภายในนั้นจะทำหลิงรัน สามารถขยายทักษะด้านการรักษาของเขาออกไปได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่น่าเสียดายที่ระดับผู้เชี่ยวชาญมันยังไม่สูงพอ อย่างไรก็ตามนี่ยังคงเป็นทักษะที่แพทย์ที่มีประสบการณ์ซึ่งได้รับหลังจากการฝึกฝนและการวิจัยเป็นเวลาหลายปี แต่อย่างไรก็ตามหลิงรันยังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เขาได้รับทักษะอย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกัน ซงเย้าเวิ้นก็สนใจสถานการณ์ของเหมาเพ็งไห่อย่างไม่น่าเชื่อ เธอถามหมอหวังพร้อมด้วยสายตาราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรบ้างอย่างอยู่ “แสดงว่าห้องพักฟื้นของคุณต้องพิจารณาการฟื้นตัวของผู้ป่วยและเงื่อนไขอื่น ๆ ด้วย”
“ใช่.” หมอหวังพยักหน้าอย่างจริงจัง
ซงเย้าเวิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม “มันหายากมากสำหรับฉันที่จะได้รับการดูแลที่ดีเช่นนี้หัวหน้าแพทย์หวังทำไมคุณไม่ให้เชิญหลิงรันมากับฉันเพื่อฉันจะทำการสัมภาษณ์เชิงลึกกับเขาในเรื่องต่าง”
การสัมภาษณ์เชิงลึกนั้นเป็นเรื่องที่หายากมาก เงื่อนไขของ ซงเย้าเวิ้นทำให้ความคิดของหมอหวังหยุดชะงัก
เขาหันหน้าไปมองคนอื่นก่อนที่เขาจะลังเลพูดว่า “อืม … ถ้าพูดจริงๆแล้วหลิงรันเป็นแพทย์ในสังกัดแผนกฉุกเฉิน”
“งั้นฉันจะไปสัมภาษณ์แผนกฉุกเฉินเหรอ?” ซงเย้าเวิ้นพูดประโยคนั้นราวกับว่าเธอเพิ่งถามคำถาม
หมอหวังตกใจมาก “งั้นเดียวขอให้ฉันคิดดูก่อนล่ะกัน … “
“ถ้างั้นถ้าได้ตามที่ฉันขอก็ช่วยติดต่อฉันกลับมาด้วย” ซงเย้าเวิ้นออกจากห้องพักฟื้นโดยเงยหน้าขึ้นและหน้าอกพองออก
แพทย์คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปอย่างช้าๆ
เหมาเพ็งไห่มองจากประตูออกไปสู่วอร์ดจากเตียงของเขา เมื่อทุกคนออกไปแล้วเขาก็รีบดึงซอฟต์ชุนวาที่แบนราบออกมาจากใต้ที่นอนซ่อนมันไว้ในฝ่ามือและแอบเข้าห้องน้ำ เขาจุดมันด้วยไฟแช็คของเขาราวกับว่าเขากำลังรักษาสมบัติจากนั้นก็ได้สูบบุหรี่ไปที่หนึ่งด้วยความสุภาพ …