Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 174
“น่าจะเอาถังที่เล็กกว่านี้หน่อยมาให้เธอนะ” หลิงรันไม่ได้ตำหนิหยูหยวนแต่อย่างใดแม้ว่าหลิงรันจะไม่เคยตำหนิใครในห้องผ่าตัดก็ตามแต่มันก็ยังเป็นภาพติดตราตึงใจที่ว่าหัวแพทย์ในการผ่าตัดส่วนใหญ่จะชอบตำหนิคนที่อยู่ในห้องเสมอ
พยาบาลที่ดูแลอยู่ในห้องผ่าตัดทำตามที่หลิงรันบอกแต่ดูราวกับว่าเหมือนเธอถูกตำหนิแบบไม่รู้ตัว ถ้านี้คือหัวหน้าศัลยแพทย์หนุ่มคนอื่นพยาบาลคนนี้ก็คงจะมีการโต้เถียงกับไปแล้ว แต่เมื่อพูดถึงการโต้เถียงกันแล้วแพทย์หนุ่มส่วนใหญ่จะชนะได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาชาเท่านั้นเพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่แพทย์หนุ่มเหล่านี้จะโต้เถียงได้ทัน
เป็นเรื่องดีที่หลิงรันเป็นคนสั่งเนื่องจากมันทำพยาบาลในห้องนั้นไม่ได้คิดอะไรมากที่จะโต้เถียงกลับไป อย่างไรก็ตามเธอเริ่มจ้องมองไปที่หยูหยวนอย่างไร้ความเป็นมิตรเล็กน้อย
มันทำให้หยูหยวนตอนนั้นกลัวและทำให้เธอดูค่อนข้างหดหู่
เดิมทีเธอหวังว่าจะได้เริ่มต้นสิ่งๆดีหลังจากที่เธอมาถึงทีมรักษาใหม่
อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแต่อย่างไร
เพราะเธอไม่สามารถบดความประหม่าและหยุดความซุ่มซามของเธอได้กับทีมรักษาใหม่ที่เธอทำงานด้วยได้
แต่อย่างไรก็ดีหลิงรันก็ไม่ได้แสดงออกใดๆกับความซุ่มซามของเธอ เขายังคงปล่อยให้หยูหยวนดึงผิวหนังของผู้ป่วยออกมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “หยูหยวนเปลี่ยนถุงมือของคุณ”
“หืมเปลี่ยนถุงมือเหรอ?” หยูหยวนที่เสียใจอยู่กับสิ่งที่เธอลงไป ขณะที่เธอกำลังดึงหนังของผู้ป่วยอยู่แต่เธอก็ไม่เข้าใจเหตุผลของสิ่งที่หลิงรันสั่งให้เธอทำ
“ถุงมือของเธอมีเลือด” มาหยางลินอธิบายด้วยความสงสาร
หยูหยวนพลิกมือของเธอแล้วมองไปที่มัน ในที่สุดเธอเห็นเลือดสองสามจุดที่ด้านหลังมือของเธอตรงที่ข้อต่อของนิ้วมือของเธออยู่ จากนั้นเธอก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
การผ่าตัดขนาดเล็กนั้นต้องการความละเอียดและความพิถีพิถันค่อนข้างสูง ซึ่งมันเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานสำหรับถุงมือและอุปกรณ์ที่จะต้องไม่มีเลือดเพราะมันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำหเลือดไปติดกับไหมที่ใช้เย็บแล้วเกิดอาการติดเชื้อได้
หยูหยวนจำไม่ได้ว่าเธอไปสัมผัสเลือดตอนไหน เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับมันเธอก็รู้สึกอึกอัดใจและเริ่มกังวลเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกว่องไวเล็กน้อยเธอรีบออกจากโรงละครไปอย่างรวดเร็ว เธอถอดถุงมือและเปลี่ยนเป็นถุงมือคู่ใหม่ด้วยความช่วยเหลือจากพยาบาลหมุนเวียน เธอรู้สึกหดหู่ใจ
“หยูหยวน รับคีม” หลิงรันสั่งเธอทันที่
“โอ้…ถูกต้องแล้วอืมให้แบริ่งคีมหนึ่งอันให้ฉัน” หยูหยวนตื่นตระหนกจนไม่สามารถพูดได้อย่างถูกต้อง เธอดูเหมือนเด็กฝึกงาน
พยาบาลห้องผ่าตัดตอนนี้ในมือของเธอมีแบริ่งคู่หนึ่ง ขณะที่ หยูหยวนถามหาสิ่งนั้น เธอตบวางมันลงในฝ่ามือของหยูยวนทันที่
แม้ว่าคีมแบริ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อคีมไร้บาดแผลมันจะช่วยให้หยูหยวนสบายใจมากขึ้นเมื่อได้ยินชื่อของมันที่คุ้นเคย
แต่ในใจของเธอเธอสามารถจำต้นกำเนิดของคีมแบริ่งได้ทันทีและที่สำคัญที่สุดคือการใช้งาน คีมแบริ่งเป็นคีมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อจับเส้นเลือด ขาขของคีมทำขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอและมีลักษณะกลมและเล็ก มันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อหลอดเลือดและเนื้อเยื่อที่เปราะบางอื่น ๆ ที่เกิดจากความดันอย่างน้อยที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลิงรันขอให้ทำไมหลิงรันจึงตัดสิ้นใจให้คีมนี้กับหยูหยวเพื่อที่เธอจะได้จับเส้นเลือดได้ง่ายขึ้น
หยูหยวนรู้สึกอึกอัดใจ แต่หายใจเข้าเบา ๆ มันทำให้เธอรู้สึกกังวลอีกครั้ง
“คุณรู้วิธีใช้คีมคีมแบริ่งหรือไม่?” หลิงรันถามหยูหยวนเหมือนว่าเขากำลังซักถามนักศึกษาฝึกงาน
อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่หยูหยวนต้องการอย่างแท้จริง
เมื่อเธอเป็นนักเรียนอาจารย์ของเธอเพียงให้เธอเขียนวิทยานิพนธ์ทั่วไปเท่นั้นแล้วเธอได้รับประสบการณ์ทั้งหมดในการฝึกฝนทางคลินิก เมื่อเธอเข้าโรงพยาบาลหยุนหัวด้วยคุณสมบัติระดับสูงของวิทยานิพนธ์ระดับ 1 มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่จะมีแพทย์ที่ต้องการสอนเธอตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการใหม่อีกครั้ง
แน่นอนว่าหยูหยวนไม่เคยกังวลเกี่ยวกับความรู้ทางทฤษฎีของเธอ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เราจะต้องไม่จับเส้นเลือด[1] ด้วยคีมนี้แน่ๆเพราะเราต้องจับมันเมื่อมันจำเป็นจริงๆเท่านั้นและเราต้องทำ เบา ๆ “
“ใช่แล้วคีมแบริ่งที่คุณถืออยู่ตอนนี้ถูกเลือกจากหลายประเภทของคีมซึ่งหลังจากการผ่าตัดมาหลายครั้ง ผมคิดว่าคุณไม่ต้องออกแรงเพิ่มใดๆในการดึงผิวและไม่ต้องกลัวว่าคุณออกแรงน้อยเกินไปจนไม่สามารถดึงผิวหนังของผู้ป่วยไว้ได้เพราะเพียงแค่กำลังของคีมเพียงเล็กน้อยก็ช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น ” หลิงรานอธิบายให้หยูหยวนในขณะที่เขายังคงจัดการกับงานที่ทำอยู่
ระดับการปลูกถ่ายนิ้วที่สมบูรณ์แบบของเขารวมถึงการให้คำแนะนำแก่ผู้ช่วยของหลิงรันนั้นถือเป็นมืออาชีพ
การผ่าตัดไม่ได้เป็นเรื่องของคนคนหนึ่ง ยิ่งมีการทำศัลยกรรมที่สำคัญมากเท่าใดแพทย์ก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างสมบูรณ์หัวหน้าศัลยแพทย์ต้องมีความสามารถในการประสานงานและจัดการผู้ช่วยของเขา
ด้วยบุคลิกที่เขามี มันทำให้หลิงรันไม่เก่งในการประสานงานหรือจัดการผู้อื่น
ถ้าคนอย่างหลิงรันต้องทำงานในตำแหน่งวิศวกรหรือผู้จัดการผลิตภัณฑ์คนนั้นน่าจะไปได้ไม่สวยนัก
อย่างไรก็ตามในฐานะหัวหน้าศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัดปฏิบัติการมันเป็นการประสานงานและเทคนิคการจัดการที่เหมาะสมในการออกคำสั่งอย่างมั่นใจ
หลิงรันไม่ได้พูดถึงว่าหยูหยวนว่าฝีมือของเธอแยะ และเขาไม่ได้วิจารณ์หรือคำแนะนำเกี่ยวกับทักษะการผ่าตัดของเธอ เขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้เธอฟังเป็นขั้นเป็นตอนราวกับเธอเป็นเด็กฝึกงาน
ท้ายที่สุดแล้วหยูหยวนก็มีพื้นฐานบางอย่าง หลังจากทำความคุ้นเคยกับเธอซักพักเธอก็สามารถทำตามคำสั่งของหลิงรันได้ โดยปกติแล้วทุกคนจะสามารถปฏิบัติตามคำสั่งของการเป็นผู้ช่วยที่สองในห้องผ่าตัดได้ เมื่อมีใครสนใจเป็นพิเศษและได้รับคำแนะนำพิเศษใคร ๆ ก็สามารถทำได้แม้ว่าเขาอาจไม่ได้มีทักษะในการผ่าตัดที่ดีสักเท่าไร
เร็วมากหลิงรานเย็บหลอดเลือดอีกเส้น จากนั้นเขาก็ดำเนินการต่อกับคนต่อไป
หยูหยวนถือคีมคู่หนึ่งแล้วตามเขาไปตลอดทาง
เมื่อหลิงรันเย็บเส้นแรกเสร็จ แต่การเคลื่อนไหวของหยูหยวนก็ยังค่อนข้างแข็งและช้าอยู่หลังจากที่มีการทำเย็บแผลอีกหลายๆจุด การเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างช้าของเธอก็เริ่มเร็วมากขึ้น
“ล้างแผล” หลิงรันสั่งอีกครั้ง
หยูหยวนเลือกหยิบถังด้วยการเปิดแคบ ๆ อย่างมั่นใจ
*สาด…*
การกระเด็นเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ ต่อไปเราจะทำการผ่าตัดเชื่อมปมประสาท” หลิงรันพูดโดยไม่ทำให้คิ้วขมวด
หยูหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเธอดูมีความมุ่งมันมากยิ่งขึ้น
การทำการงานของหลิงรันนั้นรวดเร็วมาก
อีกไม่กี่วินาทีต่อมาหยูหยวนก็เบิกตาของเธอทันทีและถามว่า “ทำไมมันถึงเป็นปมประสาททำไมมันไม่ควรเป็นเยื่อประสาทแทน ?”
“ ผมคิดว่าการเชื่อมปมประสาทจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า” หลิงรันกล่าวราวกับว่าควรจะต้องทำอย่างที่เขาบอก
“แต่การเชื่อมปมประสาทนั้นยากกว่ามากและต้องการเวลามากกว่านี้ … ” เสียงของหยูหยวนค่อยๆจางหายไปเพราะหลิงรันนั้นเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเดิมมาก
ณ จุดนั้นเขาไม่ต้องการผู้ช่วยคนที่สอง
หยูหยวนวางคีมไว้ในมือของเธอ จากนั้นเธอขอให้พยาบาลช่วยใส่แว่นขยายผ่าตัดหนึ่งคู่และเธอพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำความคุ้นเคยกับบาดแผลผ่าตัดที่เจอ
เธอเห็นว่าหลิงรันกำลังใช้ เครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กเพื่อแยกเนื้อเยื่อที่ถูกตัดออกอย่างอ่อนโยนของเส้นประสาทส่วนปลายออก เขาทำเช่นนั้นจนกระทั่งปลายเส้นประสาทปกติปรากฏขึ้นก่อนที่เขาจะตัดส่วนปลายของเส้นประสาทส่วนปลายออก 0.19 นิ้วซึ่งเส้นประสาทถูกตัดออกในลักษณะเป็นวงกลม ถัดไปเขาเริ่มแยกกระดูก
ณ จุดนั้นดวงตาของหยูหยวนเปิดกว้างแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าเนื้อเยื่อหนึ่งเส้นประกอบขึ้นจากกลุ่มของปมประสาทเช่นเดียวกับเชือกซึ่งประกอบด้วยเส้นบาง ๆ ที่ถูกบิดเข้าด้วยกัน
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแยกการทำงานต่าง ๆ ของเส้นบาง ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อยูหยวนมองหน้าของหลิงรันเธอก็พบว่าเขาดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลย
เมื่อหลิงรันจับคู่กับไหมเย็บทีละหนึ่งเขาก็ทำให้มันดูเหมือนว่าแต่ละคนมีป้ายกำกับ
หยูหยวนทำได้แค่อึดอัดใจอยู่ด่านใน แต่พูดว่า “โครงสร้างทางกายวิภาคของปมประสาทที่แตกต่างกันโดยทั่วไปมีลักษณะเหมือนกัน คุณจะแยกแยะความแตกต่างได้อย่างไร”
หลิงรันตอบโดยไม่คิดว่า “ผ่านประสบการณ์ในการผ่า”
“สิ่งนี้ … คุณต้องการประสบการณ์ในการผ่านี้มากแค่ไหน?”
หลิงรันไม่ตอบหยูหยวน
หลังจากได้รับประสบการณ์ในการผ่าตัดสามพันครั้งแล้วหลิงรันก็รู้สึกสบายใจเมื่อต้องเข้ารับการผ่าตัดในแผนกศัลยกรรมมือ
มือของแต่ละคนแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ความน่าจะเป็นของมือที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากคนสามพันคนนั้นต่ำมาก นอกจากนี้ในปัจจุบันมีเอกสารทางทฤษฎีมากมายที่พูดถึงกรณีผิดปกติ
อย่างไรก็ตามหยูหยวนตกตะลึง เธอพึมพำ “ปกติแล้วผลของการเชื่อมปมประสาทนั้นดีกว่าการเชื่อมเยื่อประสาทภายนอกแต่มันก็ต้องใช้เวลามากกว่าและมันก็ไม่ได้ใช้ในการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วนอกจากนี้เมื่อทำการเชื่อมปมประสาทมันง่ายมากที่มีโอกาสผิดผลาดถ้าเลือกปมประสาทผิด… มันก็จะดีกว่าถ้าใช้การเชื่อมปมประสาทภายนอกถ้าเป็นเช่นนั้นนอกจากนี้จะลำบากกว่าที่จะเย็บปมประสาทและใช้เวลานานกว่า อย่างน้อยประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าเมื่อเทียบกับการเชื่อเนื้อเยื่อประสาทภายนอกเมื่อพูดถึงการปลูกถ่ายนิ้วอัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคาจะไม่สูงเมื่อเทียบกับการเสียเวลาอย่างมากในการเชื่อมปมประสาท… “
ในห้องผ่าตตัดสำหรับพยาบาลนักวิสัญญีและมาหยางลินทำให้หยูหยวนดูแปลก ๆ
หยูหยวนส่ายหัวอย่างรุนแรง “เดอแอชชี่พาวเวอร์ เคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับผลการรักษาการเชื่อมเนื้อเยื่อประสาท และ การเชื่อมปมประสาท ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของรายงายแสดงให้เห็นว่าความเร็วในการนำกระแสประสาทการเชื่อมเนื้อเยื่อประสาท มีศักยภาพสูงกว่าการกระทำของกล้ามเนื้อของผู้ป่วยแต่เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยการเชื่อมปมประสาท นั้นยิ่งใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดจากคลื่นแอมพลิจูดและประสิทธิภาพโดยรวมก็สูงมากเขาใช้เส้นประสาทท่อนปลายเพื่อเปรียบเทียบ ”
หยูหยวน หยุดครู่หนึ่งและพูดพึมพำต่อไป “เส้นประสาทท่อนในนั้นสามารถเย็บแผลได้ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นประสาทของนิ้วที่ถูกตัดเวลาที่ต้องการนั้นลดลงและระดับความยากก็ลดลงเช่นกัน นิ้วที่ถูกตัดในเวลาเดียวกับที่คุณจะเป็นแผลเส้นประสาทดังนั้นคุณไม่สามารถคิดได้ง่ายๆว่าการใช้วิธีเชื่อมปมประสาทนั้นดีกว่า … “
“ อืม…ฉันเย็บเสร็จแล้ว” หลิงรันมองจากกล้องจุลทรรศน์แล้วถอดถุงมือออก
หยูหยวนรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เธอเห็น
ก่อนที่เธอจะสามารถถามคำถามเพิ่มเติมได้ หลิงรันก็นวดไปที่คอของเขาเองและพูดว่า “มาหยางลินไม่มีปัญหากับการที่คุณทำอะไรเหลืออยู่ใช่ไหมเย็บผิวหนังของผู้ป่วย”
“ไม่มีปัญหาหมอหลิงคุณไปพักผ่อนเถอะ” มาหยางลินตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากรอมานานแม้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เย็บผิวหนังของผู้ป่วย แต่ก็ยังทำให้เขามีความสุขมาก
หลิงรันถอดชุดผ่าตัดของเขาออกแล้วโยนมันลงในถัง จากนั้นเขาก็เหยียบที่ประตูอัตโนมัติของห้องผ่าตัดและออกไป
ซึ่งเป็นปกติที่หลิงรันจะไปพักหลังผ่าตัด และไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดเลย
มาหยางลินรอประตูโรงละครปิดตัวลงก่อนที่เขาจะมองไปที่หยูหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดว่า “ฉันไม่ว่าเธอจะเป็นที่ไม่ฝีมือเลยนะเธอดูซื้อๆ”
หยูหยวนยังอยู่ในภาวะตกตะลึงอย่างยิ่ง เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่มายันลินพูดเธอแทบจะไม่ตอบสนองเลย เธอถามว่า “นายหมายถึงอะไร”
“ แม้ว่าเธฮจะรู้ว่าหมอหลิงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในด้านกายวิภาคศาสตร์ของมือแต่เขามักจะทำเรื่องน่าทึ่งอย่างเช่นการเชื่อมปมประสาทเธอคงรู้ว่ามันยากแค่ไหน คงไม่อยากเชื่อเลยล่ะสิ” ขณะที่มาหยางลินพูดเขาก็หัวเราะ
หยูหยวนรู้เพียงว่ามาหยางลินสร้างความสนุกสนานให้กับเธอและเธอก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงก่อนที่เธอจะพูดว่า “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าหมอหลิงเขามีทักษะที่สูงเช่นนี้”
“เธอจะค่อยๆทำความคุ้นเคยกับเขาหลังจากนี้” มาหยางลินกล่าวขณะที่เขาค่อยๆเย็บผิวหนังของผู้ป่วย “หมอหลิงไม่ชอบพูดเมื่อเขาทำการผ่าตัดและการเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับแพทย์คนอื่น มันง่ายกว่าถ้าเขามุ่งไปที่แผลของผู้ป่วยเพียงอย่างเดียวแต่มีปัญหาเพียงปัญหาเดียว … “
หยูหยวนถามโดยธรรมชาติว่า “มีปัญหาอะไร”
“หมอหลิงทำการผ่าตัดไม่หยุด”
“การผ่าตัดแบบไม่หยุด … ?” เมื่อหยูหยวนคิดถึงทักษะการผ่าตัดที่น่ากลัวของเธอเธอมีความรู้สึกไม่ดีทันที ในขณะที่อยู่ในสภาพไร้จิตใจเธอจำคำสั่งโดยตรงของหลิงรันได้สองสามข้อ แต่เธอยังจำได้ว่าเธอเคยใช้บางคำสั่งภายใต้คำสั่งของหลิงรัน …
หลังจากที่เธอยืนอยู่ท่ามกลางความงุนงงในห้องผ่าตัดไม่กี่วินาทีใบหน้าและดวงตากลมของหยูหยวนยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าในความรู้และกระตุ้นให้ทำศัลยกรรมอีกครั้ง
“หมอยูหมอยู…” ซูเจียฟูค่อย ๆ เคลื่อนไปที่ด้านหน้าของหยูหยวน เขายิ้มอย่างมีลับลมคมในและถามว่า “คุณหมอหยูคุณเป็นคนที่ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ของคุณในวารสารชั้น 1 คุณช่วยอ่านบทความของฉันหน่อยได้ไหม?”