Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 226
หลิวเหว่ยค่อยๆเปิดตาของเขา นัยตาของเขากำลังมืดมั่วเนื่องจาการสลบอย่างยาวนาน
หลิวเหว่ย หายใจออกเบา ๆ และอ้าปากด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง “ฉันไม่ต้องการทานยา … “
“คุณหลิวจับมือฉันแล้วสูดลมหายใจ” นักวิสัญญีถือมือที่อ่อนแรงของ หลิวเหว่ยขณะที่มืออีกข้างกดเบา ๆ ลงบนไหล่ของหลิวเหว่ยจากนั้นเขาก็พูดซ้ำ ๆ ว่า “สูดลมหายใจเข้าหายใจเขาลึกๆ … “
เสียงที่ดังออกมาจากปากของหลิวเหว่นมันเป็นเพียงเสียงที่ดูแหบแห่ง เขาพยายามหายใจ ในเวลาเดียวกันเขาก็ยิ้มแปลก ๆ “อยู่ดีๆผมก็สลบอย่างรวดเร็วการผ่าตัดเริ่มขึ้นแล้วหรือยัง?”
“มันเสร็จแล้ว” หมอคนนั้นบอกเขาเพราะเขาคุ้นเคยกับบทสนทนาเประเภทนี้อยู่บ่อยครั้ง
หลิวเหว่ยจ้องมองหน้าวิสัญญีแพทย์ทันทีไม่กี่วินาทีโดยไม่ต้องหายใจ เขาถามอย่างระมัดระวัง “นี้คือชื่อจริงๆของคุณเหรอ?”
“ เอ๊ะคุณหลิวดูเหมือนว่าคุณจะกลับมาปกติแล้วการผ่าตัดนั้นเร็วมากตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?”
หลิวเหว่ยจับจ้องที่อีกฝ่าย “ชื่อคุณคือ แพนจริงๆเหรอ?”
“คุณจำได้ไหมว่าคุณถามคำถามนี้กับฉันไปแล้วคุณจำไม่ได้รึยังไง?”
หลิวเหว่ยจับข้อมือของวิสัญญีแพทย์ “คุณชื่ออะไร?”
“ว้าววคุณดูเป็นมิตรนะ” วิสัญญีแพทย์มองด้วยรอยยิ้มและเคาะมือหลิวเหว่ยก่อนที่เขาจะปล่อยข้อมือของวิสัญญี “เอาล่ะคุณนอนได้อีกสักพักนะฉันจะไปบอกหมอคนอื่นก่อน”
หลิวเหว่ยไม่เห็นวิสัญญีแพทย์อีกเลยจนกระทั่งเขาถูกผลักกลับไปที่ห้องของเขา เขายังสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับความทรงจำของเขา …
…..
นอกศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและกระดูกและข้อคือการรวมตัวของแฟน ๆ มีการรวบรวมผู้สื่อข่าวจากสื่อจำนวนมากและพวกเขานำกล้องขนาดใหญ่ที่มีเลนส์แบบยืดไสลด์มาด้วย
แน่นอนว่ามีนักกีฬาวิ่งชื่อดังของประเทศจีนที่ได้รับความนิยมอย่างหลิวเหม่ยและประกอบกับความสงสารที่เขาได้รับเนื่องจากอาการบาดเจ็บเขา มันทำให้ข่าวนั้นดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก
จู้ตงยี่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดสรรคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจัดการกับนักข่าว อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวก็ล้มเหลวในการรับข้อมูลใด ๆ ภายในศูนย์การวิจัยจะคอยอยู่นอกประตูเพื่อว่าพวกเขาจะได้รับเบาะแสเพิ่มเติม
รถคาราวานที่ประกอบด้วยรถโฟล์คสวาเก้นสามคันขับรถช้าๆไปทางวงเวียนก่อนมุ่งหน้าไปยังประตูหลักของศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อ
นักข่าวที่ฉลาดบางคนสังเกตเห็นได้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขาเล็งกล้องดิจิตอลของพวกเขาที่ โวสวาเกนพาสต้และเริ่มถ่ายภาพ พวกเขามีพื้นที่มากพอในเมมโมรี่ของกล้องเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล
“เข้าไปข้างใน” หัวหน้าสำนักกีฬาขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการเห็นหน้านักข่าวหรือไล่พวกเขาออกไป
ภายในศูนย์หมอคูรองผู้อำนวยการและคนอื่น ๆ ที่ได้รับข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้กำลังรอชั้นล่างอยู่แล้ว ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเปิดประตูก็ปิดอัตโนมัติอีกครั้งและไม่ให้โอกาสผู้สื่อข่าวได้รวบรวมอะไรเลย
หัวหน้าสำนักมองที่ประตูที่แยกพวกเขาออกจากนักข่าวด้านนอกก่อนที่เขาจะปล่อยไอออกมานุ่ม ๆบนมือ และปรับคอของเขา จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ออกจากรถ
“อธิบดีวังวังซู” หมอคูต้อนรับผู้อำนวยการของสำนักกีฬาด้วยความคุ้นเคย
ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อ ตั้งอยู่ใกล้กับสนามกีฬาฟูหยานและเจ้าหน้าที่ของศูนย์มักจะดูแลนักกีฬาของสำนักกีฬาอยู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับลูกค้ารายอื่นผู้อำนวนการของสำนักนี้ถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่และแพทย์บางคน – เช่นหมอคู – เขาระวังตัวมาก
“น้องคู.” อธิบดีหวังซูยังจำหมอคูได้ดี เขายิ้มอย่างมีเมตตาและริเริ่มที่จะจับมือกับหมอคู “เรามีปัญหากับคุณหลายต่อหลายครั้งเมื่อมาถึง หลิวเหว่ยและเรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง … “
“อ้าท่านดูสุภาพดีนะครับ” การแสดงออกของหมอคูเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าอธิบดีหวังกำลังแกล้งทำอย่างงั้นต่อหน้าคนอื่น เพราะคราวนี้ผู้อำนวยการดูสุภาพมากกว่าปกติ
อธิบดีหวังโบกมืกและกล่าวว่า“ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับความสุภาพนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเคารพเราต้องมีความเคารพในสาขาวิทยาศาสตร์และยาเมื่อนักกีฬาเมื่พวกเขาได้รับบาดเจ็บพวกเขาจะต้องได้รับการรักษาและ ในเวลานั้นพวกเขาจะต้องพึ่งพาแพทย์ที่ให้การสนับสนุนใช่มั้ย? “
“ เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่อยู่ในตำแหน่งของท่านที่จะสามารถคิดเช่นนี้ได้เอ่อขอบคุณมากสำหรับความเข้าใจ” หมอคูตอบแม้ว่าคำตอบของเขาจะไม่น่าเชื่อถือก็ตาม เขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับใครบางคนที่เหนือกว่าตัวเขาเองอยู่มาก
อธิบดีหวังหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “คนอย่างเราที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารและทำงานกับองค์กรต้องทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อทำความเข้าใจกับคนอื่น ๆ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราจัดการกับนักกีฬาเพราะพวกเขายังเด็กมาก มีความคิดของตัวเองและไม่เต็มใจที่จะถูกควบคุมแม้ว่าเราจะเข้าใจเรื่องนี้เมื่อพูดถึงประเด็นสำคัญและปัญหาที่สำคัญบางอย่างแต่นักกีฬาเป็นมากกว่าคนธรรมดา แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสำนักกีฬาด้วยความเคารพแพทย์ และนักกีฬาของเราก็คาดหวังว่าจะได้ความเคารพเช่นกันจริงไหม? “
หมอคูไม่กล้าที่จะตอบคำถามนี้ ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าท่านอธิบดีหวังอยู่ที่นี่เพื่อซักถามข้อมูลจากพวก้ขา
หัวหน้าหม่าผู้ดูแลทีมติดตามและภาคสนามถามว่า “หลิวเหว่ยอยู่ที่ไหน”
“เขาอยู่ข้างใน” หมอคูไม่ได้ที่จะห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไปข้างใน หลิวเหว่ยปฏิเสธที่จะฟังเขาอยู่ดีและหันไปมองหลิงรันแทน มันจะไม่มีความหมายสำหรับหมอคูที่จะหยุดผู้อำนวยการของสำนักการกีฬาในตอนนี้
หมอคูนำทางเมื่อผู้อำนวยการของสำนักเดินตามเขาไป ผู้อำนวยการของสำนักไม่ได้ให้ความสนใจมากกับรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยที่กำลังเดินอยู่ข้างหมอคู
รองผู้อำนวยการไม่ได้เสนอหน้ามากมาย เมื่อเขาเห็นว่าพวกเขาเดินจากไปเขาดึงโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาจู้ตงยี่
ในไม่ช้าทั้งสองฝ่ายพบกันในห้องพักหรูหราของหลิวเหว่ย
ห้องที่สำคัญที่สุดในห้องสวีทสี่ห้องนอนขนาดใหญ่คือห้องของ หลิวเหว่ยมันเป็นห้องชุดทีประกอบไปด้วยหักผู้ป่วยสี่ห้องมารวมกันและมาพร้อมกับชุดเต็มของอุปกรณ์ช่วยชีวิต ในห้องมีแสงแดดเพียงพอและเงียบสงบและสะดวกสบาย
หลิวเหว่ย ยืนพิงเตียงในโรงพยาบาล ขาของก็ถูกแขวนไว้ที่ตำแหน่งที่สูงขึ้น เขากำลังหลับอยู่ในด้วยฤทธิ์ของยา
อธิบดีหวังรู้สึกตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาโมโหทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“ การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีจริงๆ” นักวิชาการจู้ตงยี่กล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา“ เราคาดหวังว่าหลิวเหว่ยจะเริ่มคุ้นเคยกับการฝึกซ้อมหลังจากพักผ่อนเป็นเวลาสามหรือสี่เดือน”
เพราะมันคงไม่เหมาะที่ท่านอธิบดีวังจะตะโกนใส่นักวิชาการท่านสามารถพูดกับคนที่อยู่ข้างเขาอย่างใจร้อน “ปลุก หลิวเหว่ยแล้วดูว่าเขาจะพูดอะไร”
จู้ตงยี้ห้ามไม่ให้ปลุก หลิงเหว่ยในทันที “ ผู้ป่วยยังคงต้องการพักผ่อนเราออกไปข้างนอกก่อน”
หัวหน้าหม่าไม่สนใจจู้ตงยี่และเขย่าหลิวเหว่ยอย่างหนักสองครั้ง แต่ไม่ว่าใครจะเขย่าอย่างหนักเขาก็ไม่สามารถปลุกคนที่แกล้งทำเป็นหลับได้
จู้ตงยี่ กล่าวว่า “อาจเป็นฤทธิ์ของยาสลบในร่างกายของหลิวเหว่ยที่ยังไม่หมดไปเขายังไม่สามารถสื่อสารกับคุณได้ตามปกติในตอนนี้”
“ออกไปจากที่นี่กันเถอะ” ถึงแม้อธิบดีหวังจะไม่รู้สึกอยากเคารพพวกแพทย์เหล่านี้มากนักแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเห็นต่อหน้านักวิชาการจู้
หัวหน้าหม่าเพียงมาข้างหน้าและพูดอย่างไม่พอใจเมื่อพวกเขามาถึงที่แผนกต้อนรับ “นักวิชาการจู้ทำไมคุณถึงผ่าตัดหลิวเหว่ย โดยไม่บอกอะไรเรา”
“ หลิวเหว่ยอยู่ในโรงพยาบาลของเราหลายวันมีรายงานจากสื่อและสำนักก็รู้เช่นกันคุณจะพูดว่าเราไม่ได้บอกอะไรคุณได้อย่างไร?”
“นี่เป็นปัญหาสำคัญคุณควรรออย่างน้อยที่สุดความให้สำนักอนุมัติการผ่าตัดก่อนที่จะผ่าตัดเขา” หัวหน้าหม่าดูไม่พอใจอย่างมาก “ ตอนนี้การผ่าตัดได้รับการดำเนินการไปแล้ว แผนติดตามผลทั้งหมดของเราก็สับสนไปหมด”
จู้ตงยี่ยิ้มและไม่พูดอะไรเลยให้อีกฝ่ายระบายในใจจนพอใจ
แม้ว่าจะมีข้อแตกต่างระหว่างข้อพิพาททางการแพทย์กับหน่วยงานของรัฐและข้อพิพาททางการแพทย์กับคนทั่วไปสิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง – อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์
หลังจากปล่อยให้เสียงโผงผางที่ยืดยาวออกมาในที่สุดหัวหน้าหม่าก็เหนื่อย จากนั้นเขาก็ถามว่า “หัวหน้าศัลยแพทย์อยู่ที่ไหนสถานการณ์ในระหว่างการผ่าตัดเป็นอย่างไรเขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้เราฟังได้ไหม?“
“แน่นอนโปรดรอสักครู่ให้ฉันถามเขาก่อน” จู้ตงยี่ มองไปที่เจียนเทียนยู
หลังยักไหล่แล้วพูดว่า “เขาอยู่ในระหว่างการผ่าตัด”
“การผ่าตัดอื่น?”
“ เขาต้องการให้ผ่าตัดผู้ป่วยทุกคนให้เสร็จสิ้นในวันนี้”
“เราไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้โปรกรอสักครู่”จู้ตงยี่พูดกับผู้อำนวยการของสำนัก และเขาก็ขอโทษสำหรับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย
“เราจะรอ” หลังจากอธิบดีหวังกล่าวว่าเขาขอให้บางคนโทรหานักข่าวและผู้เชี่ยวชาญจากสำนักมา จากนั้นเขาก็พูดว่า “นี่คือนักข่าวที่เรารู้จักและพวกเขาจะไม่กระจายข่าวลือเท็จฉันหวังว่าคุณไม่ว่าอะไร?“
จู้ตงยี่ยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหา”
ในไม่ช้าผู้สื่อข่าวสองคนและผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพก็มาถึงที่แผนกต้อนรับ
พวกเขารออีกสักพักก่อนที่หลิงรันจะเดินเข้าไปในห้องโถงต้อนรับ เขาทำการขัดผิวเสียก่อน
นัยน์ตาของนักข่าวทั้งสองนั้นสว่างขึ้นในทันทีและพวกเขาก็ยกกล้องในมือของพวกเขาโดยไม่ได้ตระหนักถึงการกระทำของพวกเขา
เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูเห็นสิ่งนี้เขาพูดอะไรออก แต่เขาทำได้แค่จัดคอของเขา อีกทั้งเขายังทำท่าที่ดูถูกเหล่าแพทย์ทั้งหลายและทำตัวเหมือนว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่เดินทางมาดูพวกเด็กฝึกหัดรักษา