Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 230.1
“ช่วยติดต่อโรงพยาบาลอื่นๆในเซี่ยงไฮ่ให้เกี่ยวกับเรื่องผู้ป่วยเอ็นร้อยหวายฉีกให้หมอหลิงหน่อยนะ” จู้ตงยี่ที่นั้งอยู่ในห้องสาธิตในตอนนั้นบอกให้กับเจียนเทียนยูให้รับทราบ
เจียนเทียนยู ลูบหัวล้านของเขาและถามว่า “ต้องการกี่คนดีครับ”
“มองหาสักสองสามคน เพราะผู้ป่วยไม่ใช่กะหล่ำปลี ที่เราสามารถขุดพวกเขาออกมาจากดินได้” จู้ตงยี่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันจะไปประชุมที่ปักกิ่งในวันพรุ่งนี้ พยายามหาให้ได้เร็วที่สุดอย่ารอให้ผู้ป่วยมา เพราะหมอหลิงจะกลับหยุนหัวเมื่อไร้ผู้ป่วยให้ เขาได้ผ่าตัด”
เจียนเทียนยู มองไปจ้วงตงยี่และพูดอย่างขำ ๆ ว่า “ยังงั้นก็ต้องหานักกีฬาที่เป็นกะหล่ำปลีในตอนนี้ให้กับหมอหลิงแล้วสิน่ะครับ?”
“ ฉันรู้ว่าทีมแบดมินตันระดับชาติมีนักกีฬาที่บาดเจ็บจากอาการเอ็นร้อยหวายฉีกขาดจำนวนมาด ผมจะไปดูว่าเขาจะต้องการมารักษากับเรารึไม่? ให้เฉินเห่าชู่ติดต่อกับทีมจังหวัดและสังกัดกีฬาจากที่อื่น ๆ เขาอาจจะสามารถส่งผู้ป่วยมาให้เราได้ ถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆให้มองหานักกีฬาที่เกษียณแล้วและบาดเจ็บที่อาการเอ็นร้อยหวายฉีก ” แม้แต่จู้ตงยี่ก็รู้สึกลำบากเล็กน้อยในตอนนี้
แผนของเขาถูกออกแบบมาสำหรับหลิวเหว่ยแม้แต่จู้ตงยี่ไม่คาดหวังว่าแผนการของเขาจะส่งผลออกมาได้ดีเท่านี้ จากการตรวจร่างกายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเอ็นร้อยหวายของหลิวเหว่ยได้ฟื้นตัวดีกว่าที่คาดไว้
ด้วยเหตุนี้จู้ตงยี่จึงเริ่มให้ความสนใจกับแผนกนี้มากขึ้นเขาต้องการใช้เวลาในการทำกรณีศึกษาการผ่าตัดมากขึ้น เพื่อที่เขาจะสามารถทำการวิจัยได้อย่างละเอียดมากขึ้นเช่นกัน
ในเวลานั้นถ้าเขาสามารถทำให้มันกลายเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม เขาก็จะสามารถตั้งชื่อเทคนิคการรักษาเอ็นร้อยหวายของ ตงยี่ได้ หรือเทคนิคการซ่อมแซมเอ็น – อคิลลีสหรือชื่ออื่น ๆ ของมันซึ่งมันจะกลายชื่อเสียงให้กับเขา
หากจำเป็นในอนาคตเขาสามารถเขียนหนังสือที่มีชื่อเรื่องว่า:กลยุทธ์การรักษาผ่าตัดและการเลือกแผนสำหรับเทคนิคการรักษาเอ็นร้อยหวายของตงยี่ นอกจากนี้เขายังมีความยินดีที่จะให้การบรรยายสองสามครั้งในมหาวิทยาลัยบางแห่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการค้นหาผู้ป่วยมักเป็นส่วนที่ลำบากที่สุดเมื่อมันมาถึงการพัฒนาวิธีการผ่าตัดใหม่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพทย์ในระดับของเขา เพราะเงินทุนอุปกรณ์และแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่นำเข้ามาไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย เขาสามารถจัดหาเงินหนึ่งล้านดอลลาร์จากโรงพยาบาลใด ๆ ที่เขาเลือกได้อย่างง่ายดายหากจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยไม่ได้ปรากฏขึ้นเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการและนั่นเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับศัลยแพทย์ อาการบาดเจ็บที่ซับซ้อนนั้นมันมีน้อยมากและการหาผู้ป่วยประเภทนี้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดที่แพทย์อย่างเขาต้องเผชิญ
แต่สถานการณ์ของจู้ตงยี่ในตอนนี้ก็ยังดีขึ้นอีกเล็กน้อยเนื่องจากเขาอยู่ในวงการเวชศาสตร์การกีฬา หากเขาแค่ใช้เวลาเพียครู่เดียว เขาก็สามารถหานักกีฬาที่ต้องการรักษาเอ็นร้อยหวายฉีกและ นักกีฬาเหล่านั้นมักจะนักกีฬาเล่นแบดมินตันและบาสเก็ตบอล เพราะการแข่งขันทั้งสองประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงในการทำให้เอ็นร้อยหวายฉีกขาดได้
อย่างไรก็ตามจำนวนนักกีฬาทั้งหมดก็เป็นปัญหา ไม่ว่าอัตราการเกิดขึ้นจะสูงเพียงใดจำนวนนักกีฬาอยู่ในระดับต่ำเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาที่มีชื่อเสียง พวกเขาต้องรอเป็นเวลานานหากพวกเขาต้องการรอให้เอ็นร้อยหวายของคนพวกนั้นฉีกหรือได้รับบาดเจ็บ
รวมถึงความสามารถและทักษะของแผนกการรักษานั้นมีจำกัด. อีกทั้งพวกเขาไม่สามารถแน่ใจได้ว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดหรือไม่ว่า การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จู้ตงยี่จึงไม่สามารถขยายขอบเขตของการทดลองอย่างที่เขาหวังได้เพราะการหาผู้ป่วยที่เหมาะสมโดยไม่ต้องเตรียมการขั้นสูงนั้นเป็นงานที่ยากมากที่สุด
จูตงยี่มองที่เจียนเทียนยูและพูดว่า “ฉันจะออกไปข้างนอกฉันคิดว่าฉันสามารถหาผู้ป่วยอย่างน้อยสองคนที่มีอาการเหล่านี้ได้ดังนั้นจับตามองหลิงรันไว้และทำให้แน่ใจว่าเขาจะอยู่ที่นี่อย่าปล่อยให้เขากลับไปที่หยุนหัวได้ง่ายๆ นอกจากนี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขายังคงอยู่ในสภาพนี้ให้เขาได้ทำการผ่าตัด แต่อย่าให้เขาทำมากเกินไปเพราะหมอหนุ่มไม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเองฝากด้วยนะ “
“แล้วถ้าเขาต้องการปลูกถ่ายนิ้ว ผมจะต้องปล่อยให้เขาทำการปลูกถ่ายนิ้วไมครับ?” เจียนเทียนถามด้วยความไม่มั่นใจ เมื่อเปรียบเทียบกับเอ็นร้อยหวายผู้ป่วยที่ต้องการการปลูกถ่ายนิ้วมือต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่า ดังนั้นจำนวนของพวกเขาจึงลดลง หากนิ้วของพวกเขาถูกขาดการผ่าตัดเพียงครั้งเดียวจะเท่ากับเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย ห้าหรือสิบครั้ง
ตอนนี้ เจียนเทียนเหลือบไปมองความบ้าคลั่งในการผ่าตัดของหลิงรัน อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้จักหลิงรันมากพอดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาสามารถเอาใจหลิงรันได้เพียงแค่การแบ่งเคสผ่าตัดให้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น
รอยพับเบา ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของจู้ตงยี่และเขาส่ายหัวช้าๆ เขากล่าวว่า “พยายามหาการผ่าตัดเส้นเอ็นที่ฉีกให้กับหมอหลิงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดเอ็นร้อยหวายฉีกของเขาอาจจะเก่งกว่าการปลูกถ่ายนิ้วเช่นกัน … เก็บโอกาสการที่ดีนี้ไว้สำหรับการผ่าตัดรักษาเส้นเอ็นเพื่อการพัฒนางานของพวกเราต่อไป จริงไม? “
หากแผน A ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการฉีกขาดของเอ็นร้อยหวายของนักกีฬาแล้วหลิงรันสามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมากด้วยการรักษาเอ็นร้อยหวายเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการทำงานอย่างหนักไม่ใช่สิ่งเดียวที่แพทย์ต้องการเพื่อให้ได้มีชื่อเสียงในระดับโลก
แพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกส่วนใหญ่ต้องมีประสบการณ์ทางการแพทย์มากว่ายี่สิบปี ช่วงเวลานี้ไม่ใช่สำหรับพวกเขาที่จะขัดเกลาทักษะของพวกเขา แต่เพื่อเผยแพร่ตัวเองและสร้างชื่อเสียง
ในขณะเดียวกันก็ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่รอคอยซึ่งทำให้แพทย์ระดับสูงหลายคนยอมแพ้ต่อความคิดเรื่องชื่อเสียงนี้ด้วย
เจียนเทียนยูไม่ต้องการสัญญาลอยๆกับหลิงรัน เพราะมันจะทำให้เขาดูเป็นคนที่ไม่จริงใจ
เจียนเทียนยูไม่ตอบสนองโดยตรงกับคำพูดของจู้ตงยี่และกล่าวว่า “ยังมีนักข่าวบางคนที่ต้องการสัมภาษณ์หมอหลิงพวกเขาบางคนมาจาก บริษัท สื่อที่ให้ความร่วมมือกับเราเป็นเวลาหลายปีหลังจากได้เห็นนักข่าวทั้งสองหลิงรันก็ไม่ยากที่จะให้สัมภาษณ์ใดเลย… “
“หลิงรันไม่ต้องการเจอนักข่าวหรอเนี่ย เดียวนี้พวกเด็กๆไม่อยากจะออกข่าวกันแล้วหรอ”
“ สงสัยพวกเด็กกลัวว่ามันจะมากระทบการชีวิตประจำวันของพวกเขานะครับ” จากนั้น เจียนเทียนยูก็กระซิบ“ เด็ก ๆ ทุกวันนี้มักหันจะเล่นโปรแกรมติ๊กต๊อกกันหมดแล้ว”
“แสดงว่าคุณต้องเคยเล่นติ๊กต๊อกสินะ เป็นไงล่ะคนมาดูเยอะไม?”
“ผมไม่เคยเล่นสักหน่อย … “
“ จริงๆหมอหลิงเองจะต้องออกสื่อมากขึ้น และนี้ก็เป็นการดีที่ข่าวของเขายังอยู่ในกระแส” จู้ตงยี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงของคนที่มีประสบการณ์ “จริงๆคุณก็ไปบอกเขาว่าเขายังอยากผ่าตัดอยู่หรือไม่? ถ้ายังอยากอยู่การออกสื่อก็จะทำให้เขาหาผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น”
“ก็ถูกต้องนะครับ แต่ต้องขึ้นอยู่กับตัวของหมอหลิงเองว่าเขาจะเห็นด้วยกับวิธีนี้หรือป่าว” เมื่อเจียนเทียนยูพูดเสร็จ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเพราะได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสอย่างจู้ตงยี่
… ..
ในวันถัดไปเจียนเทียนยู ได้ไปพบกับหลิงรันและเตรียมคำพูดที่เขาได้รับคำแนะนำจากจู้ตงยี่เมื่อวานมาด้วย เขากล่าวว่า “หมอหลิงจริงคุณควรผ่อนคลายบางก็ได้ ออกไปหาอะไรทำด้านนอกสถาบันวิจัยบ้างก็ไม่เสียหายอะไรหรอกนะ … “
“การสัมภาษณ์กับนักข่าวจะสามารถแลกกับการที่ให้ฉันผ่าตัดได้กี่ครั้ง?” หลิงรันไม่อยากฟังบทสนทนาที่ยืดเยื้อของเจียนเทียนยู เขาถ้าอย่างตรงไปตรงมา
เจียนเทียนยูเองก็ไม่เตรียมคิดเรื่องนี้มาด้วยเขาจึงไม่แน่ใจมากนักว่าจำนวนครั้งในการผ่าตัดเท่าไรจึงจะเหมาะสมกับที่จะให้หลิงรันให้นักข่าวสัมภาษณ์ แต่แน่นอนปกติแล้วคงไม่ใครคิดเหมือนหลิงรันหรอก
เจียนเทียนยูเขา ตอบได้แบบลวก ๆ ว่า “อย่างงั้นฉันจะเตรียมการผ่าตัดห้าเคสสำหรับการให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ซึ่งการผ่าตัดห้าครั้งมันเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่คุณผ่าตัดที่โรงพยาบาลหยุนหัว”
ซึ่งเจียนเทียนยูดูเชื่อใจหลิงรันได้มากขึ้นเพราะ เมื่อเขารู้ถึงอดีตของหลิงรันที่อยู่ที่โรงพยาบาลหยุนหัว และ ทักษะของหลิงรัน แต่อย่างไรก็ดีปกติแพทย์จะกลัวที่จะลงชื่อแทนกันในการรับผู้ป่วยเข้าไปผ่าตัดและปรากฏว่าเมื่อผ่าตัดเสร็จกับไม่ใช่แพทย์ที่ลงชื่อในใบยินยอมเขารับการผ่าตัดซึ่งอาจเกิดปัญหาได้ในภายหลัง
แน่นอนผู้อำนวยการแผนกของโรงพยาบาลทั่วไปขนาดใหญ่ต้องทำเช่นนี้ พวกเขามักจะต้องลงชื่อในเอกสารยินยอมการผ่าตัดของคนอื่นโดยเฉพาะผู้อำนวยการแผนกของโรงพยาบาลที่มักเชิญศัลยแพทย์อิสระมา ซึ่งบางครั้งจะต้องมีการลงชื่อในใบยินยอมการผ่าตัดทำให้ผู้อำนวยการแผนกเหล่านี้ต้องเป็นผู้ลงชื่อแทนไป ในฐานะที่เป็นแพทย์ของหยุนหัว หลิงรันจะมีใบประกอบโรคศิลป์หรือไม่ก็ตาม ยังไงเสียสถาบันวิจัยก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เขาอยู่ดี
หากเจียนเทียนยูเต็มใจที่จะเซ็นชื่อของเขาแทน สำหรับเขานั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อใจในตัวหลิงรันระดับหนึ่งแล้ส
หลิงรันไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน หลังจากที่เขาได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แสดงความขอบคุณทันทีและพูดว่า “ฉันจะยอมออกไปสัมภาษณ์กับนักข่าวสักช่วงเวลาหนึ่ง แต่ข้อแม้คือในการสัมภาษณ์หนึ่งครั้งจะต้องแลกกับการผ่าตัดสี่เคสคุณจะตกลงไหม?… “
“ตกลง.” เจียนเทียนยูมีความสุขมาก เขาพูดว่า “จากนั้นฉันจะนัดสัมภาษณ์สองครั้งคุณสามารถเตรียมการได้เลย”
“ คุณก็เตรียมการส่วนของคุณด้วยเช่นกัน” หลิงรันพูดได้พูดต่อไปว่า“ ถ้ามีการผ่าตัดแปดเคส เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าที่ดีขึ้น ในช่วงกลางฉันต้องการวิสัญญีแพทย์เพียงคนเดียวในการผ่าตัดทุกครั้งซึ่งจะต้องนั่งประจำอยู่ที่เดียวเท่านั้นหลังจากการเปลี่ยนห้องผ่าตัด อีกทั้งเราต้องมีพยาบาลอย่างน้อยสองกลุ่มหรือมีพยาบาลห้าคนที่ทำงานในการหมุนเวียนพวกเขาจะต้องเป็นพยาบาลพิเศษแลละรู้หน้าที่ไม่ทำงานสะเปะสะปะมิฉะนั้นมันจะเสียเวลา สำหรับผู้ช่วยนั้นเป็นหมอเป็นผู้ช่วยคนที่หนึ่งและผู้ช่วยคนที่สองอีกคนหนึ่ง ผู้ช่วยคนนั้นควรมีทักษะในการปิดแผลและเข้าใจการเตรียมการก่อนการผ่าตัดเช่นเดียวกัน “