Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 241
หลิงรันเดินตรวจวอร์ดตอนหกโมงเช้า
หลังจากเขาออกจากโรงพยาบาลหยุนหัวประมาณครึ่งเดือนนั้น ตอนนี้เตียงในแผนกฉุกเฉินก็ได้กลับมาว่างอีกครั้ง
เพราะผู้ป่วยที่ส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของเตียงเหล่านั้นคือผู้ป่วยที่ทำการผ่าตัดด้วยเทคนิคเอ็กถังแทบทั้งสิ้นพวกเขาได้รับอนุญาติให้สามารถกลับบ้านได้และนัดหมายมาตรวจสุขภาพเป็นครั้งคร่าวเท่านั้น
ผู้ป่วยที่นิ้วของพวกเขาได้รับการปลูกถ่ายก็ได้รับอนุญาตให้ไปพักฟ นที่บ้านเช่นกัน พวกเขาจำเป็นต้องทำกายภาพอยู่สม่ำเสมอในระยะยาวหากต้องการกลับมาใช้นิ้วได้ตามปกติ แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาลหยุนหัวอีกต่อไป
หลิงรันแตะผ้าปูสีขาวบนเตียงผู้ป่วยที่ว่างเปล่าเตียงหนึ่ง เขาดูมีความสุขและเขาไตร่ตรองตนเองในใจว่า ‘ฉันไม่เคยตระหนักถึงความสำคัญของเตียงผู้ป่วยมาก่อน ฉันไม่ได้ให้ความรักกับเตียงพวกนี้มากพอสินะ ตอนนี้ฉันจะไม่ประมาทอีกต่อไปแล้ว … ‘
ในตอนนี้เหมือนมีเสียงครางดังเข้ามาในหูของเขา
“ แผนกฉุกเฉินของเราผีด้วยหรอ?” หลิงรันอุทานขึ้นมาด้วยความอยากรู้ซึ่งมีมาหยางลินยืนอยู่ข้างๆเขา
หมอลู่เขาต้องออกไปทำธุระหลายวันที่บ้านของเนื่องจากเขาได้รับอนุญาตจาก ผู้อำนวยการฮวงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ผ่านมานั้นทางผู้อำนวยการฮวงเองก็ไม่ได้มีงานพิเศษอะไรให้ทำดังนั้นเขาจึงให้แพทย์ประจำบ้านหาคนมาเข้าเวรแทนได้ เพราะถ้าตอนที่แผนกฉุกเฉินยุ่งจริงๆแล้วไม่มีแพทย์เหลืออยู่ในช่วงนี้อาจจะทำให้แผนกฉุกเฉินลำบากได้
หมอลู่เองก็พึงลากลับบ้านไปมีกี่วันก่อนหลังจากทำธุระเสร็จ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาไม่มีใครที่จะเข้ากะแทนเขาเลย มันจึงจำเป็นที่หมอลู่จะต้องทำการล่วงเวลาตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็มและแถบจะไม่มีเวลานอนชดเชยเลยและในวันนี้เขาตื่นนอนตอนตีห้า เขาง่วงมากจนเขาหาวไม่หยุด เขาได้ยินคำถามของหลิงรันไม่ค่อยชัด และเขาก็หัวเราะขึ้นมาและพูดว่า“ คุณหมายถึงผีสิงอะไร”
“ ตอนที่ฉันอยู่โรงเรียนฉันมักได้ยินเสียงของโต๊ะที่ย้ายไปมาเองในอาคารกายวิภาคศาสตร์ในตอนกลางคืนและของคนโหยหวน” หลิงรันคอยๆเล่าอย่างหวาดระแหวงและพยายามให้เล่าให้ได้มากที่สุด
มันทำให้มาหยางลินเริ่มรู้สึกบางอย่างและมองไปที่พยาบาลสาวๆในห้องปฏิบัติการเริ่มตัวสั่นเทา มันทำให้พวกเธอรู้สึกเย็นลงไปที่กระดูกสันหลังของพวกเธอวาบๆ
เสียงครวญครางชัดเจนมาตามทางเดิน
“ แล้วในที่สุดหมอหลิงรู้ไหมว่ามันเกิดจากอะไร??” นางพยาบาลคนหนึ่งเดินไปหาหลิงรันและเธอพร้อมที่จะกอดเขาถ้าเขาเล่าเรื่องน่ากลัวอีกเรื่องหนึ่ง
“ คุณหมายถึงเสียงจากอาคารกายวิภาคศาสตร์เหรอ?” หลิงรันพยักหน้าแล้วพูดว่า“ จริงแล้วมันเป็นเสียงของโต๊ะที่หักและกระทบลงมาบนพื้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเสียงพวกนั้น ”
“บางส่วนหรอ?”
“ ใช่ เสียงบางส่วนมาจากรุ่นพี่สองสามคนที่รู้สึกง่วงนอนมากๆขณะที่กำลังติวสอบคัดเลือกระดับสูง พวกเขาคำรามเมื่อตื่นขึ้นมา และรุ่นพี่คนอื่น ๆ คำรามเข้าหากันเพื่อปลุกตัวเองในขณะที่พวกเขาติวสอบด้วยกัน บางคนถึงกับต้องแขวคออยู่ในอาคารกายวิภาคศาสตร์ในเวลากลางคืนตามลำพังเมื่อคนอื่นๆเห็นเขาก็รู้สึกเสียใจดังนั้นพวกเขาจึงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังขึ้นมา…” หลิงรันตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
นางพยาบาลคนเล็กตกตะลึง “ หมอหลิง…คุณรู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยนะเนี่ย ”
“ เพราะฉันมักจะชอบติวสอบในอาคารกายวิภาคเป็นประจำ เพราะแอร์ห้องนั้นมันเย็นดี ”
พยาบาลหนุ่มรู้สึกว่ามีอากาศเย็น ๆ พัดเข้าปะทะเธอ
มาหยางลินหัวเราะคิกคัก “ มันคงไม่มีใครมาติวหนังสือในโรงพยาบาลของเราหรอกมั้ง…”
“ ไปดูกันดีกว่า ” หลิงรันยกขาของเขาขึ้นและเริ่มเดินไปตามทิศทางของเสียง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินคำภาษาจีนกลางผสมผสานกับครวญคราง“ ขาของฉัน…อาร์เก……ขาของฉัน…”
“ นั้นคือเสียงของผู้ป่วยที่พึงถูกตัดขาเมื่อวานนี้ ” มาหยางลินถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลิงรานพูดด้วยความเคร่งขึม“ มันอาจเป็นผีที่สูญเสียขาของเขาก็ได้ ”
“ หรือผีที่มาเพื่อเอาชีวิตของผู้ป่วยขาขาด” เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับแสงที่คลุมเครือเดินเสียงฝีเท้าเริ่มดังขึ้นและปรากฏอะรบางอย่างในสายตาของพวกเขา
พยาบาลสาวกลัวอย่างมากจนเธอร้องเสียงแหลมและจับจ้องที่คนที่พูด มันเป็นตำรวจที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมที่กำลังสูบบุหรี่อยู่
“ อาคารหลังนี้เป็นเขตปลอดบุหรี่!” เสียงตะโกนด่าจากนางพยาบาลสาว
ตำรวจในวัยสามสิบของเขารู้สึกตะลึงจากเสียงตะโกนของพยาบาล เขาค่อยๆเหวี่ยงก้นบุหรี่ออกไป
หลิงรันเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยคนเมื่อวานที่พึงผ่าตัดขาไป
ผู้ป่วยที่เพิ่งถูกตัดขาเมื่อวันก่อนถือขาของเขาเองและตะโกนไม่หยุด
ตำรวจในห้องรู้สึกตื่นเต้นกระสับกระส่ายและง่วงนอน เขาจ้องมองผู้ป่วยพร้อมถ้วยชาในมือของเขา
“ เกิดอะไรขึ้น?” ตำรวจจำหลิงรันได้ แต่เขาสงสัยมาหยางลิน
หลิงรันยืนอยู่ที่ประตูแล้วพูดว่า“ แค่อยากรู้ ”
โดยไม่ต้องรอให้ตำรวจพูดมาหยางลินพูดด้วยความประหลาดใจว่า“ เราไม่ได้ทำรอบวอร์ดเหรอ?”
“ นายรู้วิธีการวินิฉัยต้นขาที่ถูกตัดหรือป่าว?” หลิงรันหันมาถามมาหยางลิน
“ อ่าวคุณวินิฉัยไม่ได้หรอ?” มาหยางลินมองหน้าหลิงรันด้วยความประหลาดใจ
หลิงรันตอบอย่างตรงไปตรงมา“ ฉันพึงเคยทำการผ่าตัด โดยใช้วิธีการตัดขาเป็นครั้งแรก ”
“ ก็ถูกแล้วนิคุณเป็นผู้ช่วยคนแรกของหัวหน้าศัลยแพทย์จากแผนกศัลยกรรมกระดูก ” มาหยางลินตบริมฝีปากของเขา มาหยางลินรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่าง แต่รู้สึกอิจฉาการรักษาของหลิงรันในแผนกฉุกเฉินอีกครั้ง การตัดแขนขาในแผนกศัลยกรรมกระดูกถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ แม้ว่าผู้ช่วยคนแรกจะอยู่ที่นั่นแต่มันก็สามารถเป็นการอ้างอิงถึงผลงานทางการแพทย์ได้ และมันก็เป็นประสบการณ์ที่หายากมาก การผ่าตัดที่ศัลยแพทย์กระดูกและข้อมีความเต็มใจที่จะดำเนินการอย่างน้อยก็คือการตัดแขนขา การหลีกเลี่ยงการตัดแขนขาเป็นสิ่งที่ทันสมัยที่สุดในบรรดาศัลยแพทย์กระดูกและข้อ อย่างไรก็ตามศัลยแพทย์กระดูกและข้อที่ไม่เคยทำการตัดขาสามารถตัดสินได้ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดแขนขาได้จริงหรอ?
ทั้งสามคนหันหลังและเดินออกจากวอร์ดและเดินไปรอบวอร์ดอื่นๆต่อ
เสียงคร่ำครวญในห้องหยุดลงอย่างลึกลับ
หลิงรันสังเกตห้องพักหลังห้องและผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เขาพบคือผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายนิ้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่มีนิ้วมากจากอุบัติเหตุนิ้วขาดอีกบางส่วน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่และญาติของผู้ป่วยนั้นแสดงท่าทางยินดีเมื่อได้พบกับหมอหลิง
ความเจ็บป่วยที่ยืดเยื้อทำให้ผู้ป่วยเองกลายเป็นแพทย์ที่ดีไปด้วยเช่นกัน การที่ผู้ป่วยหรือญาติอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่าหนึ่งเดือนจะทำให้พวกเขาพอจะเข้าใจหลักการในการรักษาได้ ทุกคนจะรู้ว่าการผ่าตัดของหลิงรันนั้นดีขนาดไหน
การผ่าตัดโดยแพทย์ทั่วไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่ไม่มีใครที่สามารถทำการปลูกถ่ายนิ้วมือได้อย่างสมบูรณ์แบบในโรงพยาบาลหยุนหัวได้เหมือนกับหลิงรัน
หลิงรันจึงสามารถทำภารกิจการขอบคุณอย่างจริงใจได้สำเร็จทุกครั้งเมื่อเดินมาตรวจรอบวอร์ดและได้รับหีบสมบัติ
แต่เท่าที่หลิงรันจำได้ มีเพียงผู้ป่วยที่ไม่เชื่อฟังเขาในการห้ามสูบบุหรี่จนต้องตัดนิ้วทิ้งเท่านั้นที่เขาเคยได้รับหีบสมบัติจากภารกิจขอบคุณอย่างจริงจังผู้ป่วยซ้ำถึงสองครั้ง
ปัจจุบันมีผู้ป่วยน้อยกว่าห้าสิบคนที่หลิงรันยังไม่ได้รับการขอบคุณอย่างจริงใจเพราะพวกเขายังไม่ได้รับอนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาล แต่การได้รับหีบสมบัติสิบชิ้นนั้นถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากสำหรับเขาแล้ว
ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับหีบสมบัติสิบเอ็ดชิ้น
สิบเอ็ดบวกสิบเท่ากับยี่สิบเอ็ด ซึ่งเป็นหีบสมบัติที่มากมายที่เขาตั้งใจจะเปิดในทีเดียว
“ เปิดพวกมันทั้งหมด ” หลิงรันกลับไปที่สำนักงานปิดตาของเขาและไม่มองว่ามีสิ่งอะไรออกจากหีบสมบัติบาง
หลิงรันเปิดตาของเขาอีกครั้งและเห็นว่ามีหนังสือทักษะสองเล่ม
“ เปิดพวกมัน “หลิงรันหยิบคว้าเซรั่มพลังงานสิบเก้าขวดที่เขาได้รับมาหลังจากสั่งเปิดหนังสือ
ซึ่งการได้รับหนังสือทักษะสองเล่มในคราวเดียวก็ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามาก
หลิงรันยังรู้สึกไม่เข้าใจบางอย่างแต่เขาสรุปประสบการณ์ของเขาได้ว่า ‘ฉันต้องทำการตัดขาที่ต้นขาก่อนจึงจะสามารถรับหนังสือทักษะเพิ่มเติมได้ถูกต้องไหม‘
ภายใต้แสงสีเงินมีหนังสือทักษะสองเล่มปรากฏขึ้นที่หน้าหลิงราน
[สาขาทักษะที่ได้รับ: เทคนิคการเย็บผิวหนังชั้นในที่ฉีกขาด(ระดับเชียวชาญ)]
[สาขาทักษะที่ได้รับ: การเย็บเสริมแรงแบบฝังใต้ผิวหนัง (ระดับเชียวชาญ)]
หลิงรันสัมผัสแก้มของเขาอย่างเงียบ ๆ
ทักษะทั้งสองถูกใช้ในการปิดบาดแผลและทั้งคู่ก็เพื่อทำให้บาดแผลดูดีขึ้น
เทคนิคการเย็บ iผิวหนังชั้นในที่ฉีกขาดเป็นชื่อของมันโดยมีนัยว่า มันเป็นวิธีการเย็บแผลที่ไหมผ่าตัดจะถูกเย็บไว้ในใต้ผิวหนัง จะไม่มีการเจาะทะลุจากเข็มและจะลดโอกาสเกิดแผลเป็น หมอแม้วผู้ได้รับการว่าจ้างจากคลินิคตระกูลหลิงมีความเชี่ยวชาญในการเย็บแผลและเขามีชื่อเสียงทในการใช้เทคนิคการเย็บแผลใต้ผิวหนังเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงมักได้รับผู้ป่วยจากบริษัทกวางทองอยู่สม่ำเสมอ
รอยประสานเสริมแรงที่ฝังอยู่ใต้แผลที่ถูกฝังไว้ก็ถูกนำมาใช้เพื่อลดการก่อตัวของแผลเป็นให้มีความหยืดยุ่นสูงสุด มันถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับบาดแผลที่มีความตึงเครียดมากขึ้น ในระยะสั้นมันเป็นรอยประสานที่มีวัเป้าหมายเพื่อรักษาแผลให้มากที่สุดและลดรอยแตกของแผลเป็นหลังการผ่าตัด
ในโรงพยาบาลระดับเกรดเอขนาดใหญ่โดยทั่วไปจะใช้มันกับการเย็บแผลในช่องท้องและการเย็บแผลเสริมใต้ผิวหนังขนาดใหญ่เป็นวิธีการที่แพทย์หลายคนรู้ แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะรับ เนื่องจากความแข็งแรงของการเย็บแผลอยู่ในระดับต่ำพวกเขาเป็นประเภทของเย็บแผลที่ลดรอยแผลเป็นจากการลดความแข็งแรงของการเย็บดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ที่รักษาอาการบาดเจ็บ
จากสิ่งที่กล่าวไปเทคนิคนี้จะถูกใช้ในกรมศัลยกรรมพลาสติกหรือศูนย์ศัลยกรรมพลาสติกทั้งสองวิธีนี้อยู่บ่อยๆ
‘ครั้งต่อไปที่ฉันทำการตัดแขนขาฉันอาจสามารถใช้ทั้งสองวิธีนี้ด้วยกันได้‘ หลิงรันคิดอยู่ในใจ ‘จากนั้นขาที่ถูกตัดอาจออกมาดูดีขึ้น ‘