Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 247
ดงเฉินมองไปที่หน้าคลินิคตระกูลหลิงใบหน้าของเณรน้อยเต็มไปด้วยความสงสัย
“ดงเฉินทำไมเณรน้อยไม่เข้าไปข้างในล่ะ?”คนในละแวกนั้นจำชื่อของเณรน้อยดงเฉินได้จากผ้าคลุมสีเหลืองของเขา แม้ว่าวัดสิบสองน้ำพุนั้นจะเล้ก แต่มันก็มีชื่อเสียงในซอยและชุมชนละแวกนั้นในอดีตตอนที่เจ้าอาวาสคงลงมาจากภูเขาทุกคนในชุมชนรู้จักท่าน
หลังจากนั้นดงเฉินโค้งคำนับทักทายเพื่อนบ้าน เขาก็พูดอย่างงงงันว่า“ กลิ่นที่ออกมาจากสถานที่แห่งนี้ทำให้อัตมานึกถึงปีใหม่ อัตมากังวลว่าอัตมาจะมารบกวนโยมหลิง ”
เพื่อนบ้านคนนั้นเองก็ตกตะลึงและพยายามสูดกลิ่นด้วยจมูกของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่เขาก็พูดว่า“ จะเป็นปีใหม่ได้อย่างไงกัน? นี่น่าเป็นกลิ่นของหมูนึ่งในไวน์กับมันฝรั่งผัดตั้งหากล่ะ เณรน้อย ”
ด้วยสีหน้ามึนงงของดงเฉิน เขาจึงหยุดไตร่ตรองไปสักพักก่อนที่เขาจะรู้ว่าเพื่อนบ้านคนนั้นกำลังหมายถึงอะไร “ มันเป็นกลิ่นของทางโลก อัตตมาขอบคุณโยมที่ช่วยขจัดขอสงสัย สาธุ ”
เพื่อนบ้านคนนั้นหัวเราะ “ เณรน้อยตัวเท่านี้เองรู้เรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาขนาดนี้เชียวหรอ?”
“ ที่โยมหมายถึงนั้นคือชาดกใช่มั้ย?”
“เณรน้องดงเฉิน …” ทันใดนั้นเพื่อนบ้านก็ยื่นมือออกมาและลูปไปที่หัวของเณรน้อย “ ยิ่งเณรอ่านหนังสือมากเท่าไหร่ เณรก็ยิ่งฉลาดน้อยลงเท่านั้น แต่ยิ่งเณรโตขึ้นเท่าไหร่ เณรก็จะยิ่งน่ารักน้อยลงเท่านั้นเช่นกัน ”
“ โยม…กำลังอุปมาอุปมัยอยู่ยังงั้นรึ” เณรน้อยยังอายุไม่มากการที่เพื่อนบ้านของหลิงรันพูดเช่นนี้ทำให้เขาสับสน
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหัวของเขาก็รู้สึกเย็นเล็กน้อย เพื่อนบ้านคนนั้นเพิ่งเดินจากไป
เณรน้อยมองดูที่แผ่นป้ายหน้าร้านคลินิคตระกูลหลิงอีกครั้งก่อนที่เขาจะเคาะประตูและเดินเข้าไป
ประตูทางเข้าหลักของคลินิกตระกลูหลิงนั้นเปิดออกเพียงครึ่งเดียว เมื่อดงเฉินเดินเข้าไปเขาเห็นว่าคลินิกมีผู้ป่วยอยู่เต็มลานกว้าง ผู้ป่วยกำลังพูดคุยและหัวเราะเหมือนที่เคยทำในคลินิกอยู่เป็นปกติ
ตรงกลางของลานมีหม้อสเตนเลสตั้งอยู่ซึ่งเต็มไปด้วยมันฝรั่งผัด ถัดจากหม้อก็คือชามใบใหญ่ที่บรรจุซอสแดง มีชามใบเล็ก ๆ และไม้จิ้มฟัน 2-3 ขวดอยู่ถัดจากชามใบใหญ่
ดงเฉินเข้าใจดีว่าอาหารเหล่านั้นคงเป็นของฟรีสำหรับคนทั่วไปที่แวะเวียนมาที่คลินิค ซึ่งก็มีหลายคนเขามาตักอาหารเพื่อนำไปรับประทาน เขาเองก็คิดจะทำแบบนั้นเช่นกัน แม้ว่าบางคนก็ไม่ได้สนใจอาหารพวกนั้นก็ตาม
“ อ่าวดงเฉินเราคิดว่าเณรน้อยจะลงมาจากวัดอีกสองสามวัน ” หลิงโจวผลักรถเข็นขนาดเล็กพร้อมกับมันฝรั่งผัดอีกหนึ่งหม้อเตรียมที่จะมาวางไว้
“ โยมหลิง…อัตตมาจะมารบกวนวันนี้จะมีปัญหาอะไรหรือไหมโยม?”
หลิงโจวเข้าไปหาเขาและเอื้อมมือไปลูปหัวของดงเฉินอย่างเป็นธรรมชาติ “ ทำไมเณรถึงไม่สูงขึ้นเลย” เขาถาม
“ โยมหลิง…” ดงเฉินแสดงสีหน้าที่น่ารักออกที่และกล่าวว่า“ ตอนนี้อัตตาเชื่อฟังโยมเพราะหัวของอัตตาอยู่ในเงื้อมมือที่ชั่วร้ายของโยม จากนั้นเขาก็พูดว่า“ อัตตามาวัดส่วนสูงมาเมื่อสองสามวันก่อน อัตตมาสูงขุ้น 0.31 นิ้ว ”
หลิงโจวหัวเราะหลังจากที่เขาได้ยินเช่นนั้นเขาจึงพูดต่อไปว่า “ นั้นแถบจะไม่ไม่สูงขึ้นเลยนะ เณรน้อยลืมถอดรองเท้ารึเปล่า? เมื่อหลิงรันอายุประมาณเณรเขาสูงใหญ่มากเลยนะ ”
สีหน้าของเณรน้อยดงเฉินเปลี่ยนไป เขาพยายามคิดว่าตอนที่เขาวัดส่วนสูงเขาได้ใส่รองเท้าอยู่หรือเปล่า
“ มีมันฝรั่งผัด และซอสอยู่ด้านข้างถึงมันจะดูแดงๆแต่มันก็ไม่เผ็ดเลย มันใช้เครื่องปรุงประมาณเกือบสิบชนิดและมันเป็นสูตรลับที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษของเรา “ หลิงโจวดูมิตรมาก เขามอบมันฝรั่งผัดหนึ่งชามให้กับดงเฉิน และเขาก็ใช้ช้อนตักซอสลงบนชามนั้น “ ควรกินมันฝรั่งกับซอสเสมอ อย่าลืมให้มันฝรั่งเย็นลงก่อนที่เณรจะกินมันนะถ้าไม่ทำอย่างงั้นมันจะลวกปากเณรได้” เขากล่าว
“ ขอบคุณโยมหลิงมากๆที่กรุณา ”
“ ช่างเป็นเด็กดีอะไรเช่นนี้ เณรน้อยมีลูกค้าบางคนประทับใจในทักษะของเณรน้อยมากๆและต้องการอยากให้เณรน้อยนวดให้สนใจไหม? ”
“ จริงเหรอโยม?” เณรน้อยรู้สึกดีและก็แปลกใจในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ในวัดบางครั้งก็มีโยมบางคนที่มานั้งสวดมนต์ หากพวกเขาต้องการให้พระให้พรให้พวกเขาพวกเขาก็จะขอเจ้าอาวาสซึ่งไม่มีโยมคนใดสนใจเณรน้อยเลย
หลิงโจวตอบกลับอย่างหนักแน่น“ แน่นอน จริงๆแล้วลูกค้าพวกเนี่ยมีอาการปวดหลังมาตั้งนานแล้วแต่ได้เณรน้อยช่วยนวดให้มันก็ทำให้พวกเขาผ่อนคลายไปได้นานเลย อีกทั้งค่าธรรมเนียมก็ไม่แพงด้วย” หลิงโจวยิ้มและถามว่า“ เดียวฉันจะนัดคิวให้กับเณรน้อยทีหลังนะ”
“ ขอบคุณพระคุณอย่างมาก โยมหลิง” เณรน้อยคำนับและขอบคุณหลิงโจวในทันที
หลิงโจววางสิ่งของไว้ในมือของเขาและไปที่ห้องเก็บของทันที จากนั้นเขาก็แขวนบอร์ดบนผนังในทางเดินพร้อมกับคำว่า [10 หยวน สำหรับเวลาห้านาที รับบริการเมื่อเดินทางมาถึง ] หลังจากนั้นเขาก็นำกระดานที่บอกว่า [25 หยวนเป็นเวลาสองนาที กรุณานัดหมายล่วงหน้า ]
หลังจากดงเฉินกินมันฝรั่งที่ผัดแล้วเขาก็เช็ดปากก่อนที่นำชามไปล้างและเข้าไปช่วยงานในคลินิค
ตอนนี้คลินิคมีงานมากมายให้ทำ เพียงแค่เปลี่ยนขวดน้ำเกลือเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ฮวงจือยุ่งมากพอแล้ว เธอน้ำลดลง 0.66 ปอนด์ทุกครั้งที่เธอมาทำงานในแต่ละวันดงเฉิน ช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกวาดพื้นเช็ดโต๊ะและเปลี่ยนหมอนซึ่งเขาหยิบมันออกมาจากห้องเก็บของ
หลังจากเสร็จงานทั่วไปแล้วดงเฉินก็เชิญผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นที่ต้องการที่จะนวดมานั่งลง เขายุ่งจนถึงเที่ยงก่อนจะมีเวลาพักผ่อน ดงเฉินเอนตัวลงนอนอย่างสบายใจในเก้าอี้นอนในระหว่างทางเดิน
ถัดจากเขาคือหลิงรันผู้ซึ่งเพิ่งจะกดเข้าเริ่มเกมบนมือถือของเขา เสียงมันดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเขา“ อีกห้าวินาทีจน ศัตรูตะมาถึงสนามรบ ”
ดงเฉินสับสนเล็กน้อย เขามองไปที่หลิงรันและถามว่า“ หมอหลิง อัตตมาเห็นคนมากมายอยู่ในคลินิคโยมไม่ต้องทำงานหรอ?”
“ ไม่” หลิงรันตอบแบบง่ายๆ“ ตอนมีคนน้อยเกินไปที่ต้องการจะให้ฉันนวดแถวๆนี้ ซึ่งฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไร ”
“ โอ้ดงเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจและเอนกายพิงเก้าอี้เอนกาย เขามองดูหลิงรันขณะที่หลิงรันกำลังเล่นเกมของเขาและเขารอประมาณหนึ่งนาทีก่อนที่เขาจะเห็นมือของหลิงรันออกจากหน้าจอมือถือ ดงเฉินจึงถามขึ้นมาทันทีว่า“ หมอหลิง อัตตมามีปัญหากับเทคนิคการบิดและยกที่อัตตมาใช้ก่อนหน้านี้ อัตตมาไม่รู้สึกว่าอัตตมากะตำแหน่งได้ไมถูกต้อง … ”
“ เทคนิคการบิดและยกอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเณรน้อยก็ได้นะ บางทีเณรน้อยสามารถลองใช้เทคนิคการดึงก่อน มาลองกับฉันสิ ” ดงเฉินลุกขึ้นมาทันทีและจับคอของหลิงรันด้วยเทคนิคการดึง
หลิงรันสนุกกับการถูกนวดมากๆในขณะที่เขาสอนดงเฉินในเทคนิคการนวดดังกล่าว “ถูกตัอง . นั่นคือวิธีที่ถูกแล้ว เณรน้อยสามารถออกแรงมากขึ้นด้วยการดึงให้มากว่านี้ ค้นหาตำแหน่งที่ถูกต้องและนิ้วหัวแม่มือของเณรควรเลื่อนขึ้นไปในทันที…ใช่…รอก่อน…”
ตัวละครในเกมของหลิงรันได้รับการฟื้นฟูกับมาแล้ว เขาถือโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองของเขาและเขาก็ดูเคร่งเครียดแถมยังตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก
ดงเฉินก็นั่งลงและพักซักครู่ดูหลิงรันเล่นเกมต่อไป
ในเวลาน้อยกว่าสองนาทีโทรศัพท์ของหลิงรันถูกโยนลงบนโต๊ะ
ดงเฉินลุกขึ้นทันทีวางมือบนคอของหลิงรันแล้วพูดว่า“หมอหลิงตอนนี้อัตตมารู้สึกถึงมันแล้ว นี่เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือป่าว?”
“ใช่…
“ไม่เลว…
“ทำต่อไป …”
หลิงรันฝึกให้ดงเฉินตลอดทั้งวัน ในช่วงบ่ายเขาไปที่โรงพยาบาลและทำการผ่าตัดไปสามเคสเกี่ยวกรณนิ้วมือขาดก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ช่วยหัวหน้าแพทย์หวัง จากแผนกศัลยกรรมมือในการผ่าตัดรักษาเอ็นร้อยหวาย
หัวหน้าแพทย์หวัง เคยได้ยินการผ่าตัดที่โดดเด่นของหลิงรันภายใต้การดูแลของจู้ตงยี้ ดังนั้นเขาจึงคิดไอเดียดีขึ้นมาได้และตัดสินใจที่จะนำทักษะของหลิงรันเพื่อมาช่วยเขา
แต่หลิงรันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สำหรับเขามันคงไม่เป็นไรตราบใดที่ยังมีการผ่าตัดให้เขาทำอยู่
แต่ถ้าเขาจะต้องการเรียกร้องอะไรบางอย่างล่ะเรื่องนั้นก็น่าจะเกี่ยวกับเตียงในโรงพยาบาลในแผนกฉุกเฉินนั้นน้อยกว่าศูนย์อายุรกรรมกระดูกและข้อและเวชศาสตร์การกีฬา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะมีเตียงในสถาบันวิจัยถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเตียงในขณะที่แผนกฉุกเฉินมีเพียงเจ็ดสิบเตียงเท่านั้น และอีกครึ่งหนึ่งเป็นเตียงเสริม และเตียงพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นเตียงที่ถูกต้องตามกฎหมาย
หากเปรียบเทียบความสามารถในการเพิ่มเตียงเสริมแผนกฉุกเฉินสามารถเพิ่มเตียงได้มากถึงสองร้อยเตียงเท่านั้น ถ้าครบเตียงเต็มผู้ป่วยก็จะไม่สามารถเข้ารักษาได้หรือพักรักษาที่โรงพยาบาลได้ อย่างไรก็ตามมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในศูนย์อายุรกรรมกระดูกและเวชศาสตร์การกีฬา พวกมันเป็นแผนกใหญ่ที่มีหมอประมาณสามสิบคนที่ครอบครองอาคารขนาดใหญ่เหล่านั้นไว้ เมื่อเกิดความต้องการพวกเขาสามารถเสนอเตียงเสริมได้สองถึงสามร้อยได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าพวกเขาอาจมีบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ แต่ด้วยชื่อเสียงของจู้ตงยี่ พวกเขายังสามารถดึงดูดแพทย์หลายร้อยคนให้มาช่วยเขาได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือแค่ยกหูโทรศัพทหาแพทย์เหล่านั้น
แม้กระทั่งพยาบาลเองก็เช่นกันแต่มันคงจะเป็นเรื่องลำบากถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ
สิ่งเดียวที่ดีของแผนกฉุกเฉินของหยุนหัวคือแพทย์มีความต้องการเตียงในโรงพยาบาลต่ำ
ในแผนกผู้เชี่ยวชาญผู้ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นแพทย์หรือสูงกว่าจะปฏิบัติต่อเตียงในโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเท่าเทียมกันกับชีวิตของพวกเขาหากพวกเขาต้องการผ่าตัด เพื่อรักษาสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ โรงพยาบาลบางแห่งจะกำหนดจำนวนเตียงโรงพยาบาลให้กับพวกเขา จำนวนเตียงในโรงพยาบาลที่ได้รับมอบหมายให้แพทย์แต่ละคนจะได้รับการจัดการอย่างดี
ในการเปรียบเทียบแพทย์ในแผนกฉุกเฉินไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย ยิ่งผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากเท่าไหร่พวกเขาก็ต้องส่งผู้ป่วยออกไปแผนกอื่นมากเท่านั้นเพื่อให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยให้รอดได้ ตัวอย่างหนึ่งคือผู้ป่วยวิกฤติระดับ 1 ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคหลอดเลือดสมองกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือแม้แต่อาการตกเลือดอย่างรุนแรงพวกเขาจะถูกส่งไปยังแผนกอื่น ๆ เช่นแผนกประสาทวิทยาและแผนกโรคหัวใจ
มีเพียงแพทย์อย่างผู้อำนวยการฮวงเท่านั้นที่ทำงานพาร์ทไทม์ในแผนกศัลยกรรมบาดเจ็บและแผลไหม้เท่านั้นที่จะขอเตียงโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น เมื่อมาถึงจุดนี้เขากำลังทำงานของแผนกผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายบนเตียงในโรงพยาบาลหลิงรันเลิกนิสัยการชอบผ่าตัดออกไป เขาจะเรียกใช้งานเตียงก็ต่อเมื่อมีผู้ป่วยนิ้วขาดเกินสามนิ้วขึ้นไป เขาจะไม่ยอมให้ผู้ป่วยต้องรอเขา เขายอมแพ้กับตัวเองให้โรงพยาบาลอย่างสมบูรณ์จนเขาปฏิบัติต่อโรงพยาบาลเสมือนบ้านของเขา เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่โรงพยาบาลและผู้ป่วยขอให้เขาทำ
แน่นอนว่าผู้ป่วยนิ้วขาดสองนิ้วไม่จำเป็นต้องรอนานในแผนกศัลยกรรมมือ แผนกศัลยกรรมมือเป็นแผนกใหญ่และโดยทั่วไปนั้นมีการแข่งขันระหว่างแพทย์ที่สูงมาก เมื่อพวกเขาเห็นว่าหลิงรันทำหน้าที่ปลูกถ่ายนิ้วอย่างมีความสุขทุกวันแพทย์บางคนก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แต่พวกเขาก็เลียนแบบการทำงานของหลิงรันเช่นกัน
เมื่อถึงหกโมงเย็นหลิงหรันสแกนผ่านเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ เขาตรวจสอบประวัติทางการแพทย์และใบสั่งยาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก่อนที่เขาจะยกย่องหยูหยวนและกล่าวว่า“ หยูหยวนเขียนบันทึกทางการแพทย์ได้ละเอียดมาก”
หยูหยวนชูหน้าของเธออย่างภาคภูมิใจ เธอยิ้มและแอบมองไปที่หมอลู่และมาหยานลิน ก่อนที่เธอจะพูดว่า“ พวกคุณชอบอู่ ”
หมอลู่ และมาหยานลินตกตะลึงขึ้นมาทันที
“ เราไม่ได้!” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน พวกเขาตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะพูดในเวลาเดียวกันอีกครั้ง
“ ฉันมักจะอ่านบทความวิจัยแม้ในขณะที่ฉันปรุงตีนเป็นอยู่ก็ตาม ”
“ ทุกวันนี้มีคนน้อยมากที่กินปลาเค็มสำเร็จรูป ”
ทั้งคู่มองหน้ากันราวกับว่าความคิดของพวกเขาขัดแย้งกันแต่พรสวรรค์ของพวกเขารวมเข้าด้วยกันและความปรารถนาของพวกเขาเอวก็กดลงบนไหล่ของพวกเขาให้พวกเขานั่งลงตามเดิม …
“ หยูหยวนสามารถพิมพ์งานได้เร็วมาก” หมอลู่ได้แต่ถอนหายใจและตัดสินใจที่จะชื่นชมหยูหยวนหลังจากนั้น
แม่หยานหลินดูเหมือนจะเข้าใจ “ เราพิมพ์ช้ามาก” เขากล่าวเสริม
หยูหยวนมองดูพวกเขาอย่างภาคภูมิใจ “ ความเร็วในการพิมพ์ที่เร็วที่สุดของฉันคือสองร้อยคำต่อนาที มันไม่เร็วเลย ”
“ สองร้อยคำในหนึ่งนาที? เราไม่สามารถทำเช่นนั้นแม้ว่าเราจะคัดลอกและวางจากคำเดิมเอา ”หมอลู่รู้ดีถึงความสามารถของพวกเขา”
มาหยานลินแสดงรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นมาและพูดว่า“ ทำไมเราไม่ปล่อยให้หยูหยวนเขียนเวชระเบียนทั้งหมดเลยล่ะ ความเร็วในการเขียนของเราช้าและคุณภาพงานเขียนของเราก็ไม่ดีสำหรับงานวิจัยด้วย ทำไมเราไม่แจกจ่ายงานเหล่านี้ให้เธอไปเลย”
“ ไม่!” ยูหหยวนปฏิเสธเสียงแข็ง
“ อย่าพึงกลับบ้านล่ะ เราต้องรอรับผู้ป่วย” ผู้อำนวยการฮวงตะโกนจากสำนักงานของเขาและขอให้ใครสักคนประกาศเรื่องนี้ผ่านลำโพง
หลิวรันและคนอื่น ๆ ไม่ได้มีทางเลือกนอกจากยืนนิ่งและมองไปที่ผู้อำนวยการฮวง
เป็นเรื่องปกติสำหรับแพทย์ที่จะทำงานล่วงเวลา แต่การประกาศกระทันเช่นนี้มันหาได้ยากมาก
“ ผู้ป่วยกำลังถูกส่งตัวมาโดยเฮลิคอปเตอร์ มีการโทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล็กน้อย ช่วยดูแลผู้ป่วยคนนี้แบบระวังๆ!” ผู้อำนวยการฮวงแต่งตั้งหลิงรันในขณะที่เขาพูดสรุปอาการของผู้ป่วยและพูดว่า“ นายมากับฉันเพื่อไปรับผู้ป่วยที่เฮลิคอปเตอร์ เมื่อนายไปถึงที่นั้นไม่ต้องพูดอะไรออกมา เข้าใจไหม?”
“ แน่นอน ”
“ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสองสามคนจะมากับเราเพื่อรับผู้ป่วยออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ มันจะสะดวกกว่ามากถ้านายไม่แสดงสีหน้าแปลกออกมาให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเห็น ”ผู้อำนวยการหยิบเสื้อคลุมสีขาวขยำขึ้นมาแล้วพูดกับหลิงรันอีกครั้ง“ เลือกเสื้อคลุมสีขาวที่ใหม่กว่าปกติเพื่อแสดงถึงความสง่างามของแผนกฉุกเฉิน…ดีนายสามารถใส่มันไปได้เลย…”
มีรอยย่นชัดเจนบนเสื้อคลุมสีขาวของหลิงรันแต่ไม่มีใครสนใจที่จะมองมันเมื่อเขาสวมมันเขากับตัวของเขา
ปกติอยู่แล้วที่ผู้คนจะไม่สามารถทนต่อความหล่อเหลาของหลิงรันดังนั้นใครที่จะไปสนใจเรื่องการแต่งตัวของกันล่ะ!