Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 252
ณ ทางเข้าโรงพยาบาลซึ่งในตอนเช้าจุดนี้เป็นจุดที่มีผู้คนหนาแน่นมากๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อรถเบนท์ลีย์ที่มีไฟหน้าทรงกลมสวยงาม ก็ขับเข้ามาที่หน้าโรงพยาบาลหยุนหัว ในตอนนั้นยามที่รักษาความปลอดภัยอยู่กำลังผิวปากอย่างสบายใจ ก็หันมาด้วยความตกก่อนที่จะรีบจัดการหาที่จอด
รถเบนท์ลีย์หยุดที่บริเวณจุดด้านหน้าทางเข้าของโรงพยาบาลอย่างช้าๆ
ผู้คนในระแวกนั้นเริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเริ่มหันกล้องของมือถือไปที่รถคันนั้น
เบนท์ลีย์นั้นสีฟ้าคันใหญ่และดูไฮโซ แสงสะท้อนที่มาจากรถมันเหมือนกับเงินหลายล้านหยวนมันทำให้ผู้คนแถวนั้นตกตะลึงเมื่อได้เห็นมัน
บางคนใช้โอกาสนี้ถ่ารูปมันกับรถเบนท์ลีย์โดยมีฉากหลังเป็นโรงพยาบาลหยุนหัวและโพสต์ภาพลงไปในสื่อโซเชียลของพวกเขาโดยโพสข้อความว่า: การมีรถยนต์หรูหรามูลค่า 7,000,000 หยวนช่วยให้คุณและครอบครัวปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างงั้นหรอ? แน่นอนว่ามันไม่ได้ มันแค่ทำให้คุณดูแต่สุดท้ายคนรวยพวกนี้ก็ต้องแพ้โรคภัยไข้เจ็บอยู่ดี จริงๆพวกเขาน่าจะเอาเงินไปซิ้ประกันชีวิตไว้น่าจะคุ้มค่ากว่า
ซู่เจียฟูเองก็ยังยืนตะลึงอยู่กับเบนท์ลีย์ที่มีราคาแพงและที่ขนาดของรถยาวถึงสิบหกฟุต เขาใช้ลิ้นเลียปากก่อนจะกล่าวว่า “มันจะสะดวกสบายมากถ้าได้นั่งในรถคันนั้น คุณจะทำให้ครอบครัวของคุณภาคภูมิใจในตัวคุณอย่างแน่นอน”
“รถคันนี้น่าจะเป็นรถที่ฉันเรียกผ่านแอพแท๊กซี่” หลิงรันแสดงหน้าจอโทรศัพท์ให้ซู่เจียฟูดู แบบจำลองรถในนั้นคล้ายกับรถเบนท์ลีย์ที่อยู่ตรงหน้าเขา
จากนั้นทั้งสามคนก็ไปที่เบนท์ลีย์และซูเจียฟุส่ายหัวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “ตอนนี้ฉันเมายาแก้ไออยู่รึเปล่าเนี่ย แอพเรียกรถแท๊กซี่ของคุณเรียกเบนท์ลีย์มาจริงใช่ไหม?”
“ฉันเรียกรถด่วนมานะ” หลิงรันดูโทรศัพท์ของเขาอีกครั้ง มันมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณอยู่ที่ 22 หยวน
ซูเจียฟูมองหลิงรันจากหัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “คุณมีเวทย์มนตร์หรือเปล่าเนี่ยทำไมตอนที่ฉันเรียกฉันไม่เคยได้รถเบนท์ลีย์มารับเลย … “
ในระหว่างการสนทนาเทียนฉีเธอก็เห็นหลิงรัน เดินออกมาจากโรงพยาบาล เธอก็ลงมาจากรถในทันทีและเปิดประตูโดยเลียนแบบท่าทางของคนขับรถที่เป็นคนขับรถประจำบ้านของเธอ
เบนท์ลีย์นั้นมีสี่ประตูมันดูเหมือนรถปกติคันอื่น ๆ ดังนั้นมันจึงน่าดูไม่ได้น่าดึงดูดขนาดนั้น
เมื่อเธอเห็นหลิงรานเดินเข้ามาใกล้เทียนฉีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เขา เธอโบกมือไปกลางอากาศเพื่อให้เขาเห็นได้
หลิงรันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เราเจอกันอีกแล้วหรอเนี่ย?”
“ฉันอยู่แถวนี้พอดีนะหมอหลิง” เทียนฉีเองก็เห็นซู่เจียฟูและหยูหยวนเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้จงใจที่จะมาเจอสถาณการณ์เช่นนี้ตั้งแต่แรก เทียนฉีเธอจึงออกไปว่า “พวกคุณขึ้นมาด้วยกันไหม”
หลิงรัน พยักหน้าและพูดว่า “ดีเลย เรากำลังจะไปที่ร้านของเฮียเฉา เพื่อไปกินบาร์บีคิวกันนะ”
“มีบาร์บีคิวในช่วงเช้าแบบนี้ด้วยหรอ?”
“ฉันทำงานมาตลอดทั้งคืน ถ้าไม่ได้กินบาร์บีคิวตอนนี้ล่ะก็ฉันคงช็อกตายแน่ๆ” ซู่เจียฟูหาวออกมาหลังพูดจบ
“อย่างงั้นหมอหลิงคุณนั่งข้างหน้าเลยได้ไหม?” ตาของเทียนฉีเบิกกว้างขึ้น
หลิงรันตอบรับคำขอของเธอก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถ
ซู่เจียฟู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาชี้ไปที่หลิงรันและถามเทียนฉีว่า “ทั้งสองคนรู้จักกันด้วยหรอ?“
“หมอหลิงเขาเป็นคนเย็บแผลที่มือให้ฉัน นะคะ” เทียนฉียกยืนมือซ้ายออกมา นิ้วชี้ของเธอยังคงพันผ้าพันแผลอยู่และ มีสติ๊กเกอร์เป็ดโดนัลด์ติดอยู่ที่ผ้าพันแผลนั้น
ซูเจียฟู่ดูอย่างรอบคอบก่อนที่เขาจะบางอย่างขึ้นมาได้และถามว่า “คุณเป็นคนที่นั่งเฮลิคอปเตอร์เพื่อมารักษาที่แผนกฉุกเฉินใช่ไหม?”
“ใช่นั่นฉันเอง.”
“สติ๊กเกอร์สวยดีนะครับ” ซู่เจียฟูชื่นชนเธอหลังจากเข้ารู้ความจริง ไม่แปลกเลยที่บุคคลคนนี้จะสามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่โรงพยาบาล เพราะขนาดรถที่เธอขับยังเป็นรถเบนท์ลีย์เลย
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้วซูเจียฟูก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติ ‘เธอคนนี้รวยมากและบังเอิญเป็นผู้หญิงด้วย ทำไมเธอถึงเลือกขับรถเบนท์ลีย์ด้วยตัวเองล่ะ? มันเป็นรถคันใหญ่แถมยาวอีกตั้งหากนี้มันเบนท์ลีย์มอลซานเลยนะ’
“เชิญค่ะ.” เทียนฉีรอให้อีกสามคนขึ้นรถก่อนที่เธอจะปิดประตู เธอรีบกลับไปที่ที่นั่งคนขับและสตาท์รถอย่างระมัดระวังการเคลื่อนไหวของเธอดูลุกลี้ลุกล่นเหมือนคนไม่ชำนาญการขับรถเท่าไร
“ฉันจะขับรถตามแอพนำทางนะคะ” เทียนฉีกล่าวอย่างประหม่า ถ้าเธอไม่ขับแอพนำทางเธอคงจะหลงทางอย่างแน่นอน
“โอเค ได้เลย” หลิงรันตอบ เขาลูบเบาะหนังของรถเบนท์ลีย์และถามว่า “คุณไม่ได้ขับรถโรลล์สรอยซ์เมื่อเช้านี้แล้วเหรอ?”
รถโรลล์สรอยซ์ที่เทียนฉีขับในตอนเช้า มันทำให้หลิงรันประทับใจในตัวรถคันอยู่
วายร้ายในภาพยนตร์พยัคร้าย 007 นั้นคือ นิ้วทอง เขาขับ รถโรลล์สรอยซ์
เทียนฉีในตอนนี้เธอจับพวงมาลัยอย่างกระวนกระวายและถามว่า “คุณชอบรถโรลล์สรอยซ์อย่างงั้นหรอ?“
หลิงรันบิดร่างกายของเขาและพูดว่า “ฉันยังไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับรถมากพอ ฉันเลยยังไม่ตัดสินใจว่าชอบรถคันไหน”
เทียนฉีดูประหม่ายิ่งขึ้น “แล้วคุณเลือกอย่างไงที่จะชอบไม่อบรถคันไหน?”
สำหรับหลิงรันนี่เป็นคำถามที่ดีมาก เขาตบขาด้วยมือของเขาแล้วพูดว่า “โดยทั่วไปคุณสามารถตัดสินใจกับเรื่องเหล่านี้ได้ทันที แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่อย่างงั้น ฉันจะทำการทดสอบบางอย่างแต่ไม่ถึงกับต้องทำวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับการตัดสินใจขนาดนั้นนะ แค่ขอได้ไปศึกษาข้อมูลรถเหล่านั้นมาก่อนก็พอ “
เทียนฉีจดจำสิ่งนี้ไว้ในใจของเธอ เธอพร้อมที่จะหาคนมาสอนเธอในรถเหล่าพวกนี้เมื่อเธอกลับมาพบเขาในครั้งหน้า
เบนท์ลีย์แล่นไปตามถนนสายหลัก ภายในรถนั้นเงียบเหมือนตู้คาราโอเกะที่จะไม่ได้ยินเสียงจากคนภายนอกเลย
ซู่เจียฟูค่อยๆตื่นเต้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มพิสูจน์ว่าเขากำลังนั่งอยู่ในรถเบนท์ลีย์จริงๆก่อนที่เขาจะเซลฟี่ภาพของเขา
หยูหยวนดูระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เธอฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองและถามอย่างสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้นกับรถโรลล์สรอยซ์ในตอนเช้าหรอ?”
เทียนฉีมองไปที่หลิงรันและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ฉันต้องการประสบการณ์ทำงานนอกเวลาขณะเรียนดังนั้นฉันจึงตัดสินใจขับรถรับจ้างเมื่อเช้าฉันเอารถรถโรลล์สรอยซ์ไปเติมน้ำมันฉันเลยเปลี่ยนเป็นเบนท์ลีย์มาแทน “
เหตุผลของเธอยังดูดีและคำตอบของเธอยังคงเหมือนกับในตอนเช้า
หยูหยวนรู้สึกขบขันและหัวเราะออกมาดัง ๆ “ คนรวยอย่างคุณนี้น่าสนใจจริงๆ”
“สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับว่าฉันรวยหรอก เพราะสุดท้ายคนเหล่าก็ต้องใช้แรงในการหาเงินอยู่” เทียนฉีหยุดและพูดว่า “ปู่ของฉันมักจะพูดว่าคนหนุ่มสาวต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน เราจะได้ทำงานและสิ่งที่เราได้รับก็ประสบการณ์ที่เราได้จากมัน
หยูหยวนฟังและถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอกล่าวว่า “ถ้าจะพูดว่าถ้าคุณได้รับ 25 หยวนจากการขับรถด่วนนั่นจะเป็นค่าตอบแทนของคุณ แต่เบนท์ลีย์และมีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าน้ำมัน มันเยอะกว่า 25 หยวนเสียอีก”
“จริงๆแล้วเรื่องเงินมันก็เป็นสิ่งสำคัญนะสำหรับสังคมนี้ครอบครัวของฉันตั้งแต่สมัยปู่ก็ลงทุนลงแรงกว่าจะได้เงินขนาดนี้ก็ลองเทียบกับอาชีพอื่นๆทุกอาชีพก็มีความเหมาะสมของมันอย่างคุณกว่าจะได้รับปริญญาบัตรหมอมาได้ต้องเสียเงินและเสียแรงไปเท่าไร เงินค่าตอบแทนที่ได้ก็ต้องเหมาะสมกับสิ่งที่เรียนมาไหม ปู่ของฉันก็ต้องทำงานมากพอถึงจะร่ำรวยได้ขนาดนี้” ในขณะที่เทียนฉีเริ่มขับรถเธอตอบอย่างคล่องแคล่ว
หยูหยวนเองก็ถึงกับตกตะลึงเป็นเวลาสองสามวินาทีกับสิ่งที่เธอพูดออกมาจะพูดต่อ “ตระกูลของคุณนี้เยี่ยมยอดจริงๆ”
“เยป.”
“แล้วสติเกอร์ที่ติดอยู่ผ้าพันแผลของคุณล่ะมาได้ยังไง” หยูหยวนเริ่มจินตนาการถึงสิ่งต่าง ๆ
ด้วยคำถามนี้ทำให้เทียนฉีถึงกับตะลึงงัน เธอถึงกับคิดคำตอบไม่ทันดังนั้นเธอจึงตอบคำถามไปอย่างโง่ๆว่า “เพราะฉันเห็นว่ามันอาจช่วยระบายอากาศได้ดีเมื่อติดมัน ฉันคิดผิดหรอ?”
ตอนนี้เธอกำลังพิจารณาปัญหาจากมุมมองทางการแพทย์
หยูหยวนฟังคำอธิบายของสติกเกอร์ยิ้มและดึงมือถือของเธอขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อเรียกเปิดหาข้อมูลขากไปร์ตู้
“ฮ้า ฮ้า”
รถเบนท์ลีย์หยุดที่หน้าร้านของเฮียเฉาอย่างช้าๆ
พนักงานที่รับผิดชอบเรื่องการทำความสะอาดเห็นรถคันนี้ถึงกลับตะลึง จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของหลิงรันซูเจียฟูและหยูหยวนลงจากรถ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี้คุณหมอพวกคุณเช่ามันมาหรือซื้อมากันเนี่ย?“
“คนปกติอย่างพวกเราจะซื้อรถเช่นนี้ได้อย่างไร” ซูเจียฟูหันหน้าไปหาเทียนฉีอย่างรวดเร็วซึ่งเธอเพิ่งลงจากรถ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นฉันแค่หมายถึงคนปกติไม่สามารถซื้อรถประเภทนี้ได้”
“ไม่เป็นไรนี่เป็นรถของที่บ้านฉันเองนะ” เทียนฉียกนิ้วของเธอและเธอตั้งใจจะจอดรถไว้หน้าร้าน
แม้ว่าซู่เจียฟูจะไม่ได้หลับมากว่ายี่สิบชั่วโมง แต่เขาก็ยังดูกระปี้กระเป่าอยู่ในเวลานี้เขาหัวเราะ “คุณชื่อเทียนฉีใช่มั้ย คุณสนใจมาทานบาร์บีคิวกับพวกเราไหมล่ะ?“
“สนใจสิ พวกคุณถึงกับตัดสินใจมากินบาร์บีคิวในตอนเช้าแสดงว่าร้านนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน” เทียนฉีค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซูเจียฟูยิ้ม “ร้านนี้มันค่อนข้างโด่งดังเหตุผลหลักที่เรามาที่ร้านอาหารแห่งนี้ในตอนเช้านั้นเป็นเพราะมันมีร้านเดียวที่เปิด มันต้องมีเหตุผลอะไรอีกไหม?
แพทย์ในกลุ่มที่ต้องมากินมื้อเช้าและกลุ่มที่ต้องมากินมื้อค่ำจะมีเหตุผลของพวกเขาเองในการเลือกร้านอาหาร
เฮียเฉาออกมาทักทายพวกเขาวางหน้าอย่างเคร่งขรึม เขากระทืบพื้นด้วยไม้ค้ำที่เขาเคยช่วยเหลือตัวเองแบบหยอกล้อกัน “หมอซูร้านค้าของฉันไม่ใช่ที่เลวร้ายอย่างที่คุณบรรยาย ฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มจะป่วยล่ะเมื่อฉันต้องมาเปิดร้านเช้าเช่นนี้”
“ทำไมล่ะ เราหวังว่าคุณจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน” ซูเจียฟูหัวเราะออกมาดัง ๆ ก่อนที่เขาจะจ้องมองที่ไม้เท้าของเฮียเฉา สักพักและพูดว่า “มีบางอย่างไม่ถูกต้องเฮียเฉาขาของคุณดูไม่เหมือนว่าได้รับการรักษาในโรงพยาบาลหยุนหัวแล้วนิ”
เฮียเฉารู้สึกประหลาดใจทันทีและเขาก็ถอนหายใจออกมา เขาไอและพูดว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันไปรวบรวมกั้งและฉันตกลงไปในสระน้ำในฤดูใบไม้ร่วงนั้นมันแย่มาก ฉันถูกส่งไปโรงพยาบาลทันทีหมอที่รักษาอาการบอกว่าร่างกายฉันอ่อนแอมาก เขาสั่งให้ฉันใช้ไม้ค้ำและห้ามล้มอีกเป็นครั้งที่สอง “
“โอ้ …”
“งั้นเหรอ … ?”
“โอ้!”
“ดังนั้นนั่นหมายความว่า … “
พวกเขาทั้งหมดทำท่าทางเข้าใจสิ่งที่เฮียเฉาพูดมาก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในร้านของฮียเฉา ตอนนี้เฮียเฉาก็เข้าไปด้วยเขาได้เข้าไปเตรียมวัตถุดิบเฉาะ เขาใช้ต้นซีดาร์เกลือสดเตรียม เสียบเนื้อและมีเสียงดังไปทั่วทั้งร้าน …
อีกไม่นานก็มีลูกค้าอีกมากมายเข้าในร้าน
มีแพทย์จากภาควิชาวิสัญญีวิทยา, แพทย์จากแผนกศัลยกรรมกระดูก, แพทย์จากแผนกศัลยกรรมทั่วไปและแพทย์จากแผนกศัลยกรรมทรวงอก
เมื่อรวมเทียนฉี ซู่เจียฟูจึงรวบรวมอีกสิบคนด้วยกัน พวกเขาทั้งหมดนั่งเป็นวงกลมและดูเป็นวงสนทนาที่สนุกสนามา
เฮียเฉามองดูบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาในร้านและมีความสุขเช่นกัน เขาใช้ไม้ยันรักแร้เพื่อช่วยให้เขาเดินไปรอบ ๆ และไปตัดเนื้อ เขาพูดว่า “ถ้าเรามีบาร์บีคิวที่ใช้ต้นซีดาร์เกลือเป็นฟืนเราจะต้องใส่ใจกับสามสิ่งนี้น สิ่งแรกคือเนื้อ สองต้นซีดาร์เกลือสดสามถ่านเราจะทำบาร์บีคิวในเมนูในวันนี้ มันไม่เหมือนกับบาร์บีคิวข้างนอกเราต้องมีการควบคุมความร้อนเนื้อสัตว์ขนาดต่าง ๆ ต้องใช้ความเข้มข้นของไฟที่แตกต่างกันในการปรุงอาหารฉันจะแสดงวิธีการใหม่ของฉันให้ดู … “
เฮียเฉาเหยียดแขนออก จากนั้นจึงนำชิ้นเนื้อขนาดใหญ่มาตรึงบนต้นซีดาร์เกลือ เนื้อนั้นดูบางและสด มันสั่นเล็กน้อยเมื่อใส่เกลือและซีดาร์ลงไป
“ไม้เสียบหนึ่งอันน้ำหนักประมาณคือ 1.1 ปอนด์แต่ละชิ้นเนื้อมีค่าประมาณ 0.11 ปอนด์แม้แต่ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดก็เพียงพอสำหรับการกัดเพียงครั้งเดียว แต่เมื่อคุณกัดเนื้อคุณจะพบว่ามันจะมีน้ำผลไม้กระจายอยู่ในนั้นจำนวนมาก” หลังจากที่เฮียเฉากล่าวคำบรรยายของเขา เขาก็ย่างเนื้อไปด้วย เขากล่าวว่า “จะใช้เวลาสักครู่”
แพทย์ที่เพิ่งมาถึงก็ถ่ายรูปและโพสต์รูปที่ถ่ายด้วยเบนท์ลีย์ให้กับเพื่อนๆของเขาเอง
เทียนฉีเธอรู้สึกอารมณ์ดี เธอยิ้มแย้มแจ่มใสขณะพูดคุยกับหลิงรันผู้นั่งถัดจากเธอ “ร้านนี้มันดูน่าสนใจจริงๆ”
“ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกแพทย์ชอบมาที่นี่” หลิงรันหยุดพักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ดูเหมือนว่าฉันจะได้ยินเสียงดังลั่นจากด้านนอก”
คนอื่น ๆ ก็เคยได้ยินเช่นกัน
ซูเจียฟูพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า“ ผู้ป่วยจะเป็นแผนกศัลยกรรมกระดูกหากบุคคลนั้นล้มลงผู้ป่วยจะเป็นแผนกศัลยกรรมระบบประสาทในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นลม กรณีฉุกเฉินคุณต้องการดูไหม “
ทุกคนเห็นด้วย ดังนั้นนักศัลยกรรมกระดูก, นักประสาทวิทยา, ศัลยแพทย์ทรวงอกทรวงอก, และหยูหยวนจึงเดินออกไปข้างนอกประตูเพื่อตามเสียงนั้นไป