Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 253
หลังจากนั้นครู่หนึ่งแพทย์จากแผนกประสาทวิทยาและแผนกหัวใจและหลอดเลือดก็กลับมาอีกครั้ง
ซู่เจียฟูเลียปากริมฝีปากของเขา “ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นนะ?”
“ มีผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนเธอกำลังถ่ายรูปอยู่ในรถและเท้าของเธอดันกระตุกไปปเหยียบคันเร่งจนไปชนรถที่อยู่แถวนั้นสองคัน นะ มีรอยยุบนิดหน่อย” แพทย์จากแผนกโรคหัวใจทรวงอกหยิบบาร์บีคิวแกะใส่ปากของเขาแล้วกินมัน
“ชนรวดเลยหรอ?” ซูเจียฟู่หยิบเบียร์ให้พวกเขา
“ใช่แล้ว.” แพทย์ประจำภาควิชาหัวใจและหลอดเลือดนำเบียร์และเทไปครึ่งแก้ว ก่อนที่จะส่งต่อให้กับแพทย์จากแผนกประสาทวิทยา
จริงแล้วเหล่าแพทย์นั้นคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะในหนึ่งปีกับสามร้อยหกสิบห้าวัน สองร้อยวันนั้นจะต้องทำงานและอีกร้อยห้าสิบวันถ้าโชคดีก็ได้เป็นวันพักผ่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปศัลยแพทย์ก็จะมีอายุมากขึ้นร่างกายของพวกเขาอ่อนแอลงและพวกเขาไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงได้อีกต่อไป
พวกเขาก็เลิกบังคับหรือเชิญชวนให้คนอื่นแอลกอฮอล์เช่นกัน
ในช่วงหลายๆปีที่ผ่านๆมานั้นเซลล์ขายยาจะเป็นชอบชวนเหล่าแพทย์มาดื่มกันเพื่อที่จะทำงานได้ง่ายขึ้นซึ่งส่วนใหญ่แพทย์เหล่านั้นก็จะเป็นเหล่าแพทย์อาวุโส
แต่ทุกวันนี้เหมือนกลยุทธ์นี้จะใช้ไม่ได้ผลเพราะความสนใจของแพทย์อายุน้อยก็ดูเหมือนจะแตกต่างจากแพทย์อาวุโส เพราะพวกเขาพบว่าการสังสรรคมันไม่น่าสนใจอีกต่อไปสำหรับแพทย์รุ่นใหม่ อิทธิพลในการดื่มเดียวนี้เริ่มลดลงเช่นกัน
บอสเฉา กำลังดูนื้อที่วางอยู่เหนือเตาบาร์บีคิวก่อนที่จะคว้าไม้ค้ำของเขา ไม้ค้ำมันจะมีเสียงดังขณะที่เขาเดินไป
เมื่อถึงเวลาที่เขากลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ไม้ยันรักแร้ในมือของเฮียเฉาก็หายไป
“เฮียเอาไม่ค้ำไปไหน เอาไปฝากไว้ที่ไหน?” ซู่เจียฟูรู้สึกประหลาดใจ เขาหยิบบาร์บีคิวแล้วกินเข้าไปอีกสองไม้
“อ๋อ พอดีรถที่ชนหน้าร้านนะขาของเธอบวมขึ้นมาฉันเลยเอาไม่ค้ำให้เธอ” หลังจากที่เฮียเฉาพูดจบเขาเรียกคนงานคนหนึ่งและสั่งว่า “เอาไม้ค้ำของฉันอีกชุดด้านใต้นั้นมาสิ”
เวลานี้ซู่เจียฟูไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่มองเฮียเฉาอย่างประหลาด ทุกคนเองก็เป็นเช่นนั้น
“ทำไมคุณถึงมีไม้ค้ำสองชุด”
“สองอันจะพอเพียงได้อย่างไกรจำนวนผู้คนที่ย้ายเข้าและออกจากสถานที่นี้เยอะมากทุกวันผและมีผู้คนจะประสบอุบัติเหตุอย่างมากมายไม้ค้ำพวกนี้ก็เป็นเหมือนร่ม ” เฮียเฉาพูดสนับสนุนตัวเองกับโต๊ะและพูดว่า “เมื่อฉันซื้อไม้ค้ำครั้งสุดท้ายฉันทำการคำนวณบางอย่างหนึ่งไม้ค้ำมีค่าใช้จ่าย 35 หยวนและถ้าซื้อสิบชุดพวกมันเป็นมีราคา 150 หยวนดังนั้นฉันควรซื้อชุดเดียว หรือสิบไม้ดีล่ะ “
ซู่เจียฟูอยู่ในความมึนงง เขาตะโกนว่า “แน่นอนคุณควรจะซื้อไม่ค้ำแค่ชุดเดียว! คนบ้าที่ไหนจะซื้อไม้ค้ำตั้งสิบชุดแม้ว่ามันจะถูกกว่าการซื้อชุดเดียวก็ตาม!! เฮียเป็นจายหวนหรอที่จะต้องพกไม้เท้าไปทุกที่?!”
“ทำไมจายหวนถึงมีไม้ค้ำถึง 10 ชุดกัน?” หยูหยวนไม่เคยเบื่อที่จะค้นหาความจริง
ซูเจียฟูเหลือบมองมาที่เธอแล้วพูดว่า “เพราะเธอใช้มันไว้ตีคนไง”
“เอะครอบครัวของเธอยากจนหรอทำไม ไม้ค้ำซื้อไม้ดีๆไปเลยล่ะ” หยูหยวนยังคงถาม
“จริงแล้วเธอใช้ไม้ค้ำของเธอเป็นอาวุธนะ”
“จริงๆแล้วเธอเองก็พึงรู้ว่าเมื่อไม้ค้ำหักจะทำให้อาการของเธอดีขึ้น เพราะเธอได้เอาไม้ค้ำไปตีใส่คนๆหนึ่งตอนนั้นมันยังไม่ถึงกับหักเพียงมีอาการของรอยร้าวแต่เนื่องจากไม้ค้ำที่เธอใช้นั้นแข็งแรงมาก แต่หลังจากที่มีหักหลังจากที่เธอใช้มันอาวุธก็ทำให้เธอเริ่มมีอาการดีขึ้น”
“ มีส่วนหนึ่งในละครที่เธอออกไปการสู้รบตอนอายุแปดสิบสามใช่มั้ย มันอันตรายมากสำหรับหญิงแก่อย่างเธอเพราะเธออาจจะล้มหัวฟาดพื้นได้”
“มันจะลำบากมากถ้ากระดูกเชิงกรานหัก แพทย์ในสมัยโบราณจะไม่สามารถรักษามันได้ เพราะความก้าวหน้าในการรักษาในยุคนั้นยังไม่ได้ดีมาก”
“ มันจะไม่ดีไปกว่านี้หากกระดูกสะบ้าหัวเข่าหักเช่นกันฉันสงสัยว่าพวกเขารู้วิธีใช้เฝือกในเวลานั้นได้ยังไง แถมอัตราการฟื้นตัวของหญิงชรานั้นก็ช้ามาก”
“แต่อัตราการฟื้นตัวของเฮียเฉาค่อนข้างดี”
จากนั้นทุกคนก็มองไปที่เฮียเฉา
เฮียเฉาถอนหายใจและพูดว่า “หมออย่างคุณไม่รู้หรอกว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในปัจจุบันมันเท่าไรกัน เพราะคุณไม่ต้องจ่าย 150 ดอลล่าร์สำหรับไม้ค้ำสิบชุดด้วยราคาเท่านี้ฉันจะไม่ซื้อมันได้อย่างไรกัน จริงๆแล้วก่อนการรักษาฉันคิดว่าพวกมันเป็นของสิ้นเปลือง อีกทั้งหลังซื้อมันมาฉันก็เอาไปแจกเป็นของขวัญตั้ง 5 ชุด มันก็เหมือนร่มแหละใครกันจะรู้ว่าฝนจะตกตอนไหน ถึงยังไงมันก็ต้องได้ใช้แน่ๆ”
“คุณให้ไม้ค้ำเป็นของขวัญหรอเนี่ย จะบ้าไปแล้ว?” ทุกคนส่ายหัว
เทียนฉีตื่นเต้นมากเมื่อเธอฟังการสนทนานี้ จากนั้นเธอได้พูดคุยกับหลิงรันว่า “บทสนทนาระหว่างแพทย์เช่นคุณเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเดียวตอน ฉันกลับไปฉันจะแนะนำครอบครัวของฉันให้เตรียมร่มไว้ รวมถึงไม้ค้ำอยู่หน้าทางเข้าหลักของโรงแรมของเรา”
ซู่เจียฟูเหมือนจะตกใจและหันไปมองเทียนฉี
เฮียเฉาเสิร์ฟเนื้อย่างกับซีดาร์เกลือ
เนื้อแกะนั้นมีน้ำหนักประมาณ 1.1 ปอนด์และเนื้อชิ้นทุกชิ้นมีขนาดเท่ากับวอลนัท ชั้นนอกมีสีของคาราเมลคั่วอยู่แล้ว เนื่องจากมีข้อ จำกัด ว่าเกลือซีดาร์น้ำหนักเท่าไหร่ที่สามารถรองรับได้เมื่อพวกมันจับกับเนื้อ เนื้อก็สั่นเล็กน้อย
เฮียเฉา คว้าไม้เสียบหนึ่งอันและกินเนื้อชิ้นหนึ่ง เขาเคี้ยวมันอย่างดุดันด้วยฟันของเขาและยิ้มด้วยความพอใจ หลังจากที่เขากลืนลงไปแล้วเขาก็พูดกับคนอื่นที่กำลังน้ำลายไหลอยู่”หลังจากที่ ‘เมนูกัดประเทศจีน‘ โดยที่เมนูนี้มันพิเศษกว่าเมนูเนื้อแกะมากเพราะมันมีการโรยเกลือลงไปเยอะกว่า
“คุณนี้เชียวชาญจริงๆ” แพทย์ยกนิ้วให้ เพราะเนื้อที่อยู่ในมือของเฮียเฉา พวกเขาจึงต้องแสดงการสนับสนุนต่อสิ่งที่เขาพูดเพื่อพวกเขาจะได้ทานเนื้อที่อยู่ในมือนั้น
เมื่อเ พอใจในฮียเฉาความต้องการของเขาในการพูดเขากล่าวว่า “พวกคุณควรค่อยๆกินมันนะ อย่าทานชิ้นใหญ่เกินไปและแบ่งๆกันกิน และสำหรับผู้หญิงฉันแนะนำให้ทานิ้นเล็กๆเพราะถ้าชิ้นใหญ่ไปรชาติที่ฉันมักเนื้อเหล่านี้มันจะได้รสชาติที่แย่! “
หยูหยวนและเทียนฉีพยักหน้าด้วยกันก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะหยิบเนื้อจากไม้เสียบด้วยตะเกียบ ก่อนที่จะทานพวกมัน
“รสชาติดีใช่มั้ย” เฮียเฉาเช็ดปากและพูดว่า “คุณจะได้รับความอ่อนโยนของเนื้อเมื่อคุณกินเนื้อชิ้นเล็ก ๆ นั่นคือเหตุผลที่คุณต้องหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ไฟปรุงอาหารต้อแรง เวลาใส่เครื่องปรุงและมันเป็นสิ่งที่ดีที่จะเสิร์ฟบนโต๊ะมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อคุณต้องการปรุงอาหารด้วยเนื้อชิ้นใหญ่ของเนื้อ ความฉ่ำของเนื้อเป็นสิ่งสำคัญที่สุดดังนั้นชั้นนอกควรจะต้องมองออกแล้วเกรียมในขณะที่ชั้นในควรจะนุ่มซึ่งหมายความว่าคุณต้องการให้เนื้อข้างนอกกรอบในขณะที่มันมีรสชาติที่นุ่มละมุนในคำอื่น ๆ คุณจะรู้ว่าคุณคั่วเนื้อสัตว์ด้วยความชุ่มฉ่ำของเนื้อหลังจากการกัดครั้งแรก ดังนั้นหากเนื้อต้องใช้ไฟแรงในการปรุงอาหารจะต้องชิ้นต้องเล็กกว่านี้ และคุณต้องใช้ถ่านเพื่อที่คุณจะได้ย่างช้าๆ ไม่จำเป็นต้องปรุงรส สามารถทานเนื้อสัตว์ได้ด้วยเกลือและพริกไทย หากคุณต้องการรสชาติที่เข้มข้นขึ้นคุณอาจเพิ่มยี่หร่าเล็กน้อย แต่มันไม่จำเป็นสำหรับสิ่งนั้น “
ตาของเทียนฉีเปล่งประกายขณะที่เธอกินเนื้อ หลังจากที่เธออ่านจบเธอมองดูหลิงรันด้วยสายตาที่น่าเต็มไปด้วยความสสลดใจในสายตาของเธอ “หมอหลิงทำไมเราไม่ทานไม้เดียวกัน”
หากเสียบเนื้อแต่ละชิ้นพร้อมคั่วซีดาร์เกลือหนัก 1.1 ปอนด์และทุกคนสามารถทานได้แค่หนึ่งไม้ และในวันนี้ปารี้จะสิ้นสุดทันทีหลังจากที่พวกเขากินเสร็จ หลิงรันยังเป็นห่วงว่าเขาจะกินอาหารที่เลี่ยนมากเกินไปดังนั้นเขาจึงวางไม้ส่วนที่เหลือลงบนจานของเทียนฉี และพูดว่า “ที่เหลือเป็นของคุณทั้งหมด”
“ นั่นมากเกินไปฉันแค่ต้องการอีกชิ้นฉันเหลือให้อีกสองอันไว้สำหรับคุณ” เทียนฉีใช้ตะเกียบของเธอหยิบชิ้นเนื้อที่ด้านบนของไม้เสียบ แต่เธอก็ไม่ทำเช่นนั้น อาจเป็นเพราะเนื้อเริ่มเย็ลงเล็กน้อย ดังนั้นเทียนชิจึงโยนตะเกียบของเธอและใช้มือในการดึงเนื้อแทน จากนั้นเธอก็ส่งเนื้อย่างอีกสองชิ้นที่เผาซีดาร์เกลือให้หลิงรัน
เทียนฉีเอาเบียร์มาจิบหนึ่งแล้วกินเนื้อแกะชิ้นใหญ่ ตอนนี้เธอรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ
หยูหยวนที่นั่งถัดจากซูเจียฟู ซึ่งซูเจียฟูก็พูดกับเธอว่า “ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังอยู่”
“หนังเรื่องอะไร?” เมื่อหยูหยวนหันไปก็เหมือนว่าเธอจะกลับมาสนใจอีกครั้ง
“ลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวยกำลังกินบาร์บีคิวสิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นฉากจากภาพยนตร์หรือป่าว?” ซูเจียฟูส่งสัญญาณเล็กน้อยด้วยสายตาของเขา
“โอ้…” หยูหยวนหล่ายตาลง
“ตอนนี้คุณคิดอะไรอยู่? ในฐานะที่เป็นนักวิสัญญีแพทย์ซูเจียฟู่มักถูกมองข้ามอยู่เมอ แต่เขาไม่สามารถทนต่อการถูกเพิกเฉยได้อีกต่อไปเมื่อเขาเป็นคนที่จัดการปาร์ตี้บาร์บีคิวนี้ขึ้นมา
หยุหยวนตอบอย่างจริงจังว่า “ฉันกำลังคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้”
“หญิงสาวที่ล้มลงมา? มันเป็นความผิดพลาดจริงๆหรอ?”
“ไม่เธอก็แค่ข้อเท้าแพลง ฉันกำลังคิดถึงไม้ค้ำ” หยูหยวน ไตร่ตรองและพูดว่า “ฉันคิดว่าเธอจายหวนใช้ไม้ค้ำหัวมังกรมันเป็นแค่ไม้ค้ำที่สามารถตีจฮ้องเต้ที่ไร้ความสามารถและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ชั่วร้ายใช่ไหม และไม้ค้ำจะหักแบบนั้นได้อย่างไร … “
“เฮียเฉา ขอเนื้อห้าไม้”ซูเจียฟู่ ตะโกนทันที
หยูหยวนยังไม่ทันจะพูดจบและจนสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเหมือนคนท้องผูก เธอมองไปทางซ้ายจากนั้นไปทางขวาก่อนที่จะคุยกับเทียนฉีที่กำลังดื่มเบียร์และกินเนื้อย่างอยู่ “เธอไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะมาเป็นคนขับรถรับจ้างตั้งแต่แรกอยู่แล้วใช่ไหม เพราะถ้าเธสามารถดื่มเหล้าได้แสดงว่าเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาขับรถอยู่แล้ว”
“ฮะ?” มือของเทียนฉีแข็งในทันที่ ขณะที่ในมือเธอถือเบียร์อยู่