Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 351
ในวันที่สามหลังการผ่าตัดหัวหน้าหวังได้กายภาพหัวเข่าของเขาอย่างเช่นเคย
และในตอนเช้าของวันที่สี่หลังจากหลิงรันเข้ามาตรวจร่างกายของเขาอีกครั้งเขาพูดว่า“ จริงแล้วตอนนี้คุณอาจเริ่มใช้ไม้ค้ำได้แล้วนะครับ”
นายหวังตกใจมากและรีบถามว่า“ ฮะ! ฉันสามารถเดินได้ทันทีหลังการผ่าตัดเลยหรอ? จะไม่มีปัญหาอะไรเลยหรอ?”
“ไม่มี เพราะมันผ่านมาถึงสามวันแล้วหลังการผ่าตัด” หลิงรันพูดให้กำลังใจเขา
หมอเหลียนยังกล่าวอีกว่า“ จริงๆแล้วผมเห็นผู้ป่วยที่ยังหนุ่มๆของโรงพยาบาลหยุนหัวเริ่มเดินได้ตอนวันที่สามหลังการผ่าตัด แต่ถ้าให้ผมแนะนำคุณควรพักอีกวัน เพราะด้วยอายุของคุณแล้วน่าจะเป็นการที่ดีกว่า”
หัวหน้าหวังมองหมอเหลียงแปลกๆ เนื่องจากเขารู้ว่าแพทย์ทั่วไปนั้นมักจะใช้มาตฐานการรักษาเดิมๆมาแนะนำเขาอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าหมอเหลียงจะพูดตัดหน้าหลิงรันเช่นนี้
ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของหมอเหลียงจะดูสงบนิ่งอยู่ก็ตาม
จริงๆแล้วงานหลักของเขาคือการดูแลสุขภาพของหัวหน้าหวัง เมื่อไม่นานมานี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลหยุนหัวเพื่อตรวจดูการฟื้นตัวของหัวหน้าหวังและเพื่อดูการผ่าตัดของหลิงรันและสังเกตผู้ป่วยของหลิงรันหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น …
ในสายตาของแพทย์ในโรงพยาบาลช่องว่างระหว่างการรักษาและคุณภาพการรักษาของหลิงรัน และ แพทย์คนอื่นๆนั้นมันแตกต่างกันเกินไป
ซึ่งช่องวางแบบนี้ทำให้แพทย์ธรรมดานั้นรู้สึกได้ แต่ไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง
ในมุมมองของหมอเหลียนเขาสามารถอธิบายได้อย่างแม่นยำว่า ‘อะไรนะ!‘
เมื่อเขาแนะนำหัวหน้าหวังให้มาที่โรงพยาบาลหยุนหัวหมอเหลียนตรวจโรงพยาบาลหยุนหัวและหลิงรันอย่างระมัดระวัง แต่การการสำรวจในครั้งนี้ก็ทำได้เพียงผิวเพินเพียงเท่านั้น
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหมอเหลียนใช้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันในโรงพยาบาลเพื่อติดต่อผู้ป่วยแพทย์และพยาบาล นี่คือสิ่งที่ทำให้เข้าใจบางอย่าง อย่างลึกซึ้ง
อาจพูดได่ว่าถ้าให้คะแนนความเก่งในตัวหลิงรันสำหรับหมอเหลียงก่อนที่จะพาหัวหน้าหวังเข้ารับการรักษา เขาให้คะแนนไว้อยู่แล้ว 80 คะแนน แต่หลังจากการผ่าตัดคะแนนตอนนี้อาจพุ่งไปถึง 90 คะแนนแล้ว
ในฐานะแพทย์ที่ฝึกฝนมาเกือบยี่สิบปีแล้วหมอเหลียนก็กล้าที่จะพูดได้ว่าหลิงรันอาจเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องในการรักษาข้อเข่าเทียมที่ดีที่สุดในประเทศจีน
หนึ่งในเหตุผลที่เขาพูดว่าหลิงรันเป็นแพทย์ที่ดีที่สุดในประเทศจีน นั้นเขาจะไม่เอาเรื่องอายุมาเป็นตัวตั้งเพราะมันดูค่อนข้างไร้เหตุผลที่จะบอกว่าหมอที่อายุมากกว่านั้นไม่มีทักษะที่ดีกว่า ถ้าพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าหลิงรันนั้นยังเด็กและมีทักษะในระดับนี้อยู่แล้ว
แต่เท่าที่หมอเหลียนรู้ หลิงรันเป็นแพทย์เพียงคนเดียวที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดนั้นได้ในตอนนี้
ตอนนี้ความคิดและอารมณ์ของหมอเหลียงค่อนข้างขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก
ซึ่งต่างจากหัวหน้าหวังที่คิดง่ายๆเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
ด้วยความช่วยเหลือของนักกายภาพบำบัดเขาจึงจับไม้ค้ำและลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เขาเหยียบลงบนพื้นเขาก็รู้สึกประหม่าแต่กับมีความสุข
หัวหน้าหวังก้าวไปข้างหน้าอย่างง่ายดาย
ทั้งหมอเหลียนและวังฮุ่ย จ้องไปที่หัวหน้าหวัง
หัวหน้าหวังเองก็เริ่มกังวล มันอาจจะเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ สำหรับคนอื่น ๆ แต่มันก็เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับตาเฒ่าอย่างเขา
“ มันไม่เจ็บเลย!” หัวหน้าหวังพูดด้วยน้ำสียงสั่นเทา
หัวหน้าหวัง ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวจากนั้นก็อีก หลังจากนั้นเขาพูดซ้ำ“ ไม่เจ็บแล้ว”
การที่สามารถเดินได้หลังการผ่าตัดเพียงสามวันนั้นโดยไม่มีความเจ็บปวดใดๆนั้นหาได้ยากมาก
หัวหน้าหวังลังเลที่จะเข้ารับการผ่าตัดทั้งหมดนี้เพราะเขาไม่ไว้วางใจในการผ่าตัดและกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา
คนที่อายุเจ็ดสิบปีจะมีปัญหาเกี่ยวกับผลการผ่าตัดที่จะตามมาอย่แล้ว ปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไข แต่ปัญหาบางอย่างอาจไม่สามารถแก้ไขได้
จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้สูงอายุจะสามารถเดินได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ หลังการผ่าตัด
นักกีฬาระดับเยาวชนบางคนเมื่อตอนที่พวกเขาได้รับผ่าตัดลูกสะบ้า หลังการผ่าตัดเขาก็ไม่สามารถเดินได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกทีหัวหน้าหวังนั้นจะคิดว่าตาเฒ่าอย่างเขาจะสามารถเดินได้ แต่มันกับเป็นจริงไปแล้ว
หัวหน้าหวังลองก้าวอีกสองก้าวและเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างกว่าที่เคย
หมอเหลียนเองก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันที เขายกนิ้วให้หลิงรัน
หลิงรันได้รับหีบสมบัติคำขอบคุณที่จริงใจของเขาอย่างจริงใจจากหัวหน้าหวังสำหรับเขาฉากต่อหน้า มันไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่คาดหวังจากการผ่าตัดขั้นพื้นฐาน
ตราบใดที่อาการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนสำหรับอาการบาดเจ็บที่ลูกสะบ้าด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าในระดับที่สมบูรณ์แบบของเขา อาการปวดข้อเข่าเทียมของผู้ป่วยสามารถบรรเทาลงได้อย่างมากแน่นอน
เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงกว่าจากมุมมองทางการแพทย์อาการบาดเจ็บลูกสะบ้าของหัวหน้าวังนั้นง่ายต่อการผ่าตัดมาก และ ไม่สามารถเอาไปเป็นหัวข้อวิจัยได้
ด้วยความช่วยเหลือของหมอกายภาพหัวหน้าหวังเสร็จสิ้นการฟื้นฟูหนึ่งรอบ จากนั้นเขาก็นั่งลงเพื่อเช็ดเหงื่อ จากนั้นเขาพูดกับหลิงรันอย่างจริงจัง“ หมอหลิงขอบคุณมาก”
วังฮุ่ยหลานสาวของหัวหน้าวังกล่าวอีกว่า“ หมอหลิงขอบคุณมากค่ะ”
“ ผมแค่ทำงานของผม” หลิงรันบังคับตัวเองให้ยิ้ม
เขายังไม่คุ้นเคยกับฉากเหล่านี้เล็กน้อย
มีผู้ป่วยไม่มากที่จะขอบคุณแพทย์ที่พบเจอในโรงพยาบาล หลิงรันได้ลดโอกาสในการปรากฏตัวต่อหน้าผู้ป่วยและครอบครัวอย่างจงใจเพราะเขาไม่ต้องการจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้
หัวหน้าหวังมองที่หลิงรัน และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม น้ำเสียงของเขาเบาลง เขาพูดว่า“ คุณหมอหลิงคุณเข้าใจไหมว่าคุณเก่งแค่ไหน”
“เก่งหรอ?” หลิงรันรู้สึกว่าความมหายของคำนี้มันกว้างเกินไป
“ แล้วคุณวางแผนชีวิตของคุณในอนาคตไว้ว่ายังไงบ้าง” หัวหน้าหวังและหลิงรันเริ่มคุ้นเคยกันเป็นเวลาสองสามวันและหัวหน้าหวังก็คุ้นเคยกับหลิงรันขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถามคำถามนั้นเบา ๆแก่เขา
หลิงรันคิดสักครู่แล้วพูดว่า“ ผมต้องการเขียนรายงานการวิจัยของผม ก่อนแล้วจึงเผยแพร่ แล้ว…หาวิธีที่จะเพิ่มเตียงในโรงพยาบาล”
หัวหน้าหวังถึงกับพูดอะไร ไม่ออกเขาได้แต่หัวเราะ “แค่นั้นแหละ?”
หลิงรันพยักหน้าและก่อนที่พวกเขาจะได้มีโอกาสพูดคุยอีกเล็กน้อยประตูห้องถูกผลักเปิด
“ พ่อ! พ่ออาการเป็นยังไงบ้าง” วังเวิงกังมีผลไม้ในมือของเขาและเขาแสดงออกอย่างผ่อนคลายบนใบหน้าของเขา
หัวหน้าหวังพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“ ฉันเพิ่งเดินไม่กี่ก้าว ตอนนี้ร่างกายฉันดีขึ้นล่ะ ไม่มีปัญหา”
“ อะไรนะพ่อลงมาเดินแล้วหรอ?” วังเวิงกัง ประหลาดใจ
หัวหน้าหวังพยักหน้าอย่างใจแคบ “ ฉันเดินช้าๆพร้อมกับไม้ค้ำมันออกมาได้ดีที่เดียว.”
วังเวิงกัง ส่งเสียงพึมพัมและอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ“ โอ้ ฉันไม่ได้เห็นก้าวแรกที่พ่อเดินเลย”
หัวหน้าหวังมองมาที่เขาและพูดอย่างใจเย็น“ ฉันเองก็ไม่ได้เห็นหัวแกเหมือนกัน”
วังฮุ่ยหัวเราะจนเธอหายใจไม่ออก
หลิงรันรีบออกจากที่มีพ่อและลูกชายที่กำลังพูดคุยกัน เขากลับไปที่ห้องโถงเล็กเพื่อดูบทความที่ใช้ในการทบทวนวิจัยของเขา
หัวหน้าหวังรอครู่หนึ่งก่อนลุกจากเตียงอีกครั้งพร้อมกับไม้ค้ำของเขา เขาแสดงการพักฟื้นรอบที่สอง
วังเวิงกังดูตื่นเต้นมาก เขาตบหัวแล้วพูดว่า“ อ๋อใช่หมอเหลียน วันนี้เพื่อนของผมแนะนำแพทย์ให้ผมและบอกว่าเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอกิลส์ เขายังเด็กมากและชื่อของเขาคือเหว่ยเจียนโย้ คุณรู้จักชายคนนี้หรือไม่”
“รู้จัก.เหวยเจียนโย้ เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ในวงการแพทย์ในเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้เขาอาจจะได้รับการสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ” หมอเหลียนกล่าวว่า“ เขาเริ่มจากการทำศัลยกรรมหัวใจและต่อมาก็เริ่มสนใจในการผ่าตัดส่องกล้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเขียนบทความหลายเรื่องเกี่ยวกับการส่องกล้องและการส่องกล้องดูเหมือนจะยอดเยี่ยมมาก”
“ ใช่นั่นแหละเขา” วังเวิงกังพยักหน้ายืนยันและกล่าวว่า“ เพื่อนของผมบอกผมว่าเหวยเจียนโย้ เพิ่งกลับมาจากอังกฤษ คุณต้องการให้พ่อของผมพบเขาเพื่อตรวจสุขภาพหรือไม่?”
แม้ว่าวังเวิงกัง กำลังพูดกับหมอเหลียนเขาก็มองพ่อของเขา
หัวหน้าหวังก็มีสีหน้าไม่แยแส“ ถ้าแกอยากไปเจอเขาแกก็ไม่ตรวจด้วยตัวเอง เกิดอะไรขึ้น แกอยากให้ฉันช่วยแกขอส่วนลดการรักษาหรือยังไงกัน?”