Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 386
“หมอหลิงเราจะไปเยี่ยมคนไข้ก่อนหรือไปที่ห้องผ่าตัดก่อนดี” ผู้อำนวยการเดินอยู่ด้านหลังหลิงรันก่อนจะถามหลิงรันด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตร
“ ต้องขอโทษด้วยผมจะไม่ทำหน้าที่อื่น นอกเหนือจากในห้องผ่าตัดเท่านั้น” หลิงหรันตอบอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่พวกเขาพูดหวางเหมาชิและหัวหน้าของเขาของเขาเสี่ยวหยิง ได้เดินออกมาจากรถด้านหลังของหลิงรันและวิ่งเหยาะๆตามหลิงรันไป
เมื่อพูดถึงแพทย์และตัวแทนขายา ตัวแทนขายยาจะมีความเข้าใจในเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ดีกว่าแพทย์ที่ใช้อุปกรณ์อยู่ประจำ แน่นอนว่าตัวแทนขายยามืออาชีพอย่างเช่น หวางเหมาชิที่อาศัยใบหน้าที่น่ารักของเขาเพื่อทำงานต่างๆให้สำเร็จทำนั้นยินดีที่จะจัดสรรอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆให้กับหลิงรันอยู่แล้ว
นอกเหนือจาก เสี่ยวหยิง และหวางเหมาชิ แล้วก็ยังมี หยูหยวน และ นางพยาบาลหวังเจีย ก็ติดตามพวกเขาเข้าเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วย
พวกเขาทำงานในห้องผ่าตัดมาหลายปีแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่แน่ใจทั้งหมดเกี่ยวกับการตั้งค่าอุปกรณ์ในห้องผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ แต่พวกเขาก็พอจะรู้ว่าควรจะทำอย่างไร
การแสดงออกทางสีหน้าของผู้อำนวยการโรงพยาบาลจากโรงพยาบาลที่สามนั้นดูไม่ดีเท่าไร แต่เขาก็หัวเราะเบา ๆ สองสามครั้งออกมา “ โรงพยาบาลของเรามีการผ่าตัดด้วยเช่นกันและมีมาตรการป้องกันที่แพทย์ของเรากำหนดไว้เสมอแม้ว่าคนอื่นจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ตาม และเราก็ได้แยกผู้ป่วยโรคติดต่อไว้แล้ว “
“คุณมีมาตรฐานของคุณและเราก็มีมาตรฐานของเรา ถ้าทุกอย่างมีมาตญานดีทำไมโรงพยาบาลประชาชนที่สามถึงมาหาเรา?” โจวซินเยียน หัวเราะเช่นกันในขณะที่เขาเข้าร่วมการสนทนา
“ มาตรฐานของเรายังมีชื่อเสียงในหยุนหัว”
“ถ้าอย่างนั้นมาตรฐานของศัลยแพทย์อิสระของที่นี้ต้องต่ำมาก” นี่เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของโจวซินเยียน
ตามที่คาดไว้ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลประชาชนที่สามนั้นเริ่มไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
ดังคำกล่าวที่ว่า “เมื่อคุณยอมรับน้ำใจของคนอื่นแล้วคุณต้องรับใช้พวกเขาอย่างเหมาะสม” ด้วยมาตรฐานปัจจุบันของ หลิงรัน เมื่อเขาทำการผ่าลตัดอิสระในสถานที่อื่น เขาจะได้รับเงิน 5,000 หยวน ถึง 10,000 หยวน ต่อเคสและเห็นได้ชัดว่าโรงพยาบาลที่จ้างเขาไม่ได้จ้างเขาให้ทำเพียงเคสเดียวได้ นอกเหนือจากตั๋วเครื่องบินบิสซิเน็ตคลาสแล้ว ในเรื่องอื่นมันต้องครอบคลุมด้วย สำหรับหลิงรันแล้วรายได้รวมของเขาจะอยู่ที่ 20,000 หยวน หรือ 30,000 หยวน หลังจากการผ่าตัดหนึ่งวัน
อย่างไรก็ตามหากหลิงรันไม่ได้รับงานเป็นศัลยแพทย์อิสระเหล่านี้ผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัวและได้รับการปรึกษาจากโรงพยาบาลตามมาตรฐานก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ได้รับเงินจำนวนมหาศาล และโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามตั้งอยู่ในหยุนหัวเช่นกัน นอกเหนือจากการให้รถสองสามคันมารับแล้วนั้น เงินช่วยเหลือที่พวกเขาให้สำหรับการผ่าตัดแต่ละครั้งนั้นมีค่าเพียง 500 หยวนต่อแพทย์ในแต่ละวันเพียงเท่านั้น จำนวนเงินนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยกับการรับงานจากโรงพยาบาลอื่นๆที่อยู่นอกเมือง
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทำหน้าตาเฉยเมยในขณะที่เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า“ ส่วนใหญ่เป็นเพราะคนไข้ของเราไม่ได้ร่ำรวยมากถ้าเราจะเก็บเงินจากพวกเขามากกว่านี้หลายคนก็อยากไปโรงพยาบาลอื่นและ…เรื่องนี้ผมเองก็ลำบากใจเช่นกัน… “เมื่อเขาใส่เมื่อโจวซินเยียนเห็นอย่างงั้นเขาไม่คิดว่าจะต่อรองเรื่องค้าจ้างใดๆอีก
“นี้เป็นเพราะหมหมอหลิงเต็มใจมากหรอกนะ” โจวซินเยียน ทำหน้ามุ่ย “จริงๆผู้อำนวยการแผนกฮวง ไม่ต้องการให้คำปรึกษานอกโรงพยาบาล คุณเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีสินะ?”
“ ผมเข้าใจว่าการที่หมอหลิงเต็มใจมานั้นมันเป็นเรื่องยากมาก ผมเองก็ขอขอบคุณหมอหลิงในนามของทั้งโรงพยาบาลและผู้ป่วยของโรงพยาบาลประชาชนที่สาม” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพล่งออกมาด้วยคำพูดที่น่ายินดี เมื่อโจวซินเยียนได้ยินอย่างงั้นก็ทำให้โจวซินเยียนเริ่มเหม็นขึ้หน้าผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนนี้ส่ะแล้ว
“ไปที่ห้องให้คำปรึกษากันเถอะผมต้องการหาข้อมูลสำหรับผลการสแกนของผู้ป่วยให้ครอบคลุมมากที่สุด” หลิงรันขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ซึ่งกำลังดุเดือด
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับห้องผ่าตัดอีกต่อไปและ โจวซินเยียนก็ไม่มีแรงที่จะพูดต่อ
โรงพยาบาลหลักในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกับสถานประกอบการในเมืองในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โรงพยายาบาลเหล่านี้ค่อนข้างทรุดโทรม และพร้อมที่จะถูกซื้อได้ตลอดเวลาเนื่องจากความสามารถในการแข็งขันที่น้อยนิดกับทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด
ซึ่งแตกต่างจากแพทย์ในโรงพยาบาลเกรด A โรงพยายาลทเหล่านั้นทุกแห่งมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับแผนการในอนาคตในการดำเนินกิจการของโรงพยาบาล: มีการทำแผนฝึกอบรมที่เป็นมาตรฐาน มีแพทย์ประจำบ้านร่วมกับแพทย์ทั่วไปและหัวหน้าแพทย์ร่วมถึงผู้นำทีมและหัวหน้าศัลยแพทย์สำหรับผู้ป่วยทำการผ่าตัดอิสระเพื่อ ซื้อวิลล่าแล้วถึงจุดสูงสุดของชีวิต
…
แน่นอนว่าแพทย์ในโรงพยาบาลขนาดเล็กเส้นทางความก้าวหน้าของอาชีพนั้นไม่มากนัก พวกเขาที่เลือกเดียวคือการพัฒนาทักษะของพวกเขาให้เก่งขึ้น และพวกเขาจะก้าวหน้าก็ต่อเมื่อพวกเขาอายุมากพอและขึ้นเป็นแพทย์ระดับอาวุโสของโรงพยายาล
ยิ่งคนอยู่ในโรงพยาบาลนานเท่าไหร่คน ๆ นั้นก็จะสามารถเห็นห่วงโซ่แห่งกดขี่ในวงการแพทย์ได้มากขึ้น ในที่สุดโรงพยาบาลหลักทุกแห่งจะเดินไปตามถนนแห่งการเรี่ยไรจากผู้ป่วยและสร้างรายได้มหาศาลจากจุดนั้น นี่เป็นเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่แพทย์จากโรงพยาบาลระดับขนาดเล็กจะได้รับความเคารพและสามารถอยู่รอดไปกับชีวิตการทำงานได้ถ้ามีผู้ป่วยมากเพียงพอ
โรงพยาบาลและแผนกที่มีผู้ป่วยเพียงพอจะได้รับการยกย่องจากแพทย์อาวุโสของโรงพยาบาลขนาดใหญ่เกรดเอแม้ว่าระดับของแพทย์จะไม่ดีก็ตาม
หากโรงพยาบาลหลักสามารถจ้างศัลยแพทย์อิสระได้ไม่เพียง แต่จะได้รับความสนใจจากแพทย์อาวุโสจากโรงพยาบาลระดับเกรด A เท่านั้น แต่ยังได้รับความโปรดปรานจากผู้ป่วยอีกด้วย จากนั้นพวกเขาจะเข้าสู่วงจรของการประจบสอพอ ในความเป็นจริงหากคำนวณค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมดของผู้ป่วยเมื่อโรงพยาบาลหลักจ้างศัลยแพทย์อิสระระดับสูงจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในราคาที่ผู้ป่วยสามารถจ่ายได้ต่ำกว่าการไปรักษาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วยตัวเองมันถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยดึงดูดผู้ป่วยได้มาก
แน่นอนว่าหากต้องการรับบริการทางการแพทย์ชั้นนำในประเทศจีนโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายใดสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือโรงพยาบาลเกรด A หรือโรงพยาบาลมหาลัยแพทย์ปักกิ่ง หากไม่สามารถรับการรักษาที่นั่นได้ก็จะต้องไปรับการรักษาจากโรงพยาบาลชั้นนำอื่น ๆ เท่านั้น
แต่ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะเพิกเฉยต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่มีต่อพวกเขา
การมีศัลยแพทย์อิสระระดับสูงจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ทำการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลขนาดเล็กเป็นประเด็นทางการแพทย์ที่มี อัตราส่วนราคาต่อประสิทธิภาพสูงที่สุดในประเทศจีน
เมื่อเทียบกับการจ่ายเงินหลายพันหยวนให้กับศัลยแพทย์อิสระแล้วค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาพยาบาลอื่น ๆ ในโรงพยาบาลหลักนั้นต่ำมากทำให้พวกเขาประหยัดเงินได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีประกันสุขภาพที่มีวงเงินจำกัด มันทำให้เห็นว่าผู้ป่วยจะจ่ายถูกลงและได้รับบริการที่ดีมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ที่โรงพยาบาลบุคคลที่สามถือได้ว่าพิเศษมาก
ในฐานะโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยโรคติดต่อมารักษาแม้ว่าผู้ป่วยจะมีเงิน แต่ก็อาจไม่จำเป็นต้องจ้างศัลยแพทย์อิสระระดับสูงเพื่อมารักษาพวกเขาก็ได้
ศัลยแพทย์อิสระส่วนใหญ่ได้รับคำเชิญมามากมายไม่สิ้นสุด พวกเขาไม่ต้องการเงินจากโรงพยาบาลเหล่านี้เลย หากพวกเขาทำผลงานได้ไม่ดีกับผู้ป่วยที่นั้นมันอาจส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของเขาเอง
กลับกันกรณีที่แพทย์ไม่ได้รับเชิญแพทย์ชั้นนำเหล่านั้นพวกเขาก็ยังคงชอบที่จะหยุดพักผ่อนที่บ้านและใช้เวลากับครอบครัวมากกว่า
ดังนั้นโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามจึงทำได้เพียงพยายามขอความช่วยเหลือจากศัลยแพทย์ผ่านขั้นตอนการปรึกษานอกโรงพยาบาลโดยการเชิญตัวมารักษาแบบเป็นทางการระหว่างข้อตกลงระหว่างโรงพยาบาลสองแห่ง
ในเวลานั้นหลิงรันพยายามตัวดูข้อมูลของผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดข้อเข่าเทียมให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้
ข้อมูลของผู้ป่วยจำนวนมากถูกวางไว้ในสำนักงานซึ่งถือว่าเป็นโอกาสได้ทบทวนข้อมูลต่างๆของผู้ป่วยไปในตัวด้วย
โจวซินเยียนนำรังสีเอกซ์ออกมาจากกองและแขวนไว้บนกล่องไฟตามลำดับ จากนั้นเขาก็จัดการสแกน MRI และแขวนไว้บนกล่องไฟด้วย
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฝ้าดูด้วยความงุนงง เพราะตอนที่เขาเป็นแพทย์ฝึกหัดและในขณะที่เขาเคยทำงานร่วมกับศัลยแพทย์หลายคนมาก่อนเขาไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้มาก่อน
หลิงหรันมองผ่านพวกเขาทีละคน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่เรียนรู้วิธีการอ่านการสแกนจากสถาบันทางการแพทย์จะทำได้ นี่เป็นเพียงผู้ที่มีการวิเคราะห์ผลการแสกนเอ็กซ์เรย์ ระดับสมบูรณ์แบบ และการวิเคราะห์ เอ็มอาร์ไอระดับปริญญาโทเท่านั้นที่จะทำได้
หลิงรันปรับลำดับของการสแกนเอ็มอาร์ไอและทำเช่นเดียวกันกับผลเอ็กซ์เรย์
จากนั้นหลิงหรันหยิบผบแกลนเอกซ์เรย์ออกมาสองแผ่นและพูดว่า “นำผลแสกนเอ็มอาร์ไอของผู้ป่วยมา”
โดยไม่ต้องรอให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตอบกลับ หลิงรันได้ทำการหยิบผลเอ็กซ์เรย์ออกมาสามแผ่นแล้วกล่าวว่า “อาการของพวกเขาไม่ค่อยเหมาะสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมโดยการส่งกล้อง”
หลิงรันบอกว่าผู้ป่วยไม่เหมาะกับการผ่าตัด มันเห็นได้ชัดว่ายากที่หลิงรันจะพูดคำนี้ออกมา หลิงรันจึงตัดสินใจให้ผู้ป่วยไปแสกนเครื่องเอ็มอาร์ไออีกครั้ง
“ปัญหาจากข้อเข่าอยู่ไกลกว่าลูกสะบ้า ปัญหาอื่น ๆ เช่นเอ็นของพวกเขาจะต้องได้รับการจัดการในเวลาเดียวกันระหว่างการผ่าตัดฉันไม่สามารถทำการผ่าตัดแบบนี้ได้” หลิงรันบอกจุดอ่อนของผู้ป่วยคนนั้นทันที
“ ย – คุณไม่จำเป็นต้องทำมันให้มันสมบูรณ์แบบ -” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดติดอ่างออกมา
“ ผมทำอย่างงั้นไม่ได้” หลิงหรันขัดจังหวะเขา
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้ แต่ก้มหน้าแล้วพูดว่า “ได้เลยผมจะไปอธิบายให้ผู้ป่วยฟัง”
หลิงรันพยักหน้าและอ่านการสแกนทางการแพทย์รวมถึงเวชระเบียนต่อไป
เขามักจะต้องเห็นผลการสแกนทางการแพทย์ก่อนที่จะทำการผ่าตัด
… ..
ณ ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน หยุนหัว
หมอลู่ตอนนี้มีความสุขเหมือนกับห่านที่ได้เรียนรู้วิธีบินได้แล้ว
เขาส่งตีนหมูไปยังหอผู้ป่วยในศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินตึกผู้ป่วยในและต่อมาที่ชั้นผ่าตัด
ต่างจากแพทย์คนอื่น ๆ จากแผนกฉุกเฉินเขาไม่จำเป็นต้องสแตนด์บายในห้องกู้ชีพหรือห้องรดูอาการตลอดเวลา หลังจากที่หลิงรันจากไปก็ไม่มีการผ่าตัดเหลืออยู่อีกเลย
เป็นเวลานานแล้วที่ หมอลู่ไม่ได้มีความสุขกับประสบการณ์การทำงานโดยไม่มีเจ้านายอยู่เช่นนี้
ตอนที่ผู้อำนวยการฮวงเป็นเจ้านายของเขา ผู้อำนวยการฮวงจะออกไปประชุมเป็นครั้งคราว หลังจากที่หลิงหรันรับหน้าที่เป็นเจ้านายของหมอลู่ หมอลู่ก็ไม่มีเวลาพักผ่อนมากนักเพราะโดยปกติแล้วเขาจะต้องเดินทางไปผ่าตัดอิสระกับหลิงหรัน และมักจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หมอลู่จึงไม่ค่อยมีเวลาพักสักเท่าไรในระหว่างการเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ครั้งสุดท้าย
หมอลู่เองก็เอาขาหมูและกินมันในขณะที่เขาร้องเพลง“ มาเรียนแมวเหมียวเหมือนแมวกันเถอะฉันจะทำตัวน่ารักต่อหน้าเธอ…อ๊ากอุ๊ย…อาอะไรกัน… ฮิ้ว?”
หมอลู่กัดไปรอบ ๆ ขาหมูก็คลายออกและขาหมูที่เขากินก็ล่นลงกับพื้น เมื่อพิจารณาแล้วมันก็ไม่น่าเก็บขึ้นมาทานต่อได้
หมอลู่รู้สึกเสียดายจนแทบร้องไห้ เขาไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่ทางเดินในโรงพยาบาลได้รับการฆ่าเชื้อเมื่อใด ถ้ามันเพิ่งผ่านการฆ่าเชื้อเขาอาจจะยังกินขาหมูที่ตกลงไปได้…
“มีคนไข้บาดเจ็บเส้นเอ็นกล้ามเนื้อหลิงหรันกำลังทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลประชาชนที่สามหมอนั้นน่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว นายเลยทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้ได้สินะ” เสียงของผู้อำนวยการฮวง ดังมาจากด้านบนและ หมอลู่ก็ตกใจมากจนตัวสั่น
“ ผมจะ…ผมจะต้องไปเป็นแพทย์อิสระในการผ่าตัดเทคนิคเอ็มถังอย่างงั้นหรอ?” หมอลู่ล่ะความสนใจจากเนื้อตุ๋นที่มันเยิ้มไปและเขาไม่สามารถได้กลิ่นหอมอร่อยของหมูตุ๋นอีกต่อไป
ผู้อำนวยการฮวงพยักหน้าอย่างจริงจังและกล่าวว่า “หลิวรันบอกว่า นายรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคเอ็มถังถึงสามร้อยเคสกับเขาแล้วและแทนที่จะย้ายผู้ป่วยไปรับการเย็บแผลธรรมดาในแผนกศัลยกรรมมือจะเป็นการดีกว่า ถ้าผู้ป่วยเหล่านั้นมารักษากับนาย “
“รับทราบครับผมจะรับเคสพวกนั้นไว้เอง!” หมอลู่ไม่กล้าปฏิเสธสิ่งที่ผู้อำนวยฮวงเสนอให้เขา เพราะเขากลัวว่าเขาจะเสียโอกาสดีๆอย่างงี้ไป