Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 388
หลิงหรันจ้องไปที่หน้าจอแสดงผลเหนือเตียงผ่าตัด เมื่อเขาผ่าตัดเสร็จและออกจากห้องผ่าตัดเขาก็พูดว่า “ไปพักผ่อนสักพักนะ”
“ โอเคได้พวไปพักหน่อยก็ดีเหมือนกัน” คนที่รออยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดคือผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมสำหรับผู้ป่วยโรคติดเต่อจากโรงพยาบาลประชาชนที่สาม เขาพยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนี้พวกเขามีห้องผ่าตัดเหลือเพียแค่งสองห้องเท่านั้น เพราะห้องผ่าตัดที่อยู่ด้านหน้าเพิ่งถูกล็อคเพื่อฆ่าเชื้อโรคไปและยังไม่ได้ทำการสุ่มตัวอย่างอากาศเพื่อสำรวจสิ่งตกค้างที่อยู่ในห้องเลย โรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามไม่เคยคิดว่าศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลหยุนหัวนั้นจะสามารถทำการผ่าตัดได้รวดเร็วขนาดนี้
หยุนหัวนั้นค่อนข้างเป็นเมืองที่ร่ำรวยมีประชากรเกือบสิบล้านคน สิ่งนี้ทำให้การก่อสร้างเมืองโดยเฉพาะการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคติดต่อได้รับการจัดตั้งขึ้นในขนาดที่เกินความจำเป็นในปัจจุบันเช่นกัน แม้ว่าภาควิชาศัลยศาสตร์สำหรับผู้ป่วยโรคติดต่อของโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามที่นี้ก็ถือว่าเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีผ่าตัดมากถึงถึง 11 ห้อง ถึงแม้ว่าที่นี้อาจเป็นเพียงโรงพยาบาลเกรด B เท่านั้นแต่เป้าหมายของพวกเขาคือการเป็นโรงพยาบาลเกรด A
แน่นอนมันเป็นเพียงเป้าหมาย ตอนนี้สิ่งที่ทางโรงพยาบาลเกรดบีต้องทำก็แค่การจัดหาเงินเพื่อมาซื้ออุปกรณ์ให้พร้อมกับการรักษาเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างแผนกศัลยกรรมที่มีมาตรฐานสูงสำหรับผู้ป่วยโรคติดต่อขึ้นและยกระดับตัวเองให้กลายเป็นโรงพยาบาลเกรด A
จนถึงขณะนี้โรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามนี้ทำได้เพียงเชอญแพทย์อิสระมาช่วยในการผ่าตัดส่วนใหญ่สำหรับผู้ป่วยที่ทางโรงพยาบาลรับไว้ ซึ่งการทำเช่นนี้มันทำให้แพทย์ที่ประจำอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้พลาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง และทำให้พัฒนาการของเหล่าแพทย์ทั้งหลายในฝีมือช้าลงไปด้วย
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสองสามคนที่ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดมีความคิดที่แตกต่างกันขณะที่พวกเขาเฝ้าดูหลังของหลิงหรัน “หมออย่างหมอหลิงเทียบได้กับการมีหมอสิบคนอยู่ในโรงพยาบาลเลยนะเนี่ย” แม้ว่าเครื่องมือการผ่าตัดและพื้นที่ในการผ่าตัดจะคับแคบ แต่เหมอคนนี้ก็สามารถทำผลงานออกมาได้ดีเลย”
อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา พวกเขายังรู้ถึงผลเสียของแผนกศัลยกรรมสำหรับผู้ป่วยโรคติดต่อ เพราะมันเป็นเรื่องยากมากที่จะจ้างแพทย์ผู้เชียวชาญระดับสูงมากประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลโดยให้ค่าแรงเท่ากับค่าแรงปกติของแพทย์ทั่วไป
หลิงหรันมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำ เขาล้างร่างกายอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เขานำมาเองก่อนจะขัดถูให้สะอาดและเขาก็นั่งรอในห้องขณะที่รู้สึกสดชื่น
‘เปิดหีบสมบัติ‘ หลิงรันรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งถ้วยและดื่มให้หมดในคราวเดียว
หีบสมบัติสีเงินสีขาวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
โดยไม่จำเป็นต้องให้หลิงหรันทำอะไรหีบสมบัติก็เปิดออกอย่างช้าๆ หนังสือทักษะสีเงินเปล่งประกายพุ่งออกมา
[ทักษะการช่วยชีวิตหัวใจและปอด (ระดับที่สมบูรณ์แบบ)]
มือของหลิงหรันที่เดินไปข้างหน้าเพื่อรินน้ำอีกแก้ว เขาก็หยุดลง
การช่วยชีวิตหัวใจและปอด (CPR) เป็นทักษะสำคัญในการปฐมพยาบาลในยุคปัจจุบัน
หากเป็นในสมัยโบราณผู้ป่วยที่สูญเสียการหายใจหรือการเต้นของหัวใจ การที่จะทำให้ผู้ป่วยนั้นฟื้นขึ้นมาได้ก็คือการทำ CPR ก็จะทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมาได้
แน่นอนว่าในยุคปัจจุบันผู้คนรอดชีวิตจากการใช้การทำ CPR มากขึ้น
หลิงหรันเองก็สนใจทักษะนี้มาโดยตลอด แต่เขาไม่ได้มีโอกาสขอผู้อำนวยการฮวงฝึกทักษะนี้เลย
เนื่องจากการทำ CPR เป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตสถาณการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้เป็นเรื่องอยากจะฝึกฝนทักษะเหล่านี้ได้ง่ายๆ แม้ว่าตามกฏหมายแล้วสำหรับแพทย์ประจำบ้านและหมอฝึกงานทุกคนจะต้องสามารถทำ CPR ได้อย่างน้อยสิบครั้งก่อนออกจากโรงพยาบาลซึ่งมันถือเป็นเคสที่หนักมากสำหรับพวกเขาเหล่านั้น ดังนั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องเล่นๆสำหรับแพทย์ไปแทน
หลิงัรันรินน้ำอีกแก้วให้ตัวเอง เขาค่อยๆดื่มมันในขณะที่คิดถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำ CPR
มันเป็นคำขอที่ดูธรรมดามากที่จะขอให้เขาทดลองทำ CPR กับใครสักคนที่นี้
ในการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลทั่วไปเช่นการฝึกอบรมสำหรับทีมว่ายน้ำและทีมช่วยเหลืออุบัติเหตุจากการจมน้ำจะได้รับการฝึกอบรมการทำ CPR อย่างไรก็ตามการทำ CPR ที่พวกเขาเชี่ยวชาญนั้นอยู่ในระดับเริ่มต้นและกล่าวได้ว่าเป็นการทำ CPR ขั้นพื้นฐานเท่านั้น
รายละเอียดเฉพาะของการทำ CPR ที่พวกเขาเรียนรู้ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดเช่นจำนวนการกดหน้าอกความลึกของการกดและการช่วยหายใจนั้นอยู่ในระดับพื้นฐานเท่านั้น จุดมุ่งหมายของการทำเช่นนี้ก็เพื่อสร้างมั่นจว่าผู้ป่วยจะสามารถรอดชีวิตจากการหยุดหายใจ แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในอาการโคม่าหลังจากที่เขาหยุดหายไปนานกว่า 10 นาที
ทักษะ CPR นั้นเป็นสิ่งจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนเป็นเวลานานและ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วในการฝึกอบรมในที่ต่างๆทางครูฝึกจะสอนท่าพื้นฐานในการประยุกต์ใช้กับชีวิตปกติได้
แพทย์ที่เชียวชาญด้านการทำ CPR นั้นไม่ได้มีทักษะนี้ไว้เพื่อใช้ในการช่วยเหลือคนด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการสั่งให้กลุ่มทำ CPR หลังจากนั้นการกดหน้าอกอย่างต่อเนื่องก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก พวกเขายังจำเป็นต้องลดร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการช่วยหายใจและเป็นเรื่องยากมากที่ผู้คนจะสามารถทนได้เป็นเวลานาน ในประวัติศาสตร์ของการทำ CPR การทำ CPR ที่ยาวนานซึ่งกินเวลานานกว่าสามสิบนาทีเป็นเรื่องปกติมาก แม้กระทั่งกรณีที่รายงานการทำ CPR ใช้เวลาประมาณห้าถึงหกชั่วโมง (หมายเหตุ 1)
โดยทักษะ CPR ระดับเชียวชาญจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิจารณา การทำงานของอวัยวะที่สัมพันธ์กันได้มากกว่าหนึ่งอวัยวะ (MODS) หลังจากการช่วยชีวิต ทั้งเรื่องการบาดเจ็บของร่างกายที่เกิดจากภาวะขาดออกซิเจนและภาวะขาดเลือดหลังจากหยุดการไหลเวียนเลือด จำเป็นต้องมีแผนการรักษาที่ถูกต้องและกลยุทธ์และชาญฉลาดเพื่อให้พวกกเขาสร้างความเป็นไปได้ในการจัดการกับภาวะแทรกซ้อน
หลิงรันได้รับการช่วยฟื้นคืนชีพในระดับที่สมบูรณ์แบบ นั่นหมายความว่าแม้ว่าเขาจะต้องทำ CPR ที่ยาวนานมาก แต่อัตราความสำเร็จก็ยังคงสูงกว่าคนอื่น ๆ มาก
มันเป็นทักษะการช่วยชีวิตที่แท้จริง
หลิงรันดื่มน้ำแก้วที่สองของเขาเสร็จและเขาก็มีแรงกระตุ้นให้รีบกลับไปที่ศูนย์ฉุกเฉิน
“ หมอหลิงคุณอยากดื่มเกลือน้ำไหม?” เมื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลทราบว่าหลิงหรันตัดสินใจที่จะพักผ่อนเขาก็รีบไปทันที
หลิงรันพยักหน้า “ดีนะที่มีน้ำเกลือให้ดื่ม”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจ่ายเงินให้เขาทันทีก่อนที่เขาจะเทเกลือลงในถ้วยอย่างจริงจัง …
หลิงรันเฝ้าดูผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างเงียบ ๆ และสีหน้าของเขาก็สงบเช่นนี้ = w =
“ฉันกังวลว่า คุณอาจจะไม่ชินเพราะเราเป็นโรงพยาบาลโรคติดเชื้อ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดูเหมือนจะเข้าใจสีหน้าของหลิงรันเขาจึงหัวเราะเบา ๆ และอธิบาย
“ฉันต้องการอีกถ้วย” หลิงรันไม่ได้ลังเลในคำขอของเขา
เมื่อทำการผ่าตัดผู้ป่วยโรคติดต่อนอกเหนือจากภาระทางจิตใจแล้วส่วนที่ทรมานที่สุดคือต้องใส่ชุดป้อวกัน พวกเขาจะรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
ห้องผ่าตัดได้ทำการรักษาอุณหภูมิคงที่เสมอ หากเป็นการผ่าตัดปกติแพทย์จะใส่สครับและชุดผ่าตัดที่ปราศจากเชื้อและอุณหภูมิก็จะเหมาะสมกับพวกเขา พยาบาลและวิสัญญีแพทย์หมุนเวียนไม่จำเป็นต้องสวมชุดผ่าตัด พวกเขาเพียงแค่ใส่สครับและพวกเขารู้สึกสบายใจกับมันมาก
อย่างไรก็ตามในการผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อไม่เพียงแต่ผู้ป่วยจะต้องสวมชุดผ่าตัดที่ทำด้วยผ้าเท่านั้น แต่ยังต้องสวมชุดป้องกันที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้อีกด้วย
หลังจากทำการผ่าตัดแบบนี้ไม่กี่ชั่วโมงแพทย์จะขาดน้ำ
ในตอนนี้ โจวซินเยียนก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่และเดินต่อไป เมื่อเขาเห็นฉากนี้เขาก็ช่วยเทน้ำลงไปในแก้วของหลิงรันทันที จากนั้นเขาวางของว่างไว้บนโต๊ะ
“ หมอหลิงทานเยอะๆนะครับจะได้มีแรงเยอะๆ” โจวซินเยียนหรี่ตาของเขา เขาถือแก้วมอบให้หลิงรันอีกถ้วยสำหรับผู้อำนวยการโรงพยาบาลในขณะที่เขาอยู่ที่นั่น
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้สึกประหลาดใจสำหรับการบริการของเขา เขามองไปที่โจวซินเยียนที่กำลังยุ่งอยู่กับตัวเองและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโชคดีที่เขาไม่ได้เชิญ หลิงรันเข้าไปในโรงพยาบาลของเขา หากนี่เป็นวิธีการรักษาที่หลิงรันได้รับผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาจจบลงด้วยการกักขังตัวเองด้วยเงื่อนไขที่เขาเสนอ
“ตอนนี้ห้องผ่าตัดพร้อมหรือยัง” การแสดงออกของหลิงรันสงบนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคำนวณเวลา
เมื่อพูดถึงการคำนวณเวลาที่ต้องใช้ในการผ่าตัดหลิงรัน อาจได้รับการพิจารณาให้อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญแม้ว่าระบบจะไม่ได้ให้ทักษะแก่เขาก็ตาม
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลุกขึ้นทันทีและพูดว่า “ฉันจะไปดูแลพวกเขา”
“คุณไม่ต้องรีบร้อนการฆ่าเชื้อโรคจะต้องทำอย่างละเอียด” หลิงหรันพูดและเหลือบไปที่โจวซินเยียน
“ หมอหยูอยู่กับพวกเขามาตลอด” โจวซินเยียน ตอบทันที
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดูตกใจเล็กน้อยผ่านไป เห็นได้ชัดว่าหยูหยวน ดูแลพวกเขาในการฆ่าเชื้อโรคและไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้คนอื่นมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หลิงรันไม่ได้สนใจเกี่ยวกับปัญหาที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องเผชิญและผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ไม่มีศัลยแพทย์คนอื่นมาแทนที่ หลิงรันก็เช่นกัน
ในความเป็นจริงถ้าเขาต้องการมองหาศัลยแพทย์ชั้นนำจากแผนกศัลยกรรมกระดูกที่คิดค่าบริการเพียง 500 หยวนต่อวันเขาอาจจะพบหลิงรันเพื่อช่วยเขาเท่านั้น
“ไปทานอาหารกันเถอะ” จู่ๆหลิงหรันก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ไปที่ร้านอาหารของครอบครัวเฉากันเถอะ”