Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 390
แม่ว่าเฮียเฉาจะไม่ได้อยู่เฝ้าร้านในวันนี้ แต่ดูเหมือนกับว่าเฮียเฉาได้เซตร้านเตรียมพร้อมกับการมาของหลิงรันอยู่แล้ว เพราะบรรยากาศของร้านยังดูเหมือนเดิมตอนที่เขาอยู่
หลิงรันสั่งเมนูประจของเขาคือ เนื้อส่วนผ้าขี้ริ้วและเนื้อย่างเพื่อให้มันใจว่าพวกเขาจะอิ่มพอกับการฝากท้องไว้กับมื้อกลางวันของร้านเฮียเฉา
ถ้าให้คะแนนรีวิวอาหารในมื้อกลางวันนี้กับเนื้อย่างซอลสูตรลับของเฮียเฉาแล้วนั้น มันได้คะแนนไปเลย 88 คะแนนเต็มร้อย
สำหรับร้านอาหารขนาดใหญ่ของครอบครัวเฉานั้นมันเป็นการให้คะแนนที่ให้เกียตร์และยุติธรรมมากที่สุดแล้ว
ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ณ ขนาดนั้นจ้องไปที่เทียนฉี ในขณะที่เธอกินอย่างมีความสุขและเขารู้สึกสงสัย และดูไม่สบายใจในเวลาเดียวกัน
เมื่อเทียนฉีอหันมาดื่มน้ำส้มและโซดาอย่างมีความสุขผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้ดึงแขนของโจวซินเยียนอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบว่า“ โรลส์ – รอยซ์เป็นของเธอคนนั้นจริงๆหรือ”
“ก็น่าจะเป็นอย่างงั้นนะ” โจวซินเยียนเองก็ติดตาม หลิงรันมาระยะหนึ่งแล้วดังนั้นเขาจึงระมัดระวังคำพูดของเขามาก “ ผมเองก็ไม่เคยเห็นเธอขับรถคันอื่นเลยนะ”
“ ไม่ใช่ที่ ผมหมายถึงคือ…เราแค่เลี้ยงบาร์บีคิวเธอแค่นี้จะพอหรอ? มันยังเพียงพอสำหรับค่าน้ำมันของโรลส์ – รอยซ์ด้วยซ้ำ”
โจวซินเยียนมองเขาแวบหนึ่งและโต้กลับว่า“ถ้าอย่างงั้นเราก็เลี้ยงเธอเยอะเพื่อให้เหมาะสมกับค่าน้ำมันของโรลส์ – รอยซ์สิ”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลังเลอยู่พักหนึ่ง “ อืม…บางทีเราก็ควรทำอย่างงั้น? มันจะแย่เกินไปไหมถ้าเราสั่งทุกอย่างในร้าน แต่อย่างน้อยก็…อ๊ะผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี”
“ ผมเองก็เคยคิดแบบเดียวกับคุณ” โจวซินเยียนตกลงกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลในทันที
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้สึกประหลาดใจและเงยหน้าขึ้นมอง
“ ผมเองก็เคยใช้แอฟโทรเรียกแท๊กซี่บ่อยๆ นะ มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องทำอย่างงั้นและไม่ต้องเกรงใจมากกมายกับคนขับรถจากแอฟดีดี้” โจวซินเยียน ก้มศีรษะลงกินเนื้อวัวและจิบชาเพื่อขจัดความเลี่ยนในปาก จากนั้นเขาก็พูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย“ คุณเคยใช้แอพดีดี่ไหมล่ะ? แล้วคุณเคยมีโรลส์ – รอยซ์มารับคุณไหม”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมองไปที่ โจวซินเยียน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีและพูดว่า“ ผมเองก็เคยเห็นในข่าวมาก่อน แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้แอฟเท่าไร ตอนผมไปทำงานและเลิกงานโรงพยาบาลมักมีคนมารับมาส่ง แต่วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษจริงๆ ผมต้องขอโทษจริง…”
โจวซินเยียน ไม่แม้แต่จะฟังบรรทัดสุดท้าย
เมื่อ โจวซินเยียน ได้ยินว่าชายคนนี้มีรถไปส่งเขาที่ทำงานและพาเขากลับบ้านหลังเลิกงานทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพผมบางเป็นผู้นำของโรงพยาบาลจริงๆ!
ถ้าคนอย่างชายคนนี้สามารถเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจากโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามได้แสดงว่าเป้าหมายการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเมืองก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับโจวซินเยียน
กล่าวอีกนัยหนึ่งชายวัยกลางคนที่ดูมีผมบางๆ ตำแหน่งของชายคนนี้คือเป้าหมายในชีวิตของโจวซินเยียน ความทะเยอทะยานเหตุผลในการมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและมันคือเหรียญแห่งความพยายามของเขา
มันเป็น …
เปลือกตาของโจวซินเยียนตกลงมา ในขณะที่เขากำลังจะพูดคำที่เป็นทางการสายตาของโจวซินเยียนก็เคลื่อนผ่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลไปและเขาก็เห็นหลิงรัน
หลิงรันยังคงอยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย เขาทานผ้าขี้ริ้วเนื้อเสียบไม้อย่างเอร็ดอร่อยและทุก ๆ สองสามคำเขาจะใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปาก แต่ก็ยัง …
โชคดีที่ความปรารถนาทั้งหมดในชีวิตของคนเราไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป!
ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลิงรันได้ทำการผ่าตัดอีกสองสามเคสและใช้ห้องผ่าตัดทั้งหมดในโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามจนหมด
แต่ไม่น่าแปลกโรงพยาบาลโรคติดเต่อมักจะต้องเตรียมห้องผ่าตัดไว้เสมอและก็เหมือนกับกันโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่สามพวกเขาก็เตรียมห้องผ่าตัดไว้ตลอดแต่ไม่คาดหวังว่า จะมีแพทย์อย่างหลิงรันที่สามารถทำการผ่าตัดได้รวดเร็วและมีความถี่ในการผ่าตัดมากมายขนาดนี้มาก่อน
ในมุมมองอื่นก็หมายความว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกับผู้ป่วยโรคติดต่อนั้นสูงมาก ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่นๆต้นทุนในการรักษาและการเตรียมการจะค่อนข้างสูง เลยมีการจำกัดให้มีการผ่าตัดผู้ป่วยประเภทนี้ไม่เกิน 2 เคสต่อวัน
หลังจากนัดหมายกับหลิงัรันเกี่ยวกับเวลาการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้นัดหมายเวลารับส่งของรถที่โรงพยาบาลเตรียมให้หลิงรันทราบก่อน เพื่อสะดวกในการเดินทาง
เนื่องจากหลิงรันเริ่มมาทำการผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อ หลิงรันจึงวางแผนว่าหลังจากจะยุติการผ่าตัดทั้งหมดในโรงพยาบาลของประชาชนที่สามแล้ว มันก็จะทำห้องของศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวนั้นว่างขึ้นมาเนื่องจากสามารถเคลียร์ผู้ป่วยเดิมบางส่วนออกไปบ้างได้แล้ว และเขาจะให้คนงานไปติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สามารถจัดห้องเหล่านั้นให้เหมาะสมได้
ที่ คลินิคตระกลูหลิง บริเวณลานภายในเงียบสงบ แต่วันนี้กับดูคึกคักเป็นพิเศษ ชาวบ้านในละแวกนั้นได้มาบริจาคเลือด มาซื้อยาและพูดคุยกันอย่างมีความสุข
“ วันนี้ดงเฉินไม่อยู่หรือ” หลิงรันพบอย่างรวดเร็วว่ากระดานจัดการนวดถูกคว่ำอยู่ เขาเข้าไปถามหาเณรน้อย
หลิงโจว กำลังยุ่งอยู่กับการออกใบเสร็จและรวบรวมเงิน เขาดีใจจนคิ้วสั่น “ เมื่อดงเฉนินหาเงินได้มากพอที่จะซื้อยากล่องหนึ่งเขาก็นำมันกลับไปที่ภูเขา ตอนนี้เจ้าอาวาสคงได้รับยาไปเยอะเลยล่ะ”
“ โอ้” หลิงหรันตอบและพยักหน้า
“ ปัญหาตอนนี้คือ หมอจีลงเขาอยากได้ค่าแรงเพิ่ม” หลิงโจวส่งผู้ป่วยลุกขึ้นยืนและพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า“ ตาเฒ่านั้นต้องการหาเงินจากเรามากขึ้นเพราะเห็นว่าธุรกิจของครอบครัวเราดีขึ้นในตอนนี้ จู่ๆเขาก็พูดถึงเงินเดือนขึ้นมาเฉยเลย จากนั้นเขากล่าวว่าภาระงานของเขาเพิ่มขึ้นและชั่วโมงการทำงานนานเกินไป เขายังบอกอีกว่าการทำให้เขาทำงานล่วงเวลานั้นมันไร้มนุษยธรรมมากและพ่อก็ดูเหมือนเจ้านายที่มีจริยธรรม … บ๊ะ! ตอนนี้พ่อไม่ใช่เจ้านายที่มีจริยธรรมแล้วหรือ”
หลิงรันมองพ่อของเขาอย่างเงียบ ๆ และถามว่า“ เขาต้องการเพิ่มเป็นเท่าไหร่?
“ มันไม่ใช่เรื่องของการเพิ่มค่าจ้าง แต่เป็นเรื่องของหลักการพื้นฐาน!” หลิงโจวรู้สึกไม่พอใจและกล่าวว่า“ เขาต้องการค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเมื่อธุรกิจดีขึ้น แต่พ่อควรจะลดค่าจ้างเมื่อธุรกิจไม่ดีหรือไม่? ค่าจ้างพนักงานก็เหมือนกับราคาน้ำมัน มันจะขึ้นไม่ลง”
หลิงรันตอบอย่างใจเย็น“ โอ้”
“ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถขอค่าแรงเพิ่มได้ แต่ต้องมีขั้นตอนใช่ไหม? สมมติว่าปี…หรืออาจจะเพิ่มขึ้นหลังจากสามปี ใครจะรู้ล่วงหน้ากันว่าคลินิคของเราจะหากำไรได้มากมายเช่นนี้มาก่อน” หลิงโจวตบขาของเขาหลังจากที่เขาพูดแบบนั้น “ ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดีฉันจะคุยกับหมอจียงหลังจากนี้”
“ ทำไมต้องหลังจากนี้”
“ พ่ออต้องรอให้เขาหยุดงานสิ ลูกไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้ห้องรักษาวุ่นวายแค่ไหน” หลิงโจว ส่ายหัวและคลิกลิ้นของเขา
หลิงรันเองไม่อยากคุยต่อแล้ว เมื่อพ่อของเขาทำงานเสร็จเขาก็ไปที่เก้าอี้นอนและยืดตัวให้สบาย เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดเกม
สิบนาทีต่อมาเขาก็เล่นเกมเสร็จไปหนึ่งรอบ
หลิงรันขมวดคิ้วและเริ่มอีกรอบโดยไม่ยอมแพ้
มันผ่านไปอีกรอบหนึ่ง …
ประมาณสี่สิบห้านาทีต่อมาหลิงหรันรู้สึกเบื่อและวางโทรศัพท์ลง เขาได้ยินเสียงโต้เถียงกัน ของหมอจียง“ ร้านบะหมี่มีดตัดของตระกูลหยางปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้น 5 หยวนแล้ว แล้วมันไม่สมเหตุสมผลเหรอถ้าค่าจ้างของฉันจะเพิ่มขึ้น 20 หยวนทุกเดือน”
“ ราคาของร้านบะหมี่มีดตัดของตระกูลหยางเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์การทำบะหมี่ของตาเฒ่าหยางมันเก่าแล้วที่ทำมือของเขาได้บาดเจ็บได้แต่ยังสามารถทำอาหารได้มันเลยดึงดูดคนจำนวนมากมาทานที่ร้านเขา”
“ ฉันเองเป็นคนพันมือของตาเฒ่าหยางด้วยตัวเอง”
“ ลูกชายของฉันเป็นคนที่เย็บแผลให้เขา”
“ โดยพื้นฐานแล้วนายไม่สามารถใช้ข้ออ้างนี้มากำหนดเงินค่าจ้างของฉันได้!”
“ ค่าจ้างเกษียณรายเดือนของคุณตั้ง 5,000 ถึง 6,000 หยวน กับแค่เรื่องเงินเดือนนิดหน่อยๆ มันไม่สามารถเอาเรื่องของร้านบะหมี่มาเทียบการการขึ้นค่าแรงได้หรอก”
“ เงินเกษียณของฉันอยู่ในมือของเมียฉันหมดแล้ว ถ้าเธอโอเคกับฉัน ฉันถึงจะใช้เงินนั้น อย่าพูดถึงเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้เลย ตอนนี้ 20 หยวน มันเป็นเงินที่เยอะขนาดนั้นเลยหรือยังไง”
หลิงโจวรู้สึกกระวนกระวายใจ “ ไม่ใช่เงินก้อนใหญ่อะไรเลย?” หลิงโจวตอบกลับไป
“ ถ้าไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ก็เอาเงินนั้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
“คุณกำลังขอเงิน 20 หยวน? แต่ฉันจะให้คุณมากที่สุดเพียง 5 หยวน เท่านั้น”
หมอ จียงเองรู้สึกว่าอยากจะลาออก “ หลิงโจวปัจจุบันราคาต่อรองต่ำสุดเริ่มต้นที่ 10 หยวน”
“ เอาล่ะ 10 หยวน แล้ว!”
หลิงรันฟังทั้งคู่เถียงกันไปมา และพวกเขาและเดินขึ้นบันไดอย่างอ่อนแรง ถึงจุดหนึ่งก็หลับไป
ในวันรุ่งขึ้นเวลาสองโมงเช้า
คลินิคหมอหลิง เงียบสนิท
แมวและสุนัขจรจัดหายไปนานแล้ว
แม้แต่ร้านขายอาหารเช้าก็ยังไม่เปิดไฟ
หลิงรันตื่นขึ้นมาและอาบน้ำ จากนั้นเขาก็ไปที่สวนหลังบ้านและขับรถของเขาออกไป เมื่อถึงปากซอยเขาก็เห็นพ่อค้าเร่หาวและเตรียมพร้อมที่จะสตาร์ทรถบรรทุกขนาดเล็กของเขา
ทันใดนั้นพ่อค้าเร่ก็ตื่นกระปรี่กระเป่าขึ้นและทักทายหลิงรันเมื่อเห็นเขา เมื่อเขาเห็นรถคันเล็กของหลิงรัน ขับไปอย่างช้าๆเขาก็ถ่ายรูปและแชร์ภาพไปบนอินเทอร์เน็ตพร้อมคำบรรยาย [แม้ว่าฉันจะมีรายได้น้อยกว่าหมอ แถมฉันยังต้องตื่นช้ากว่าหมออีก]