Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 146
ตอนที่ 146 ความลับที่สําคัญที่สุดของชวี่ยี่จวง
มู่อี้ไม่รู้ว่าทําไมต้นไผ่แห่งชีวิตของเขาถึงมีท่าทีเช่นนี้ในตอนที่มีความคิดบางอย่างปรากฏขึ้นในจิตใจของเขานั้นเขาก็รับรู้ได้ตามสัญชาตญาณของตนเองทันทีว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วสําหรับมู่อี้
แม้ว่าที่นี่จะอันตรายไปเสียหน่อยแต่ถ้าหากมันทําให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ตื่นขึ้นมาได้เช่นนั้นก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
ในตอนนี้การเปลี่ยนแปลงของต้นไผ่แห่งชีวิตเป็นการบ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีสิ่งที่มันต้องการและด้วยเหตุนี้ทําให้มันมีการตอบสนองขึ้นมาทันที
“เป็นไปได้งั้นหรือ?” มู่อี้จ้องมองรากไม้สีเทาในตอนนี้ หลังจากนั้นรากไม้สีเทาที่เขาเห็นก็ปรากฏขึ้นมาบนพื้นดินมากขึ้นเรื่อยๆ
“ตู้ม!”
ท้ายที่สุดนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นที่ใจกลางหลุมขนาดใหญ่แห่งนี้และจากนั้นก็มีสัตว์ประหลาดตัวมหึมาที่ค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆ
ฉือเล่อไม่คิดเลยว่าแผนการที่เขาวางแผนมาเป็นอย่างดีจะจบลงเช่นนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะนักพรตเต๋าหมิงหลงพวกเขาคงไม่มีทางรอดออกมาจากชวียี่จวงได้แน่นอนและพลังของชวี่หยางก็มากเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
โชคดีที่ชวี่หยางยังหวาดกลัวต่อชื่อเสียงของสํานักเหมาซานอยู่บ้างและทําให้พวกเขารอดออกมาได้
แต่ในใจของฉือเล่อนั้นรู้ดีว่าประสบการณ์ครั้งนี้คือความอัปยศของเขา เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเขาก็รู้สึกอยากจะฝึกฝนอย่างหนักและสักวันหนึ่งเขาจะกลับมาแก้แค้นที่นี่อีกครั้ง
” พี่ชายฉือ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” ทุกๆคนรีบหนีออกมาจากชวี่ยี่จวงด้วยความโล่งใจและจากนั้นหญิงสาวที่มีนามว่า ชิงชิงก็เอ่ยถามฉือเล่อขึ้นมาทันที
“แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรหรอก เพียงแต่ในครั้งนี้ข้าคงทําให้ท่านชิงชิงต้องตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว โชคดีที่พวกเรายังมีความช่วยเหลือจากท่านนักพรตเต๋าหมิงหลงไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราคงตายกันหมดแน่นอน” ฉือเล่อพูดพร้อมกับรู้สึกเจ็บปวดที่หัวไหล่ของตัวเองในตอนนี้ สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังนักพรตเต๋าหมิงหลงนั้นก็เต็มไปด้วยความขอบคุณ
” ต้องขอบคุณท่านหมิงหลงมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้” ชิงชิงก็พูดออกมาด้วยเช่นกัน นางเองก็ได้รับการโจมตีจากชวี่หยางและดูเหมือนว่าอวัยวะภายในจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ความจริงแล้ว อาการบาดเจ็บของนางนั้นถือว่าน้อยกว่าฉือเล่อมาก หลังจากรักษาให้หายดีแล้วคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่อาการบาดเจ็บของฉือเล่อ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ถึงจะหายกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเพราะในตอนนี้กระดูกหัวไหล่ของเขาหักและมันยังแทงออกมาอีกด้วย
“พวกท่านทั้งสองคนไม่จําเป็นต้องทําเช่นนี้ การพ่ายแพ้ต่อความชั่วร้ายถือเป็นความอัปยศของพวกเราทุกๆคน” หมิงหลงสายศีรษะพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ดูอับอายออกมาให้เห็น ความอัปยศครั้งนี้มีเพียงแต่ต้องเก็บเอาไว้ในใจ แม้ว่าเหรียญตราที่เขาแสดงออกไปจะทําให้ชวี่หยางต้องยอมปล่อยพวกเขาออกมา แต่เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ควรเผยแพร่ให้คนอื่นๆได้รับรู้ในทางกลับกันมัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขานั้นไร้ความสามารถและเป็นเพียงเสือกระดาษเท่านั้น
“เรื่องนี้ข้าผิดเอง ข้าได้ยินว่าไอ้สารเลวนั่นบาดเจ็บหนัก แต่ข้าก็ไม่ควรรีบร้อนบุกเข้าไปเช่นนั้น” ฉือเล่อพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิด
” บางครั้งความผิดพลาดก็จะเป็นบทเรียนให้กับเราได้ขอรับ แม้ว่าพวกเราจะพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสล้างแค้นในอนาคต” นักพรตเต๋าหมิงหลงพูดให้กําลังใจทันที
“ใช่แล้ว อีกไม่นานหรอก ข้าจะเด็ดหัวไอ้สารเลวนั่นออกมาเอง” ชิงชิงก็พูดขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“แต่ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ทําเช่นนั้น” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของทุกๆคน เมื่อพวกเขาหันกลับไปก็เห็นชวี่หยางที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับ เปยหมิงและฉงเจียอี่ในตอนนี้
ชวี่หยางยังคงมีสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามอยู่เล็กน้อยและในตอนนี้จิตสังหารของเขาปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่
เห็นได้ชัดว่าชวี่หยางได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันทั้งหมด
“เจ้า เจ้าตามพวกเรามาทําไมกัน” ชิงชิงตะโกนขึ้นมาทันทีเมื่อนางได้เห็นชวี่หยางในตอนนี้
” ท่านผู้เป็นเจ้าของชวี่ยี่จวง ข้าไม่รู้ว่าท่านทําเช่นนี้เพื่ออะไร?” นักพรตเต๋าหมิงหลงก็จ้องมองมาที่ชวี่หยางด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง ในตอนนี้จิตใจของเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่เลวร้าย
อีกฝ่ายรับปากแล้วไม่ใช่หรือว่าจะปล่อยให้พวกเขารอดกลับไป เหตุใดถึงไล่ตามมาอีก? หรือว่าเป็นเพราะคําพูดของพวกเขาก่อนหน้านี้?
”เพื่ออะไรงั้นหรือ? ข้าเป็นคนที่ไม่ชอบปล่อยให้มีปัญหาค้างคาสักเท่าไหร่ พวกเจ้าบุกมาสังหารข้าถือว่าเป็นสิ่งที่ทําได้แล้วทําไมข้าจะบุกมาสังหารพวกเจ้าบ้างไม่ได้ล่ะ? หรือว่าข้าต้องรอจนกว่าปัญหาจะกลับมาเยือนอีกครั้งในอนาคต ในเมื่อตัดหญ้าแล้วก็ถอนรากเลยดีกว่า” ชวี่หยางพูดออกมาอย่างเฉยเมย มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ปล่อยให้ศัตรูของตนเองหนีไปได้และกลับมา ล้างแค้นในอนาคต คิดว่าโลกมันสวยงามขนาดนั้นเลยหรือ?
“แต่เจ้าสัญญาแล้วว่าจะปล่อยพวกเราไป” ชิงชิงพูดขึ้นมาทันที
“ใช่ ข้าสัญญาว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป ข้าบอกแค่ว่าจะปล่อยให้พวกเจ้าออกจากชวี่ยี่จวงแห่งนี้ไปได้ แต่ข้าไม่เคยพูดเลยนะว่าจะไม่ออกมาตามล่าพวกเจ้า” ชวี่หยางจ้องมองมาอย่างเย็นชาจนทุกๆคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ในตอนนี้หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ
“หึ ข้าคิดอยู่แล้วเชียว ไม่ว่ายังไงสัจจะก็ไม่เคยมีในหมู่โจร” ฉือเล่อตอบกลับมา เขารู้ดีว่าในตอนนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงชวี่หยางก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่นอน แทนที่จะมาร้องขอให้เปลืองน้ำลาย เขาเอาแรงมาต่อสู้ให้ถึงที่สุดจะดีกว่า แม้ว่าพวกเขาจะต้องตายแต่อย่างน้อยศัตรูก็ต้องเจ็บปวดด้วยเช่นกัน
“ข้าจะหยุดเขาเอาไว้เอง พวกท่านรีบหนีไป” ในตอนนี้หมิงหลงก็ก้าวออกมาข้างหน้าทันที เขายืนขวางทางทุกๆคนพร้อมกับพูดขึ้นมาเช่นนี้
“ไม่ พวกเราต้องรอดไปด้วยกัน” ฉือเล่อตะโกนกลับมาทันที
“ใช่แล้ว!” ชิงชิงพยักหน้า
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่กล้าสังหารเจ้า?” ชวี่หยางจ้องมองไปที่หมิงหลงด้วยสายตาที่เย็ นชาและพูดออกไป
“เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับบัญชาแห่งสวรรค์แล้ว แม้ว่าข้าน้อยยังไม่อยากตายในวันนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าน้อยจะหวาดกลัวต่อความตาย การได้ตายในมือของผู้ที่เป็นเจ้าของชวี่ยี่จวงคงไม่น่าเสียใจเท่าไหร่นัก” หมิงหลงตอบกลับมาช้าๆ
“สมแล้วที่เจ้าเป็นผู้สืบทอดคนปัจจุบันของสํานักเหมาซาน ในเมื่อเจ้าอยากจะตายมากนัก ข้าก็จะสนองให้เอง” ชวี่หยางพูดออกมาทันทีและท่าทางของเขาในตอนนี้พร้อมที่จะสังหารอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ แต่ความจริงแล้วชวี่หยางก็แค่ขู่เท่านั้น อย่างมากเขาก็แค่สั่งสอนบทเรียนให้กับนักพรตเต๋าผู้นี้แต่เขาคงไม่กล้าสังหารอีกฝ่ายแน่นอน
ถ้าหากเขาสังหารผู้สืบทอดของสํานักเหมาซานไปจริงๆ เขาเชื่อว่าสานักเหมาซานคงไม่ตามมาถึงที่นี่เพื่อล้างแค้น แต่เขาก็จะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปและต้องหลบซ่อนตัวจากโลกใบนี้ไปตลอดกาล
ในตอนนี้แม้แต่จิตใจของชวี่หยางก็เริ่มรู้สึกอิจฉาผู้ที่มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสํานักเหมาซานที่หนุนหลังนักพรตเต๋าหมิงหลงอยู่ในตอนนี้
ถ้าหากเขายังไม่อยากตาย วันนี้เขาก็ห้ามให้นักพรตเต๋าหมิงหลงตายเด็ดขาด
ในตอนที่หมิงหลง ฉือเล่อ ชิงชิง และชายอีก 2 คนเตรียมพร้อมที่จะสู้อย่างสุดชีวิตนั้นพวกเขาก็เห็นว่าสีหน้าของชวี่หยางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและอีกฝ่ายก็หายตัวไปทันที
เปยหมิงและฉงเจียอีก็รีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ฉือเล่อและคนอื่นๆก็หันมามองหน้ากันทันที พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าชวี่หยางกําลังทําอะไรอยู่ในตอนนี้ หรือว่าเขาเพิ่งจะรู้สึกหวาดกลัวนักพรตเต๋าหมิงหลงขึ้นมา?
ในตอนนี้ทุกๆคนมองหน้ากันและจากนั้นก็หันไปมองชวี่ยี่จวงที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ พลังแห่งความตายที่รุนแรงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจนพวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแน่นอน นี่คงเป็นเหตุผลที่ชวี่หยางรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขามองหน้ากันแต่ก็ไม่รู้ว่าควรทําเช่นไรดีในตอนนี้
” พวกเรา …” ฉือเล่อพูดออกมาด้วยความรู้สึกลังเล
” ท่านยอมแพ้เถอะ!” ท่านนักพรตเต๋าหมิงหลงกล่าวยืนยัน
” ท่านนักพรตเต๋าหมิงหลง” ชิงชิงก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ดูสับสน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชวี่ยี่จวงในตอนนี้ พวกเราก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้ ท่านก็ได้เห็นพลังของชวี่หยางด้วยตาของท่านเองแล้ว แม้ว่าพวกเราทั้ง 5 คนจะร่วมมือกันก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่นอน รีบหนีไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” นักพรตเต๋าหมิงหลงอธิบายอย่างใจเย็น
แม้ว่าอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับชวี่หยางในตอนนี้ แต่มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาและไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้
ถ้าหากยังเสียเวลาอยู่ที่นี่รอจนกว่าชวี่หยางแก้ไขปัญหาของเขาเสร็จแล้ว เช่นนั้นพวกเขาคงหนีจากความตายไม่พ้นแน่นอน
“ไปกันเถอะ” ฉือเล่อพยักหน้า เขาเองก็ไม่ใช่คนโงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้แขนของเขาใช้การได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น ถ้ากลับไปที่นั่นคงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่
หลังจากฉือเล่อพูดออกมาแล้วก็ไม่มีใครพูดโต้แย้งออกมาอีก ทุกๆคนต่างก็รีบออกเดินทางอย่างรวดเร็วและทุกคนต่างก็หายเข้าไปในความมืด
สําหรับคนเหล่านี้แล้ว ค่ำคืนนี้คงเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งนัก การที่พวกเขารอดออกไปจากที่นี่ได้คงไม่มีวันลืมประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันนั้นมู่อี้ก็ต้องมองไปที่สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่อยู่กลางหลุมด้วยสีหน้าตกตะ
ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นมาหลุมขนาดใหญ่แห่งนี้ก็ดูเล็กลงไปทันที ร่างกายของมันเหมือนกับเห็ดขนาดใหญ่และด้านบนสุดของมันนั้นมีจุดเล็กๆกระจายอยู่ทั่วร่างกาย แต่ถ้าหากมองใกล้ๆ แล้วก็จะพบว่าจริงๆแล้วจุดเล็กๆเหล่านี้คือปากที่กําลังขยับอยู่ และทุกๆปากนั้นก็เชื่อมเข้ากับร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของมัน
รากไม้ขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนหนวดกระจายอยู่ทั่วร่างกายของมันและกําลังขยับไปมา
มู่อี้ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แต่ดูจากการเปลี่ยนแปลงของต้นไผ่แห่งชีวิตก่อนหน้านี้ มู่อี้ก็ประมาณการได้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะต้องเป็นพืชชนิดหนึ่งแน่นอนและมันต้องมีจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน มีเพียงสิ่งที่มีคุณสมบัติเดียวกันเท่านั้นที่จะทําให้ต้นไผ่แห่งชีวิตรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม
แต่มู่อี้ก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นมันคืออะไรกันแน่แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกจํานวนมากที่อยู่ภายในหลุมขนาดใหญ่แห่งนี้แน่นอน บางทีโครงกระดูกเหล่านั้นอาจจะเป็นสารอาหารที่ทําให้เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้เติบโต
นี่คือความลับที่สําคัญที่สุดของชวี่ยี่จวงอย่างนั้นหรือ? ชวี่หยางเก็บรวบรวมศพมนุษย์เอาไว้มากมายเพื่อสิ่งนี้งั้นหรือ?
“เจ้าหมายความว่ามันสามารถช่วยให้พลังของเจ้าฟื้นฟูกลับมาได้อย่างนั้นหรือ?” มู่อี้จ้องมองต้นไผ่แห่งชีวิตที่ลอยอยู่ด้านหน้าตนเองและพูดออกมาเบาๆ
เขาเห็นว่าต้นไผ่แห่งชีวิตส่องแสงสว่างออกมา ดูเหมือนว่ามันกําลังตอบเขาอยู่
ก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเหลือมู่อี้ เนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ลังเลที่จะใช้พลังที่นางสะสมมานานหลายปีทันที ดังนั้นช่วงเวลาที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ยังคงหลับไหลอยู่นี้มู่อี้ก็รู้สึกผิดไม่น้อย แต่เขาไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถช่วยเหลือเนี่ยนหนิวเอ้อร์ด้วยวิธีไหนได้บ้าง
จนวันนี้แม้ว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะยังไม่ตื่นขึ้นมาแต่ต้นไผ่แห่งชีวิตก็แสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างชัดเจนดูเหมือนว่ามันต้องการอะไรบางอย่างจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ดูน่าเกลียดน่ากลัว และยังอันตรายอย่างยิ่ง แต่เมื่อต้นไผ่แห่งชีวิตมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อมันมู่อี้ก็ตัดสินใจได้ทันที
“เอาเลย หากพวกเจ้าต้องการ ข้าก็พร้อมที่จะทําลายชวี่ยี่จวงในคืนนี้” มู่อี้พูดออกมาเบาๆ แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่ได้ดังมากนักแต่มันก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหนักแน่นของเขา
มู่อี้เข้าใจดีว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปต้องมีอันตรายมาเยือนแน่นอนแต่เมื่อต้นไผ่แห่งชีวิตและเนี่ยนหนิวเอ้อร์ต้องการเช่นนี้เขาก็พร้อมจะเสี่ยงเข้าถ้ำเสือ มู่อี้ไม่ได้มาที่นี่โดยไม่ได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว
หลังจากตัดสินใจได้แล้วมู่อี้ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้ชวี่หยางย่อมรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชวี่ยี่จวงอย่างแน่นอนและเขากําลังกลับมาที่นี่เร็วๆนี้
ดังนั้นในตอนนี้มู่อี้ต้องรีบสังหารเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้และทําให้มันกลายเป็นอาหารบํารุงต้นไผ่แห่งชีวิตของเขาแทน
“ตายซะเถอะ” มู่อี้จ้องมองไปยังหนวดขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดยักษ์พร้อมกับถือมีดสั้นเอาไว้ในมือของเขา มืออีกข้างหนึ่งของเขาถือต้นไผ่แห่งชีวิตเอาไว้และตรงเข้าไปสังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้ทันที
ในตอนนี้ชวี่หยางกําลังเร่งเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดและในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ เดิมที่เขาคิดว่าคงมีเพียงผู้มาเยือนกลุ่มนี้เท่านั้นที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง แต่ไม่คิดเลยว่าในตอนที่ตั๊กแตนกําลังไล่ล่าจักจั่นอยู่นั้นกลับมีนกกระจาบที่เข้ามาฉวยโอกาส
มันเป็นใครกัน?