Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 155
ตอนที่ 155 ฆาตกรที่ไร้เหตุผล
หลังจากได้ทราบทางลัดที่แยกตัวออกมาจากถนนเส้นหลักจากคําบอกเล่าของคนขับรถม้า แล้ว รถม้าก็เปลี่ยนไปใช้เส้นทางลัดทันที แม้ว่าเส้นทางลัดนี้จะไม่ได้เดินทางสะดวกเหมือนกับเส้ นทางหลัก แต่หลังจากต้าหนิวลงมาจากรถม้าและเก็บกวาดก้อนหินใหญ่ที่ขวางทางออกไปแล้ว คนขับรถม้าก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
โชคดีที่ม่อี้เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทาง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่ามีม้าเร็วกําลังไล่ล่าตามหาร ถม้าของพวกเขาบนถนนเส้นหลัก การตัดสินใจของเขาครั้งนี้ช่วยลดปัญหาให้เขาได้อย่างถูกที่ถูก เวลา
อีกหลายวันหลังจากนั้นรถม้าก็ไม่ได้ผ่านเมืองใหญ่สักเมืองเดียวเลย ดังนั้นฟูอี้จึงไม่รู้เลยว่ารูป เหมือนของเขาถูกติดประกาศจับอยู่ที่ทุกๆเมืองใหญ่และยังมีคําอธิบายที่บ่งบอกถึงลักษณะของมู่ อี้และต้าหนิวอีกด้วย
ถ้าหากมู่อี้ได้เห็นเขาคงรู้ได้ทันทีว่าข่าวเรื่องกุญแจได้ถูกกระจายออกไปแล้ว จนมีใครหลา ยๆคนสามารถเชื่อมโยงมู่อี้เข้ากับคดีฆาตกรรมบุตรชายของขุนนางใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆแต่ผู้คนในเมืองลั่วหยางต่างก็คิดเช่นนี้เหมือน กันทั้งหมด ด้วยข่าวลือที่ชวีหยางกระจายออกมาในตอนนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่แต่ พวกเขาก็เลือกที่จะคิดว่ามู่อี้คือฆาตกรผู้ลึกลับคนนี้เอาไว้ก่อน เพราะทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่พวกเขา ต้องการก็มีเพียงแค่แพะรับบาปเท่านั้น
“ท่านนักพรตเต๋ ด้านหน้าพวกเรามีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง คืนนี้พวกเราพักที่นั่นดีไหมขอรับ?”
ในตอนบ่ายเมื่อรถม้าเดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง หลี่เหล่าลือก็เปิดผ้าม่านของรถม้า และถามม่อี้ที่อยู่ข้างในทันที
หลังจากเดินทางมาด้วยกันมู่อี้ก็ไม่ได้ปกปิดตัวตนของเขาอีกต่อไปและเปลี่ยนกลับมาใส่ผ้าคลุ มของนักพรตลัทธิเต๋อีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้พูดคุยกันเขาก็ได้ทราบชื่อของคนขับรถม้าผู้นี้นั่นก็ คือ หลี่เหล่าฉือ (เหล่าฉือแปลว่าคนที่ซื่อสัตย์) แน่นอนว่านี่ย่อมไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของอีกฝ่าย แน่นอน แต่เพราะว่าเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์เกินไปดังนั้นจึงได้ชื่อว่า หลี่เหล่าลือ และนับจากนั้นมา เขาก็ใช้ชื่อนี้แทนชื่อของตนเองมาโดยตลอด
“ได้ส” มู่อี้พยักหน้า แม้ว่าหลี่เหล่าฉือไม่เคยพูดถึงการทานอาหารหรือนอนหลับในช่วงหลา ยวันที่ผ่านมาเลยแต่เขาก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก แม้ว่ามู่อี้จะทําสมาธิและหยดเลือดลง ไปบนต้นไผ่แห่งชีวิตตลอดทั้งคืนแต่หลี่เหล่าถือนั้นต้องเร่งรีบเดินทางตลอดทั้งวันและในเวลากลาง คืนเขาก็ไม่พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าคงต้องให้เขาพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว
เมื่อได้ยินคําตอบของม่อี้ สายตาของหลี่เหล่าถือก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันที หากเป็นตัวเขา เองคงลังเลที่จะเข้าพักในโรงเตี้ยมแบบนี้แน่นอน แต่มู่อี้เป็นคนเช่ารถม้าของเขา ซึ่งมันรวมไปถึง ค่าอาหารและค่าที่พักของเขาตลอดการเดินทางครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นค่าใช้จ่ายทุกๆอย่างนั้นมู่ลี้ จะต้องเป็นคนออก
ตอนนี้ท้องฟ้ากําลังจะเริ่มมืดแต่ประตูของหมู่บ้านกลับถูกปิดไปแล้ว แม้แต่ผู้คนที่เดินทางผ่า นไปมาก็ไม่อาจมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในหมู่บ้าน สถานการณ์ดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อย และเมืองนี้ก็ไม่มีโรงเตี้ยมอยู่เลยซึ่งดูผิดปกติอย่างยิ่ง
แต่หลี่เหล่าลือก็ไปเคาะประตูของบ้านตระกูลใหญ่หลังหนึ่งและบอกความต้องการของตนเอ งออกไป
บ้านตระกูลใหญ่นั้นย่อมปฏิเสธคําขอของเขาในทันที แต่หลังจากมู่อี้ยื่นตั๋วเงินให้กับอีกฝ่าย คนในบ้านตระกูลใหญ่ก็ดูเหมือนจะคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดเขาก็ยอมให้กลุ่มของมู่อี้เข้ามา พักภายในบ้านได้หนึ่งคืน
แต่พวกเขาจะต้องรีบออกไปก่อนฟ้าสาง
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าสถานการณ์มันดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อย แต่มู่อี้ก็ยอมรับข้อตกลงของ อีกฝ่าย เหตุผลหลักก็คือน้ําที่เก็บเอาไว้ในรถม้าได้หมดไปแล้วซึ่งเขาต้องหามาเติมอย่างเร่งด่วน
จากนั้นพ่อบ้านของบ้านหลังนี้ก็เดินนําพวกเขามาที่บ้านอีกหลังหนึ่งที่แยกออกมาจากบ้านต ระกูลใหญ่ อย่างน้อยเมื่อมอบเงินให้กับพ่อบ้านคนนี้เขาก็เตรียมอาหารและน้ําดื่มให้กับทุกๆคน แต่เขาก็อธิบายอีกครั้งหนึ่งว่า ในคืนนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาดและต้องรีบเดินทางออกไปก่อนฟ้า สาง
” ที่นี่ช่างแปลกประหลาดจริงๆ” หลังจากพ่อบ้านคนนั้นกลับไปหลี่เหล่าลือก็อดบ่นขึ้นมาไม่ได้
มู่อี้เพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าสถานการณ์จะแปลกประหลาดหรือไม่ นั้น พวกเขาก็ต้องรีบเดินทางออกไปก่อนฟ้าสางวันพรุ่งนี้และจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่อีก
ในตอนกลางคืนหลังจากหลี่เหล่าลือหลับไปแล้วนั้น มู่อี้ก็เริ่มหยดเลือดของเขาลงไปบนต้นไผ่ แห่งชีวิตอีกครั้ง แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่มู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว อย่างน้อยที่สุดต้าหนิวก็ยัง อยู่กับเขา ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมันสามารถปกป้องเขาได้แน่นอน
หลังจากหยดเลือดมาตลอดหลายวันนี้ม่อี้ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าลมหายใจของเนี่ยนหนิว เอ้อร์แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆและพลังของนางจะยกระดับขึ้นทันทีที่ต้นไผ่แห่งชีวิตได้กลายเป็นอา วุธวิญญาณสําเร็จแล้ว
เห็นได้ชัดว่าการสะสมพลังของนางมาถึงจุดสูงสุดแล้วและบางที่นางอาจจะสามารถยกระดับ พลังของตนเองขึ้นมาได้ตลอดเวลาแต่ในคืนนี้ดูเหมือนว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะยกระดับพลังของตน เองล้มเหลว
“เร็วเข้า เร็วเข้า อยู่ในนี้แหละ”
“ล้อมเอาไว้เร็วเข้า อย่าให้ฆาตกรหนีไปได้”
ในตอนเช้าก่อนฟ้าสางนั้น ก็มีเสียงที่วุ่นวายดังมาจากภายนอก อย่างน้อยที่สุดมู่อี้ก็รับรู้ได้ว่า มีคนมากกว่า 20 คนที่รวมตัวกันอยู่ข้างนอก
“ท่านนักพรตเต๋ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”
เสียงที่วุ่นวายนั้นทําให้หลี่เหล่าลือตื่นขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นมาจากเตียงและถามม่อี้ด้วยความ สงสัย
ในตอนนี้พื้นที่รอบๆบ้านนั้นสว่างไสวไปด้วยคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นมาและแสงสว่างนั้นก็ลอดผ่า นหน้าต่างเข้ามาเผยให้เห็นใบหน้าของหลี่เหล่าลือที่กําลังตกตะลึง
“ไม่แน่ใจ ออกไปดูกันเถอะ” มู่อี้ส่ายศีรษะและลุกออกจากเตียงไปทันที โชคดีที่การหยด เลือดของเขาสําเร็จแล้วไม่อย่างนั้นแล้วหลี่เหล่าฉือและต้าหนิวคงไม่อาจรับมือกับสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นข้างนอกได้แน่นอน
มู่อี้เปิดประตูแล้วเดินนําออกไปทันที เขาเห็นผู้คนมากมายที่รวมตัวกันอยู่บริเวณลานหน้าบ้า นตระกูลใหญ่
เป็นหญิงชราผมสีขาวเงินที่ถือไม้เท้าอยู่ในมือของนางและพ่อบ้านที่พาพวกเขามาที่นี่เมื่อคืนนี้ ที่ยืนอยู่บริเวณลานหน้าบ้านตระกูลใหญ่ด้วยเช่นกัน
นอกจากสมาชิกในตระกูลไม่กี่คนแล้วคนที่เหลือต่างก็เป็นคนรับใช้ทั้งนั้น ในตอนนี้พวกเขาต่า งก็หน้าซีด ถืออาวุธต่างๆเอาไว้ในมือไม่ว่าจะเป็น ไม้กวาด คราด หรือแม้แต่บางคนก็ถือบัวรดน้ํา เอาไว้ในมือ ทําให้ดูน่าตลกอย่างยิ่ง
แต่มู่อี้กลับหัวเราะไม่ออก
” เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านหรือขอรับ?”
หลังจากมู่อื้ออกมา ทุกๆคนที่อยู่ในลานหน้าบ้านก็จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูกังวล แต่ก็ ไม่มีใครกล้าขยับหรือส่งเสียงอะไรออกมาเลย สายตาของทุกคนมีเพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น
“นักพรตเตผู้นี้ ข้าเห็นเจ้าเดินทางเข้ามาที่นี่จึงเมตตาให้เจ้าพักอยู่ที่นี่สักคืนหนึ่ง แต่ทําไม เจ้าถึงต้องสังหารลูกสะใภ้ของข้าด้วย?” หญิงชราจ้องมองมาที่มู่อี้พร้อมกับพูดออกมาด้วยความ โศกเศร้าและความโกรธ
เมื่อได้ยินคําพูดของหญิงชรามู่อี้ก็ตกตะลึงไปทันที
แม้ว่าเขาจะได้ยินว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นแต่ก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าเขาคือฆาตกร
” ผิดคนแล้ว” นี่คือความคิดแรกของมู่อี้ที่เข้ามาในสมองของเขา
” ท่านหญิงชราขอรับ ข้าจะไปสังหารลูกสะใภ้ของท่านได้อย่างไรกันในเมื่อเมื่อคืนนี้ข้าไม่ได้ ออกจากบ้านหลังนั้นเลย? ท่านตัดสินคนผิดหรือไม่ขอรับ?” มู่อี้พยายามอธิบาย
“สุยเซียง เจ้าเห็นเขาใช่ไหม?” หญิงชราหันหน้าไปมองหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ นางในตอนนี้
“เจ้าค่ะ นายหญิง!”
หญิงสาวที่มีนามว่าสู่ยเซียงคุกเข่าลงบนพื้นทันทีจากนั้นนางก็พูดออกไปว่า “เรียนนายหญิง เป็นชายผู้นี้แหละที่เข้ามาที่ห้องของฮูหยินเมื่อคืนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามร้องขออะไรบางอ ย่างจากฮูหยินและมีการทะเลาะกันเกิดขึ้น ฮูหยินต่อต้านอย่างสุดชีวิตจนท้ายที่สุดนั้นฮูหยินก็ตัด สินใจกัดลิ้นฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองเจ้าค่ะ”
เมื่อหญิงสาวคนนั้นพูดจบน้ําตาของนางก็ไหลออกมาทันที
หลังจากมู่ได้ยินคําพูดของนาง สายตาของเขาก็ดูเฉียบคมขึ้นมาทันที
เดิมที่เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่การเข้าใจผิดกันเท่านั้น แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจใส่ ร้ายเขาและมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่มีเพียงคนแก่และคนที่อ่อนแอ มู่อี้ก็รู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาในใจ
“ฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้นของตัวเองความคิดนี้ไม่ดูโง่ไปหน่อยหรอ ดูเหมือนพวกท่านจะแน่ ใจเหลือเกินนะว่าเป็นข้าที่ลงมือกระทําโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย?” มู่อี้แสยะยิ้มออกมาและข้อ งมองไปที่ทุกๆคน คนเหล่านั้นต่างก็หลบสายตาของเขาไม่มีใครกล้าจ้องมองกลับมาเลย
“เจ้าเป็นนักพรตเต๋ากล้าทําเรื่องสกปรกเช่นนี้ได้ยังไงกัน คอยดูเถอะเจ้าจะต้องโดนสวรรค์ ลงทัณฑ์แน่นอน” หญิงชราจ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยความโกรธ
“สวรรค์ลงทัณฑ์อย่างนั้นหรือ เรื่องแบบนั้นข้าย่อมยอมรับได้ แต่ไม่ใช่การใส่ร้ายจากพวกท่าน แน่นอน” น้ําเสียงของมู่อี้เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านหลังของเขานั้นหลี่เหล่าลือก็รู้สึกหวาดกลัวด้วยเช่นกัน เมื่อคืนเขาเหนื่อยมากจนหลับลึก และไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เขาก็เข้าใจมู่อี้เป็นอย่างดี มู่อี้ไม่มีทางทําเรื่องเช่นนี้แน่นอน
มีเพียงต้าหนิวที่ยังคงอยู่ในบ้านเท่านั้น ความจริงแล้วตราบใดที่ม่อี้ไม่พูดอะไรหน้าที่ของมันก็ มีเพียงแค่ดูแลต้นไผ่แห่งชีวิตให้ดีที่สุดเท่านั้น
“นายหญิงขอรับ อย่าไปเสียเวลาพูดคุยกับคนอกตัญญแบบนี้เลย ขาส่งคนไปแจ้งเรื่องนี้กับ เจ้าหน้าที่ทางการแล้ว พวกเราก็แค่จับตัวเขาเอาไว้ให้ได้พอถึงตอนเช้าเจ้าหน้าที่ทางการก็ส่งค นมาตรวจสอบเรื่องนี้เองขอรับ” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาในตอนนี้
ความจริงแล้วเมื่อคืนนี้เขาเป็นคนรับเงินของมู่อี้เองและพากลุ่มของมู่อี้เข้ามาในบ้านหลังนี้
มู่อี้จ้องมองไปที่พ่อบ้านคนนี้และเริ่มคิดว่าเป้าหมายของคนเหล่านี้คืออะไรกันแน่
ถ้าต้องการเงินจากเขาจริงๆทําไมต้องทําเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วย? อีกฝ่ายยังต้องการจับตัวเขาส่ง เจ้าหน้าที่ทางการด้วยงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่คงไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินแล้ว
ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินประเด็นหลักก็น่าจะเกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่เป็นผู้เสียชีวิต อาจเป็นการ ฆาตกรรม? แต่จากที่หญิงสาวที่มีนามว่าสุ่ยเซียงพูดออกมานั้น หญิงสาวที่เสียชีวิตนั้นกัดลิ้นของ นางเพื่อฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายเช่นนี้ไม่อาจทําได้ง่ายๆเว้นแต่ว่านางจะต้องการฆ่าตัวตายจริงๆ
เป็นการฆ่าตัวตายจริงๆหรือ? แต่เพื่ออะไรล่ะ? และถ้าหากมันเป็นการฆ่าตัวตาย ทําไมถึงมา เกี่ยวข้องกับเขาด้วย?
ดังนั้นในตอนนี้ม่อี้จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เว้นแต่ว่าเขาจะได้เห็นศพของหญิง สาวที่กัดลิ้นฆ่าตัวตาย เขาถึงจะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาบ้างและอาจจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่อีกฝ่าย คงไม่เปิดโอกาสให้เขาทําแบบนั้นแน่นอน
“นักพรตเต๋น้อย จงยอมมอบตัวซะแล้วข้าจะให้ความเมตตากับเจ้าบ้าง มิฉะนั้นแล้วหากเจ้า ขัดขืนเจ้าก็ต้องเจ็บตัวแน่นอน” หญิงชราจ้องมองมาที่มู่ในตอนนี้
“ข้าดูเป็นคนโง่มากนักหรือไง? หรือไม่ก็พวกเจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัขจนสมองไม่อาจแยกแยะเหตุ ผลอะไรได้อีกแล้ว?” คําพูดของมู่ในตอนนี้ทําให้ทุกๆคนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆและเมื่อหญิงช ราได้ยินคําพูดของมู่อื่นางก็รู้สึกโกรธจนตัวสั่นทันที
นางฟาดไม้เท้าของตนเองไปในอากาศและมืออีกข้างหนึ่งของนางก็ชี้มาที่มู่อี้ “ดูเหมือนว่าเจ้า จะไม่รู้สินะว่าตอนนี้เจ้าควรทําตัวเช่นไร ในเมื่อเจ้าไม่ยอมจํานน เช่นนั้นแล้วทุกๆคนจงไปจับตัว นักพรตเต๋ผู้นี้เอาไว้ จับเป็นหรือตายก็ได้ทั้งนั้น”
เห็นได้ชัดว่าหญิงชราโกรธมากแล้วจริงๆ
“รับทราบขอรับ นายหญิง”
บางที่อาจเป็นเพราะว่ามู่ลี้ยังอายุน้อยทุกๆคนจึงคิดว่าเขาไม่ได้มีพลังมากสักเท่าไหร่ ดังนั้น หลังจากได้ยินคําพูดของหญิงชรา คนในตระกูลหลายๆคนก็นําอาวุธของตนเองอย่างขวาน ดาบ และมีดสั้นออกมาพร้อมกับพุ่งเข้ามาหามู่อื้อย่างรวดเร็วทันที
หลี่เหล่าลือที่อยู่ด้านหลังรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในตอนนี้ แม้แต่หญิงรับใช้ของบ้านหลังนี้เขาก็ ไม่มีทางเอาชนะได้แน่นอน
มู่อี้จ้องมองทุกๆคนที่ตรงเข้ามาจับตัวเขาด้วยสีหน้าที่ดูเฉยเมย เขาไม่ได้ต้องการสังหารคนก ลุ่มนี้เลยด้วยซ้ํา ความจริงแล้วหลังจากที่เขาสังหารคนธรรมดาไปเป็นจํานวนมากเมื่อหลา ยวันก่อนเขาก็รู้ดีว่าจิตใจของตนเองไม่มั่นคงอีกต่อไป ดังนั้นช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมาเขาจึงพยา ยามทําให้จิตใจของตนเองกลับมามั่นคงอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนนี้ตราบใดที่เขาต้องการเขาสามารถฆ่าทุกๆคนได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่อยากทํา ให้จิตใจของตนเองรู้สึกไม่มั่นคงอีกครั้งเพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้ จิตใจของเขาเพิ่งจะกลับมามั่นคง หนักแน่นเหมือนเดิมได้ไม่นานนักและอีกอย่างเขาก็ไม่ได้ชอบสังหารผู้บริสุทธิ์ตามอําเภอใจ
แต่แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังหารคนกลุ่มนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมจํานน และเขาก็อยาก เห็นว่าอีกฝ่ายจะลงมือเช่นไร