Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 156
ตอนที่ 156 กัดลิ้นฆ่าตัวตาย
เมื่อกลุ่มคนที่ล้อมรอบเข้ามาใกล้ยังไม่เห็นว่ามู่อี้จะแสดงท่าที่ขัดขืนออกมาเลย สีหน้าของ พวกเขาก็แสดงความดีใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะก่อนหน้านี้พ่อบ้านเป็นคนพูดเอาไว้ ว่าใครก็ตามที่จับตัวฆาตกรได้จะมีรางวัลมอบให้
แต่ทันใดนั้นทุกๆคนที่กําลังโอบล้อมเข้ามานั้นก็เห็นว่ามู่อี้ที่กําลังยืนนิ่งอยู่ก็สะบัดมือออกมาอ ย่างกะทันหันและกลุ่มคนที่กําลังโอบล้อมเขานั้นก็กระเด็นและล้มลงไปที่พื้นทันที
“โอ๊ย!”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทําให้ทุกคนต้องตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลายๆคนมองไม่เห็ นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขากําลังจับตัวฆาตกรได้แล้วทําไมถึงกระเด็นออกไปแบบนั้น?
แต่ดูเหมือนว่าพ่อบ้านคนนั้นจะฉลาดกว่าคนอื่นอยู่บ้างและสายตาของเขาก็เผยให้เห็นความ ตกใจทันที
หญิงชราก็จ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยความประหลาดใจ นางสงสัยว่ามู่อี้ทําได้อย่างไรกัน
มู่อี้ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าและทุกๆคนที่กําลังล้อมรอบเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็รีบถอยไปทันที ราวกับว่ามู่อี้เป็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง
” เจ้า เจ้าคิดจะทําอะไรกัน?” แม้ว่าหญิงชราจะไม่ได้ถอยหลังกลับไปด้วย แต่นางก็กําไม้เท้าที่ อยู่ในมือเอาไว้แน่นและตะโกนใส่มู่อี้ด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ
“เดิมที่ข้าต้องการพักที่นี่เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้นและออกจากที่นี่พร้อมกับทิ้งเงินเอาไว้ ให้ก่อนฟ้าสางตามที่พวกท่านได้บอกไว้ แต่ดูเหมือนว่าพวกท่านกลับใส่ร้ายข้าโดยไม่มีเหตุผลและ ยังพยายามใช้กําลังเข้ารุมทําร้ายข้า ถ้าหากวันนี้ข้าไม่ลงมือกลับไปบ้างคงทําให้พวกท่านต้องผิดห วังแล้วใช่ไหม?” มู่อี้พูดออกมาเบาๆ
“ไร้สาระ พวกเราได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับเจ้าหน้าที่ทางการไปแล้ว ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากมีค วามผิดมากกว่านี้ก็จงมอบตัวซะ” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงชราก็พูดขึ้นมาทันที
“ในเมื่อพวกท่านแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็อยากเห็นจริงๆว่าลูกสะใภ้ของ พวกท่านตายอย่างไรกัน” มู่อี้พยักหน้าทันที ความจริงแล้วตราบใดที่เขาต้องการจะออกไปจากที่ นี่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้แน่นอน แต่กลับกันเขากลับไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก ตามที่เขาพูด ไว้ในเมื่ออีกฝ่ายเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาขนาดนี้เขาก็ต้องตอบแทนกลับไปด้วยเช่นกัน
และในตอนที่เขาเข้ามาในหมู่บ้านเมื่อคืนเขาก็รู้สึกได้ว่าสถานการณ์มันแปลกประหลาดไป เล็กน้อย แต่ในตอนนั้นเขาคิดว่าคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนเองและไม่ได้อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้ นกับหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะกลับตาลปัตรจากสิ่งที่เขาต้องการ เขาถูก กล่าวหาว่าเป็นฆาตกรคนหนึ่ง
“เจ้า เจ้ามันคือฆาตกร ในเมื่อเจ้ายังเล่นลิ้นไม่ยอมรับผิด หญิงชราผู้นี้ก็จะไม่อดทนอีกต่อไป แล้ว” หญิงชราจ้องมองมาที่สีหน้าที่ดูเฉยเมยของมู่อี้ และดูเหมือนว่าความกล้าหาญของนางจะ เพิ่มมากขึ้นจนกล้าจ้องมองมาที่ใบหน้าของมู่ในตอนนี้
มู่อี้ก็ไม่ได้สนใจสายตาของหญิงชราแต่เขากลับมองไปที่หญิงสาวที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นและ พูดขึ้นมาว่า “เจ้าพูดก่อนหน้านี้ว่าเจ้าเห็นข้าลงมือสังหารฮูหยินของเจ้าใช่ไหม?”
เมื่อสุ่ยเซียงได้ยินคําถามของมู่อื่นางก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที ศีรษะของนางก้มต่ําลง และไม่กล้าหันกลับไปมองมู่ลี้
“ในเมื่อเจ้ากล้าพูดเช่นนี้ เจ้าก็ต้องรับผิดชอบคําพูดของตัวเองด้วย จงพาข้าไปที่ห้องของ ฮูหยินของเจ้า” มู่อี้พูดออกมาทันที
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” สู่ยเซียงยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่หญิงชราที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็ ตะโกนออกมาอีกครั้ง แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้มู่อี้อีกเลยและหญิงชรา ทําได้เพียงปล่อยให้ม่อี้คว้าลําคอของสุ่ยเซียงและยกขึ้นมา
ในตอนนี้สุ่ยเซียงเป็นเหมือนกับหุ่นเชิดตัวหนึ่ง ไม่ว่ามู่อี้จะสั่งอะไรนางก็พร้อมที่จะทําตาม
“ไปได้!”
มู่อี้จ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของสุ่ยเซียงและพูดออกมาทันที หลังจากได้ยินคําสั่งของมู่อี้ สุ่ย เซียงก็พยักหน้าหลายครั้งและจากนั้นก็เดินนําออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีก
“ไอ้คนเนรคุณ เจ้ากล้างั้นหรือ” หญิงชราเห็นว่ามู่อี้ไม่ตอบคําถามของนางแต่สุ่ยเซียงก็กําลัง เดินนําทางมู่อี้ไปในตอนนี้ หญิงชราก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีนางตะโกนขึ้นมาและยกไม้เท้าในมือ ของตนเองพร้อมกับฟาดลงไปที่ศีรษะของสุ่ยเซียงอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าหญิงชราคนนี้จะดูมีอายุประมาณ 60 ถึง 70 ปีแต่นางก็ยังคงแข็งแรงดี และเห็นได้ชัด ว่าด้วยแรงที่นางฟาดไม้เท้าออกไปในครั้งนี้คงทําให้สุยเซียงถึงแก่ความตายได้อย่างแน่นอน
สู่ยเซียงมองไม่เห็นไม้เท้าที่ผ่านมาจากทางด้านหลังสีหน้าของนางยังคงสงบนิ่งในขณะที่นาง ก้าวเดินไปข้างหน้า
เมื่อเห็นไม้เท้ากําลังฟาดลงไปบนศีรษะของนางสายตาของทุกๆคนก็รู้สึกตกตะลึงทันที แต่ในตอนที่ไม้เท้ากําลังจะฟาดลงบนศีรษะนั้นลู่อี้ก็เป็นผู้ที่เข้ามารับแทนสู่ยเซียงและคว้าไม้เท้า เอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ช่างน่ารังเกียจอะไรเช่นนี้” มู่อี้ส่ายศีรษะพร้อมกับสะบัดมือ ไม้เท้าก็กระเด็นหลุดออกจาก มือของหญิงชราไปทันที เมื่อไม้เท้าหลุดออกจากมือโดยที่นางไม่ทันตั้งตัวหญิงชราก็ล้มลงไปที่พื้น ทันที
“โอ๊ย!”
หลังจากหญิงชราล้มลงไปที่พื้นนางก็ร้องออกมา และจากนั้นนางก็ตะโกนออกมาว่า “นักพรต เต๋ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลย”
น่าเสียดายที่ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจท่าทีของหญิงชราเลยด้วยซ้ําและแม้แต่ลูกสมุนของนางก็ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อทุกๆคนเห็นว่าหญิงชรายังไม่ลุกขึ้นมาจากพื้นพวกเขาก็ค่อยๆถอยหลัง กลับไปช้าๆ
หญิงชราดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในตอนนี้และนางรีบเปลี่ยนวิธีการ ของตนเองทันที “นักพรตเต๋ หญิงชราผู้นี้คือองค์ไทเฮาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ปิดบังสถานะ และหลีกหนีความวุ่นวายมาอาศัยอยู่ที่นี่ ผู้คนในพระราชวังต้องห้ามต่างก็ยกย่องข้าในเรื่องความ แน่วแน่และความอดทนจนก่อตั้งอนุสรณ์สถานให้กับข้า หากเจ้ากล้าทําร้ายข้าในวันนี้ถือเป็น ความผิดอาญาที่ใหญ่หลวง”
เมื่อม่ได้ยินเช่นนี้เขาก็หยุดนิ่งไปทันที จากนั้นเขาก็หันไปมองหญิงชราที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น พร้อมกับพูดว่า “ความแน่วแน่และความอดทนอย่างงั้นหรือ? ผู้คนในพระราชวังต้องห้ามคงตาบ อดแล้วจริงๆ ถ้าใครจะสร้างอนุสรณ์สถานให้กับท่านก็คงเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความโก หกหลอกลวงใช้ไหม? ”
“เจ้า เจ้า ” หญิงชราที่นั่งอยู่บนพื้นพูดไม่ออกกับคําพูดของม่อี้ อย่างน้อยในความคิดของ นางการพูดล่วงเกินผู้คนในวังหลวงถือเป็นความผิดครั้งใหญ่และมีโทษถึงประหารชีวิต แม้ว่าจะไม่ นับความผิดก่อนหน้านี้แต่คําพูดของมู่ในตอนนี้ก็เพียงพอที่จะประหารชีวิตเขาได้แล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชีวิตของเจ้าจบสิ้นแล้ว ในวันนี้เจ้ากล้าล่วงเกินองค์ไทเฮาผู้นี้ ไม่มีใครช่วยเจ้า ได้อีกแล้ว” หญิงชราหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับว่านางได้เห็นจุดจบของมู่อี้แล้ว
และในตอนนี้สายตาของทุกๆคนต่างก็จ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยความสงสัย คําพูดเมื่อครู่นี้น่ากลัว เกินไปแล้ว พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าองค์ไทเฮานั้นมีอํานาจมากเพียงใด แม้แต่ฮ่องเต้โอรสสวรรค์ก็ยัง ต้องฟังคําพูดของนาง แต่ในตอนนี้กลับมีคนที่กล้าล่วงเกินนางด้วยคําพูดอย่างตรงไปตรงมาง นหรือ?
ในยุคของราชวงศ์นี้นั้น การตัดสินโทษจําคุกเพราะคําพูดถือเป็นเรื่องปกติ คําพูดของมู่ อี้ก่อนหน้านี้ถือเป็นการล่วงเกินอย่างชัดเจน ถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงพระราชวังต้องห้ามจริงๆโทษประ หารชีวิตของเขาคงกลายเป็นความจริงแน่นอน
แต่มู่อี้จะสนใจเรื่องนี้หรือไม่? คําตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
พระราชวังต้องห้ามเป็นเช่นไรในตอนนี้ เขาเชื่อว่าทุกๆคนในโลกใบนี้ล้วนทราบดี แม้ว่าผู้คน จะไม่กล้าด่าทอฮ่องเต้ตามที่สาธารณะแต่คิดว่าเมื่ออยู่ในบ้านของตนเองพวกเขาจะไม่ด่าหรือไง? ทุกๆคนคงสาปแช่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบันตลอดเวลาเมื่ออยู่ในบ้านของตนเอง
ราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินอยู่ในตอนนี้ล้วนต้องการให้ราษฎรของพวกเขาโง่และไร้ความคิ ดมากที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะสามารถปกครองราษฎรทุกๆคนต่อไปได้ง่ายๆและไม่มีใครคิดจะล้ม ล้างการปกครอง
“ไม่จําเป็นต้องให้ใครมาตัดสินหรอก ว่าสิ่งที่ข้าทําไปนั้นมีความผิดหรือไม่ และเช่นเดียวกันข้า ก็ไม่ต้องการให้ใครมาช่วยเหลือข้า” เมื่อม่อี้พูดจบเขาก็เดินออกไปทันทีทิ้งไว้เพียงกลุ่มคนมากมาย ที่กําลังยืนมองหน้ากันอยู่ในตอนนี้
หญิงชรานั้นยังคงนั่งนิ่งอยู่บนพื้น สีหน้าของนางดูงุนงงและสับสนแต่พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ นางนั้นกลับดูเป็นกังวลอย่างยิ่ง
” พวกเจ้าส่งไปที่ตระกูลจางและตระกูลเจ่าเพื่อขอยืมคนของพวกเขามาที่นี่ เจ้าจงเข้าไปใน เมืองและบอกกับท่านหัวหน้าจางว่ามีเรื่องเร่งด่วนให้รีบส่งคนมาที่นี่เร็วเข้า” หลังจากหายตื่นตระ หนกพ่อบ้านคนนั้นก็ออกคําสั่งทันที
เมื่อคนรับใช้คนอื่นได้ยินคําสั่งของเขา ทุกๆคนต่างก็รีบลงมือทําทันทีในตอนนี้สถานการณ์ดู สับสนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
หลี่เหล่าลือเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขา เขาก็กลับเข้าไปในห้องเงียบๆ เดิมทีเขาอยากจะตามมู่ลี้ ออกไปแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหรืออาจเป็นเพราะความกลัวของเขาจึงทําให้เขาเลือกที่จะกลับเข้า มาซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ต่อไป อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีตาหนิวที่พอจะปกป้องเขาได้
ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเห็นหลี่เหล่าลือ แต่ไม่ว่าหญิงชราหรือพ่อบ้านคนนั้นต่างก็รู้ดีว่าหลี่เหล่ าถือเป็นเพียงคนขับรถม้าเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะจับตัวคนขับรถม้าไปก็คงใช้ข่มขู่ฟูอี้ไม่ได้แน่นอน และยังมียักษ์อีกตนหนึ่งที่อยู่ในบ้านหลังนั้นซึ่งทุกๆคนก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ที่นั่นเลย
เพราะแม้ว่าจะเห็นเจ้ายักษ์นั่นดูสงบนิ่งและไม่มีการลงมือใดๆ แต่คงไม่มีใครอยากเข้าไปหา เรื่องมันเพื่อสร้างปัญหาให้กับตัวเองอยู่แล้ว
“นายหญิงขอรับ หรือว่าพวกเรา …” หลังจากพ่อบ้านออกคําสั่งกับทุกๆคนไปแล้ว เขาก็พยุง หญิงชราขึ้นมาจากพื้นและถามออกมาเบาๆ
“ข้าอยากจะรู้นักว่าเขาจะมีข้อแก้ตัวอะไรอีก” หญิงชราเหลือบมองไปยังทิศทางที่มู่อี้เดินออก ไปก่อนหน้านี้แล้วพูดต่อไปว่า “เจ้าไม่ไปดูสู่ยเซียงหน่อยหรือ? ถ้าหากเรื่องในวันนี้จบลงด้วยดีข้า จะมอบรางวัลให้กับเจ้าเอง”
” ขอบคุณมากครับนายหญิง” พ่อบ้านตอบกลับมาด้วยน้ําเสียงที่ยินดี
หลังจากพูดจบหญิงชราก็เดินออกไปพร้อมกับพ่อบ้านคนนั้นทันที
ในตอนนี้สุ่ยเซียงก็ยังถูกม่อี้ควบคุมตัวเอาไว้ ด้วยพลังแห่งจิตใจที่ทรงพลังของมู่ลี้ การควบคุมหญิงสาวคนนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เดิมทีเขาอยากจะสั่งให้สุ่ยเซียงพูดความจริงออกมาตั้งแต่อยู่ที่ลานกว้างแห่งนั้นแต่ดูเหมือนว่า จะไม่มีเวลาให้ทําแบบนั้น
ไม่นานมู่อี้ก็เดินตามสุ่ยเซียงเข้ามาในห้องที่อยู่บริเวณสวนหลังบ้านและเมื่อเปิดประตูเข้าไปมู่ อี้ก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ภายในห้องดูกระจัดกระจายเล็กน้อย โต๊ะถูกกระแทกจนเคลื่อนที่ออกไปจากตําแหน่งเดิม และชั้นหนังสือที่อยู่ข้างๆประตูห้องก็ล้มลงมา แจกันใบหนึ่งตกลงมาแตกบนพื้นห้อง เศษแจกัน มากมายกระจายอยู่บนพื้น และมีคราบเลือดที่แสดงให้เห็นจางๆ
หลังจากสุ่ยเซียงมาถึงที่นี่ก็ไม่กล้าขยับตัวไปไหนอีกเลย ดูเหมือนว่านางกําลังรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจของนางกําลังแปรปรวนอย่างรุนแรงอยู่ในตอนนี้ ถ้าหากมู่อี้บีบบังคับนา งยิ่งกว่านี้จิตใจของนางก็ย่อมทนรับแรงกดดันที่เกิดขึ้นไม่ไหวแน่นอน
ดังนั้นฟูอี้จึงไม่ได้บีบบังคับนางอีกต่อไปและเดินเข้าไปในห้องเพียงคนเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องม่อี้ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าของนางดูไม่ เรียบร้อยและเส้นผมของนางก็กระจัดกระจายอยู่บนเตียงนอน ชุดชั้นในที่นางสวมใส่ถูกฉีกขาดอ อกไปเผยให้เห็นผ้ารัดหน้าท้องที่อยู่ภายในนั้น และผ้าปูที่นอนก็ถูกดึงจนหลุดลงไปอยู่ที่พื้นห้อง
เมื่อลู่อี้เดินเข้าไปใกล้เตียงนอนเขาก็ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ นางดูมีอายุประมาณ 20 ปีและเป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง แต่ในตอนนี้ดวงตาของนางกลับเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว และความเจ็บปวด
ใบหน้าของนางบวมขึ้นมาเล็กน้อยและที่ฝ่ามือของนางก็มีร่องรอยบางอย่างให้เห็นอย่างชัด เจน ริมฝีปากของนางเต็มไปด้วยคราบเลือดและมีคราบเลือดจํานวนมากที่เปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอน ด้วยเช่นกัน และในตอนนี้นางเหลือลิ้นอยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ม่อี้ก็ขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบเจอกับเรื่องแบบนี้แต่เขา ก็สามารถนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนว่าหญิงสาวผู้นี้ทนรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและเลือก ที่จะฆ่าตัวตายในที่สุด แต่ใครกันที่เป็นคนทําเช่นนี้?
ทั่วทั้งห้องนี้ม่อี้ไม่เห็นเสื้อผ้าของผู้ชายหรือของใช้อื่นๆเลย ในเมื่อหญิงสาวคนนี้เป็นลูก สะใภ้นางก็ต้องมีสามีแล้ว แต่สามีของนางไปไหนกัน? เรื่องใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นแต่ทําไมเขายังไม่เห็น สามีของนางเลย
นอกจากหญิงชราแล้วก็มีพ่อบ้านเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขารู้สึกสงสัย แต่เขาคิดว่าพ่อบ้า นคนนั้นคงไม่กล้าพอที่จะทําเรื่องอะไรแบบนี้แน่นอน และถ้าหากเป็นคนรับใช้คนอื่นๆที่ลงมือทํา ไมหญิงชราคนนั้นจะต้องโยนความผิดมาให้เขาด้วย
ในขณะที่มู่อี้กําลังใช้ความคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงเท้าดังมาจากข้างนอกห้อง