Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 159
ตอนที่ 159 จบสิ้น
คําพูดของมู่ในตอนนี้ทําให้ทุกๆคนที่อยู่ในห้องรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที
ชายชราอีก 2 คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยก็รู้สึกตกตะลึงมากที่สุด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่า มู่่อี้หมายถึงอะไรเดิมทีพวกเขาก็ใกล้ชิดและคุ้นเคยกับตระกูลดังอยู่แล้ว หลังจากลูกชาทั้งสองคนของตระกูลคังเสียชีวิตไปนั้น ตระกูลดังก็เหลือเพียงหญิงชราผู้นี้กับลูกสะใภ้ของนางเท่านั้น พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าตระกูลคังจะมีทายาทผู้สืบทอดคนอื่นอีกเลย
ชืออู่ไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่นักแต่เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ราวกับว่ากําลังคิดประมวลผลคําพูดสุดท้ายของมู่ลี้
พ่อบ้านก็เริ่มกลับมาขยับตัวได้แล้วและเมื่อเขาได้ยินคําพูดของมู่ลี้ เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่ดูโศกเศร้าทันที
สุ่ยเซียงก็หน้าซีดและดูหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
ส่วนหญิงชราแห่งตระกูลดังผู้นี้กําลังจ้องมองมาที่มู่อี้และสีหน้าของนางดูโกรธแค้นฟูอื้อย่างยิ่ง
“เจ้าอยากจะตายหรืออยากมีชีวิตอยู่ต่อไป?” มู่อี้ไม่ได้สนใจท่าทีของหญิงชราแต่หันไปหาสู่ยเซียงและถามขึ้นมาทันที
“ข้า …” สุ่ยเซียงได้ยินคําพูดของมู่อี้แต่นางก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมาและเหลือบมองไปที่หญิงชราด้วยความหวาดกลัว
“ถ้าหากเจ้าอยากจะตาย ข้าบอกได้เลยว่าที่นี่ไม่มีใครช่วยเหลือเจ้าได้แน่นอน แต่ถ้าหากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ตราบใดที่เจ้าพูดความจริงข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ใครสัมผัสเจ้าได้แม้แต่ปลายเล็บและหลังจากเรื่องนี้จบลง แล้ว ข้าจะมอบเงินให้เจ้าก้อนหนึ่ง เจ้าจะได้ออกไปใช้ชีวิตตามที่เจ้าต้องการ” มู่อี้จ้องมองมาที่สุ่ยเซียงและพูด ขึ้นมาทันที
“ไอ้สารเลว …” เมื่อหญิงชราได้ยินคําพูดของมู่อี้ นางก็รับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องร้ายกําลังจะเกิดขึ้นแล้วและ พยายามหยุดเรื่องนี้
แต่ก่อนที่นางจะได้พูดอะไรต่อ มู่อี้ก็จ้องมองมาที่นางด้วยสายตาที่เย็นชา
ทันใดนั้นร่างของหญิงชราก็นิ่งไปทันทีและไม่ว่านางจะพยายามมากเพียงใดปากของนางก็ไม่อาจเปิดขึ้นมาได้อีก สายตาของนางที่จ้องมองมาที่มู่อี้เริ่มแสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น
“พูดมา เจ้ามีเพียงแค่โอกาสเดียวเท่านั้น เจ้าย่อมรู้ดีว่าหญิงชราผู้นี้เป็นคนอย่างไร คิดหรือว่าหลังจากนี้นางจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตไปได้?” มู่อี้พูดต่อไป
คําพูดของเขานั้นสุ่ยเซียงเข้าใจได้อย่างชัดเจนและเมื่อนางนึกถึงสิ่งที่หญิงชราทํากับนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ในที่สุดสุ่ยเซียงก็ดูมั่นใจขึ้นมาทันที นางจ้องมองมาที่ม่อี้และพยักหน้า “ข้าจะพูด”
เมื่อได้ยินสู่ยเซียงตอบกลับมาเช่นนี้ มู่อี้ก็ยิ้มขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะมีอีกหลายวิธีที่จะทําให้หญิงสาวผู้นี้ เปิดเผยความจริงออกมาแต่วิธีที่ดีที่สุดก็ย่อมเป็นการที่นางพูดความจริงออกมาด้วยตนเอง
ในขณะเดียวกันการกระทําของหญิงสาวนั้นก็ถือว่าเป็นการหักหลังหญิงชราอย่างชัดเจน
บางครั้งการฆ่าศัตรูด้วยการโจมตีที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวนั้นคงทําให้ศัตรูสบายเกินไป ทางที่ดีที่สุดก็คือทําให้ศัตรูรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด ทําให้ศัตรูรู้สึกว่าตนเองกําลังสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิตไป ความเจ็บปวดในจิตใจนั้น รุนแรงยิ่งกว่าความเจ็บปวดด้านร่างกายเสียอีก
“เจ้าห้ามพูด! เจ้าห้ามพูดอะไรออกมาทั้งนั้น!” แม้ว่าหญิงชราจะไม่อาจพูดอะไรได้แต่พ่อบ้านที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นก็ตะโกนออกมาทันที
ครั้งนี้ไม่ต้องให้มู่อี้ลงมือ ชื่ออู๋ก็เดินตรงเข้าไปและถีบไปที่พ่อบ้านคนนั้นทันที “หุบปากของเจ้าซะ”
“แม่นางโปรดวางใจได้เลย ตราบใดที่สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้าจะเป็นผู้คุ้มครองความปลอดภัยของเจ้าเอง” ชืออู๋ก็จ้องมองมาที่สุ่ยเซียงและพูดออกมาเช่นนี้
เมื่อมีชืออู๋ยืนยันอีกเสียง สุ่ยเซียงก็ดูมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะมู่อี้เป็นเพียงนักพรตเต๋าคนหนึ่งในใจของสุ่ยเซียงนั้นตําแหน่งหน้าที่ของมู่อี้ยังไม่อาจเทียบกับชืออู๋ได้เลย
“ความจริงแล้ว การที่นายหญิงน้อยถูกบีบบังคับจนต้องเสียชีวิตนั้นเป็นฝีมือของนายท่านรอง” สุ่ยเซียงพูดขึ้นมาทันที ไม่ว่าหญิงชราหรือพ่อบ้านต่างก็แสดงสีหน้าที่ดูสิ้นหวังออกมา
“มันจบแล้ว มันจบสิ้นแล้ว” พ่อบ้านยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและพูดซ้ำไปซ้ำมา
“นายท่านรอง? นายท่านรองของเจ้ามาจากที่ไหนกัน?” จ้าวเฉวียนถามขึ้นมาเป็นคนแรกทันที เพราะตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มาเขาเพิ่งรู้ว่าตระกูลดังจะมีสมาชิกตระกูลเพิ่มขึ้นมาอีกคนนึ่งด้วย
“นายท่านรองไม่ได้ใช้นามสกุลดัง เขาเป็นลูกนอกสมรสของหญิงชราผู้นี้กับชายคนอื่น หญิงชราให้เขาอาศัยอยู่นอกหมู่บ้านมาโดยตลอด จนกระทั่งนายน้อยเสียชีวิตไปหญิงชราจึงรีบไปรับตัวเขาเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่เดิมที่นางวางแผนเอาไว้ว่าจะแต่งตั้งให้เขาเป็นบุตรชายที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุดและเขาจะเป็นผู้ที่ได้รับมรดก อย่างถูกต้องของตระกูลดัง แต่ใครจะคิดกันว่าในคืนนั้นหลังจากนายท่านรองดื่มเหล้าจนเมามาย เขาก็ไปหา นายหญิงน้อยที่เป็นหญิงหม้ายอาศัยอยู่ภายในตระกูล นายหญิงน้อยขัดขึ้นทุกวิถีทาง แต่นายท่านรองก็บีบบังคับและใช้กําลังเข้าข่มขืนนาง ท้ายที่สุดนั้นนายหญิงน้อยไม่อาจทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้และเลือกที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตนเอง”
หลังจากสุ่ยเซียงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาแล้วนั้นนางก็ไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาของหญิงชรา และพูดความจริงทุกอย่างออกไปทันที
“หลังจากนายท่านรองบีบบังคับนายหญิงน้อยจนถึงแก่ความตายแล้วนั้น เขาก็ไปหาหญิงชราผู้นี้ทันทีในตอนแรกหญิงชราพยายามจะปิดบังเรื่องนี้เอาไว้และจะบอกกับทุกๆคนว่านายหญิงน้อยเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่พ่อบ้านคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่ามีนักพรตเต๋าคนหนึ่งที่เข้ามาขออยู่อาศัยในตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผน การโยนเรื่องทุกอย่างให้เป็นความผิดของท่านนักพรตเต๋และสร้างเรื่องว่านายหญิงน้อยเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองและตระกูลดังจะต้องได้รับรางวัลตอบแทนจากทางราชสํานักด้วยเช่นกัน หลังจากหญิงชราได้ฟังเช่นนี้แล้วนางก็สั่งให้ข้าที่เป็นคนรับใช้ใส่ร้ายท่านนักพรตเต๋าทันที”
“สาระเลว!”
“ไร้ยางอายยิ่งนัก!”
จ้าวเฉวียนและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกโกรธขึ้นมาพร้อมๆกัน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหญิงชราแห่งตระกูลดังที่เพื่อนบ้านทุกๆคนให้ความเคารพนับถือมาโดยตลอดจะเป็นคนเช่นนี้ ไม่เพียงแต่นางจะมีลูกนอกสมรสเท่านั้น แต่เมื่อลูกนอกสมรสของนางบีบบังคับให้ลูกสะใภ้ของนางต้องฆ่าตัวตายนางกลับเลือกที่จะโยนความผิดให้คนอื่น
การกระทําเช่นนี้ของหญิงชรา แม้แต่การลงโทษขังนางเอาไว้ในคอกหมูก็ยังไม่พอที่จะชดใช้ความผิดทั้งหมด
หลังจากสุ่ยเซียงพูดจบ ทั้งหญิงชราและพ่อบ้านต่างก็ดูละอายใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าใจว่าเรื่องทุกอย่างจบสิ้นแล้วและจุดจบที่น่าสังเวชของพวกเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขอะไรได้อีก
“แล้วนายท่านรองของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?” มู่อี้จ้องมองไปที่สุ่ยเซียงและถามขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาอยู่ในห้องของหญิงชราผู้นี้ เป็นห้องลับที่อยู่ด้านหลังชั้นหนังสือ” สุ่ยเซียงพูดขึ้นมาด้วยความยินดี
“พวกเจ้าทั้งสองคนไปพาตัวเขามาที่นี่” ชืออู๋ออกคําสั่งกับเจ้าหน้าที่ของทางการที่เป็นลูกน้องของตนเอง และกําลังยืนอยู่หน้าห้องนี้
แม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ข้างนอกห้องแต่ก็ได้ยินเรื่องทุกอย่างชัดเจน ในยุคของราชวงศ์นี้นั้นถือว่าจิตใจที่บริสุทธิ์ของมนุษย์นั้นสําคัญยิ่งกว่าชีวิตของมนุษย์เสียอีก หญิงชราได้กระทําความผิดจนยากจะให้อภัยได้และ ยังพยายามโยนความผิดนั้นให้กับคนอื่นๆด้วย มีเพียงคําว่าไร้ยางอายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะอธิบายการกระทําของนางได้
โชคดีที่เป็นมู่อี้ ถ้าหากเปลี่ยนจากเขาเป็นคนธรรมดาคนอื่นๆ น่ากลัวว่าคนคนนั้นคงต้องยอมรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้กระทํา
ในตอนที่ชื่ออู่สั่งให้ลูกน้องไปพาตัวคนผิดมาที่นี่ จาวเฉวียนและคนอื่นๆต่างก็ขอโทษมู่อี้ทันที ชืออู๋ก็จ้องมองมู่อี้ด้วยสายตาที่ดูเคารพและชื่นชมมากยิ่งขึ้น
ส่วนหญิงชราและพ่อบ้านนั้น พวกเขาย่อมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เมื่อสุ่ยเซียงเปิดเผยความจริงทุกอย่างออกไปแล้วชีวิตของพวกเขาก็ถือว่าจบสิ้นแล้ว
“ปล่อยข้าออกไป ปล่อยข้าออกไป ใครสั่งให้พวกเจ้ามาจับตัวข้า” หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงตะโกนดังมาจากภายนอก และเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนที่เป็นลูกน้องของชืออู๋ก็ลากตัวชายอ้วนคนหนึ่งเข้ามาในห้องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ยั้งมือหรือแสดงท่าทีที่สุภาพเลย พวกเขาลากขาของชายอ้วนคนนั้นมาตามพื้นอย่างรุนแรงและชายอ้วนคนนั้นก็ร้องตะโกนออกมาอยู่ตลอดเวลา
“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วยเร็วเข้า ชายอ้วนดูเหมือนจะเข้าใจว่ามีเรื่องร้ายแรงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอนดังนั้น เมื่อเขาได้เห็นหญิงชราจึงรีบตะโกนออกมาทันที
“ดี ในเมื่อแม่และลูกได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป” มู่อี้จ้องมองไปที่ชายอ้วนและพูดออกมาเบาๆ
“อย่า อย่าฆ่าข้าเลย” ในตอนนี้ชายอ้วนที่มีตําแหน่งเป็นนายท่านรองก็ร้องตะโกนออกมาทันที น้ำมูกน้ำตา ของเขาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยกลับทําให้ทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้รู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ถ้าหากข้าส่งคนเหล่านี้ให้อยู่ในมือของท่าน ท่านจะทําเช่นไรต่อไป?” มู่อี้พูดพร้อมกับหันไปมองชืออู๋
“ขังเอาไว้ในกรงหมูเก่า มีเพียงศีรษะเท่านั้นที่โผล่ออกมา” ชืออู๋ตอบกลับมาทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้นายท่านรองก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ไหลออกมาบริเวณเป้ากางเกงของเขาทันที
“คงลําบากท่านเกินไปแล้ว” มู่อี้ส่ายศีรษะ จากนั้นเขาก็หันหน้าไปอีกทางด้านหนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ข้าบอก แล้วว่าข้าจะล้างแค้นให้กับเจ้าเอง เดิมที่ข้าจะทําให้พวกเขาตายไปช้าๆแต่เพื่อให้เจ้ารู้สึกปลอดภัยในยามที่ต้องเดินทางไปปรโลก ข้าจะส่งพวกเขาเดินทางไปพร้อมกับเจ้าเอง เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเจ้าจะไม่ต้องรู้สึกเหงาอีกต่อไป และเจ้ายังสามารถแก้แค้นได้ตามที่เจ้าต้องการ”
คําพูดของมู่อี้ดูสงบนิ่งและเหมือนว่าเขากําลังพูดอะไรออกมาเท่านั้น แต่สุ่ยเซียง หญิงชรา และพ่อบ้านต่าง ก็แสดงสีหน้าที่ดูหวาดกลัวออกมาทันที
แม้แต่ชืออู๋ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา ทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“อย่า ข้ายังไม่อยากตาย” หญิงชราร้องตะโกนออกมาทันที สีหน้าของนางดูบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น
“อย่าเข้ามานะ เจ้าตายไปแล้ว นางสาระเลว”
“ข้าฆ่าเจ้าเอง ข้าเป็นคนฆ่าเจ้าเอง”
ทันใดนั้นหญิงชราก็ดูบ้าคลั่งขึ้นมาทันที สายตาของนางมีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้นที่แสดงออกมา
“บ้าไปแล้วงั้นหรือ? อืม” มู่อี้พยักหน้าจากนั้นเขาก็มองไปที่ชื่อ “ขอยืมมือของท่านประหารชีวิตคนเหล่านี้ได้หรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่ามู่อี้ต้องการรักษาคําสัญญาที่เขาให้ไว้และต้องการประหารชีวิตหญิงชราและพ่อบ้านในบ้านหลังนี้ทันที
“ท่านนักพรตเต๋า ส่งตัวพวกเขาให้กับทางศาลพิพากษามณฑลไม่ดีกว่าหรือขอรับ? ข้ายืนยันได้เลยว่าพวกเขาจะต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสมแน่นอน” ชื่ออู่พูดกับมู่อี้ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ ถ้าหากเขาอนุญาตให้มู่อสังหารคนเหล่านี้แน่นอนว่าเขาก็ต้องมีความผิดด้วยเช่นกัน
แม้ว่าคนเหล่านี้ได้กระทําความผิดจนสมควรตาย แต่พวกเขาก็ต้องถูกส่งตัวไปที่ศาลพิพากษามณฑลและ การลงโทษล้วนขึ้นอยู่กับผู้พิพากษาเท่านั้น
“คงสบายเกินไปสําหรับพวกเขา” มู่อี้ส่ายศีรษะและจากนั้นเขาก็ไม่ให้ชื่ออพูดอะไรต่อไปอีก เสียงที่เหมือนกับนกหวีดดังขึ้นมาเบาๆและดาบยาวของชื่ออู่ก็พุ่งเข้ามาอยู่ในมือของมู่อื้อย่างรวดเร็ว
“ฆ่าพวกเขาทั้งสองคนแล้วเจ้าจะรอดไปได้” มู่อี้ ไม่ได้ใช้ดาบในมือสังหารทั้งสองคนทันที แต่กลับยื่นดาบให้กับชายอ้วนที่เป็นนายท่านรอง
“จริงหรือ?” ชายอ้วนจ้องมองมาที่มู่อี้ราวกับว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตของเขา
“แน่นอน ข้าย่อมพูดความจริงอยู่แล้ว” มู่อี้พยักหน้า
“ได้สิ ได้เลย ข้าจะฆ่าพวกเขาเอง” ชายอ้วนไม่ลังเลอีกต่อไปเขาลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับถือดาบเอาไว้ในมือ คนแรกที่เขาเดินเข้าไปหาก็คือพ่อบ้านที่กําลังคุกเข่าอยู่บนพื้น “ไอ้สุนัขเฒ่า เรื่องทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าไม่คอยขัดขวางข้าหลายครั้งชีวิตของนายท่านผู้นี้จะลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? “
หลังจากพูดจบดาบในมือของเขาก็ฟันไปที่ลําคอของพ่อบ้านอย่างรุนแรง
พ่อบ้านไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบการโจมตีครั้งนี้ เขาตายไปทันที
หลังจากชายอ้วนสังหารพ่อบ้านไปแล้วและคราบเลือดจํานวนมากก็กระจายอยู่บนใบหน้าของเขา เขาก็หันมาหาแม่แท้ๆของตัวเองทันทีและจากนั้นเขาก็พูดออกมาโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ “ท่านแม่ ท่านเองก็กลายเป็นคนเสียสติไปแล้วย่อมไม่ต่างอะไรจากคนตายคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วท่านก็ยอมเสียสละชีวิตเพื่อลูกชายคนนี้เถอะ ข้าสัญญาว่าจะเผาเงินกระดาษไปให้ท่านทุกๆปี”
หลังจากพูดจบชายอ้วนก็แสดงสีหน้าที่โหดเหี้ยมออกมาดาบในมือของเขาก็ฟันเข้าไปที่ร่างกายของหญิงชราอย่างรุนแรงทันที
ในตอนนี้คนผิดทั้ง 2 คนได้เสียชีวิตด้วยมือของเขาแล้ว
ทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็รู้สึกตกตะลึง พวกเขาไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะจบลงเช่นนี้ ในโลกใบนี้มีคนที่เห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้เลยหรือ?
“ข้าลงมือสังหารพวกเขาตามที่ท่านบอกแล้ว ตอนนี้ข้าไปได้หรือยัง?” ชายอ้วนถือดาบในมือของตนเองเอาไว้แน่น คราบเลือดยังคงหยดลงมาจากใบหน้าของเขาในขณะที่เขาจ้องมองมาที่ม่อี้ด้วยสายตาที่ดูกังวล