Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 160
ตอนที่ 160 อธิบาย
“ถ้าเจ้าอยากจะไป เช่นนั้นก็จงไปได้เลย” มู่อี้ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายแต่พูดออกมาอย่างเฉยเมย
“ท่านพูดจริงๆนะ” ชายอ้วนตอบกลับมาทันที
“ทําไมล่ะ? ข้าบอกว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ฆ่าเจ้าด้วย” มู่ส่ายศีรษะและเมื่อเขาพูดขึ้นมาเช่นนี้ สายตาของชื่ออู่ก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที
เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้วนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยลดปัญหาให้กับเขาได้มากเลยทีเดียว
และในตอนนี้เขาไม่อาจปล่อยให้ชายอ้วนที่เป็นผู้กระทําผิดของคดีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้รอดออกไปจากที่นี่ได้ เมื่อได้ยินมู่อี้พูดออกมาเช่นนี้ในใจของเขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที
แต่ก่อนที่ชื่ออู่จะได้ลงมือนั้น เขาก็เห็นว่าอยู่ๆดวงตาของชายอ้วนก็เบิกกว้างขึ้นมาและจากนั้นอีกฝ่ายก็ตะโกนออกมาทันที “เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรอ? อย่าเข้ามานะ เจ้าวิญญาณร้าย”
ถ้าหากเป็นหญิงชราพูดขึ้นมาเช่นนี้ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่คงคิดว่านางเสียสติไปแล้วและการที่ม่อี้พูดคนเดียว ก่อนหน้านี้ทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็คิดว่านั่นเป็นเพียงอุบายอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นท่าทีของชายอ้วนในตอนนี้ทุกๆคนก็รู้สึกยากที่จะเชื่อได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
ในตอนนี้สีหน้าของชายอ้วนแสดงความหวาดกลัวออกมา ดวงตาของเขาปิดสนิทไม่กล้ามองไปที่ใดและดาบในมือของเขาก็กวัดแกว่งไปมา ราวกับว่าเขากําลังขับไล่อะไรบางอย่าง
“ท่านนักพรตเต๋า นี่มัน…” ชื่ออู่ที่งียบมาโดยตลอดก็เอ่ยถามมู่ลี้ขึ้นมาเบาๆ
“ดูด้วยตาตัวเองเถอะ” มู่อี้ตอบกลับมาทันที
“ข้าฆ่าเจ้าเอง ข้าเป็นคนลงมือฆ่าเจ้าเอง” ชายอ้วนยังคงพูดออกมาอย่างต่อเนื่องดวงตาของเขายังคงปิดสนิทไม่กล้าลืมตาขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมากเรื่อยๆและระเบิดออกมาจากเบ้าตา ราวกับว่ามีใครบางคนได้ควักลูกตาของเขาออกมา
“อ๊าก!”ชายอ้วนกรีดร้องออกมาทันที
ชื่ออู่และคนอื่นๆต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในตอนนี้
สิ่งที่พวกเขาได้เห็นนั้นดูน่าตกตะลึงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆและจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าชายอ้วนค่อยๆยืนขึ้นมาช้าๆ แต่ท่าทางการยืนของเขานั้นไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติเลย มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกําลังบีบคอและดึงร่างกายของเขาขึ้นมา จนท้ายที่สุดปลายเท้าของเขาก็ลอยขึ้นมาจากพื้น..
“อัก อัก…”
มือทั้งสองข้างของชายอ้วนกุมเอาไว้ที่ลําคอของตนเองและเหมือนพยายามดึงอะไรบางอย่างออกไปตลอดเวลา แต่ลมหายใจของเขาก็เริ่มขาดช่วงมากขึ้นเรื่อยๆและเส้นเลือดบนลําคอของเขาก็ปูดบวมขึ้นมาจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและดวงตาที่ระเบิดออกมานั้นก็มีเลือดไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา
ท้ายที่สุดร่างของชายอ้วนก็สั่นอย่างรุนแรงและแน่นิ่งไปทันที ท้ายที่สุดนั้นมือที่มองไม่เห็นที่คว้าลําคอของเขาอยู่ก่อนหน้านี้ก็ปล่อยออกและร่างกายของเขาก็หล่นลงมาที่พื้นห้องอีกครั้งหนึ่ง
“เมื่อได้แก้แค้นแล้ว ความเกลียดชังของท่านก็ถือว่าได้รับการชําระล้างแล้ว จงไปสู่ภพภูมิที่ดีเถอะนะขอรับ” มู่อี้พูดในขณะที่จ้องมองไปยังพื้นที่ว่าง
จ้าวเฉวียนและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที ชื่ออู่ยังดีกว่าคนเหล่านั้นอยู่บ้างแต่เขาก็ดูหน้าซีดขึ้นมาอย่างชัดเจน ส่วนสู่ยเซียงนั้นดูเหมือนจะทนรับสิ่งที่เห็นไม่ได้และเป็นลมไปแล้ว
“ท่านผู้อาวุโส โปรดจัดการเรื่องดวงตาของเขาด้วยนะขอรับ ข้าคิดว่ามันคงกระเด็นไปไม่ไกลแน่นอน” หลังจากนั้นม่อีก็หันไปมองจ้าวเฉวียนและคนอื่นก่อนจะพูดออกมาเช่นนี้
“อะไรกัน? ทําไมต้องเป็นพวกเรา?” จ้าวเฉวียนและคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ จากนั้น พวกเขาก็หันมามองมู่อี้ด้วยความประหลาดใจและไม่รู้ว่าม่อี้หมายความว่าอย่างไรในตอนนี้
“แน่นอนว่าต้องเป็นพวกท่านสิ หรือว่าท่านอยากจะตามเขาไปด้วย?” ม่อี้พูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่ชายอ้วนที่นอนอยู่บนพื้น จาวเฉวียนและคนอื่นๆตัวสั่นขึ้นมาทันที่สีหน้าของพวกเขาแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาหันมามองหน้ากันอีกครั้งและในที่สุดก็เริ่มก้าวเท้าออกมา
โชคดีที่ม่อี้สั่งให้ทุกๆคนร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าหากมีเพียงแค่คนหรือ 2 คนที่ได้ทําหน้าที่นี้พวกเขาคงไม่มีความกล้าขนาดนั้นแน่นอน
“ดวงตาอยู่ไหน ดวงตาอยู่ไหน”
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องทุกๆคนก็พูดเสียงดังออกมาทันที ราวกับว่าพวกเขากลัวว่าม่อี้จะไม่ได้ยินคําพูดของตนเอง
“ในตอนนี้ท่านยังอยากพาข้าไปที่ศาลพิพากษามณฑลอีกหรือไม่?” มู่อี้หันไปมองชื่ออู่ที่ยังคงจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ท่านนักพรตเต๋ล้อข้าเล่นแล้ว ในเมื่อคดีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คลี่คลายไปได้แล้วก็ไม่ต้องรบกวนท่านนักพรตเต๋าอีกแล้วขอรับ” ชื่ออู่ไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่ศัตรูของมู่ลี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าในครั้งนี้ไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง แต่วิธีการของเขานั้นก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการลงมือด้วยตัวเองเสียอีก
แม้ว่าชื่ออู่จะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักคุณธรรมยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง
“ถึงเวลาที่ต้องพูดคุยเรื่องนี้กับพวกท่านแล้ว” ท้ายที่สุดมู่อี้ก็หันไปมองจ้าวเฉวียนและคนอื่นๆ พร้อมกับพูดออกมาทันที
“พวกเราหรอ?” จิวเฉวียนถามกลับมาด้วยความประหลาดใจ
“ความจริงแล้วไม่ใช่แค่พวกท่าน แต่เป็นทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ต่างหาก” มู่อี้พยักหน้า
“โปรดอธิบายมาให้ชัดเจนเถอะ” จ้าวเฉวียนพูดด้วยความเคารพ
“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด หมู่บ้านแห่งนี้น่าจะมีหญิงที่ครองตัวเป็นโสดไม่สมรสกับผู้ใดอยู่หลายคนใช่หรือไม่ขอรับ?” มู่ลี่พูดออกมาตามตรง
จ้าวเฉวียนและคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันด้วยสายตาที่ดูลังเลใจแต่ในที่สุดเขาก็ตอบกลับมาว่า “คงไม่อาจปิดบังต่อท่านนักพรตเต๋าได้ หญิงที่ครองตัวเป็นโสดไม่สมรสกับผู้ใดในหมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่ได้ถือว่าน้อยเลย และในหมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังมีวัดแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อยกย่องบูชาหญิงเหล่านั้น”
“วัดเจียเซียว”
ม่อี้ส่ายศีรษะทันที สถานที่ที่รวมตัวกันของพวกหญิงชราที่มีจิตใจคับแคบทั้งหลาย ไม่รู้ว่าที่แห่งนั้นมีความชั่วร้ายมากมายเพียงใด”
เมื่อได้ยินคําพูดของมู่ลี้ จ้าวเฉวียนและคนอื่นต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านนักพรตเต๋าโปรดระวังคําพูดของตัวเองด้วยขอรับ หญิงทั้งหมดและวัดแห่งนั้นต่างก็อยู่ในการดูแลของราชสํานัก ถ้าหากว่ามีใครได้ยินคําพูดของท่านเข้าคงจะหาทางเอาผิดท่านได้ขอรับ”
“เป็นของทางราชสํานักงั้นหรือ? มีดีแค่ชื่อเสียงน่ะสิไม่ว่า ดูอย่างหญิงชราผู้นี้สิพวกท่านคิดว่านางเหมาะสมที่จะได้รับการยกย่องหรือยังไง?” เขาพูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่หญิงชราที่ยังคงนอนตายอยู่ที่พื้น
หลังจากได้ยินคําพูดของมู่อี้ทุกๆคนต่างก็เงียบไปทันทีเพราะความจริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลย ถ้าหากข่าวเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปคงทําให้หมู่บ้านของเขากลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นๆ
คงจะดีถ้าหากมันไม่เป็นแบบนั้น แต่ถ้าหากมีใครกระจายเรื่องนี้ออกไปแล้วก็ …
เมื่อคิดเช่นนี้พวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
จ้าวเฉวียนโค้งคํานับมู่อี้เป็นคนแรกและพูดขึ้นมาว่า “โปรดแนะแนวทางแก่พวกเราด้วยขอรับ”
“พวกท่านจงไปเตรียมของสําหรับพิธีกรรมก่อน และในคืนนี้ข้าจะไปที่แท่นบูชาเพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่าง” มู่อี้เห็นว่าเป้าหมายของเขาสําเร็จแล้วจึงพูดออกมาทันที
“ได้ขอรับ ข้าจะรีบกลับไปเตรียมของ” ชายชราอีกคนพูดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ในใจของพวกเขากลับคิดว่านี่เป็นเพียงแค่คําพูดอ้อมๆของมู่อี้เท่านั้น สิ่งที่พวกเขาต้องเตรียมมีเพียงเงินจํานวนมากที่นํามามอบให้มู่ลี้ และหมู่บ้านแห่งนี้ก็จะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
หลังจากคนอื่นๆออกไปจากห้องนี้แล้วแต่ชื่ออู่ก็ยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ในตอนนี้ภายในบ้านหลังนี้เหลืออยู่เพียง 3 คนเท่านั้น ถ้าหากไม่นับสู่ยเซียงที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น ก็เหลือเพียงแค่เขากลับมู่อี้เท่านั้น
“เจ้าหน้าที่ชื่อพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้หรือไม่?” มู่อี้ถามขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าชื่ออู่จะคิดอะไรอยู่ในตอน
“วันนี้ถือเป็นการเปิดโลกใหม่สําหรับข้าแล้ว” ชื่ออู่พูดออกมาเบาๆ
“ท่านไม่คิดหรอว่าข้าจะเสแสร้งเรื่องที่สื่อสารกับดวงวิญญาณได้?” มู่อี้ถามต่อไป
“ข้าย่อมไม่กล้าคิดเช่นนั้น!” ชื่ออู่ส่ายศีรษะทันที
“เจ้าหน้าที่ชื่อเชิญท่านกลับไปได้แล้วแต่สิ่งที่ท่านจะต้องพูดหลังจากนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ชื่อคงรู้ดีใช่ไหม?” มู่อี้จ้องมองมาที่ชื่ออู่และพูดขึ้นมาทันที
“ลูกนอกสมรสของหญิงชราตระกูลดังพยายามเข้าข่มขืนและบีบบังคับสะใภ้ของตระกูลดังจนนางเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสังหารพ่อบ้านและมารดาของตนเอง ก่อนจะฆ่าตัวตายตามไป” ชื่ออู่ตอบกลับมาทันที
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วมู่อี้ก็ไม่ได้พูดถึงคดีฆาตกรรมครั้งนี้อีกต่อไป
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าท่านเจ้าหน้าที่ชื่อจะขยันขันแข็งดีมาก เช่นนั้นแล้วข้าขอฝากให้ท่านจัดการที่นี่ต่อไป ด้วยแล้วกันนะ” ม่อี้พยักหน้าจากนั้นก็เดินออกไปทันที
เมื่อเห็นว่ามู่อี้เดินออกไปจากที่นี่แล้ว ชื่ออู่ก็นั่งลงบนเก้าอี้ทันที แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่แผ่นหลังของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกชุ่ม เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าลู่อี้เขากลับรู้สึกเป็นกังวลใจยิ่งกว่าอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษามณฑลเสียอีก
หลังจากนั่งพักอยู่ครู่หนึ่งชื่ออู่ก็เหลือบมองมาที่สุ่ยเซียงที่ยังคงนอนหมดสติอยู่จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งให้คนของตัวเองขนย้ายศพออกไปจากที่นี่ ในตอนที่เจ้าหน้าที่ 2 คนกําลังขนย้ายศพของชายอ้วนออกไปนั้นชื่ออู่ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารอบๆคอของเขามีรอยนิ้วมือสีดําปรากฏให้เห็น
รอยนิ้วมือนี้มีขนาดเล็กและเรียวเห็นได้ชัดว่าเป็นมือของผู้หญิงแน่นอน
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ใช้อ้วนดิ้นรนก่อนจะตายไป ชื่ออู่ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
ในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมายชื่ออู่ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดาเลย แม้แต่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่า เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงแค่การแสดงและการต้มตุ๋นหลอกลวงเท่านั้น มันเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงคนอื่นๆ
แต่เมื่อได้เห็นรอยนิ้วมือที่อยู่บนลําคอของชายอ้วน เขาก็จําจนฝังใจและยากที่จะลืมเลือนได้ในชีวิตนี้..
ถ้าหากไม่ใช่เพราะม่ได้สื่อสารกับดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณนั้นจะสามารถสังหารชายอ้วนผู้นี้ได้หรือไม่?
“ตื่นได้แล้ว” ชื่ออู่เดินเข้าไปหาสู่ยเซียงและใช้เท้าเตะไปที่ร่างกายของนาง 2 ครั้ง
หลังจากโดนปลุกปุยเซียงก็ตื่นขึ้นมา แต่สายตาของนางก็แสดงความหวาดกลัวออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าชื่ออู่ กําลังยืนอยู่ตรงหน้าของตนเอง จากนั้นนางก็รีบลุกขึ้นมาและคุกเข่ากอดขาของชื่ออู่เอาไว้ “ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย ข้าไม่ได้ทําอะไรนายหญิงเลยจริงๆนะ”
“เจ้าไม่ต้องร้องไป” ชื่ออู่ขมวดคิ้วและจากนั้นก็สะบัดขาของตนเองเบาๆ “ในตอนนี้ข้าอยากจะถามเจ้าสักหน่อย เจ้าต้องตอบข้ามาตามตรง เข้าใจไหม?”
“เข้าใจ เข้าใจเจ้าค่ะ นายท่านโปรดวางใจได้เลย ข้าสัญญาว่าจะพูดความจริงทุกอย่าง” สุ่ยเซียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เรื่องที่ชายอ้วนผู้นี้บีบบังคับจนนายหญิงของเจ้าต้องฆ่าตัวตาย เจ้าเห็นด้วยตาของตนเองเลยหรือไม่?” ชี่ออู่ถาม
“เจ้าค่ะ ข้าตกใจมากในตอนนั้นและกําลังจะตะโกนบอกคนอื่นแต่ชายอ้วนผู้นี้ก็ตบตีทําร้ายข้า และเขายังบอกอีกว่าถ้าหากข้าพูดเรื่องนี้ออกไป เขาจะขายข้าให้กับซ่องโสเภณี” สุ่ยเซียงรู้สึกหวาดกลัวจนน้ําตาของนางไหลออกมาอีกครั้ง
“เจ้าได้เห็นด้วยตาของตนเองใช่ไหมว่านายหญิงของเจ้าเลือกที่จะกัดลิ้นและฆ่าตัวตาย?” ชื่ออู่ถามต่อไป
“ข้าเห็นด้วยตาตัวเองเลยเจ้าค่ะ” สู่ยเซียงตัวสั่นและสายตาของนางก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ในตอนนั้นนางลืมตาหรือหลับตาอยู่?” นี่เป็นคําถามสุดท้ายที่ชื่ออ๋อยากจะทราบ
“ลืมตาเจ้าค่ะ” สุ่ยเซียงตอบกลับมาทันทีโดยไม่มีการลังเลใดๆ
“เจ้าแน่ใจนะ?” ชื่ออู่จ้องมองกลับมา
“ข้ายืนยันได้เลย ในตอนนั้นนายหญิงลืมตาและจ้องมองมาที่ข้า ข้า … ข้ารู้สึกกลัวมากจริงๆ” สุ่ยเซียงพูด พร้อมกับกอดขาของชื่ออู่แน่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าชื่ออู่จะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และเดินออกไปจากห้องนี้ทันที สู่ยเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่นางก็ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
ชื่ออู่เดินออกมาจากห้องพร้อมกับสีหน้าที่ดูมืดมนในตอนนี้ “ทุกๆคนจงลืมสิ่งที่พวกเจ้าได้ยินและได้เห็นใน วันนี้ไปซะ เข้าใจไหม?”