Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 167 ไร้พ่ายในโลกหล้า! (3)
ในขณะนี้หัวเฟิงกําลังจดจ่ออยู่กับการสังเกตการณ์กองทัพอากาศ
เผ่ามนุษย์อินทรีที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า สําหรับกรมทหารแมมมอธ ดู
เหมือนว่าเขาจะไม่กังวลกับฝ่ายนั้นเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นว่ากองทัพ
ภาคเหนือเขตตะวันตกได้ส่งกองทหารม้า 4 กรมมาช่วยเหลือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 กรมทหารม้าหนักชั้นยอดที่ว่า…เห็นได้ชัดว่า
ตอนนี้พวกเขาได้ตระหนักถึงความสําคัญของกองพันไร้พ่ายในสงคราม
ครั้งนี้แล้ว บางทีทหารทั้งหมดที่ถูกส่งเข้ามาช่วยเหลืออาจไม่สามารถ
เอาชนะกรมทหารแมมมอธคลั่งได้ แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าเพียงพอจะ
ปกป้องกองพันไร้พ่ายแน่นอน สิ่งเดียวที่หัวเฟิง กังวลก็คือ
กองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรีที่ลอยอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า… เพราะ
ท้ายที่สุดแล้ว การถูกกดไว้ข้างใต้ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนัก
พลังทําลายล้างของทหารเผ่ามนุษย์อินทรีนั้นไม่สมควรถูก
มองข้ามแม้แต่น้อย นอกเหนือจากกรมทหารราบหนักและกรมทหารพู่
ม่วงแล้ว ทหารกองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกที่เหลือก็ไม่น่าจะสามารถ
สกัดกั้นการโจมตีของฝ่ายนั้นได้
“รออีกสักพัก” หัวเฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมเหลยซีจึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ผู้บัญชาการกองพัน ให้พวกเราไป
เถอะ พวกมันไม่เหลือหอกอีกต่อไปแล้ว บางครั้งก็ไม่ได้ขว้างอะไรลงมา
ด้วยซ�า พี่น้องของเราสามารถถือโล่กําบังไว้ในขณะที่พุ่งขึ้นไป… ดังนั้น
จึงไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ เมื่อบินไปถึงระยะที่เหมาะสมแล้วว พวกเรา
ก็จะสามารถแลกเปลี่ยนการโจมตีและแสดงพลังของเราฝ่ายนั้นเห็น
ได้”
หัวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาทอดมองท้องฟ้าอย่างสงบ
ในที่สุดชายหนุ่มก็หันไปหาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และพูดว่า “หัวหน้าครูฝึก
โปรดนํากองร้อยหลักที่ 1 ขึ้นไป ข้าขอฝากพวกเขาไว้กับเจ้า”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเข้าร่วมการต่อสู้มา
นานแล้ว และเธอพยักหน้าก่อนจะหันไปหาเหลยซี “ข้าจะดึงดูดความ
สนใจและก่อกวนสร้างปัญหาให้พวกเขาเป็นลําดับแรก พวกเจ้าทุกคน
ตามมาอย่างระมัดระวัง”
ขณะที่กล่าว แสงสีทองเหลือบดํา 2 สายก็สว่างวาบออกมารอบตัว
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ในเวลาเดียวกัน แสงสีเขียวก็แผ่ออกมาจากร่าง
กวาดบรรดาหอกของเผ่ามนุษย์อินทรีที่ร่วงลงมาที่พื้นลอยกลับขึ้นไป
บนท้องฟ้า ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์บินขึ้นบนในอากาศด้วยความเร็วดุจ
สายฟ้า หอกเหล่านั้นพลันทะยานตามหลังไปด้วย กลุ่มแสงสีทองและสี
เขียวขนาดใหญ่มุ่งหน้าตรงไปยังกรมทหารอากาศเผ่ามนุษย์อินทรีทันทีปีกศาสตรามณียุทธ์สีทองเหลือบดําขนาดใหญ่และความเร็วที่
แท้จริงของว่างกวนเฟยเอ่อร์ทําให้หญิงสาวดูเหมือนอุกกาบาตสีทอง
แปลกประหลาดที่กําลังพุ่งเข้าใส่กองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรี
จุดแข็งและข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองทัพอากาศเผ่า
มนุษย์อินทรีก็คือพวกเขาทั้งหมดสามารถบินได้ แต่ในแง่ของ
ความสามารถในการป้องกันตัว พวกเขาอาจจะเทียบไม่ได้แม้แต่ทหาร
มนุษย์หมาป่า
ในขณะที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์บินขึ้นไป หมอกโลหิตจํานวนมากก็ถูก
ฉีดพ่นออกมากลางอากาศ หอกที่หญิงสาวขว้างขึ้นไปด้วยพลังปราณ
สวรรค์ธาตุลมไม่ใช่สิ่งที่อสูรอินทรีสงครามธรรมดาๆหรือเผ่ามนุษย์
อินทรีสามารถรับมือได้ สําหรับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ร่างของเธอได้ทะยาน
เข้าไปผ่ากลางวงทหารมนุษย์อินทรีราวกับเทพธิดาสงคราม
หญิงสาวได้ระเบิดสิ่งที่เคยอดกลั้นออกมาอย่างเต็มที่ด้วยความคัน
ไม้คันมือ ถึงอย่างไรซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็เชี่ยวชาญการต่อสู้ทางอากาศ
มากที่สุด…มันคือสิ่งที่เธอฝึกฝนมาตลอดชีวิต…เมื่อถูกกองทัพอากาศ
ฝ่ายศัตรูข่มขวัญ เธอจะรู้สึกมีความสุขได้อย่างไร? ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
ไม่ได้ใช้ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นอื่นแม้แต่กรงเล็บและปลอกแขน เพียงแค่มี
ปีกศาสตรามณียุทธ์สีทองเหลือบดําคู่นี้ หญิงสาวก็เหมือนกับหอกไร้
เทียมทานที่แทงลึกเข้าไปในขบวนทัพเผ่ามนุษย์อินทรีอย่างโหดเหี้ยมทุกที่ที่เธอบินผ่าน ซากศพของอินทรีสงครามและมนุษย์อินทรีพลันร่วง
หล่นลงมาจากฟากฟ้า และกรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรีผู้ที่มีความสุขกับ
ชีวิตเรียบง่ายปราศจากภัยรบกวนบนท้องฟ้าก็ตกอยู่ท่ามกลางความ
วุ่นวายระส�าระสายทันที
ในความเป็นจริง กรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรีรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกอง
พันไร้พ่ายว่าพวกเขามีกองทัพอากาศเป็นของตัวเองหลายร้อยคน ด้วย
เหตุนี้ พวกเขาจึงเก็บหอกส่วนหนึ่งไว้เตรียมต้อนรับการโจมตีที่จะมาถึง
ได้ทุกเวลา อนิจจา พวกเขาไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าจะมี 1 คนที่บินนํา
ขึ้นมาก่อน … แม้เป็นเพียงคนๆเดียว แต่ก็เป็นตัวอันตรายอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นไม่นาน เหลยซีก็นํากองร้อยหลักที่ 1 ของเขาตามหลัง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ขึ้นมา พวกเขาทั้งหมดใช้โล่กลมขนาดเล็กป้องกันไว้
ข้างหน้าขณะบินด้วยความเร็วสูงสุด ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อทหารกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกเห็นทหาร 500
คนบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่กรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรี
ขากรรไกรของพวกเขาแทบจะร่วงตกพื้นด้วยความตกใจ พวกเขามี
เพียงความคิดเดียว นี่พวกเรามีกองทัพอากาศตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ?!
ความจริงได้ถูกพิสูจน์แล้ว…สิ่งที่เหลยซีให้สัญญากับหัวเฟิงก่อน
หน้านี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริง เมื่อช่องว่างระหว่างกองทัพอากาศทั้งสองใกล้
กันมากขึ้น การจู่โจมครั้งแรกของกองทัพอากาศกองพันไร้พ่ายก็เกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงลูกศรโหยหวนอันคุ้นเคยที่ทะยานผ่านท้องฟ้าขึ้นไป
และผลลัพธ์ก็คือโศกนาฏกรรมสําหรับเผ่ามนุษย์อินทรี
ไม่ใช่ว่าเผ่ามนุษย์อินทรีไม่มียอดฝีมืออยู่เลย แต่เมื่อซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์พุ่งเข้ามาจากทางด้านหน้า ยอดฝีมือทั้งหมดก็ไล่ตามเธอไป
เช่นกัน
ณ จุดนี้ ความเหนือกว่าของผู้ที่มีปีกเป็นของตนเองกับผู้ที่ใช้
พาหนะมีปีกก็ได้แสดงออกมาให้เห็นแล้ว ณ กลางอากาศ ซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์เคลื่อนที่ไปรอบๆด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ความเร็วและความ
คล่องตัวที่แท้จริงของเธอไม่ใช่สิ่งที่อินทรีสงครามสามารถเทียบเคียงได้
อยู่แล้ว โดยเฉพาะในขณะที่บรรทุกอีกคนอยู่ด้านหลัง ในกองพันเผ่า
มนุษย์อินทรีมีจ้าวมณีสวรรค์อยู่ไม่กี่สิบคน และในจํานวนนั้นมีผู้ที่มีมณี
6 ชุดกับ 7 ชุดอยู่ด้วย ทว่าเมื่อเทียบกับพลังที่น่ากลัวของซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์ คนเหล่านั้นก็ไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกรีดอากาศของลูกศรศาสตรามณียุทธ์ก็คือ
กลุ่มหมอกเลือดขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า บริเวณพื้นดิน
ด้านล่าง ทหารกองพันไร้พ่าย 4,500 คนตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“ไร้พ่าย… ไร้พ่าย!” คราวนี้แม้แต่ทหารของกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือ
เขตตะวันตกก็ยังติดเชื้อไปด้วย ภายใต้การนําของกรมทหารพู่ม่วง กรม
ทหารม้าทั้ง 4 จึงพุ่งเข้าใส่ศัตรูทันทีเมื่อกองทัพปะทะกันในสนามรบ สิ่งสําคัญที่ส่งผลต่อการแพ้ชนะก็
คือขวัญกําลังใจ เมื่อกองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรีที่แทบจะไร้เทียม
ทานบนท้องฟ้าต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานจากการถูกโจมตี
อย่างไม่คาดฝัน มันก็เหมือนกับการฉีดสารกระตุ้นให้กับทหาร
อาณาจักรจ้งเทียนทั้งกองทัพ ที่สําคัญกว่านั้นคือกองพันไร้พ่ายยังได้
พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นแล้วว่าสามารถเอาชนะมนุษย์สัตว์ได้ ในช่วงเวลา
สั้นๆนั้น เหล่าทหารต่างเดิมพันชีวิตตนเองเพื่อผลักดันกรมทหารหมี
ทรราชกลับไปและประสบความสําเร็จในระดับหนึ่ง
กรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรีตระหนักว่าสถานการณ์ฝั่ งตนเองไม่ได้
ดําเนินไปด้วยดีนัก แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องการตอบโต้กองพันไร้
พ่ายให้มากขึ้นกว่านี้ ฝ่ายนั้นก็มาถึงที่ระดับความสูงเดียวกันกับพวก
เขาแล้ว
การที่อยู่ในความสูงระดับเดียวกันหมายความว่าลูกศรเท่านั้นที่
สามารถใช้ประโยชน์ได้ และหอกก็จะไม่มีผลอีกต่อไป
แม้จะเป็นนักขว้างหอกที่ดีที่สุด แต่การจะให้ขว้างในระยะ 100
หลาให้ได้อย่างแม่นยําก็ถือเป็นเรื่องเหนือมหัศจรรย์แล้ว โดยปกติระยะ
โจมตีที่มีประสิทธิภาพของหอกจะอยู่ที่ประมาณ 40-50 เมตร แต่ขณะ
สู้รับกลางอากาศ มันจะยังเป็น 40-50 เมตรอยู่ได้หรือ?ดังนั้นการปะทะที่แท้จริงก็คือทักษะการยิงธนูและความสามารถ
ในการป้องกันของทั้งสองฝ่าย
อันที่จริงด้วยพลังป้องกันของอินทรีสงคราม เผ่ามนุษย์อินทรีก็ถือ
ว่ามีการป้องกันที่ดีทีเดียว ทว่าเมื่อเทียบกับกองพันไร้พ่ายที่สวมชุด
เกราะไทเทเนียม การป้องกันของพวกเขาย่อมอยู่คนละชั้นอย่าง
แน่นอน ที่สําคัญกว่านั้น พลังโจมตีของศาสตรามณียุทธ์ยังเหนือกว่า
คันธนูยาวธรรมดาๆ ของนักรบเผ่ามนุษย์อินทรีอีกด้วย
หลังแลกเปลี่ยนการโจมตีเพียง 4 รอบ กองทัพอากาศเผ่ามนุษย์
อินทรี จาก 2,000 คนก็มีหลายร้อยร่วงหล่นลงไปด้านล่าง เมื่อเห็นว่าสิ่ง
ต่างๆไม่ได้ดําเนินไปด้วยดี กรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรีจึงไม่กล้าต่อสู้กับ
กองพันไร้พ่ายต่อและ พากันถอยหนีกลับไปที่ฝั่ งของตนเองทันที กอง
กําลังอากาศไร้พ่ายพยายามติดตามไล่ล่า และในที่สุดทหารเผ่ามนุษย์
อินทรีที่แข็งแกร่งที่สุดเกือบร้อยคนก็สามารถหลบหนีไปได้อย่าง
หวุดหวิด สุดท้ายกองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรีที่แข็งแกร่งกว่า 2,000
นายถูกกําจัดไปจนเกือบหมด
กองกําลังอากาศไร้พ่ายยังไม่พอใจแค่นั้น ถึงอย่างไรเผ่าอินทรีก็
ไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่สามารถขว้างหอกได้ หลังจากนั้นไม่นาน หอกชุดแรก
ของกองพันไร้พ่ายก็ถูกโยนใส่กรมทหารแมมมอธทันทีอนิจจา กรมทหารแมมมอธก็แข็งแกร่งสมกับเป็นทหารชั้นสูงของ
อาณาจักรวั่นโซ่ว ร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแกร่งของพวกเขามาพร้อม
กับเสาโทเท็มขนาดใหญ่ในมือ…แม้แต่หอกของกองพันไร้พ่ายก็ยังไม่
สามารถทําอันตรายฝ่ายนั้นได้ ท้ายที่สุดก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับ
บาดเจ็บไปเล็กน้อย
จากบนอากาศ พวกเขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ต่างๆและสิ่ง
ที่เกิดบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน ซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ไม่ได้ไล่ตามเผ่า
มนุษย์อินทรีส่วนที่เหลือไป แต่หันหลังกลับ นํากองทัพอากาศไร้พ่าย
กลับไปที่แนวรบตรงกลางของกองทัพจ้งเทียน หญิงสาวรู้ดีว่าไม่ใช่
มนุษย์สัตว์ทุกคนที่จะมีพลังหรือแข็งแกร่งเท่ากับชนเผ่าแมมมอธจน
สามารถต้านทานการโจมตีของหอกได้
เมื่อถึงเวลานี้ ทหารกองทัพอากาศไร้พ่ายแต่ละคนก็เหลือหอก
เพียง 3 อัน และพวกเขาทั้งหมดก็บรรจง ‘มอบของขวัญ’ ให้แก่กรม
ทหารหมีทรราชทันที
ทหารราบหนักเผ่ามนุษย์หมีอย่างน้อย 1,000 คนถูกตรึงไว้กับพื้น
อย่างทารุณ และทหารกองพันไร้พ่ายบนพื้นก็เริ่มเล็งเป้าไปที่กรมทหาร
กระทิงคลั่งทันที
อาจกล่าวได้ว่าเมื่อกองทัพอากาศไร้พ่ายกําจัดเผ่ามนุษย์อินทรีได้
แล้ว ในที่สุดกระแสการต่อสู้ก็พลิกกลับอย่างเต็มที่ และเป็นครั้งแรกที่กองทัพกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกไม่ได้เป็นฝ่ายเสียท่าให้
ศัตรู
ในอีกด้านหนึ่ง กรมทหารพู่ม่วงก็เริ่มปะทะกับกรมทหารแมมมอธ
เช่นกัน จุดแข็งของกรมทหารพู่ม่วงก็คือพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นจ้าว
มณีระดับ 6 ดวงขึ้นไป ชายหลายร้อยคนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งมาก
พอให้ต่อสู้กับนักรบเผ่าแมมมอธ ภายใต้การนําทัพของพวกเขา แม้ว่า
กรมทหารม้าทั้ง 4 จะเผชิญกับความสูญเสียร้ายแรง แต่อย่างน้อยพวก
เขาก็สามารถสกัดกั้นการบุกของศัตรูทั้ง 2 กรมเอาไว้ได้
ตอนนี้พลังโจมตีของกองพันไร้พ่ายเริ่มลดลงอย่างน่าใจหาย
สาเหตุหลักเป็นเพราะทหารกองพันไร้พ่ายธรรมดาบนพื้นใช้พลังปราณ
สวรรค์ส่วนใหญ่ไปแล้ว และพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก
เปลี่ยนไปใช้ธนูยาวและลูกศรธรรมดา ลูกศรดังกล่าวเมื่อปะทะกับกรม
ทหารกระทิงคลั่งและกรมทหารหมีทรราช พวกมันก็แทบสร้างความ
เสียหายให้ฝ่ายนั้นไม่ได้เลย
แน่นอนว่าการต่อสู้ฝั่ งกองทัพอากาศไร้พ่ายก็ยังคงดําเนินไปได้
ด้วยดี เพราะถึงอย่างไรในสนามรบก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้เก็บรักษา
พลังปราณเอาไว้ล่วงหน้า และนี่ก็คือเวลาที่พวกเขาจะได้เปล่งประกาย
ใครจะรู้ว่าเนื่องจากซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ใกล้ชิดกับโจวเหว่ยชิงเป็น
เวลานานมากเกินไป หญิงสาวจึงเจ้าเล่ห์ร้ายกาจขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเธอไม่ได้สั่งให้กองทัพอากาศไร้พ่ายยิงธนูต่อไปด้วยธนูศาสตรามณี
ยุทธ์ของพวกเขา แต่กลับสั่งให้บินลงไปที่พื้นและรวบรวมหอกจํานวน
มากที่เผ่ามนุษย์อินทรีเคยโยนลงมาก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้
พวกเขาแต่ละคนจึงได้รวบรวมหอกและบินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า…เป็น
อีกครั้งที่โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นกับกรมทหารกระทิงคลั่งและกรม
ทหารหมีทรราช
หม่าหลงนําชนเผ่าของเขาออกมา และในขณะที่กองทัพอากาศไร้
พ่ายลอยกลับขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง พวกเขาก็พุ่งเข้าสู่สนามรบทันที
แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคืออสูรยูนิคอร์นที่กระจัดกระจายกัน
อยู่ในสนามรบหลังจากที่เจ้าของของพวกมันถูกฆ่า เนื่องจากในขณะนี้
ปัญหาใหญ่ที่สุดที่กองพันไร้พ่ายต้องเผชิญคือการบรรทุกสิ่งของและ
เดินทาง เช่นนี้พวกเขาจะปล่อยอสูรสวรรค์ยูนิคอร์นจํานวนมากไปได้
อย่างไร? ถึงอย่างไรยูนิคอร์นเหล่านี้ก็สามารถแบกรับน�าหนักมหาศาล
ของนักรบหญิงเผ่าอีกาทองได้!
เมื่อกองพันไร้พ่ายร่อนลงมาอีกครั้งเพื่อรวบรวมหอก ในที่สุด
กองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วก็ตัดสินใจว่าควรพอได้แล้ว จากนั้นคําสั่งก็ถูก
ส่งลงมาว่าให้ทั้งหมดพร้อมกันล่าถอย ทหารมนุษย์สัตว์ที่เหลืออยู่ของ
อาณาจักรวั่นโซ่วจึงถอยกลับไปเหมือนคลื่นยักษ์ที่ม้วนตัวกลับ โดย
กลุ่มสุดท้ายที่ต้องล่าถอยคือกรมทหารแมมมอธคลั่งที่แสนทรงพลัง
แม้ว่าอาณาจักรวั่นโซ่วจะต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่นี่ แต่พลังที่แท้จริงของกรมทหารแมมมอธก็ยังคงทําให้กองทัพอาณาจักรจ้งเทียน
เสียวสันหลังวาบ
ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากกรมทหารเสือดําว่องไว
กรมทหารแมมมอธคลั่ง 1,000 คนสามารถโค่นกรมทหารพู่ม่วงได้เกือบ
1 ใน 3 และทหารม้าหนักอีก 3 กรมก็เสียคนไปเกือบครึ่งในการปะทะ
กันครั้งนี้ แต่นั่นก็เป็นเพราะการต่อสู้ยังไม่ได้ดําเนินไปนานเท่าไหร่นัก
ถ้าพวกเขาต่อสู้กันไปอีกระยะหนึ่ง บางทีแม้แต่กรมทหารพู่ม่วงก็เสี่ยง
ที่จะถูกกวาดล้างไปทั้งกรม สิ่งที่น่าหวาดกลัวก็คือหลังจากกรมทหาร
แมมมอธล่าถอยกลับไปแล้ว พวกเขากลับไม่ได้ทิ้งซากศพไว้แม้แต่ศพ
เดียว…ร่างที่ใหญ่โตราวกับป้อมปราการเหล็กนั้น แม้จะผ่านการต่อสู้ที่
หนักหน่วงเช่นนี้ พวกเขาก็เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บและไม่มีคนตายแม้แต่
คนเดียว และแท้จริงแล้ว อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เกิดจาก
จ้าวมณียุทธ์ของกรมทหารพู่ม่วงหรือหอกที่ขว้างโดยกองทัพอากาศไร้
พ่ายก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น
กองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกไม่ได้ออกคําสั่งให้ไล่ตาม…
การพยายามโจมตีมนุษย์สัตว์ในทุ่งโล่งย่อมเป็นทางเลือกที่จะจบลง
ด้วยโศกนาฏกรรมนองเลือดและน�าตา
เมื่อกองทัพอากาศไร้พ่ายกลับลงสู่พื้นดิน กองทัพภาคเหนือเขต
ตะวันตกทั้งหมด ตั้งแต่พลทหารไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างก็ชูอาวุธในมือขึ้น คําปลุกใจของกองพันไร้พ่ายได้กลายมาเป็นคําขวัญของ
ทหารกองทัพภาคเหนือทั้งหมด…“ไร้พ่ายในโลกหล้า!” คํา 5 คําดังก้อง
ไปทั่วทั้งสนามรบ… ทั่วทั้งภาคเหนือเขตตะวันตก…
แม้ความจริงที่ว่าในระหว่างการสู้รบนี้ กองทัพภาคเหนือเขต
ตะวันตกจะต้องสูญเสียทหารไปกว่าแสนนาย แต่นั่นก็ยังถือเป็นชัยชนะ
ครั้งยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจ้งเทียนในระหว่างการต่อสู้ของทั้งสอง
อาณาจักร… เป็นชัยชนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การ
ทําสงครามของพวกเขา
………………………………………………..