Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 104 ผนึกมังกรเงียบ?! (2)
อย่างไรก็ตาม จ้านหลิงเทียนในปัจจุบันก็กำลังตกอยู่ในภาวะคับแค้นใจ แขนของเขาห้อยอยู่ข้างๆ อย่างอ่อนแรง กระดูกที่แตกและร้าวไม่ก็สามารถพยุงพวกมันกลับไปประกอบกันได้ ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากลูกเตะครั้งสุดท้ายของโจวเหว่ยชิง พิษ 3 ธาตุทำให้ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินดำ
ระดับพลังปราณและความมุ่งมั่นของจ้านหลิงเทียนนั้นแข็งแกร่งมาก แม้จะต้องพิษ 3 ธาตุและได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็ยังสามารถบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้ด้วยการสนับสนุนจากพลังปราณสวรรค์ที่ทรงพลังของเขา ในขณะนี้ชายหนุ่มกำลังจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง ดวงตาของเขาล้วนเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
“โจวเหว่ยชิง” เขากัดฟันพูดอย่างดุดันก่อนที่จะเปิดใช้งานมณีสะท้อนบ้าง ท่ามกลางประกายแสงสีทอง จ้านหลิงเทียนก็หายตัวไปจากเขตแดนมิติสะท้อน
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงระเบิดทักษะผนึกมังกรเงียบที่ทรงพลังและน่าประหลาดใจออกมาจัดการกับจ้านหลิงเทียนและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ติดต่อกัน สถานการณ์ก็พลิกผันไปเป็นอย่างมาก เมื่อถึงจุดนี้ สมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนอีกคนและคู่สามีภรรยาจากเป่าโปต่างก็ถูกบังคับให้ถอยร่นออกจากเขตแดนมิติสะท้อนไปเช่นกัน สถานการณ์ของพวกเขาดูไร้ทางออกและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะ จ้านหลิงเทียนจึงไม่อยู่ทำให้ตัวเองต้องลำบากใจอีกต่อไป
ความจริงคนที่โจวเหว่ยชิงทำให้ตกใจมากที่สุดคือสมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่ว
สมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วอาจไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาโง่ ก่อนเข้าสู่เขตแดนมิติสะท้อน พวกเขาไม่เห็นวี่แววของเทียนเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าต้องมีใครบางคนพาเธอเข้ามา เนื่องจากเธอกระโดดขึ้นมาจากอกของโจวเหว่ยชิง สิ่งนั้นย่อมบ่งบอกความนัยบางอย่างแล้ว
การหายตัวไปของเทียนเอ๋อร์ทำให้เจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์พิโรธ และเขาก็ได้ส่งคนออกไปทั่วแผ่นดินไร้พรมแดนเพื่อตามหาเธอ ทว่ากลับไม่พบอะไรเลย
เมื่อพวกเขาได้เห็นเทียนเอ๋อร์พร้อมกับโจวเหว่ยชิงที่เป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด พวกเขาก็ค่อนข้างตกตะลึงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียนเอ๋อร์กระโดดออกจากอกของเขา นั่นทำให้พวกเขาสับสนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อโจวเหว่ยชิงแสดงพลังของเขาและเปิดเผยทักษะผนึกมังกรเงียบออกมา พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกันอย่างถ้วนทั่วอีกครั้ง
สิ่งที่ตามมาคือการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของทักษะผนึกมังกรเงียบ แม้จ้านหลิงเทียนและซ่างกวนเฟย เอ๋อร์จะเหนื่อยล้าจากการต่อสู้อันยาวนานของพวกเขาและใช้พลังปราณสวรรค์ไปมาก แต่ทั้งคู่ก็ยังคงบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด 2 อันดับแรกในกลุ่มนักรบจ้งเทียน บางทีอาจจะเป็น 3 อันดับแรกในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ทั้งหมดของวังสวรรค์ไพศาลด้วยซ้ำ สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดที่สามารถเอาชนะทั้ง 2 คนและบังคับให้พวกเขาออกจากเขตแดนมิติสะท้อนได้ อาจกล่าวได้ว่าโจวเหว่ยชิงสามารถเอาชนะพวกเขามาด้วยตัวคนเดียว หากไม่เป็นเพราะเขา แม้ว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่จะเข้าร่วมการต่อสู้ สถานการณ์ก็อาจยังคงลงเอยด้วยชัยชนะของกลุ่มนักรบจ้งเทียนและกลุ่มนักรบเป่าโป โจวเหว่ยชิงมีเพียงทักษะผนึกมังกรเงียบ ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน และทักษะควบคุมบางอย่าง แต่เขากลับทำให้จ้านหลิงเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะตีก้นของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และบังคับให้ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด 2 คนออกจากเขตแดนมิติสะท้อน คงไม่มีใครคาดคิดว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุดคนนี้จะกลายเป็นผู้ชี้ขาดงานประลองมณีสวรรค์ทั้งหมด เป็นอัญมณีที่เปล่งประกายเจิดจรัสที่สุด จะมีผู้ใดเชื่อเรื่องนี้ลงบ้าง?!
สมาชิกที่เหลือของกลุ่มนักรบจ้งเทียนและเป่าโปรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์หากทำการต่อสู้ต่อไปเนื่องจากพวกเขาไม่มีโอกาสชนะแล้ว แน่นอนว่าฝ่ายนั้นย่อมไม่พอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว แต่กระนั้น ปลายทางทั้งหมดก็เห็นอยู่ตำตาแล้ว
พวกเขาพยายามต่อสู้ครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป ทว่าจู่ๆ ทุกคนก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องของมังกรที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
เสียงร้องของมังกรทำให้เขตแดนมิติสะท้อนทั้งหมดสั่นไหว เสียงนั้นเจือปนทั้งความโกรธเกรี้ยว ความร้อนใจ และความพิโรธ
ในช่วงเวลาต่อมา ร่างขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าซึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดพร้อมกับลำตัวของมัน ณ ใจกลางอากาศ ทักษะธาตุไฟที่หนาแน่นกำลังก่อตัวขึ้น ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังอาบทะเลเพลิงอยู่
สิ่งนั้นมีลำตัวยาวกว่าร้อยเมตร มันเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่โจวเหว่ยชิงเคยเห็นมาก่อนหน้านี้นั่นเอง นอกจากนี้มันยังเป็นพ่อของไข่มังกรและสามีของแม่มังกรที่พวกเขาต่อสู้เพื่อแย่งชิงกัน ก่อนหน้านี้มันได้ปกป้องอยู่ข้างกายภรรยาที่รักของมัน แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันขึ้นในเขตแดนมิติสะท้อน มันจึงถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่อื่นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพื่อที่จะตามหากลิ่นอายของภรรยา มันต้องเสียเวลาไปมาก และเมื่อตรวจพบกลิ่นอายของภรรยาได้สำเร็จ มันก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกว่าเธอกำลังใกล้จะตาย
ข้างในของมันอัดแน่นไปด้วยความโกรธ ความเจ็บปวด และความเสียใจ มังกรตัวผู้เต็มวัยพุ่งออกมาด้วยความเร็วเต็มที่ ทะยานไปยังจุดที่มันรู้สึกว่าภรรยาของมันอยู่ ในขณะเดียวกัน มันก็รู้สึกได้ว่ามีมนุษย์จำนวนมากที่มันเกลียดชังรวมตัวกันอยู่ที่นั่นด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์เหล่านี้เป็นผู้ล่าที่ทำให้ภรรยาที่รักของมันตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น มันจึงเปิดใช้งานทักษะด้วยความโกรธเกรี้ยว
กลุ่มนักรบวั่นโซ่วและกลุ่มนักรบเฟยหลี่กำลังปกป้องและช่วยเหลือมังกรแม่ด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา น่าเสียดาย ในเวลานี้ใครจะสามารถพูดคุยกับมังกรที่กำลังโมโหจัดได้?
สมาชิกที่เหลือของกลุ่มนักรบเป่าโปและกลุ่มนักรบจ้งเทียนต่างเพ่งดูด้วยความพอใจ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็จะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อยู่แล้ว และมังกรที่เพิ่มเข้ามาก็ไม่อาจทำให้ทุกสิ่งเลวร้ายไปกว่านี้ได้แล้ว ในทางกลับกัน มันอาจหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องย่อยยับไปทั้งหมดด้วย หากพวกเราไม่สามารถฉกฉวยผลประโยชน์ใดๆ ไปได้ พวกเจ้าก็อย่าได้หวังจะรับประโยชน์จากมังกรตัวนั้นเช่นกัน! นั่นคือความคิดเพียงอย่างเดียวในหัวของพวกเขา
ด้วยความคิดเช่นนี้ สมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนและกลุ่มนักรบเป่าโปจึงไม่ลังเลที่จะเปิดใช้งานมณีสะท้อนทันที แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการเสี่ยงรอให้มังกรปลดปล่อยทักษะของมันสำเร็จก่อนจะทันได้หนีไป…จะเป็นอย่างไรหากทักษะของมังกรมีวิธีจำกัดการเคลื่อนย้ายมิติ พวกเขาก็จะต้องถูกทิ้งให้กลายเป็นกองขี้เถ้าอยู่ที่นี่น่ะสิ! อย่างไรมังกรตัวนั้นก็เป็นถึงอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าเชียวนะ!
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกเขา ทั้งสมาชิกเฟยหลี่และกลุ่มนักรบวั่นโซ่วต่างก็ทำเช่นเดียวกัน แม้ว่าหัวใจของพวกเขาจะรู้สึกผิดและเสียใจอย่างมาก แต่ในเวลานี้ ความอยู่รอดก็สำคัญกว่ารางวัลใดๆ แสงสีทองส่องสว่างวาบอย่างต่อเนื่องเมื่อมณีสะท้อนได้นำผู้เข้าแข่งขันคนแล้วคนเล่าออกจากเขตแดนมิติสะท้อน
“เร็วเข้า เหว่ยชิง เราต้องออกไปเหมือนกัน มังกรตัวนั้นคลั่งไปแล้ว!” เสียงของเทียนเอ๋อร์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่เธอกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของโจวเหว่ยชิงและหายตัวไปในแหวนมิติของเขาโดยไม่มีพิธีรีตองใดๆ เธอต้องการให้โจวเหว่ยชิงพาตนเองออกจากเขตแดนมิติสะท้อนโดยไม่เสียเวลาใดๆ อีก ถึงอย่างไรการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่มีอารมณ์โกรธแค้นเหมือนมังกรตรงหน้าพวกเขาเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาก็ย่อมต้องรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจควบคุมได้อยู่แล้ว
แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีระดับพลังปราณสูงส่งกว่าโจวเหว่ยชิงก็ยังคงรีบร้อนหนีตายด้วยความหวาดกลัว เขาเองจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มย่อมต้องกำลังกลัวอยู่แน่นอน หรืออาจจะมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับมีทักษะธาตุเฉพาะอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครในสนามรบนี้มี ตั้งแต่เด็กเขาเคยกลัวการถูกทุบตีและกลัวความตายมาก เมื่อใดก็ตามที่เขาทำผิดพลาด เขาจะต้องคิดคำนวณเสมอว่าจะทำอย่างไรให้ไม่ถูกพ่อของเขาทุบตี หรือบางทีอาจจะทำให้เขาถูกตีน้อยลง นั่นเป็นผลให้ก่อนจะถูกทุบตี เขาจะต้องสงบสติอารมณ์และค้นหาความเป็นไปได้ต่างๆ เพื่อลดความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น การร้องไห้ คร่ำครวญ การแสดงละคร ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งนั้นยังส่งผลให้โจวเหว่ยชิงสามารถตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ได้อย่างเยือกเย็นเพื่อทำให้สมองของเขาประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
เป็นนิสัยนี้นี่เองที่ทำให้เขาสามารถพลิกสถานการณ์ได้ในช่วงเวลาสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่เป็นหลายครั้งหลายคราแล้ว
เมื่อมังกรปรากฏตัวขึ้น ขณะที่มันกำลังร้องด้วยความโกรธและเตรียมที่จะปลดปล่อยทักษะอันทรงพลังออกมา แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันและมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่มากมาย เขาก็ยังสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม่มังกรที่มีอาการคงที่เนื่องจากความพยายามของผู้เยียวยาทั้ง 4 คนได้เงยหน้าขึ้นอย่างรีบร้อนและร้องขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วเช่นกัน
เนื่องจากแม่มังกรได้รับบาดเจ็บมากเกินไป มันจึงอ่อนแอมาก เสียงของมันจึงเบาหวิวและคู่แข่งที่กำลังหลบหนีหลายคนๆ ก็ไม่สังเกตเห็นสิ่งนั้น อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงยังคงเห็นว่าหลังจากเสียงร้องเบาๆ นั้นดังออกมา มังกรตัวผู้ก็มีอาการสั่นไหวเล็กน้อย กล่าวคือมังกรตัวผู้ได้ยินสิ่งที่คู่ของมันพูดจริงๆ
คนอื่นๆ ได้จากไปหมดแล้ว แต่โจวเหว่ยชิงตัดสินใจที่จะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่นำชีวิตของตัวเองมาล้อเล่นง่ายๆ
เด็กหนุ่มยกค้อนในตำนานของเขาขึ้นไปกลางอากาศ ทักษะผนึกมังกรเงียบปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของวันนี้ โจวเหว่ยชิงได้ส่งมอบมันให้กับมังกรตัวผู้ขนาดใหญ่ยักษ์และทรงพลังที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อแสงสีแดงอมม่วงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันก็พุ่งเข้าใส่มังกรอย่างเหมาะเจาะพอดี สำหรับทักษะสัมบูรณ์หรือทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์เช่นนี้ แม้แต่ค้อนในตำนานก็ไม่สามารถช่วยเพิ่มพลังได้ ทว่ามันก็ยังสามารถช่วยเพิ่มระยะการใช้งานเพื่อส่งให้ทักษะพุ่งไปถึงมังกรที่อยู่สูงขึ้นไปด้านบน
มังกรยักษ์ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการปลดปล่อยทักษะได้แล้ว แต่ทันใดนั้นเอง ร่างกายขนาดใหญ่โตของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงอมม่วง มังกรตัวนี้ไม่มีศาสตรามณียุทธ์ แต่มีความสามารถและทักษะโดยกำเนิดของเผ่าพันธุ์มังกร ในเวลานั้น ทักษะผนึกมังกรเงียบได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญ นั่นก็คือหยุดยั้งทักษะที่เพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา มังกรตัวใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงอมม่วงจึงจ้องมองลงมาด้วยความตกตะลึงจากด้านบน
เทียนเอ๋อร์พูดถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้มังกรกำลังบ้าคลั่งด้วยความโกรธ ด้วยเหตุนี้แม้ว่ามันจะได้ยินเสียงตะโกนของภรรยา แต่มันก็ยังคงดื้อดึงที่จะฆ่ามนุษย์ทั้งหมด เมื่อมาถึงเวลานี้ ทักษะของมันก็หยุดไปในชะงักทันที มังกรตัวผู้จึงมีเวลามากพอให้สามารถระงับอารมณ์ลง ทั้งหมดก็เพื่อบรรเทาความโกรธเกรี้ยวของมัน ด้วยเสียงเรียกของภรรยาและการรับรู้ว่าพลังชีวิตของแม่มังกรมีเสถียรภาพ ในที่สุดมังกรตัวใหญ่ก็สามารถทำใจให้เยือกเย็นลงได้
มังกรยักษ์พับปีกกลับเข้าไปก่อนจะบินโฉบลงมายังที่ราบด้านหน้าถ้ำ
ในเวลานี้โจวเหว่ยชิงกำลังรู้สึกกังวลอย่างมาก มณีสะท้อนที่อยู่ในฝ่ามือของเขาตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มังกรตัวใหญ่ ทันทีที่สิ่งต่างๆ เลวร้ายลง เขาจะเปิดใช้งานมณีสะท้อนและหลบหนีไปทันที
อย่างไรก็ตาม หากเขามีแผนในใจแล้ว โจวเหว่ยชิงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จนกว่าจะไม่เหลือทางเลือกอื่น เขาเชื่ออย่างแท้จริงว่าไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ย่อมต้องรู้จักความกตัญญู เขาและคนอื่นๆ ได้ช่วยแม่มังกรเอาไว้ และทันทีที่มังกรตัวผู้ตัวนี้สงบสติลงได้ เขาเชื่อว่ามันจะไม่โจมตีเขาอย่างไร้เหตุผลแน่นอน
มีเหตุผล 2 ประการที่ทำให้โจวเหว่ยชิงต้องลองเสี่ยงอยู่ในนี้ให้นานขึ้น ประการแรกมีไว้สำหรับงานประลองมณีสวรรค์ ด้วยการที่เขาอยู่นานขนาดนี้ มันจะทำให้เขาได้รับชัยชนะเนื่องจากเขาเป็นคนเดียวที่เหลือรอดอยู่ในเขตแดนมิติสะท้อน เหตุผลที่สองเป็นเพราะเขาต้องการที่จะเสี่ยงดวงและเดิมพันกับมังกร หากมันสงบลงจริงๆ บางทีมันอาจจะตอบแทนเขาด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ความรู้สึกสงสารแม่มังกรที่กำลังจะตายนั้นเป็นความเมตตาจากแก่นแท้ของโจวเหว่ยชิง แต่ในขณะเดียวกัน หากมีผลประโยชน์ใดๆ มีหรือที่เขาจะปฏิเสธหรือละทิ้งมันไป หากมังกรเต็มใจที่จะให้รางวัลแก่เขา นั่นจะย่อมเป็นผลกำไรที่ได้มาอย่างถูกต้อง และเขาก็ยินดีที่จะรับไว้ ทั้งยังมีเหตุผลให้ยอมรับสิ่งนั้นด้วย ผลประโยชน์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันปฏิเสธ แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแต่แรกก็ตาม
เมื่อมังกรโฉบลงมาใกล้มากขึ้น ความกดดันที่มองไม่เห็นนั้นก็แข็งกล้าขึ้นเช่นกัน แมวอ้วนยังอยู่ในแหวนมิติของเขา และโดยธรรมชาติเธอย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ทว่าโจวเหว่ยชิงกำลังวางเดิมพันอยู่ ณ จุดนี้ เขาจะไม่จากไปจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย
…………………………………..