Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 106 จ้าววังสวรรค์ไพศาล! (3)
โจวเหว่ยชิงรักอิสระ จิตใจที่ไม่ถูกควบคุมและดื้อด้านของเขาต้องโลดแล่นไปมาได้อย่างอิสระ เขาใฝ่ฝันที่จะโบย บินไปบนท้องฟ้าเหมือนเหล่าวิหคหรือว่ายน้ำเล่นในมหาสมุทรเหมือนปลาเพื่อใช้ชีวิตที่อิสระตามความฝันของเขา เขาไม่เคยหวังให้ตนเองถูกล่ามโซ่หรือผูกมัดกับสถานที่แห่งเดียวแม้แต่น้อย
หากเขาเห็นด้วยกับข้อเสนอของซ่างกวนเทียนหยาง เขาจะสูญเสียอิสรภาพนั้นไป โดยมีตราประทับของวังสวรรค์ไพศาลติดอยู่บนตัวเขา จากนั้นเขาก็จะควบคุมโดยวังสวรรค์ไพศาลไปตลอด ไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเองหรือแม้แต่คนของบ้านเกิดอีกต่อไป
เมื่อโจวเหว่ยชิงคิดถึงจุดนี้ เขาก็สงบลงทันที แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ยอมหยุดอยู่กับที่เลย แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุ้มค่าหรือไม่
เมื่อคิดอย่างลึกซึ้งและถี่ถ้วนแล้ว คำตอบก็คือไม่ เป็นเพราะสำหรับสิ่งที่วังสวรรค์ไพศาลจะมอบให้เขานั้น โจวเหว่ยชิงมั่นใจว่าด้วยการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงและด้วยความพยายามของเขา ในที่สุดก็จะสามารถทำสิ่งเหล่านั้นสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ในกรณีนี้ ทำไมเขาต้องยอมทิ้งอิสระของตัวเองและใช้ทางลัดที่จะช่วยเขาได้แค่บางครั้งบางคราเท่านั้นล่ะ? ในขณะที่โจวเหว่ยชิงสงบสติอารมณ์ลงอย่างช้าๆ เขาก็เริ่มถามตัวเองว่า “ทำไม” เป็นครั้งที่สอง ทำไมซ่างกวนเทียนหยางถึงให้ข้อเสนอที่น่าสนใจเช่นนี้? ในการสร้างชุดในตำนานให้เสร็จสมบูรณ์ ค่าใช้จ่ายนั้นสูงลิบลิ่วจนแม้แต่วังสวรรค์ไพศาลที่ร่ำรวยก็ไม่สามารถมองข้ามเหตุผลข้อนี้ไปได้โดยง่าย
นอกจากนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้วิธีการกักเก็บทักษะของเขา อีกฝ่ายก็ย่อมไม่สามารถทำตามได้อยู่ดี ประการแรก พวกเขาไม่มีสายเลือดพยัคฆ์ที่แปลกประหลาดเช่นเขา และพวกเขาก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าแมวอ้วน หากเขาบอกวังสวรรค์ไพศาลเกี่ยวกับวิธีการกักเก็บทักษะ นั่นจะเป็นการทรยศต่อแมวอ้วนอย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นเป็นสิ่งที่โจวเหว่ยชิงจะไม่มีวันทำเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ เขาก็ออกจากโรงเตี๊ยมด้วยความกังวล นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าจะมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นกับเจ้าแมวอ้วนที่เขาทิ้งไว้ที่โรงเตี๊ยม
แล้วทำไมวังสวรรค์ไพศาลถึงให้เงื่อนไขที่ดีเช่นนี้กับเขา? เมื่อโจวเหว่ยชิงสงบลงและคิดต่อไป เขาก็เข้าใจเหตุผลอย่างรวดเร็ว
หากโจวเหว่ยชิงยอมรับเงื่อนไขของซ่างกวนเทียนหยางจริงๆ เมื่อวังสวรรค์ไพศาลรู้เกี่ยวกับวิธีกักเก็บทักษะของเขา จากนั้นจะเป็นอย่างไร? อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าวิธีนี้ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ดังนั้นก็หมายความว่าในตอนนี้ สายตาของพวกเขามองว่ามันย่อมคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย เพราะถึงอย่างไรวิธีการที่ทำให้สามารถกักเก็บทักษะจากอสูรสวรรค์ที่มีระดับพลังสูงกว่าได้ก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลานได้ และนั่นแทบจะเป็นสิ่งที่ตีค่าไม่ได้สำหรับวังสวรรค์ไพศาล หากเปรียบเทียบกันแล้ว ชุดในตำนานเพียงชุดเดียวอาจจะไม่มีประโยชน์มากมายด้วยซ้ำหากมองในมุมของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้อยู่บนข้อแม้ที่ว่าพวกเขาจะต้องสามารถใช้ประโยชน์จากวิธีนี้ได้จริง
ประการที่สอง ถ้าวังสวรรค์ไพศาลช่วยโจวเหว่ยชิงสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานทั้งหมด นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องให้แบบร่างในตำนานกับฝ่ายนั้นทั้งหมดด้วย ด้วยวิธีนั้น วังสวรรค์ไพศาลจะได้รับแบบร่างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานใหม่เต็มชุด สิ่งนี้อาจดูเหมือนไม่มีค่าเมื่อเทียบกับชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานที่จับต้องได้ แต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นความคิดของใครบางคนเท่านั้น ในมุมมองของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองอย่างมีค่าเกือบเท่ากัน เพราะด้วยแบบร่างเหล่านั้น พวกเขาจะสามารถสร้างม้วนคัมภีร์ได้มากขึ้นเพื่อนำมาใช้งานเอง
ประการที่สาม การสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานทั้งหมดให้กับโจวเหว่ยชิงจะผูกมัดเขาไว้กับวังสวรรค์ไพศาลอย่างแน่นหนา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชุดในตำนานไม่เพียงแต่สร้างได้ยากเท่านั้น เขายังต้องเพิ่มระดับพลังปราณอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะสามารถหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ชิ้นต่อไปได้ ด้วยวิธีนี้ จะมีด้ายที่มองไม่เห็นอีกเส้นที่ผูกมัดโจวเหว่ยชิงเอาไว้กับพวกเขา โยงใยหัวใจและจิตวิญญาณของเขาไว้กับวังสวรรค์ไพศาล เมื่อรวมกับความสัมพันธ์ของเขากับซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว การดึงโจวเหว่ยชิงเข้าสู่วังสวรรค์ไพศาลก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการได้มาซึ่งชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนี้จะจบลงที่เขาทำงานชดใช้ให้กับวังสวรรค์ไพศาลหรอกหรือ?
อาจกล่าวได้ว่า บนฉากนอกดูเหมือนวังสวรรค์ไพศาลจะมอบอะไรให้เขามากมาย แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาเป็นฝ่ายได้รับนั้นกลับมีมากกว่ามหาศาล นอกเหนือจากผลประโยชน์ที่จับต้องได้แล้ว พวกเขายังจะได้ยอดฝีมือที่มีพร สวรรค์โดดเด่นอีกคน ทำให้พวกเขาสามารถบ่มเพาะเขาขึ้นไปใช้งานได้เช่นกัน
เมื่อโจวเหว่ยชิงคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณมู่เอิน เหรียญมีสองด้านเสมอ และเราก็จะต้องตรวจสอบทุกสิ่งอย่างละเอียดเพื่อค้นหาผลลัพธ์ในทุกๆ ด้าน เบื้องหลังผลประโยชน์มากมายมักจะมีกับดักอันตรายหรือยาพิษซ่อนอยู่ โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย…ในช่วงเวลานั้น เขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่าทำไมพ่อของเขาถึงส่งเขาไปหาสหายเก่าคนนี้ คนที่มีฉายาว่าอันธพาลตาเทพ และทำไมเขาถึงตัดสินใจทำเช่นนั้น พ่อของเขาบอกว่าการเรียนรู้จาก มู่เอินจะทำให้เขาสามารถอยู่รอดในโลกนี้ได้ดีขึ้นแม้ว่าจะไม่มีพลังใดๆ ก็ตาม
“ทำไมเจ้าถึงยังลังเลอยู่?” ซ่างกวนเทียนเยว่ถามโจวเหว่ยชิงอย่างหมดความอดทน
รอยยิ้มเล็กๆ กระตุกที่มุมริมฝีปากของโจวเหว่ยชิงและเขาก็กล่าวว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสซ่างกวนสำหรับข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมนั้น ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ข้าเองก็เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์และหวังว่าวันหนึ่งข้าจะสามารถกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้เช่นกัน นั่นก็เพื่อสวมใส่ศาสตรามณียุทธ์ที่ข้าสร้างขึ้นเอง ดังนั้นข้าเกรงว่าจะต้องปฏิเสธข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจนี้แล้ว”
“เจ้ากำลังจะปฏิเสธข้อเสนอนี้จริงหรือ!” ซ่างกวนเทียนเยว่จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยความตกใจ ราวกับว่ากำลังมองไปที่คนโง่เขลา
ซ่างกวนหลงหยินก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน การแสดงออกในดวงตาของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมองที่โจวเหว่ย ชิง
ซ่างกวนเทียนหยางชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและยกมือขึ้นปรบเบาๆ “ดี…ดี…ดีมาก”
เป็นคำว่า ดี ที่เอ่ยออกมาสามครั้ง แต่มันทำให้หัวใจของโจวเหว่ยชิงแทบจะเต้นผิดจังหวะ เขาไม่อาจบอกได้เลยว่าซ่างกวนเทียนหยางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ซ่างกวนเทียนหยางพยักหน้าไปทางโจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าในโลกใบนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะกล้าปฏิเสธข้อเสนอที่ข้าเพิ่งเอ่ยไป เหว่ยชิง ข้าต้องยอมรับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไป จากนี้ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แน่นอน นั่นเป็นเพราะความเป็นไปได้ต่างๆ ของเจ้าในอนาคต ในกรณีนี้ การซื้อขายครั้งก่อนของเราก็จะยังคงดำเนินต่อไปตามที่สัญญาไว้ และสำหรับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อหัวหน้ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ของเจ้า ข้าก็ตกลงเช่นกัน”
“ขอบคุณขอรับอาวุโส” โจวเหว่ยชิงโค้งคำนับสุดตัวอีกครั้ง อย่างที่โบราณเคยกล่าวไว้ การอ่อนน้อมถ่อมตนไว้ก่อนย่อมดีเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีความสัมพันธ์กับปิงเอ๋อร์ ชายไม่กี่คนที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขาเช่นกัน การไม่ต้องการผูกมัดด้วยสิ่งของก็เป็นอย่างหนึ่ง แต่เขาก็ยังต้องให้ความเคารพอีกฝ่ายอยู่ดี
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ มันคือสิ่งที่เจ้าควรจะได้อยู่แล้ว หลงหยิน ส่วนที่เหลือข้าฝากให้เจ้าจัดการด้วย เจ้านำ เหว่ยชิงไปดำเนินการค้าที่เราตกลงกันไว้เสีย”
“ขอรับท่านจ้าววัง” ซ่างกวนหลงหยินโค้งคำนับไปทางซ่างกวนเทียนหยาง ในชั่วพริบตาต่อมา เขาก็ก้าวไปข้างหน้าของโจวเหว่ยชิงและทั้งสองก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงสีทองที่สว่างจ้า
หลังจากที่ทั้งสองหายตัวไป ซ่างกวนเทียนหยางมองไปที่ซ่างกวนเทียนเยว่และพูดอย่างยิ้มแย้ม “พี่รอง ท่านคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
สีหน้าโกรธเคืองของซ่างกวนเทียนเยว่หายไป และเขาก็ยิ้มออกมา “นิสัยของเด็กคนนั้น…ดูเหมือนว่าปิงเอ๋อร์จะเลือกได้ดี”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่างกวนเทียนหยางดูแปลกตาขึ้นเล็กน้อย และเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ขณะที่พูดว่า “ข้าแค่กลัวว่าเด็กคนนี้จะเป็นเหมือนกับเจ้าเมื่อตอนยังเด็ก”
ซ่างกวนเทียนเยว่รู้ว่าพี่ใหญ่ของตัวเองกำลังพูดถึงเรื่องอะไรและทำได้เพียงแค่หน้าแดงเล็กน้อยขณะที่เขากล่าวว่า “พี่ใหญ่อย่าพูดถึงเรื่องแบบในอดีตเลย ใครไม่เคยเป็นเด็กและโง่เขลามาก่อนบ้าง? โจวเหว่ยชิง เจ้าเด็กอันธพาลน้อยคนนั้น…ในด้านนี้…หึ…เขาดูแข็งแกร่งกว่าข้าด้วยซ้ำ นอกจากปิงเอ๋อร์แล้ว เขายังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับแม่มดน้อยด้วย อ้อ ข้ายังเคยได้ยินมาว่าเด็กน้อยคนนี้บังเอิญไปจูบเฟยเอ๋อร์โดยไม่ได้ตั้งใจเข้า”
แท้จริงแล้วขณะโจวเหว่ยชิงบังเอิญจูบซ่างกวนเสว่เอ๋อร์นั้นไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ และด้วยนิสัยของเธอ หญิงสาวย่อมไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป และมีเพียงซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เท่านั้นที่รู้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ผู้เฒ่าทั้งสองจึงไม่รู้เรื่องนั้น
ซ่างกวนเทียนหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “เจ้าไม่ควรข่มขู่สหายน้อยที่น่าสงสารคนนั้นมากนัก ท้ายที่สุด ไม่ว่ายังไงเจ้าก็เป็นพ่อตาในอนาคตของเขา สำหรับเราแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย…ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจ เราก็ไม่ควรสอดมือยุ่งเกี่ยวกับคนรุ่นใหม่มากเกินไป โจวเหว่ยชิงคนนี้อาจจะเป็นคนเจ้าเล่ห์และเหลี่ยมจัด แต่เขาก็มีธาตุแท้ที่ข้าชื่นชอบจริงๆ พูดตามตรง ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครปฏิเสธข้อเสนอที่ข้าได้เอ่ยไป นับประสาอะไรกับคนที่อายุเท่าเขา แม้จะเป็นข้า ข้าก็ยังไม่อาจหักห้ามใจได้ แม้ข้าจะผิดหวังเล็กน้อยที่เราไม่สามารถผูกมัดเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับเขา เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นลูกเขยของเจ้า”
ซ่างกวนเทียนเยว่แสดงความรู้สึกไม่พอใจ “ลูกเขยอะไรกัน? รอให้เขาเอาชนะเสว่เอ๋อร์ได้ก่อนเถอะ!”
ซ่างกวนเทียนหยางกล่าวว่า “เจ้า…เฮ้อ…เจ้าดื้อด้านเกินไป เจ้ายอมรับเขาแล้วแท้ๆ แต่กลับต้องทำตัวแบบนี้อยู่ตลอดเวลา แต่เด็กคนนั้นก็แสดงความสามารถมากเกินไปในงานประลองมณีสวรรค์ และนั่นก็อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขานัก โชคดีที่เจ้าเด็กน้อยนั่นไม่หุนหันพลันแล่นและใจร้อนเหมือนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน อย่างน้อยก็มีคนจากนิกายปีศาจสวรรค์และภูเขาหิมะสวรรค์ก็อยู่รอบตัวเขา เราจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขามากเกินไป”
ซ่างกวนเทียนเยว่กล่าวว่า “เอาล่ะๆ เรื่องของเด็กน้อยคนนั้นพูดพอแล้ว ข้าไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำให้อามรมณ์ข้าขึ้นง่ายขนาดนี้ บางทีมันอาจจะเป็นความรู้สึกที่พ่อทุกคนมีต่อคนที่ขโมยลูกสาวตนเอง อย่างไรก็ตาม พี่ใหญ่ ข้าจะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เพื่อนำเซียนเอ๋อร์กลับมา ปิงเอ๋อร์เองก็อยู่ที่นี่ ตอนนี้ข้าก็ได้ตำแหน่งที่อยู่ของนางมาแล้ว ไม่ว่ายังไงคราวนี้ข้าก็จะพานางกลับมาแน่นอน”
ซ่างกวนเทียนหยางพยักหน้าและพูดว่า “เซียนเอ๋อร์ได้รับความเดือดร้อนมากมายเพราะเจ้า เจ้าควรรีบพานางกลับมา”
ซ่างกวนเทียนเยว่กล่าวว่า “แล้วเรื่องที่ชายแดนล่ะ? เราควรส่งคนไปช่วยหรือไม่? เมื่อเร็วๆ นี้อาณาจักรวั่นโซ่วได้บุกโจมตีเขตของพวกเราอย่างรุนแรง”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงอาณาจักรวั่นโซ่ว ซ่างกวนเทียนหยางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ เราจำเป็นต้องระงับไว้ก่อนชั่วคราว หากเราส่งคนเข้าร่วมการต่อสู้จริงๆ ท้ายที่สุดแล้ว นั่นจะกลายเป็นการสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเรากับภูเขาหิมะสวรรค์อย่างแท้จริง แม้ว่าในแง่ของการต่อสู้โดยรวมเราอาจจะเหนือกว่าเล็กน้อย แต่การต่อสู้ในสมรภูมิทางตอนเหนือนั้นไม่เอื้ออำนวยสำหรับกองทัพของเรา ยิ่งไปกว่านั้น หากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราทั้งสองต่อสู้กัน อาจทำให้เกิดสงครามโลกครั้งใหญ่และลากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเข้าสู่วังวนสงครามด้วยเช่นกัน”
แสงเยียบเย็นผุดขึ้นมาในดวงตาของซ่างกวนเทียนเยว่และเขาก็พูดอย่างเย็นชา “แล้วถ้าเราถูกลากเข้าสู่สงครามเองล่ะ? ด้วยพลังของวังสวรรค์ไพศาล…และด้วยการสนับสนุนของหุบเขาหลงใหลและหุบเขาอเวจีสีเลือด ข้าไม่เชื่อว่าเราจะกำราบภูเขาหิมะสวรรค์ไม่ได้”
ซ่างกวนเทียนหยางยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ถ้ามันง่ายอย่างที่เจ้าพูด ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ เจ้าควรรู้เช่นกันว่าอาณาจักรวั่นโซ่วครอบครองพื้นที่ทางตอนเหนือทั้งหมด แต่สถานที่นั้นเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บและรกร้าง ในสถานที่เช่นนี้มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถอยู่รอดได้ นอกจากนี้ เงื่อนไขที่ข้ากล่าวถึงก็ยังทำให้อาณาจักรวั่นโซ่วและยอดฝีมือจากภูเขาหิมะสวรรค์ของพวกเขาได้เปรียบมาก แม้ว่ายอดฝีมือจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ของเราจะบุกเข้าไปข้างใน เราก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาในดินแดนแห่งนั้น และถึงแม้ว่าเราจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือจากภูเขาหิมะสวรรค์ได้ แต่สิ่งที่พวกเขาจะทำคือถอยร่นลึกเข้าไปในดินแดนของพวกเขามากกว่าเดิม แล้วพวกเราจะทำอะไร ได้? กองทัพธรรมดาของเราไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ได้อยู่แล้วเนื่องจากเงื่อนไขนั้น และยอดฝีมือที่แข็งแกร่งของเราก็มีจำนวนจำกัด แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้า เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพนับล้าน ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดีไม่ว่าเขาจะนำคนไปด้วยกี่คนก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของกองกำลังทหาร พลังของอาณาจักรวั่นโซ่วนั้นอาจกล่าวว่าไม่มีใครเทียบได้ และเมื่อรวมกับความจริงที่ว่าพวกเขาไม่มีพรมแดนติดกับทางเหนือให้ต้องคอยกังวล…หากไม่ใช่เพราะกริ่งเกรงมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ของเรา พวกเขาคงจะบุกออกมาบดขยี้ส่วนที่เหลือของดินแดนไร้ขอบเขตเมื่อนานมาแล้ว น่าเสียดาย เราทำได้เพียงแค่ป้องกัน ทว่าไม่มีความสามารถในการรุก อย่าลืมว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา กองทัพปรมาจารย์อสูรแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ปฏิบัติตามสนธิสัญญาและไม่ได้ต่อสู้ในสงครามนับตั้งแต่เวลานั้น”
…………………………………………