Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 110 เข้าสู่ระดับปรมะ (3)
โจวเหว่ยชิงลุกขึ้นยืน จับมือของเทียนเอ๋อร์แล้วจูบเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “มาเถอะ ไปที่วังกักเก็บทักษะกัน”
“อืม”
โจวเหว่ยชิงบอกเรื่องนี้ให้หลินเทียนอ้าวทราบอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังวังกักเก็บทักษะพร้อมกับเทียนเอ๋อร์ คราวนี้พวกเขาอยู่ที่นั่นกันถึง 3 วันเต็ม
ใน 3 วันนี้ โจวเหว่ยชิงไม่เพียงแต่กักเก็บทักษะทั้งหมดในมณีธาตุดวงที่ 4 ของตนสำเร็จ เขายังสามารถหลอมรวมชุดในตำนานอีก 2 ชิ้นถัดไปได้ด้วย เมื่อเขาเดินออกจากวังกักเก็บทักษะพร้อมกับจับมือของเทียนเอ๋อร์ ขณะที่เขาทำเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่อีกครั้งอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองจ้งเทียนเพื่อเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์เป็นครั้งแรก เขายังอยู่ในระดับมณี 3 ชุดเท่านั้น อีกทั้งทักษะกักเก็บและศาสตรามณียุทธ์ของเขาทั้ง 2 ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ตอนนี้เขาเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะที่มีมณี 4 ชุด พร้อมด้วยศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บครบครัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ครอบครองทักษะที่ทรงพลังและมีระดับดาวสูงมากมาย ทั้งยังมีชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานทั้งหมด 3 ชิ้น! ขีดจำกัดพลังทั้งหมดของเขาตอนนี้แน่นอนว่าต้องพุ่งสูงขึ้นมาก เป็นขุมกำลังที่ทุกคนไม่อาจมองข้าม
“เหว่ยชิง พวกเราพักผ่อนกันก่อนสักวัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางดีไหม?” เทียนเอ๋อร์เอ่ยเบาๆ
ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำแล้วและการลงจากเกาะมณีสวรรค์ก็ไม่ปลอดภัยเกินไป ด้วยเหตุนั้น โจวเหว่ยชิงจึงตอบตกลงและทั้งสองก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมของพวกเขาทันที โจวเหว่ยชิงไปตามพนักงานคนหนึ่งบนเกาะมณีสวรรค์เพื่อส่งข้อ ความถึงซ่างกวนหลงหยินว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ตกกลางดึก โจวเหว่ยชิงก็ออกไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างและจ้องมองออกไปในระยะไกลๆ เกาะมณีสวรรค์แห่งนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก และจากที่นี่เขาสามารถมองเห็นดวงดาวมากมายที่ปกคลุมผืนดิน ดวงดาวบนท้องฟ้าดูคล้ายกับอัญมณีล้ำค่าจำนวนมากที่ประดับอยู่บนสรวงสวรรค์ เปล่งประกายและส่องแสงระยิบระยับกระจ่างตา เป็นภาพที่ดูสวย งามและยิ่งใหญ่มาก
เมื่อมองไปยังทิศทางของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ หมัดของโจวเหว่ยชิงก็กำแน่นขึ้น ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพ่อทูนหัว ข้าจะแก้แค้นให้พวกท่านทุกคนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีเพียงข้าคนเดียว ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ข้าก็จะทำลายอาณาจักรคาลิเซและอาณาจักรป่ายต้าให้ได้อย่างแน่นอน!
ในขณะนั้น จิตใจของเขาก็พลันหวนคิดไปถึงเขตแดนมิติสะท้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ ภาพอันทรงพลังของมังกรระดับเทพเจ้าที่สง่างามและทักษะที่มันได้ปลดปล่อยออกมาทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีแดงเพลิง กระทั่งยอดฝีมือระดับเทพ เจ้าก็ไม่อาจยืนหยัดและต่อสู้กับทั้งกองทัพที่มีความแข็งแกร่งนับล้านได้ แต่แม้ครั้งแรกจะล้มเหลว ครั้งที่สองจะล้มเหลว นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะล้มเหลวตลอดไป โจวเหว่ยชิงได้คิดทบทวนและวางแผนเบื้องต้นเอาไว้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างกองทัพของตัวเองและกอบกู้บ้านเกิดของเขากลับคืนมา หากเป็นไปไม่ได้ เขาก็จะฝึกปราณอย่างหนัก ทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อเป็นยอดฝีมือ เป็นเครื่องจักรสังหารที่พุ่งตรงเข้าไปจัดการหัวใจหลักของศัตรู
ร่างกายที่อ่อนนุ่มและอบอุ่นกดทับเขาจากเบื้องหลัง และแขนคู่หนึ่งก็โอบรอบเอวของเขาเบาๆ โจวเหว่ยชิงหมุนตัวกลับไปช้าๆและพบว่าเป็นเทียนเอ๋อร์ซึ่งดูงดงามเป็นพิเศษภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา หญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวราวกับหิมะ ผมสีขาวที่ยาวสลวยก็ขับเน้นดวงตาสีม่วงชวนหลงใหลให้โดดเด่นขึ้น
นางเป็นของข้าแล้ว! โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง เขาโอบกอดเทียนเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน เมื่อถึงจุดนั้น เขาก็รู้สึกถึงฝันร้ายที่เข้ามากร้ำกรายเขา หากวันหนึ่ง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบและพายุสงบลงแล้ว เขาจะพาปิงเอ๋อร์และเทียนเอ๋อร์มาที่เกาะมณีสวรรค์อันสวยงามแห่งนี้ เพื่ออาศัยอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างไร้อาวรณ์กับโลกภายนอก นั่นคงจะวิเศษมากจริงๆ
เทียนเอ๋อร์ก้มหน้าลงปิดบังดวงตาที่เศร้าโศกของตนเองและฝังศีรษะไว้บนหน้าอกของโจวเหว่ยชิงขณะที่พูดเบาๆว่า “เหว่ยชิง ได้โปรดพาข้าไป”
โจวเหว่ยชิงจะต้านทานคำขอดังกล่าวได้อย่างไร? เขาเหยียดแขนออกและอุ้มเทียนเอ๋อร์ขึ้นมาในวงแขน ก่อนจะสัมผัสได้ว่าร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอกำลังสั่นสะท้าน ทันใดนั้นอารมณ์เชิงลบในใจของเด็กหนุ่มก็หายไปอีกครั้งเมื่อคู่รักหนุ่มสาวทั้งสองร่วมสานสัมพันธ์กันทั้งร่างกายและจิตใจ
นี่เป็นอีกค่ำคืนที่ไม่มีใครนอนหลับ ไม่เพียงแต่โจวเหว่ยชิงและเทียนเอ๋อร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสหายที่น่าสงสารคนอื่นๆภายในโรงเตี๊ยมด้วย เมื่อเทียนเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครวญครางขึ้น โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะคิดภาพอนาคตว่าพวกเขาจะต้องหาพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและมีระยะห่างกว้างขวางกว่านี้เพื่ออยู่อาศัย
คืนนี้เทียนเอ๋อร์ดูเหมือนจะเร่าร้อนกว่าเดิม เมื่อได้ลิ้มรสผลไม้ต้องห้ามแห่งความปรารถนาในครั้งนี้ เธอก็ถูกกระตุ้นให้กลายเป็นฝ่ายชักนำมากยิ่งขึ้น
ขณะอยู่ในวัยหนุ่มสาวเลือดร้อนเช่นนี้ โดยธรรมชาติแล้วอ้วนน้อยโจวที่รักของเราย่อมแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร หลังจาก “ฟัด” กันอยู่ไม่นาน ในที่สุดเสือขาวก็แพ้เสือดำ ร้องครวญครางขอความเมตตาเมื่อมันเป็นฝ่าย “พ่ายแพ้”…
“เอ๊ะ?” โจวเหว่ยชิงตื่นจากความฝันเมื่อดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เขาเผลอยื่นมือออกไปสวมกอดร่างที่อยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ตัวก่อนจะพบเข้ากับความว่างเปล่า
เทียนเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ข้างๆ เขา โจวเหว่ยชิงพลันลุกขึ้นนั่งบนเตียง บิดขี้เกียจขณะที่พยายามสัมผัสกลิ่นที่เทียนเอ๋อร์เหลือทิ้งไว้ในอากาศ ในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจ
ความจริงได้ถูกพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว และเทียนเอ๋อร์ก็พูดถูกต้อง ในขณะที่ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งในครั้งนี้ พลังปราณสวรรค์ของพวกเขาพัฒนาขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอะไรเทียบได้กับการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดในครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อโจวเหว่ยชิงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายรู้สึกเบาหวิวลง โดยรวมแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก
ในช่วงเวลาที่เขากำลังเจ็บปวดที่สุด เธออยู่เคียงข้างเขาเสมอ ในช่วงเวลาที่เขาเกือบจะพังทลาย เธอก็ใช้ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอปลอบประโลมหัวใจที่เจ็บปวดของเขาอย่างอ่อนโยน บางทีหนทางข้างหน้าของพวกเขาอาจจะยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ไม่ว่าอย่างไร โจวเหว่ยชิงก็จะไม่ยอมท้อถอย เธอจะเป็นคนของเขาตลอดไป
เมื่อมองไปรอบๆ ห้อง โจวเหว่ยชิงก็พบจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนเตียงที่เทียนเอ๋อร์นอนอยู่เมื่อคืน เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดอย่างลวกๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นบรรทัดแรกของตัวอักษร เด็กหนุ่มก็ต้องแข็งทื่อไป
“เหว่ยชิง เมื่อเจ้าอ่านสิ่งนี้ ข้าก็ได้จากมาแล้ว แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะยากเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้และทิ้งเจ้าไป ข้าขอโทษนะเหว่ยชิง ขอโทษที่ต้องจากเจ้าไปในช่วงเวลาที่เจ้าต้องการข้ามากที่สุด แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น…”
คำพูดของเทียนเอ๋อร์ค่อนข้างสับสน เห็นได้ชัดว่าเมื่อเธอเขียนจดหมายฉบับนี้ เธอกำลังรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก “ในงานประลองมณีสวรรค์รอบชิงชนะเลิศ สมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วได้พบเห็นข้าเข้าแล้ว ขณะเจ้าร่ำเรียนกับอาจารย์ทั้ง 3 พวกเขามาหาข้าและขอให้ข้ากลับไปพร้อมกับพวกเขา ทว่าข้าก็ปฏิเสธพวกเขาไป น่าเสียดาย ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าข้าอยู่ที่ไหน ทั้งยังตระหนักได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา พวกเขาจากไปแล้ว แต่ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรอการกลับมาของเจ้า ข้ากลัวว่าตอนนี้ท่านพ่อจะส่งกองกำลังและคู่หมั้นของข้ามาที่นี่เพื่อตามหาข้า”
“ตอนนี้เจ้ามีปัญหามากพอแล้ว มากเกินพอแล้วจริงๆ ข้าไม่อาจยินยอมให้เจ้ามีปัญหารุมเร้ามากไปกว่านี้เพราะข้าและต้องเจ็บตัวเพราะข้าอีก ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไป โชคดีที่ก่อนจะทำเช่นนั้น ข้าสามารถมอบตัวเองให้กับเจ้าได้แล้ว ไม่ต้องกังวลไป ข้าเป็นของเจ้าแล้ว และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่นอน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามบังคับข้ามากแค่ไหน ข้าก็จะเป็นผู้หญิงของโจวเหว่ยชิงเท่านั้น”
“ท่านพ่อมีลูกเพียงคนเดียว และในฐานะลูกสาวคนเดียวของเขา เขาย่อมไม่อาจบังคับข้ามากเกินไป ตราบใดที่ข้าขู่เขาด้วยความตาย เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรข้าได้ อย่างไรก็ตาม ข้ากลัวว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ข้าจะไม่สามารถออกไปตามหาเจ้าได้”
“เจ้าเองก็อย่าตามหาข้าเลย ได้โปรด ถือว่าข้าขอร้อง ข้ารู้ว่าด้วยนิสัยของเจ้า มันเป็นเรื่องง่ายที่เจ้าจะโยนทุกอย่างทิ้งและทุ่มสุดตัวเพื่อทำอะไรบางอย่างแม้จะมีอันตรายมากมายก็ตาม ถ้าเจ้าทำอย่างนั้นจริงๆ เจ้าจะทำให้ความพยายามของข้าสูญเปล่าทั้งหมด เวลานี้เจ้ามีสิ่งสำคัญมากมายที่ต้องสะสาง และหลายๆ คนก็กำลังคาดหวังกับตัวเจ้าในตอนนี้ อย่างน้อยก่อนที่เจ้าจะมีพลังมากพอ เจ้าจะยังมาหาข้าไม่ได้ สำหรับตัวข้าเอง ข้าก็จะพยายามเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ดีที่สุด”
“ข้าอาจจะจากไป แต่ข้าไม่เสียใจเลย และข้าก็ปรารถนาเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เหว่ยชิง เจ้ายังไม่เคยบอกข้าเลยว่าเจ้ารักข้า แต่…ข้ารักเจ้า”
คำลงท้ายในจดหมายคือการลงชื่อว่า เทียนเอ๋อร์ของเจ้า แมวอ้วนของเจ้า
โจวเหว่ยชิงกำจดหมายในมือแน่นและรีบวิ่งออกจากห้องไปด้านนอก ความหนาวเย็นในตอนเช้าทำให้หัวใจของเขารู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย
ปิงเอ๋อร์จะไม่กลับไปกับเขา และเทียนเอ๋อร์ก็จากไปเช่นกัน แม้โจวเหว่ยชิงจะรู้ว่าเทียนเอ๋อร์ทำเพื่อประโยชน์ของเขา แต่เด็กหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดในใจ
เทียนเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า! โจวเหว่ยชิงครวญเสียงสั่นเครืออยู่ในใจ น่าเสียดายที่เทียนเอ๋อร์จะไม่ได้ยินอีกต่อไป ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะสามารถพูดคำเหล่านั้นต่อหน้าเธอได้อีกครั้ง
…
เมื่อลงจากเกาะมณีสวรรค์มาแล้ว ทั้งกลุ่มก็ได้ซื้อม้าชั้นดี 14 ตัว พวกเขา 7 คน แต่ละคนขี่ม้าด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อมุ่งหน้าสู่อาณาจักรเฟยหลี่
ท้ายที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ไปตามหาเทียนเอ๋อร์ ความรู้สึกของเขามีความสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในขณะนี้ การล่มสลายของบ้านเกิดก็ฉายชัดอยู่ในสมองของเด็กหนุ่มเช่นกัน ในเวลานี้เขายังไม่มีพลังและคุณสมบัติเพียงพอจะไปตามหาเทียนเอ๋อร์ได้อย่างแท้จริง
สาเหตุที่กลุ่มมี 7 คนก็เป็นเพราะพวกเขามีคนจากเกาะมณีสวรรค์มาเข้าร่วมด้วย เป็นหญิงสาวอายุ 23 ปีซึ่งมีชื่อที่จำได้ง่ายว่าโตวโตว
โตวโตวไม่ใช่คนของวังสวรรค์ไพศาล แต่เธอเป็นศิษย์สายตรงของสิงเทียนอี้ ผู้นำของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 3!
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่โจวเหว่ยชิงได้ใช้เวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากปรมาจารย์ทั้งสามคนเป็นเวลา 37 วัน สิงเทียนอี้ก็ได้ขอให้โจวเหว่ยชิงพาศิษย์รุ่นเยาว์ของเขาออกเดินทางไปสัมผัสโลกกว้างด้วย
โตวโตวถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เธอยังเป็นทารกและเลี้ยงดูมาโดยสิงเทียนอี้ ตลอดชีวิตของหญิงสาว เธออาศัยอยู่ในเกาะมณีสวรรค์มาโดยตลอด และอาจกล่าวได้ว่าเธอได้รับการปกป้องราวกับไข่ในหินจนไม่เคยได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย สิงเทียนอี้หวังว่าเธอจะได้ออกไปเผชิญโลกแห่งความจริงและสัมผัสกับทุกสิ่งด้วยตัวเธอเอง หากมีโจวเหว่ยชิงคอยปกป้อง เขาก็สบายใจขึ้นมาก นี่เป็นการตัดสินใจของสิงเทียนอี้หลังได้เรียนรู้จากวังสวรรค์ไพศาลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่โจวเหว่ยชิงเสี่ยงมีปัญหากับวังสวรรค์ไพศาลเพื่อปกป้องแม่มังกรและไข่ของมันในเขตแดนมิติสะท้อน
เมื่อรวมกับพลังของเขาแล้ว สิงเทียนอี้ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเพราะเขาชื่นชมนิสัยส่วนนั้นของโจวเหว่ยชิงเช่นกัน
สำหรับโตวโตวนั้น จริงๆ แล้วโจวเหว่ยชิงเพิ่งพบเธอเป็นครั้งแรกหลังมุ่งหน้าออกจากเกาะมณีสวรรค์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ทำให้ความคิดของเขาสับสนและยุ่งเหยิงจนลืมสัญญาก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เมื่อสิงเทียนอี้ได้รับแจ้งจากวังสวรรค์ไพศาลเกี่ยวกับการออกเดินทางของโจวเหว่ยชิง เขาก็รีบออกมาส่งโตวโตวด้วยตัวเอง
ในตอนนั้นโจวเหว่ยชิงบอกสิงเทียนอี้ว่าเมื่อเขากลับไปคราวนี้ เขาจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายและไม่ควรพาโตวโตวไปด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ นับประสาอะไรกับการช่วยเหลือหญิงสาวอีกคน อย่างไรก็ตาม สิงเทียนอี้กลับยืนยันให้เขาพาเธอไปด้วย ทั้งย้ำกับเขาว่าเธอสามารถปกป้องตัวเองได้และถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องออกไปเผชิญโลกกว้าง
ท้ายที่สุดโจวเหว่ยชิงจึงไม่ปฏิเสธอีก เด็กหนุ่มไม่เพียงแต่จะเป็นหนี้บุญคุณอาจารย์ทั้ง 3 แต่โตวโตว หญิงสาวคนนี้ยังเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่ทรงพลังและมีทักษะยอดเยี่ยม จากคำกล่าวของสิงเทียนอี้ หญิงสาวผู้นี้อยู่ไม่ไกลจากระดับเทวะแล้ว!
อาจกล่าวได้ว่าสิงเทียนอี้เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าอันดับหนึ่งของทั้งแผ่นดินในตอนนี้ แล้วศิษย์ของเขาจะไม่มากพรสวรรค์ได้อย่างไร?
โตวโตวคนนี้ไม่ได้งดงามเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสาวงามอันดับต้นๆ อย่างสามพี่น้องซ่างกวนเทียน เอ๋อร์หรือแม่มดน้อย รูปลักษณ์ของเธอดูดีกว่าคนทั่วไป แต่ก็ยังห่างไกลจากหญิงสาวที่เขากล่าวถึงข้างต้น อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้เข้ามาสร้างบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในกลุ่มนักรบเฟยหลี่
โตวโตวมีงานอดิเรกที่ชื่นชอบอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการกิน เธอไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนัก และในแง่ของนิสัยส่วนตัว เธอก็เป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างไม่รู้ความอะไรเลย เธอไม่เข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของนิสัยมนุษย์ และตราบใดที่มีคนหยิบยื่นของดีๆ ให้กิน เธอก็ยินดีจะติดตามเขาไปทันที แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงก็พาเธอไปด้วยได้เพราะกลวิธีนั้นอย่างแท้จริง
…………………………………………………………..