Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 124 ผู้บัญชาการกองพันนักเลง! (3)
ไม่นานนักเสียงโห่ร้องก็ดังระงมอยู่นอกกระโจมของพวกเขา วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงดังกังวานของสง กวงหมิง “อ้วนน้อยโจวออกมาเดี๋ยวนี้! ‘บิดา’ ของเจ้ามาแล้ว…”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “สหายคนนี้เปลี่ยนสีหน้าไวดีจริงๆ…น่าสนใจๆ”
ใบหูของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กระตุก หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูดว่า “ดูเหมือนว่ากองพันนักเลงทั้งหมดจะรวมตัวกันอยู่ข้างนอก เจ้าต้องการเผชิญหน้ากับพวกเขาเพียงลำพังงั้นรึ?”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และตบไหล่ของเธอโดยไม่คิดให้มากความ “เคยมีคนพูดไว้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับกี่แสนคน ข้าก็จะบุกฝ่าไปข้างหน้า” ในขณะกล่าวเช่นนั้น เขาก็ก้าวออกจากกระโจมไปโดยไม่ลังเล
เมื่อเด็กหนุ่มเดินออกจากกระโจม เขาก็เห็นกลุ่มคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ด้านนอก ทหารกองพันนักเลงเกือบพันคนสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและขาดวิ่น พวกเขาทั้งหมดต่างก็จ้องมองมาที่โจวเหว่ยชิง เบื้องหน้าฝูงชนมีชาย 10 คนยืนอยู่ โดยมี 2 คนที่โจวเหว่ยชิงสามารถจดจำได้ แน่นอนว่าคนหนึ่งคือสงกวงหมิง ส่วนอีกหนึ่งคือคนที่แพ้เขาในโดมท้าประลองของกรมหารที่ 16 อย่างหมาป่าเขียว
“เป็นเจ้า?!” เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิง หมาป่าเขียวก็ชะงักไป เขาพูดว่า “เจ้าคือคนที่มาจากโดมท้าประลองเมื่อวานนี้หรือ?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “ใช่ ข้าเอง”
ความประหลาดใจวาบผ่านในดวงตาของหมาป่าเขียว และเขาก็โน้มตัวไปหาชายวัยกลางคนข้างๆ ก่อนจะกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างข้างหูอีกฝ่ายเบาๆ
สายตาของโจวเหว่ยชิงจดจ่อไปที่ชายวัยกลางคนนั้นทันที หมาป่าเขียวเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองร้อย การที่เขาจะพูดคุยในลักษณะนั้น ชายวัยกลางคนผู้นี้จะต้องมีความสำคัญหรือสถานะบางอย่างในกองพันนักเลงแน่นอน…บางทีอาจจะเป็นผู้นำของเหล่าผู้บัญชาการกองร้อยทั้ง 10 ก็เป็นได้
ชายวัยกลางคนดูจะมีอายุราวๆ 40 ปี สูงเพียง 1.7 เมตร อาจจะดูไม่โดดเด่นท่ามกลางผู้บัญชาการกองร้อยรูปร่างสูงใหญ่ทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างๆ นอกจากนี้ ชายหนุ่มผู้นั้นยังไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร แต่กลับสวมชุดคลุมราวกับนักปราชญ์ สายตาของเขาดูสงบเยือกเย็น และท่ามกลางฝูงชนเหล่านี้ รูปลักษณ์แสนธรรมดาของเขาก็ไม่ดึงดูดความสนใจใดๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของหมาป่าเขียว ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมองโจวเหว่ยชิงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าขณะกล่าวว่า “สวัสดีผู้บัญชาการกองพันโจว ข้าขอแนะนำตัว ข้าชื่อเว่ยเฟิง เป็นรองผู้บัญชาการกองพันนักเลง แน่นอนว่าตำแหน่งรองผู้บังคับกองพันนี้ไม่เป็นทางการ ไม่ใช่ยศที่รับมอบจากเบื้องบน….ยิ่งไปกว่านั้นคือ… เป็นการทึกทักเอาเอง หมาป่าเขียวบอกข้าว่าเมื่อวานผู้บัญชาการกองพันโจวเพิ่งจะเข้าร่วมกองทัพ?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ เช่นกัน “ถูกต้อง”
เว่ยเฟิงกล่าวว่า “ดังนั้น…หมายความว่า…เมื่อวานนี้ในโดมท้าประลอง ผู้บัญชาการกองพันโจวเอาชนะผู้คุมสังเวียนสูงสุดของกรมทหารที่ 16 ตามกฎของโดมท้าประลอง ผู้คุมสังเวียนสูงสุดคือผู้บัญชาการกรมทหารของแต่ละกรม …หมายความว่าผู้บัญชาการโจวสามารถเอาชนะผู้บัญชาการกรมทหารเซินปู้ได้ ถ้าจำไม่ผิด นางเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุด ปรมะขั้นสูงสุด!”
จากคำบอกเล่าง่ายๆ ที่หมาป่าเขียวเอ่ยกับเขา ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ประเมินพลังของโจวเหว่ยชิงได้แล้ว เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะคิดว่าบางทีชายผู้นี้อาจได้รับความเคารพจากผู้อื่นรวมถึงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองพันเนื่องจากมันสมองของเขา
เว่ยเฟิงกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ…ความสามารถเช่นผู้บัญชาการกองพันโจว…ผู้บัญชาการกรมทหารเซินปู้จะเต็มใจส่งท่านมาที่กองพันนักเลงของเราได้อย่างไร? ผู้บัญชาการกองพันโจวได้ก่อความผิดร้ายแรง หรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ก่อความผิดร้ายแรง? นั่นย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน…ผู้บัญชาการกรมทหาร เซินปู้ต้องการให้ข้าแต่งงานกับน้องสาวของนาง แต่ข้าปฏิเสธ…ดังนั้นข้าจึงมาลงเอยเป็นผู้บัญชาการกองพันพิเศษที่ 1 แทน”
ทหารที่ได้ฟังทุกคนรู้สึกประหลาดใจ แต่เว่ยเฟิงยังคงสงบนิ่งและมั่นคงดุจหินผา “กล่าวคือ…ผู้บัญชาการกองพันโจวถูกเนรเทศมาที่นี่ ข้าได้ยินหมีดำเอ่ยเมื่อสักครู่นี้ว่า ด้วยแค่ตัวคนเดียว ผู้บัญชาการกองพันโจวสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับพี่น้องของเราได้มากกว่า 100 คน และร่างกายของท่านก็สามารถเข้าสู่สภาวะเปลี่ยนแปลงบางอย่างเช่นกัน ได้โปรดแสดงให้ข้าเห็นได้หรือไม่…?” ขณะกล่าวเช่นนั้น เว่ยเฟิงก็ก้าวออกมาจากฝูงชนและมุ่งหน้าไปยังโจวเหว่ยชิง ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น จิตสังหารและกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าของเซินปู้ก็เล็ดลอดออกมาจากร่างของเขา พลังที่แท้จริงของมันเหมือนกับใบมีดคมกริบที่ตรงเข้าฟาดฟันโจวเหว่ยชิง มณี 9 ดวง เป็นมณียุทธ์ทั้งหมด 9 ดวงที่ปรากฏขึ้นรอบข้อมือขวาของเขา โดยมีทักษะยุทธ์ผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและความคล่องตัว เว่ยเฟิงคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นจ้าวมณียุทธ์ชั้นยอด แต่ไม่ว่าจะเป็นจ้าวมณียุทธ์หรือจ้าวมณีธาตุ ระดับสูงสุดของพวกเขาก็คือมณี 9 ดวงเท่านั้น กล่าวคือ พลังปราณสวรรค์ของเขาจะน้อยกว่าจ้าวมณีสวรรค์ในขั้นเดียวกัน 27 ระดับ นับประสาอะไรกับโจวเหว่ยชิง…ในแง่ของพลังปราณสวรรค์เพียงอย่างเดียว เขาสูงกว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เล็กน้อยเท่านั้น
“จ้าวมณียุทธ์ระดับเทวะขั้นสูงสุด…ดูเหมือนในกองพันพิเศษที่ 1 แห่งนี้ ความแข็งแกร่งก็คืออำนาจสินะ รองผู้บัญชาการเว่ย ถ้าข้าเอาชนะท่านได้ก็หมายความว่าข้าจะได้รับการยอมรับจากพี่น้องของเราทั้งหมดใช่หรือไม่?”
เว่ยเฟิงส่ายหัวให้โจวเหว่ยชิงและพูดว่า “แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเช่นนั้น ถ้าเปรียบกองพันนักเลงเป็นอาณาจักรแห่งหนึ่ง ตอนนี้เจ้าก็เป็นผู้รุกราน หากเจ้าเอาชนะข้าได้ นั่นก็แค่ทำให้เจ้าสามารถก้าวเข้าไปในสนามและมีโอกาสเริ่มออกตัว ณ จุดเริ่มต้น ในทางกลับกัน ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ สุดท้ายเจ้าก็จะลงเอยแบบเดียวกับผู้บัญชาการกองพันคนอื่นๆ ก่อนหน้า นี้”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและพูดว่า “ดี เช่นนั้นข้าจะเริ่มที่ท่านก่อน” กองพันนักเลงเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการบรรลุเป้าหมายของโจวเหว่ยชิง และตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่แล้ว ในสถานที่ซึ่งถูกทิ้งร้างและโดดเดี่ยวจากกองทัพหลัก เด็กหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องเก็บงำพลังของตนเองอีกต่อไป
เว่ยเฟิงขยับตัวก่อน พลังสูงสุดของจ้าวมณียุทธ์ระดับเทวะขั้นสูงสุดก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับผู้อาวุโสเฟิงหยูที่อยู่กับฮูเหยียนเอ้าป๋อเมื่อหลายปีก่อน การที่ใครบางคนสามารถฝึกฝนจนถึงระดับนั้นได้หมายความว่าร่างกายของเขาอยู่ในสภาพสูงสุดอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การมีมณี 9 ดวงยังหมายความว่าเขาสามารถหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ได้ 9 ชิ้น!
แม้โจวเหว่ยชิงจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ แต่เขาก็ยังมีมณี 4 ชุดเท่านั้น สำหรับเขาในตอนนี้ บางทีเว่ยเฟิงที่อยู่ในระดับมณี 9 ดวงอาจจะอันตรายยิ่งกว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดเสียอีก
ในพริบตาเดียว เว่ยเฟิงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงแล้ว มือขวาของเขาตะปบไปที่ศีรษะของเด็กหนุ่มราวกับกรงเล็บสัตว์ร้าย
ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาที่เว่ยเฟิงปลดปล่อยมณียุทธ์ของเขา มณีสวรรค์ทั้ง 4 ชุดก็ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของโจว เหว่ยชิงเช่นกัน ขณะเผชิญหน้ากับการโจมตีของเว่ยเฟิง โจวเหว่ยชิงก็ตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน เขาพลันใช้มือขวาปัดป้องเอาไว้
*ปั่ก*! เสียงปะทะดังขึ้นอย่างอื้ออึงและไหล่ของเว่ยหยางก็สั่นสะเทือนไปเล็กน้อย ร่างกายของเขาหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน โจวเหว่ยชิงก็เดินโซเซถอยหลังไป 3 ก้าว เห็นได้ชัดว่าในแง่ของการปะทะกันโดยตรง เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบเล็กน้อย ทว่าจริงๆ แล้วเว่ยเฟิงกลับเป็นคนที่ประหลาดใจที่สุด เขาไม่คาดคิดว่าเมื่อใช้พละกำลังทั้งหมดของตนเอง เขาจะแข็งแกร่งกว่าโจวเหว่ยชิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้มณีสวรรค์ที่เพิ่มขึ้นทุกชุดจะทรงพลังมากกว่าของจ้าวมณียุทธ์ แต่โจวเหว่ยชิงก็มีมณีเพียง 4 ชุดเท่านั้น! นอกจากนี้คุณสมบัติหลักของมณียุทธ์เว่ยเฟิงคือความแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนความคล่องตัวต่ำกว่ามาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเขากลับยังคงสูงกว่าโจวเหว่ยชิงเพียงเล็กน้อย…นั่นหมายความว่าในแง่ของความสามารถในการต่อสู้และพลังกายบริสุทธิ์ เขากำลังเสียเปรียบอีกฝ่ายอย่างมาก
อย่าคิดว่าร่างกายของเว่ยเฟิงไม่แข็งแกร่ง ในฐานะจ้าวมณียุทธ์ มณียุทธ์ทุกชิ้นย่อมสะท้อนให้เห็นถึงพลังที่มันช่วยเสริมสร้างให้กับร่างกายของเขา นอกจากนี้ พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดของเขายังมุ่งเน้นไปที่มณียุทธ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งแตกต่างจากจ้าวมณีสวรรค์ที่ต้องจัดสรรระหว่างทั้งมณียุทธ์และมณีธาตุ กระนั้นโจวเหว่ยชิงก็ยังไม่ได้ใช้มณีธาตุของเขาเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่กำลังกายอย่างเดียว เขาก็เป็นผู้ชนะอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อรู้เช่นนี้ เว่ยเฟิงจะไม่ตกใจได้อย่างไร
แน่นอนว่าความตกใจนั้นไม่ได้หยุดการกระทำของเขาหรือทำให้เขาช้าลง เนื่องจากประสบการณ์การต่อสู้ของเว่ยเฟิงนั้นยอดเยี่ยมเกินไป ในแง่ของประสบการณ์การต่อสู้ในสนามรบท่ามกลางผู้คนทั้งหมดที่โจวเหว่ยชิงเคยพบเจอ แม้แต่จ้าววังสวรรค์ไพศาลทั้ง 2 ก็ไม่มีใครเทียบได้กับรองผู้บัญชาการกองพันผู้นี้ ผู้ที่ต่อสู้ฝ่าความเป็นความตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ดังนั้นความประหลาดใจจึงไม่ส่งผลให้เขาหยุดการกระทำทั้งหมดของตัวเอง เพียงแค่ชะงักไปเล็กน้อยเท่านั้น ร่างทั้งร่างของเขาก็ทะยานออกไปกลางอากาศ มุ่งสู่โจวเหว่ยชิงอีกครั้งราวกับกระสุนปืนใหญ่ มณียุทธ์ทั้ง 9 ของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า และในพริบตาเดียว ศาสตรามณียุทธ์ 9 ชิ้นก็ปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน เกราะไหล่คู่ เกราะหน้าอก ที่คาดเอว เกราะหุ้มท้อง สนับขาคู่ และสนับมือคู่สีเงินแวววาว
บางทีสิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 9 ชิ้นของเว่ยเฟิงไม่ใช่ชุดศาสตรามณียุทธ์ ในจำนวนนั้น มี 3 ชิ้นคือเกราะไหล่สองข้างและเกราะหน้าอกที่เป็นชุดศาสตรามณียุทธ์เดียวกัน เกราะคาดเอว เกราะหุ้มท้องและสนับขาคู่เป็นอีกชุดหนึ่ง ส่วนสนับมือทั้ง 2 ชิ้นก็เป็นอีกชุดหนึ่งเช่นกัน มันค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่สำหรับจ้าวมณียุทธ์ ทั้งหมดก็น่าประทับใจมากแล้ว
ด้วยศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 9 ที่ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน แรงกดดันที่ทรงพลังก็เพียงพอจะทำให้โจวเหว่ยชิงหายใจลำบากแล้ว ทันใดนั้นหมัดของเว่ยเฟิงก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกันกับเซินปู้ที่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยเรียนรู้บทเรียนที่ขมขื่นแบบเดียวกันมาก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะอ่อนแอเพียงใด เขาก็มักจะใส่พลังทั้งหมดเสมอ นับประสากับโจวเหว่ยชิงที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 4 ชุด
แสงสีทองเหลือบดำส่องประกายออกมากั้นขวางการโจมตีของเว่ยเฟิงทันที ท่ามกลางคลื่นเสียงสะท้อนก้องขนาดใหญ่ การโจมตีของเว่ยเฟิงก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัดในทันที อย่างไรก็ตาม กำแพงแสงสีทองเหลือบดำนั้นก็แตกสลายไปเช่นกัน
นั่นคือเกราะป้องกันเทพเจ้า! แต่ถึงกระนั้นมันก็แตกสลายไปอย่างง่ายดาย! นอกเหนือจากการพลังที่เพิ่มขึ้นจากศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 9 ชิ้นของเว่ยเฟิงแล้ว ยังเป็นเพราะพลังปราณสวรรค์ของเขาเหนือกว่าโจวเหว่ยชิงถึง 12 ระดับ เกราะป้องกันเทพเจ้าที่ดูเหมือนจะไร้เทียมทานก่อนหน้านี้จึงสามารถแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันมันก็ทำหน้าที่ของมันได้สำเร็จลุล่วงแล้ว ในที่สุดการโจมตีของเว่ยเฟิงไม่สามารถปะทะกับร่างของโจวเหว่ยชิงได้ หลังจากถูกทำให้ช้าลงด้วยอุปสรรคกีดขวางขั้นแรก แสงสีทองเหลือบดำอีกดวงก็ส่องสว่างขึ้นมาในชั่วพริบตาถัดไป แม้ว่าการโจมตีของเว่ยเฟิงจะทรงพลังอย่างมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะทะลุผ่านเกราะป้องกันเทพเจ้า 2 ชั้นไปได้ หมัดของเขาจึงกระเด็นกลับไปหลังจากปะทะกับม่านพลังชั้นที่ 2
“นี่…นี่คือเกราะป้องกันเทพเจ้าจากศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า?!” ในที่สุดความสงบในดวงตาของเว่ยเฟิงก็พลันหายไปและแทนที่ด้วยความตื่นตะลึง
ไม่ว่าจ้าวมณียุทธ์หรือจ้าวมณีสวรรค์ก็อาจกล่าวได้ว่าศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านั้นเป็นความฝันสูงสุดของพวกเขา แท้จริงแล้วความหลงใหลที่จ้าวมณียุทธ์มีต่อศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าอาจสูงกว่าจ้าวมณีสวรรค์ด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีหนทางให้ก้าวสู่พลังที่ยิ่งใหญ่ลำดับต่อไปได้อีก และศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าก็เทียบได้กับความแข็งแกร่งสูงสุดของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าจ้าวมณียุทธ์
หากไม่มีมณีธาตุ หลุมบรรจุมณีก็ค่อนข้างไร้ประโยชน์สำหรับจ้าวมณียุทธ์ แต่ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านั้นต่างออกไป หากจ้าวมณียุทธ์สามารถครอบครองศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้ แม้จะเพียงไม่กี่ชิ้น เขาก็สามารถรับมือจ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกันได้แล้ว
เว่ยเฟิงไม่ได้เห็นม่านพลังนั้นเพียงครั้งเดียว แต่แสงสีดำเหลือบทองจากเกราะป้องกันเทพเจ้ากลับโผล่ออกมาถึง 2 ครั้ง เช่นนี้ทุกคนย่อมสามารถจินตนาการถึงความตกตะลึงในใจของเขาได้แล้ว
ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าของโจวเหว่ยชิงปรากฏขึ้นรอบแขนที่มีกล้ามเนื้อนูนเป็นมัดๆ ของเขา กรงเล็บปลายคมกริบเปล่งประกายไปด้วยแสงเจิดจ้า มันคือเกราะมือยักษ์วิญญาณหยางใน ‘ชุดชังพสุธาไร้ที่ยก’ ของเด็กหนุ่มนั่นเอง