Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 125 กองพันไร้พ่าย! (1)
เมื่อเห็นเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางที่กำลังส่องประกายเรืองรองออกมา จ้าวมณียุทธ์เกือบทั้งหมดในกองพันนักเลงก็แสดงสีหน้าขัดแย้งกัน ทั้งความโลภ ความอิจฉา ความปราถนา ความริษยา…หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าศาสตรามณียุทธ์ไม่อาจถูกขโมยได้ บางทีพวกเขาอาจกระโจนเข้าไปหาโจวเหว่ยชิงทั้งหมดในคราเดียวแล้ว
หลังจากตกตะลึงชั่วครู่ เว่ยหยางก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เขาพยักหน้าไปทาง โจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้ามาที่กองพันนักเลงด้วยตัวเอง การที่จะมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าไว้ในครอบครอง 2 ชิ้นเช่นนี้ได้…และจากรูปลักษณ์ของมัน…น่าเป็นส่วนหนึ่งของชุดศาสตรามณียุทธ์ ดูเหมือนว่าภูมิหลังของเจ้าจะไม่ธรรมดาเลย…”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “รองผู้บัญชาการเว่ย ท่านไม่สนใจอยากจะรู้ชื่ออาวุธกรงเล็บของข้าหรือ? นอกจากนี้…เหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงสามารถหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้?”
เว่ยหยางชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดว่า “เจ้าเต็มใจที่จะบอกพวกเรางั้นรึ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวในทำนองว่า “พวกเจ้าทั้งหมดคือทหารใต้บังคับบัญชาของข้าในอนาคต ล้วนเป็นเหล่าพี่น้องของข้าทั้งสิ้น เช่นนี้ยังจะต้องปกปิดอะไรอีก? กรงเล็บคู่นี้เรียกว่าเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง นอกจากใช้เป็นอาวุธกรงเล็บแล้ว มันยังเพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มพลังของทักษะธาตุที่ข้าใช้อีกด้วย เจ้าพูดถูก จริงๆ พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของชุดศาสตรามณียุทธ์…และ 2 ชิ้นนี้ก็เป็นเพียง 2 ชิ้นจากชุดทั้งหมดที่เรียกว่ามรดกแห่งจ้าวผู้แข็งแกร่งหรือ ‘ชุดชังพสุธาไร้ ที่ยก’ ”
“ชุดชังพสุธาไร้ที่ยก?” เมื่อได้ยินโจวเหว่ยชิงอธิบายเกี่ยวกับศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าของเขา เนื่องจากกำลังมุ่งความสนใจไปกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เว่ยเฟิงจึงเกือบลืมสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “รองผู้บัญชาการกองพันเว่ย ดูเหมือนว่าท่านจะไม่รู้ว่าชุดที่สร้างจากศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านั้น พวกเขาเรียกมันว่าชุดในตำนาน”
เว่ยเฟิงถามโดยไม่ลังเลว่า “ชุดในตำนาน?!”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ชุดในตำนาน และ ‘ชุดชังพสุธาไร้ที่ยก’ ของข้าอาจจะไม่ใช่ชุดที่แข็ง แกร่งที่สุดในโลกปัจจุบัน แต่ในแง่ของการเพิ่มความแข็งแกร่ง มันเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุด ความหมายของ ‘ชังพสุธาไร้ที่ยก’ คือการบอกว่าหากครอบครองทั้งชุด หากว่าแผ่นดินมีที่จับที่แข็งแรงเพียงพอ คนๆ นั้นก็สามารถยกโลกทั้งใบขึ้นได้ ทั้งชุดมีทั้งหมด 10 ชิ้น และในเวลานี้ นอกจาก 2 ชิ้นนี้แล้วข้าก็ยังมีอีก 1 ชิ้น”
เว่ยเฟิงสงบอารมณ์ของเขาลงอย่างรวดเร็วและมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยแววตาครุ่นคิด “ทำไมเจ้าถึงบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้? สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ นี่ควรเป็นความลับที่ถูกเก็บไว้อย่างดีไม่ใช่หรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “อย่างที่ข้าบอก พวกเจ้าล้วนเป็นพี่น้องของข้า และข้าก็ไม่รังเกียจที่จะบอกให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความไว้ใจ นอกเหนือจากสร้างความไว้ใจแล้ว…มันก็ยังเป็นอีกวิธีที่หยาบคายไปเสียหน่อย เพราะมันคือวิธีที่ข้าใช้บอกพวกเจ้าว่าข้ามีความมั่นใจมาก แม้พวกเจ้าทุกคนจะรวมพลังกันก็ยังไม่สามารถข่มขู่ข้าได้ หากข้าต้องการจริงๆ หากให้เวลาข้าอย่างเหมาะสม ข้าก็คงจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดได้ไม่ยากนัก”
“ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ! ถ้าเจ้าอยากตายนักก็แค่บอกมาดีๆ” สหายร่างยักษ์ผมสีเหลืองซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเว่ยเฟิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ในช่วงเวลานั้น อารมณ์ของทหารกองพันนักเลงทั้งหมดก็เดือดดาลขึ้นมาพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าทันทีที่เว่ยเฟิงออกคำสั่ง พวกเขาทั้งหมดก็จะพุ่งเข้าใส่โจวเหว่ยชิงเพื่อฉีกร่างเขาออกจากกันทันที
“พวกเจ้าทุกคนเงียบ!” เว่ยเฟิงตะโกน เขามีระดับพลังปราณสูงที่สุดในกองพันนักเลงและได้รับความเคารพนับถือมาอย่างยาวนาน ในวินาทีนั้น ทหารทั้งพันก็เงียบเสียงลง
“เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมเจ้าถึงมีชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนี้” เว่ยเฟิงหันกลับไปหาโจวเหว่ยชิงและพูดอย่างเย็นชา
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ข้าซาบซึ้งและชื่นชมความสงบของเจ้าอย่างแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลย ทั้งๆ ที่พวกเจ้าทุกคนต้องอยู่ในแนวหน้า เผชิญกับการคุกคามของอาณาจักรวั่นโซ่ว แต่ทุกคนกลับยังคงอยู่รอดมาได้ เอาล่ะ เหตุผลที่ข้ามีชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนี้ก็ง่ายมาก…เพราะข้ามีแบบร่างของผู้สร้างชุดในตำนานยังไงล่ะ กล่าวคือ ข้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์และข้าก็ได้รับการสืบทอดมรดกแห่งจ้าวผู้แข็งแกร่งนี้มานั่นเอง”
“อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์?!” ทันใดนั้น เสียงร้องด้วยความประหลาดใจและเสียงอุทานอย่างแตกตื่นก็ดังออกมาจากทั่วทุกสารทิศ โจวเหว่ยชิงทอดมองอย่างเย็นชาและเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าทหารกองพันนักเลงรู้สึกทึ่งกับข่าวนี้มากกว่าการได้เห็นเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางของเขา
“เจ้าบอกว่าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ใช่ไหม?” มีความโหยหาเจือปนอยู่ในน้ำเสียงของเว่ยเฟิงอย่างเห็นได้ชัด
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันง่ายเกินไปที่จะถูกเปิดโปงอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ล่ะ?”
เว่ยเฟิงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น…หากเจ้าเข้าร่วมกองพันนักเลงในฐานะผู้บัญชาการกองพันของเรา เจ้ายินดีที่จะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้พี่น้องของกองพันของเราหรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อย่างที่ข้าบอกไป เจ้าทุกคนเป็นพี่น้องของข้า ข้าไม่เพียงแต่จะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำหรับผู้ที่ต้องการ แต่ข้ายังจะสร้างกองพันนักเลงให้แข็งแกร่ง…และทรงพลัง ใครบอกว่าเราเป็นแค่กระสุนปืนใหญ่ที่ถูกเตะทิ้งในสนามรบ? ข้าต้องการให้พวกที่หวังให้เราตายเป็นสักขีพยานในการเติบโตของพวกเรา ว่ากองพันนักเลงในอนาคตของเราจะเป็นกองกำลังที่ทุกคนต้องเกรงกลัว เป็นกองกำลังที่ไร้เทียมทานในสนามรบ ข้าจะทำให้พวกเจ้าทุกคนมีเงินทองจนนับไม่หวาดไม่ไหว ผู้หญิงสวยๆ จะพุ่งตัวเข้ามาหาเจ้า เจ้ามีพลังและอำนาจที่ใครๆ ต่างก็ อิจฉา”
ความเยียบเย็นหายวับไปจากดวงตาของเว่ยเฟิงตั้งแต่ได้ยินว่าโจวเหว่ยชิงเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ “ผู้บัญชาการกองพันโจว คำพูดของท่านสวยหรูและดูเกินจริงไปมาก ท่านรู้หรือไม่ว่าชีวิตของพวกเราที่นี่ยากลำบากแค่ไหน?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ข้าจะพาพวกเจ้าผ่านพ้นความยากลำบากทั้งหมดนั้นไป และทุกสิ่งที่ข้าสัญญาก็จะเป็นความจริง ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเชื่อในตอนนี้ ข้ารู้ว่ามันมากเกินไปที่จะขอให้พวกเจ้าทำเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ข้าหวังว่าทุกคนจะให้โอกาสข้า ให้ข้าเป็นผู้บังคับกองพันชั่วคราวในเวลา 3 เดือน นั่นคือทั้งหมดที่ข้าต้องการ หากภายใน 3 เดือนข้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในกองพันนักเลง เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสชีวิตใหม่และพลิกชีวิตพวกเจ้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องไล่ ข้าจะไสหัวไปด้วยตัวเอง”
เว่ยเฟิงสูดหายใจเข้าลึกและพูดว่า “ผู้บัญชาการกองพันโจว ข้าต้องบอกว่าแม้ท่านจะยังเด็กมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้าถูกล่อลวงด้วยคำพูดของท่าน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กองพันนักเลงของเราก็มีกฎ ความแข็งแกร่งคืออำนาจ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราเท่านั้นที่จะมีอำนาจขึ้นเป็นผู้นำ หากเอาชนะข้าได้ ท่านก็จะสามารถขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพันชั่วคราวของเรา ข้าจะนำพี่น้องของเราทุกคนติดตามท่านโดยไม่ลังเลเป็นเวลา 3 เดือน”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดี อย่างที่ข้าพูด ต่อหน้าข้า พวกเจ้าทุกคนไม่มีใครมีโอกาสชนะหรอก”
ขณะที่กล่าวเช่นนั้น กลิ่นอายสูงส่งและเย่อหยิ่ง ราวกับผู้ที่มองต่ำลงมาจากด้านบนก็ปะทุขึ้นมาจากร่างกายของเขา จากนั้นก็มีภาพลวงตาซึ่งส่องแสงระยิบระยับสูง 5 เมตรปรากฏขึ้นด้านหลังของโจวเหว่ยชิง
แสงสีแดงอมม่วงสาดเงาสลัวออกมา ร่างกายเป็นมนุษย์และหางเป็นงู มันคือภาพทักษะสวรรค์ของปีศาจมังกรสาวนั่นเอง
ทันทีที่ภาพทักษะสวรรค์สูง 5 เมตรปรากฏขึ้น ทหารกองพันนักเลงที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดก็อยู่ในอาการตกตะลึงทันที มีคนจำนวนน้อยมากที่จดจำภาพทักษะสวรรค์ได้ จึงไม่มีใครรู้จักมันแม้แต่เว่ยเฟิง อย่างไรก็ตาม เพียงแค่แรงกดดันที่แท้จริงจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สามารถต้านทานได้แล้ว
จิตสังหารที่เว่ยเฟิงมีพลันดับวูบลงทันทีที่ปีศาจมังกรสาวปรากฏตัวขึ้น และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเซถอยหลังด้วยความตกใจ
ทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงก็ชี้นิ้วขวาไปที่เว่ยเฟิง สัญลักษณ์หมุนวนสีแดงอมม่วงก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา แสงสีแดงอมม่วงพลันกระพริบวูบวาบและศาสตรามณียุทธ์ 9 ชิ้นรอบตัวของเว่ยเฟิงก็พลันหายไปราวกับหิมะที่หลอมละลายในฤดูร้อน
“ทักษะเช่นนี้คืออะไรกันแน่!” นี่เป็นครั้งแรกที่เว่ยเฟิงรู้สึกหวาดกลัว ม่านพลังสีแดงอมม่วงตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน กระทั่งดูเหมือนจะไม่อาจต้านทานได้เลยด้วยซ้ำ จ้าวมณียุทธ์ที่ไร้ศาสตรามณียุทธ์ก็เหมือนกับเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บ ไม่เพียงแต่เขาจะสูญเสียพลังที่ถูกเสริมให้ร่างกายเท่านั้น พลังหลักของศาสตรามณียุทธ์ก็ยังหายไปทั้งหมดด้วย
“อย่างที่ข้าพูด เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า พวกเจ้าไม่มีใครมีโอกาสเอาชนะเลย ข้ามีพลังเพียงพอจะสังหารพวกเจ้าทั้ง หมด นั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด” เสียงของโจวเหว่ยชิงดังออกมาจากภาพทักษะสวรรค์ของปีศาจมังกรสาว เต็มไปด้วยพลังและความสง่างาม
วินาทีต่อมาเขาก็อยู่ตรงหน้าเว่ยเฟิงแล้ว เว่ยเฟิงไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้และรอคอยความตายเพียงอย่างเดียว ฝ่า มือทั้งสองของเขาพลันพุ่งออกไปในท่าป้องกัน เต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์สีขาวหนาทึบซึ่งก่อตัวเป็นวังวน พยายามที่จะขับไล่โจวเหว่ยชิงออกไป
อนิจจา เพียงเสี้ยววินาทีนั้น เขาก็พ่ายแพ้ไปเสียแล้ว
ด้วยเสียงที่ดังสนั่นเสียดแก้วหู แสงสีเงินที่ดูเหมือนกำลังฉีกกระชากอากาศก็พลันปรากฏตรงหน้าเขา พลังปราณสวรรค์รอบๆ ฝ่ามือของเขาสั่นสะเทือนและสลายไปอย่างง่ายดาย โจวเหว่ยชิงขยับไปข้างหน้าอีกก้าวและยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะนั้น เว่ยเฟิงก็ตระหนักว่าตนไม่สามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้
เกราะมือยักษ์วิญญาณหยางวางลงบนไหล่ของเว่ยเฟิงเบาๆ “จำไว้ว่าการเป็นพี่น้องของข้าย่อมดีกว่าการเป็นศัตรูมากนัก” เด็กหนุ่มออกแรงผลักเบาๆ และเว่ยเฟิงก็ถูกส่งตัวกระเด็นกลับไปไกลกว่า 7 หลา เขาต้องให้ผู้บัญชาการกองร้อยคนอื่นๆ ช่วยจับและพยุงตัวเอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงเวลานั้น หากโจวเหว่ยชิงต้องการฆ่าเว่ยเฟิง แม้มีเว่ยเฟิง 10 คน เขาก็จะต้องถูกสังหารแน่นอน
นี่คือพลังที่แท้จริงของทักษะผนึกมังกรเงียบซึ่งเป็นทักษะไร้ขีดจำกัดที่ใกล้เคียงกับระดับเทพเจ้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ จ้าวมณีธาตุ หรือจ้าวมณียุทธ์ ต่อหน้าทักษะผนึกมังกรเงียบ หากไม่มีทักษะที่เท่าเทียมกันมาต่อต้าน พวกเขาก็จะถูกลดทอนพลังไปมหาศาล สำหรับโจวเหว่ยชิงในปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะพบกับจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 9 ชุด ด้วยทักษะผนึกมังกรเงียบเพียงอย่างเดียว เขาก็ยังจะสามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ นับประสาอะไรกับจ้าวมณียุทธ์ระดับมณี 9 ดวงอย่างเว่ยเฟิง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้างและเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เธอคุ้นเคยกับพลังของโจวเหว่ยชิงเป็นอย่างดี และรู้ว่าแม้เขาจะไม่ได้ใช้ทักษะผนึกมังกรเงียบ เด็กหนุ่มก็ยังสามารถเอาชนะเว่ยเฟิงได้ แน่นอนว่าในการทำเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็จะต้องเปิดเผยทักษะและพลังของเขาออกมามากเกินไป ทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม มันคงไม่ง่าย รวดเร็ว และน่ากลัวเหมือนทักษะผนึกมังกรเงียบ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สิ่งที่โจวเหว่ยชิงต้องการมากที่สุดก็ยังเป็นสร้างความหวาดกลัวในหัวใจของทหารกองพันนักเลง เพื่อสร้างบรรยากาศลึกลับที่ไม่มีใครต่อกรได้
ขณะถอนเกราะมือยักษ์วิญญาณหยางออก โจวเหว่ยชิงก็เอ่ยเสียงดัง “จากนี้ไป ข้าคือผู้บัญชาการกองพันชั่วคราวของพวกเจ้าเป็นระยะเวลา 3 เดือน หากภายใน 3 เดือนนี้ข้าไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้และไม่อาจนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่กองพันนักเลง ข้าจะไสหัวไปโดยไม่ลังเล ในทางกลับกัน ถ้าข้าทำเช่นนั้นได้จริงๆ พวกเจ้าก็จะกลายเป็นพี่น้องในอนาคตของข้า”
เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดเว่ยเฟิงก็ฟื้นสติกลับคืนมา และหลังจากแลกเปลี่ยนสายตากับผู้บัญชาการกองร้อยที่อยู่ข้างๆ เขาก็เดินกลับไปหาโจวเหว่ยชิง ประสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวว่า “เว่ยเฟิงคำนับผู้บัญชาการกองพันโจว”
หัวหน้ากองร้อยคนอื่นๆ ก็ทำตามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ทว่าก็ยังร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “พวกเราคำนับท่านผู้บัญชาการกองพันโจวเช่นกัน”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดี รองแม่ทัพเว่ย มากับฉันที่กระโจม ส่วนที่เหลือออกไปให้หมด”