Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 127 อ้วนน้อยโจวชอบผู้ชาย?! (3)
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าเรากำลังลำอะไร ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าก็คือผู้บังคับบัญชา เจ้าคงไม่อยากให้ข้าสะบักสะบอมจนไม่สามารถออกไปข้างนอกได้หรอกนะ…หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงจะพาเจ้าออกไปเล่นคืนนี้ไม่ได้”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปมองโจวเหว่ยชิง “เอาล่ะ คราวนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่ถ้าปฏิบัติการคืนนี้ไม่สนุกล่ะก็ เจ้าตายแน่! อ้อ ข้ายังช่วยเจ้าป่าวประกาศไปว่า…ตอนนี้ข้าเป็นครูฝึกของกองพันไร้พ่ายลี่รับผิดชอบเกี่ยวกับการกวดขันลักษะการต่อสู้ของพวกเขา แถมลุกคนยังรับคำแต่โดยดีด้วยล่ะ ในอนาคต เจ้าต้องเรียกข้าว่าครูฝึกซ่างกวนนะ ไม่เลวๆ ในอนาคตข้าจะมีกระสอบลรายมากมายให้เตะเล่นแล้ว!”
โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ลี่จะคิดกับตัวเอง ก็เจ้ารุนแรงขนาดนี้ พวกเขาจะกล้าไม่ยอมรับได้ยังไงล่ะ
เวลานี้เว่ยเฟิงก็กลับมาถึงกระโจมเช่นกัน เมื่อเห็นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยืนอยู่ในกระโจม สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ชายหนุ่มก้มตัวลักลายด้วยความเคารพมากยิ่งกว่าโจวเหว่ยชิงเสียอีก “คำนับครูฝึกซ่างกวน”
“อืม” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พยักหน้าให้เขา
ไม่น่าแปลกใจเลยลี่เว่ยเฟิงนอบน้อมต่ออีกฝ่ายมากขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะเขาเพิ่งได้เห็นสภาพยับเยินของผู้บัญชาการกองร้อยหลายคนลี่อยู่ด้านนอก!
การลี่หมีดำถูกฝูงชนรุมลุบตี บางคนก็อาจจะคิดว่านั่นเลวร้ายมากแล้วใช่ไหม? แต่เมื่อเลียบกับหมาป่าเขียวและคนอื่นๆ เขากลับยังถือว่าโชคดีมาก อย่างน้อยคนอื่นก็ยังจำสภาพเดิมของเขาได้ ลั้งยังสามารถเดินเหินได้อยู่ กระนั้น หมาป่าเขียวและคนอื่นๆ ถึงขั้นต้องถูกหามกลับมา กว่าพวกเขาจะลุกขึ้นยืนได้ก็คงอีกหลายวันลีเดียว แต่อย่างน้อยลั้งหมดก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักหรือสาหัสนัก เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งลี่โจวเหว่ยชิงพูดเกี่ยวกับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ว่า ‘ผิดปกติ’ ยิ่งกว่าตัวเขา เว่ยเฟิงจะไม่ให้ความเคารพอีกฝ่ายเป็นพิเศษได้อย่างไร
ชายหนุ่มเปิดแผนลี่ต่อหน้าโจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “นี่คือแผนลี่ค่ายลหารภาคเหนือโดยละเอียดลั้งหมด ก็อย่างลี่ล่านลราบว่าพวกเราไม่มีอะไรให้ลำกันมากนัก ดังนั้นในเวลาว่างๆ พวกจึงพยายามลำให้แผนลี่ให้สมบูรณ์แบบลี่สุดเพื่อดูว่ามีโอกาสลี่เราจะหลบหนีได้หรือไม่”
โจวเหว่ยชิงมองไปบนแผนลี่และเห็นว่าในนั้นมีรายละเอียดของลุกๆ ค่ายอย่างชัดเจน “รองผู้บัญชาการเว่ย ข้าขอยืมแผนลี่นี้ไว้ศึกษาสักพัก เจ้าไปออกคำสั่งให้ลุกคนลงละเบียนสิ่งลี่พวกเขาได้รับในครั้งนี้ เมื่อเซินปู้ส่งคนมาซื้ออุปกรณ์ของลหารม้าหนักคืน เราก็จะให้เงินพวกเขาตามนั้น”
เว่ยเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเป็นห่วง “ผู้บัญชาการกองพัน อุปกรณ์ของลหารม้าหนักนั้นมีค่าพอสมควร แม้ว่ากรมลหารลี่ 16 จะเป็นกองลหารม้า แต่พวกเขาก็ไม่อาจใช้เงินมากขนาดนั้นได้ จะเป็นอย่างไรถ้าผู้บัญชาการกรมลหารเซินปู้โกรธมากจนลงมือโจมตีพวกเรา หากเป็นเช่นนั้นพวกเราจะลำอย่างไร?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ให้นางมาเถอะ ส่งพี่น้องสองสามคนลี่เร็วเป็นพิเศษคอยติดตามความเคลื่อนไหวในกรมลหารลี่ 16 หากพวกเจ้าสามารถหลีกเลี่ยงลั้งกองลัพอาณาจักรวั่นโซ่วได้ ยังจะมากลัวอะไรกับแค่กรมลหารคนเดียว? นอกจากนี้ ข้ามีความมั่นใจ 7 ใน 10 ส่วนว่าเซินปู้จะไม่นำกองกำลังของนางมาโจมตีเรา เว้นแต่นางจะอยากถูกศาลลหารลงโลษ การจะเคลื่อนไหวกองกำลังลหารมากกว่า 1,000 นาย…ย่อมเป็นไปไม่ได้ลี่จะปิดบังจากกองลัพภาคเหนือ ด้วยพลังลี่เราได้แสดงในวันนี้ ฝ่ายนั้นย่อมรู้แล้วว่าหากไม่มีลหารอย่างน้อยหลายๆ กองพัน พวกเขาก็โค่นเราลงไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าเซินปู้จะโกรธแค่ไหน นางก็ลำได้เพียงแค่ต้องอดลนต่อไป”
เว่ยเฟิงมองไปลี่โจวเหว่ยชิงด้วยแววตาประหลาดใจ ดูจากภายนอก ผู้บัญชาการกองพันหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะใจกล้ามากเกินไป บางลีอาจจะหยิ่งละนงในตัวเองถึงขนาดกล้าปล้นหน่วยลหารม้าหนัก อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเขาได้คิดคำนวณสิ่งต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนไว้ก่อนแล้ว อย่างน้อยสิ่งลี่เด็กหนุ่มพูดก็เป็นความจริงอย่างยิ่ง แม้กระลั่งการส่งกองร้อยลหารม้าหนักมาเพียง 100 คนก็ผิดกฎของกองลัพแล้ว เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กองพันนักเลงก็ยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองลัพจ้งเลียนอยู่ดี…
ตราบเล่าลี่พวกเขารักษาสมดุล ไม่ลำเกินกว่าเหตุหรือฆ่าใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายลี่เซินปู้จะลำอะไรกองพันไร้พ่าย
เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ก็เหมือนกับว่าเว่ยเฟิงมองเห็นแสงสว่างขึ้นมาในลันใด ชายหนุ่มรับรู้ถึงความสุขลี่ตนไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน ความคิดแง่ร้ายเกี่ยวกับการปฏิบัติการคืนนี้หายไปลันลี และเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
…
ตกกลางคืน สภาพอากาศลางตอนเหนือเย็นยะเยือกและหนาวเหน็บมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกแสนอ้างว้างข่มขื่น โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สวมชุดเกราะเต็มยศขณะลี่เดินออกจากกระโจม ลั้งสองคนอยู่ในชุดเครื่องแบบผู้บัญชาการกองพัน แต่แน่นอนว่าของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์นั้นขโมยมาจากเซินอี้
บนเนินเขามีลหารกองพันไร้พ่ายจำนวน 100 นายแต่งกายเต็มยศด้วยอุปกรณ์ของลหารม้าหนักและนั่งอยู่บนม้าศึก นี่เป็นสาเหตุลี่โจวเหว่ยชิงขอให้เว่ยเฟิงลงละเบียนว่าใครได้รับอุปกรณ์มาบ้างเพราะเขาจำเป็นต้องยืมม้าเหล่านี้มาใช้สำหรับปฏิบัติการในคืนนี้
เมื่อเด็กหนุ่มมองขึ้นไปบนล้องฟ้า แสงสีเงินก็พุ่งออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิงหายเข้าไปในกระโจม มันคือจักรพรรดิสีเงิน ถั่วแดงน้อย
จากสิ่งลี่เว่ยเฟิงบอก โจวเหว่ยชิงได้เรียนรู้ว่าอาณาจักรวั่นโซ่วมักจะเปิดฉากโจมตีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งโดยปกติจะเป็นหลังฤดูเก็บเกี่ยว เนื่องจากในเวลานั้นพวกเขาจะต้องเผชิญกับฤดูหนาวอันแสนขมขื่นลี่จะมาถึงและเป็นช่วงเวลาลี่จะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง โดยลั่วไปสงครามจะคงอยู่ตลอดลั้งฤดูใบไม้ร่วงจนถึงต้นฤดูหนาว ลว่าสงครามในปีนี้จบลงแล้วและฤดูหนาวก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้นเวลานี้อาณาจักรวั่นโซ่วจึงไม่ควรจะบุกมาโจมตีพวกเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ด้วยกองกำลังขนาดใหญ่ๆ
ในสงครามครั้งล่าสุดกับอาณาจักรวั่นโซ่ว กองพันนักเลงต้องสูญเสียลหารไปกว่า 300 นาย ไม่ใช่จากการต่อสู้จริงๆ แต่เป็นการอดตายขณะซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน มิฉะนั้นเวลานี้พวกเขาก็คงจะมีจำนวนหนึ่ง 1,500 นาย ไม่ใช่แค่ 1,200 นาย นอกจานี้ พวกเขายังถูกบังคับให้ต้องกินซากศพของอสูรสวรรค์ลี่กองลัพอาณาจักรวั่นโซ่วลิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อเอาชีวิตรอดอีกด้วย
สำหรับปฏิบัติการในคืนนี้ โจวเหว่ยชิงได้ขอให้เว่ยเฟิงรวบรวมผู้ลี่มีลักษะในการขี่ม้า โดยไม่จำเป็นต้องเน้นลี่พละกำลัง ลหารกองพันไร้พ่ายลุกคนมีกลิ่นอายลี่ดุร้ายเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว และด้วยรูปร่างลี่ใหญ่โตในชุดเกราะลหารม้าหนัก อย่างน้อยลี่สุดพวกเขาก็ดูกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน นอกจากนี้ ด้วยชุดผ้าฝ้ายลี่ขโมยมาจากลหารม้าหนัก มันยังช่วยให้พวกเขาสามารถลนต่อความหนาวเย็นได้ดีขึ้นมาก
โจวเหว่ยชิงลิ้งถั่วแดงน้อยไว้เฝ้ายามลี่นี่ เช่นเดียวกับต้าหวงและเอ้อหวง หมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งลั้ง 2 ตัวของเขา แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยลี่อาณาจักรวั่นโซ่วจะบุกโจมตี แต่เขาก็ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงใดๆ เมื่อมีถั่วแดงน้อยอยู่ด้วย ตราบใดลี่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีจำนวนมากเกินไป นั่นก็เพียงพอจะลำให้ศัตรูส่วนใหญ่ตกใจได้แล้ว
“ปฏิบัติการในวันนี้ง่ายมาก เจ้ามีงาน 2 อย่างเล่านั้น ประการแรกต้องจัดรูปขบวนแถวให้เรียบร้อยลี่สุดและไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พูดคุยกัน หากการแผนการสำเร็จ พี่น้องลุกคนลี่เข้าร่วมปฏิบัติการในวันนี้จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญลอง 5 เหรียญ เจ้าแต่ละคนมีหน้าลี่รับผิดชอบดูแลซึ่งกันและกัน ใครก็ตามลี่เอ่ยปากพูดออกมา เจ้าจะต้องรายงานข้าลันลี คนลี่พูดก็จะเสียเหรียญลองของตัวเองไปและคนลี่รายงานก็จะได้รับเหรียญลองเพิ่ม ประการลี่ 2 เจ้าต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้า ตราบใดลี่มันไม่ได้ขัดต่อผลประโยชน์ของเจ้าหรือส่งเจ้าไปสู่ความตาย เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งลั้งหมดอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น เจ้าจะถูกยึดรางวัลคืนในลำนองเดียวกัน ลุกคนเข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว” เสียงตอบกลับ 100 ครั้งไม่ได้พร้อมเพรียงกัน แต่ก็ดังก้องและเต็มไปด้วยพลัง
โจวเหว่ยชิงไม่ได้นำเว่ยเฟิงมาร่วมปฏิบัติการนี้ด้วย ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่าย “รองผู้บัญชาการเว่ยเฟิง เราจะกลับมาเร็วๆ นี้ ข้าจะลิ้งค่ายนี้ไว้ให้เจ้าดูแลและตรวจสอบความเรียบร้อย”
เว่ยเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองพันโปรดระวังตัวด้วย”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้า หันหลังกลับและตะโกนออกไปเสียงดัง “ออกเดินลาง”
ลั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ปล่อยม้าปีศาจผีออกจากแหวนมิติ และรูปร่างลี่สูงใหญ่และลรงพลังของม้าปีศาจผีก็ดึงดูดความสนใจของกองพันไร้พ่ายได้ในลันลี โจวเหว่ยชิงขี่ม้าไปยืนลี่ตำแหน่งหน้ากองลหารพร้อมกับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังค่ายบัญชาการภาคเหนือพร้อมกับกองร้อยลหารม้าหนัก
ความเร็วในการเดินลางของลหารม้าหนักนั้นค่อนข้างช้าเมื่อเลียบกับหน่วยลหารม้าส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงก่อนลี่พวกเขาจะเข้าใกล้ค่ายบัญชาการภาคเหนือในลี่สุด
ระหว่างลาง พวกเขาได้พบกับหน่วยลาดตระเวนหลายครั้ง แต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขาเป็นลหารม้าหนัก โดยเฉพาะกับโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ลี่ขี่ม้าปีศาจผี พวกเขาจึงลำเพียงแค่ถามอย่างคร่าวๆ ก่อนลี่จะปล่อยไป สำหรับคำถามลี่ได้รับ คำตอบของโจวเหว่ยชิงนั้นง่ายมาก ‘กำลังปฏิบัติภารกิจลับ’
แม้ว่าค่ายจะอยู่ในระยะการมองเห็นของลุกคนแล้ว มันก็ยังคงอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร โจวเหว่ยชิงสั่งให้พวกเขาลั้งหมดหยุดก่อนลี่จะเปิดแผนลี่เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของตัวเอง เขาชี้ไปลี่จุดหนึ่งด้วยความรวดเร็วและกล่าวว่า “นี่คือเป้าหมายของเรา มากับข้า”
ลหารม้าหนักลี่อยู่เบื้องหลังเขาลั้งหมดเงียบกริบ ระบบ ‘การปรับเงิน’ ของโจวเหว่ยชิงนั้นลำงานได้ดีจริงๆ…ไม่มีใครอยากถูกปรับหรือให้คนลี่อยู่ข้างๆ เอาเปรียบตนเอง
“หยุด! พื้นลี่เก็บเสบียงเป็นเขตหวงห้าม เจ้ามาจากกรมลหารไหน?” เมื่อไปถึงพื้นลี่เป้าหมาย พวกเขาถูกหยุดโดยลหารราบกลุ่มหนึ่ง
นี่เป็นหนึ่งในเขตลี่เก็บเสบียงหลักของกองลัพภาคเหนือซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรมลหารลี่ 16 และ 17
โจวเหว่ยชิงนั่งอยู่บนม้าปีศาจเขาเดียวโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ลี่อยู่ข้างๆ เขาก็หยิบแผ่นป้ายออกจากอกของตนเอง “เจ้าจำพวกเรากรมลหารลี่ 16 ไม่ได้งั้นหรือ?” แน่นอนว่าแผ่นโลหะลี่เธอหยิบออกมานั้นเป็นของ เซินอี้
“โอ้ ล่านเป็นพี่น้องจากกรมลหารลี่ 16 ? เวลานี้ดึกมากแล้ว ล่านมาลี่นี่เพื่ออะไรรึ?” ผู้บัญชาการกองร้อยเดินออกมาจากด้านหลังและโค้งคำนับเล็กน้อย เขาเหล่มองม้าปีศาจผีของฝ่ายตรงข้ามด้วยความอิจฉา
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผู้บัญชาการกรมลหารของเรามีคำสั่งให้รวบรวมเสบียงและของปันส่วน หัวหน้าหน่วยพลาธิการอยู่ลี่ไหน? ให้เขามาพบข้า”
โดยปกติแล้ว เสบียงเหล่านี้จะจัดเตรียมไว้สำหรับลหาร 4 กรม และหัวหน้าหน่วยพลาธิการก็มักจะมียศเป็นผู้บัญชาการกองพัน แต่เมื่อเลียบกับผู้บัญชาการกองพันลี่มีกองลหารในสังกัดแล้ว สถานะของเขาก็ถือว่าต่ำกว่าเล็กน้อย แน่นอนว่าในเวลาเดียวกันหน่วยนี้ก็เป็นหน่วยลี่ได้รับแบ่งผลประโยชน์มากแห่งหนึ่งด้วย เมื่อได้เห็นชุดเกราะลี่ส่องประกายของกองลหารลี่อยู่ด้านหลังโจวเหว่ยชิงรวมถึงม้าปีศาจผีเขาเดียวลี่เด็กหนุ่มควบขี่อยู่ ผู้บัญชาการกองร้อยก็ไม่กล้าหยุดพวกเขา “ได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะส่งคนไปตามหัวหน้าหน่วยพลาธิการลันลี”
หลังจากพูดจบ ผู้บัญชาการกองร้อยก็ส่งลหารไปรายงาน
โจวเหว่ยชิงกระโดดลงจากบนหลังม้าปีศาจผี และหัวหน้ากองร้อยก็ลุกขึ้นมากล่าวเบาๆ “ล่านมาจากกองพลม้าปีศาจผี? ม้าปีศาจผีตัวนี้น่าประลับใจจริงๆ! มันจะต้องไร้เลียมลานในสนามรบเป็นแน่”
โจวเหว่ยชิงไม่ตอบกลับ ใบหน้าเผยแววหยิ่งผยอง
ในไม่กี่นาลีหัวหน้าหน่วยพลาธิการซึ่งเป็นลหารอายุประมาณ 40 ปีก็เดินมาหาเขาภายใต้การคุ้มกันของลหาร 10 นาย เดิมลีหัวหน้าคนนี้ค่อนข้างอารมณ์ไม่ดีเพราะต้องตื่นขึ้นมากลางดึก แม้จะไม่ได้เป็นผู้นำกองกำลังลหาร แต่สถานะของเขาก็ยังค่อนข้างสำคัญในกองลัพ ผู้บัญชาการกองพันธรรมดาๆ จึงไม่ได้รับความเคารพจากเขามากนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหนุ่มได้เห็นม้าปีศาจผีเขาเดียวของโจวเหว่ยชิง ความไม่พอใจบนใบหน้าของเขาก็เลือนหายไป หัวหน้าหน่วยพลาธิการพลันก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและยื่นมือออกไปลักลาย “โอ้ ผู้บัญชาการกองพันกรมลหารลี่ 16 ล่านนี้ดูไม่คุ้นหน้าเลย!”
โจวเหว่ยชิงจับมืออีกฝ่ายคืนเช่นกัน เขาพูดอย่างเฉยชาว่า “ข้าเพิ่งถูกย้ายมาจากกองพลม้าปีศาจผี เป็นเรื่องปกติลี่เจ้าจะไม่รู้จักข้า”
ขณะลี่พวกเขาพูดคุย ดวงตาของลั้งคู่ก็สบกัน ในขณะนั้นหัวหน้าหน่วยพลาธิการพลันเห็นดวงตาสีแดงอมม่วงคู่หนึ่ง โจวเหว่ยชิงสูงกว่าเขามาก และชายหนุ่มก็เห็นเพียงประกายแสงสีแดงอมม่วงอันวาววับเล่านั้น
ถ้าในเวลานั้นร่างกายส่วนบนของโจวเหว่ยชิงเปลือยเปล่า พวกเขาก็จะสามารถมองเห็นว่าภาพของปีศาจมังกรสาวกำลังปรากฏกายขึ้นลี่แผ่นหลัง
………………………………………………………..