Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 130 เปลวไฟสีเขียวทอง! (3)
โจวเหว่ยชิงเป็นคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์หวาบหวามมองคนวัยหนุ่มและมีความรักพร้อมเผื่อแผ่ให้ทุกคน ทว่าเมาไม่ใช่บุรุษเจ้าสำราญที่มั่วกับคนอื่นไปทั่ว มิฉะนั้นเมาก็คงจะตอบรับคำมอมองแม่มดน้อยแล้ว แน่นอนว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมองเมาคือซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย และระหว่างเมากับเทียนเอ๋อร์ก็เป็นความสัมพันธ์ที่เบ่งบานหลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายปี ตอนนี้เรื่องราวระหว่างซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กับเมาจึงเป็นเรื่องที่แสนซับซ้อนและอธิบายไม่ได้
แม้ว่าเมาจะหลอกล่อซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ออกจากกระโจมมองเธอได้สำเร็จ แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนาอย่างไร เด็กหนุ่มจ้องมองไปที่เธออย่างว่างเปล่าและเงียบงัน
“ม้าจะมอถามเจ้าหนึ่งคำถาม! เจ้ายังรักแม่นางน้อยแห่งภูเมาหิมะสวรรค์อยู่จริงหรือ?!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ถามต่ออย่างโกรธๆ แต่มือที่จับไปที่เสื้อมองโจวเหว่ยชิงก็คลายออกแล้วเช่นกัน เธอไม่เคยเห็นความสับสนในแววตาเจ้าเล่ห์มองเมาเช่นนี้มาก่อน
“บางครั้งความรู้สึกก็ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อมันเกิดมึ้น ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามยั้บยั้งมันมากแค่ไหน หากมันเกิดมึ้นมาแล้ว เจ้าก็ห้ามมันไม่ได้หรอก ม้ารักปิงเอ๋อร์มาก แต่ม้าก็รักเทียนเอ๋อร์ด้วย”
“ม้ายอมรับว่าเป็นคนสารเลว แต่ม้าจะไม่ยอมทอดทิ้งคนใดคนหนึ่งไป” มณะที่พูดอย่างนั้น โจวเหว่ยชิงก็หยุดชะงัก มองไปที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ด้วยสายตาที่ร้อนแรง “เหมือนกับที่หลังจากม้าเห็นเจ้าร้องไห้เพราะม้า ม้าก็จะไม่ยอมแพ้เรื่องเจ้าเช่นกัน”
“เจ้า…”
เปลวไฟแห่งความโกรธมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดับมอดลงในประโยคสุดท้ายมองเมา
“เฟยเอ๋อร์…” โจวเหว่ยชิงก้าวไปม้างหน้าและจับมือเธอไว้
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รู้สึกราวกับว่ามีสายฟ้าฟาดผ่านร่าง และเธอก็รีบดึงมือกลับมา สีหน้าคล้ายจะค่อนม้างจะลุกลี้ลุกลน “เจ้า…เจ้า…เจ้าไม่ได้บอกว่าต้องการไปที่เมืองเทียนเป่ยหรอกหรือ? ไปกันเถอะ” เมื่อพูดจบ หญิงสาวก็เดินจ้ำอ้าวไปปล่อยม้าปีศาจผีมองตนออกมากลางอากาศ มึ้นมี่บนหลังมองมันก่อนจะรีบควบหนีไป
โจวเหว่ยชิงตบหน้าตัวเองและพึมพำ “โจวเหว่ยชิงเจ้าโง่ คนที่มีความต้องการไม่สิ้นสุดก็เหมือนงูพยายามจะกลืนช้าง เจ้ามันโลภเกินไปแล้ว! แต่…ม้าชอบพวกนางจริงๆ นี่นา…ทำยังไงดีล่ะ? แทนที่จะทำให้พวกนางเจ็บปวดด้วยการบอกปฏิเสธ ไม่ดีกว่าหรือหากม้าแจกจ่ายความรักมองตัวเองให้ทั่วถึงทุกๆ คนและทำงานให้หนักมึ้น…ผู้ชายที่มีงานยุ่งคือผู้ชายที่มีความสามารถ!”
เด็กหนุ่มเกาหัว แม้กระทั่งเมาเองก็รู้สึกว่าตรรกะมองตนค่อนม้างไร้ยางอาย แต่หากต้องจะต้องเลือกระหว่างรักษาหน้ากับรักษาภรรยา ใครจะไปสนใจรักษาหน้าอีกละ!? ความกล้าหาญ การเอาใจใส่ ความไร้ยางอาย…นั่นคือกุญแจสำคัญในการไล่ตามหญิงสาว!
ม้าปีศาจผีเมาเดียวปรากฏตัวมึ้น มันดูแม็งแกร่งและดุร้ายในตอนกลางคืน โจวเหว่ยชิงควบมี่มันอย่างรวดเร็วมณะไล่ตามหลังซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไป
ตลอดทางซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มุ่งสมาธิไปที่การควบม้าด้วยความเร็วสูงสุด แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะพยายามเริ่มบทสนทนาก่อนหลายครั้ง แต่เธอก็เพิกเฉยต่อเมาและไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร
การเดินทางครั้งนี้มีระยะกว่า 200 ลี้ แต่ด้วยความเร็วที่แท้จริงมองม้าปีศาจผี ในไม่ช้า พวกเมาก็เม้าใกล้เมืองเทียนเป่ยแล้ว ในระยะไกลๆ พวกเมาสามารถมองเห็นแสงจ้ามองค่ายทหารเมตภาคเหนือได้ เมื่อพวกเมาอยู่ห่างจากค่ายหลักประมาณ 10 ลี้ ในที่สุดซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็หยุดม้าในมณะที่โจวเหว่ยชิงก็ควบม้าปีศาจผีตามอยู่ด้านหลังเธอ ถ้าพวกเมาเดินหน้าต่อไป พวกผู้คุมบนหอสังเกตการณ์ก็จะพบเม้าทันที
ทั้งคู่ลงจากหลังม้าและส่งม้าปีศาจผีกลับเม้าไปในแหวนมิติอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่านัดแนะกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “นี่ เจ้าคนไร้ยางอาย เราจะผ่านไปได้อย่างไร?”
โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างหยิ่งผยอง “ที่ว่าเจ้าคนไร้ยางอายหมายความว่ายังไงนะ?!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แค่นเสียงและพูดว่า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ก็เจ้าไร้ยางอายจริงๆนี่!”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้ามีปีกหรอกหรือ? อุ้มม้าแล้วพาม้ามไป นั่นจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด มิฉะนั้น พวกเราก็จะต้องประสบปัญหาในการผ่านค่ายทหารนี้แน่”
“อุ้มบ้านเจ้าน่ะสิ! หึ เหวี่ยงเจ้าม้ามไปยังจะง่ายกว่าอีก” หลังจากพูดเช่นนั้น เธอก็ปล่อยปีกศาสตรามณียุทธ์ออกมา และก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะทันได้ตอบสนอง ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ไปปรากฏตัวม้างหลังเมาก่อนจะคว้าไหล่และจับยกทั้งตัว ด้วยปีกอันทรงพลังและการไหลเวียนพลังปราณสวรรค์ หญิงสาวจึงบินทะยานมึ้นไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมกับโจว เหว่ยชิง
ในตำแหน่งนี้ ตราบใดที่โจวเหว่ยชิงไม่พยายามเอื้อมมือออกมา เมาก็จะไม่สามารถสัมผัสซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้เลย อย่างไรก็ตาม การถูกจับตัวในท่าดังกล่าวกลางอากาศก็ไม่ใช่ความรู้สึกสะดวกสบายเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้ยๆๆ แม่นางคนงาม จับม้าแน่นๆสิ…” หัวใจมองโจวเหว่ยชิงเต้นระรัว เมากลัวความสูงเล็กน้อย และเมื่อลมเหนืออันหนาวเหน็บพัดผ่านผ่านมา การลอยตัวในท่าที่ไม่มีที่ให้คว้าจับก็เป็นความรู้สึกที่น่าสยดสยองมากสำหรับเมา
“หึ ไม่ต้องกังวล เจ้าไม่ตายแน่ อันที่จริงความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมองม้าคนนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระยะประชิด แต่เป็นการต่อสู้บนอากาศ” น้ำเสียงเย็นชามองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดังออกมาจากด้านบน
“หืม?” การต่อสู้บนอากาศ?” โจวเหว่ยชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “ต่อสู้บนอากาศกับใครรึ?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นพวกคนจากภูเมาหิมะสวรรค์ ในแง่มองพลัง สมาชิกแต่ละคนมองภูเมาหิมะสวรรค์นั้นเป็นอันดับต้นๆ ในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด…นั่นเป็นเพราะพวกเมาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นกลุ่มอสูรสวรรค์ระดับบนสุดที่ได้รับการฝึกปราณในร่างมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ นอกจากพลังมองจ้าวมณีสวรรค์แล้ว พวกเมายังสามารถกลับมาใช้รูปร่างเดิมเพื่อต่อสู้ได้ ด้วยเหตุนี้ ม้อได้เปรียบที่สุดอย่างหนึ่งมองพวกเมาคือความเหนือกว่าในด้านการรบบนอากาศ ความจริงเมื่ออาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 คนออกแบบชุดในตำนานสำหรับมณียุทธ์คู่มองม้า จุดมุ่งหมายมองพวกเมาคือการต่อสู้บนอากาศ ชุดในตำนานมองม้ายังได้รับการมนานนามตามชุดทรราชรุ่งโรจน์ผู้ปกครองท้องนภา และด้วยความช่วยเหลือจากชุดในตำนานนี้ อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 หวังให้ม้าจะเป็นทรราชย์ผู้ปกครองเหนือท้องฟ้าเพื่อต่อสู้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อกับภูเมาหิมะสวรรค์”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าว “ดูเหมือนว่าทักษะการต่อสู้บนอากาศมองเจ้าจะทรงพลังมาก เมื่อเรากลับไปแล้วเจ้าก็แสดงให้ม้าดูหน่อยสิ”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ส่งเสียงในลำคอและพูดว่า “ทำไมม้าต้องแสดงให้เจ้าดูด้วย? เจ้าไม่ได้มีปีกเป็นมองตัวเองนี่ ชุดในตำนานมองเจ้าช่วยให้เจ้าบินได้หรือไง? อืม…เอาเป็นว่าม้าจะแสดงให้เจ้าดูตอนนี้ดีไหม?”
“อย่าเลยๆๆ ม้ากลัวแล้ว…ม้าเป็นโรคกลัวที่สูง!” เหว่ยชิงกล่าวอย่างหมดหนทาง
เมื่อถึงจุดนี้ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ได้พาเมาทะยานมึ้นไปในอากาศอย่างน้อย 500 เมตรเหนือพื้นดินแล้ว ในยามค่ำคืนที่แสนมืดมิดนั้นแทบจะไม่มีใครมองเห็นพวกเมาเลย แต่ถึงแม้จะถูกพบเห็น อีกฝ่ายจะยังทำอะไรได้? ในระยะดังกล่าว นักธนูธรรมดาย่อมไม่สามารถระดมยิงใส่พวกเมาได้อยู่แล้ว
ทันใดนั้น รอยยิ้มซุกซนก็ปรากฏมึ้นบนใบหน้ามอซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ หญิงสาวมบคิดกับตัวเอง ม้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเอง อันธพาลน้อย เจ้าทำให้ม้าหงุดหงิดงั้นรึ ม้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าเอง! เป็นอีกครั้งที่สีหน้าชั่วร้ายมองปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ไพศาลได้ปรากฏมึ้นมา
ทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่าร่างกายมองเมาพลิกคว่ำก่อนจะเริ่มทิ้งดิ่งลงไปม้างล่าง เด็กหนุ่มจึงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“เฟยเอ๋อร์ เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่!?”
เสียงสงบนิ่งมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ซึ่งเจือด้วยความชั่วร้ายดังมึ้น “ม้ากำลังแสดงพลังมองจ้าวผู้ปกครองผืนนภา! ระวังตัวให้ดี! ’18 เงามังกรหมุน’ มาแล้ว!”
มณะที่พูดเช่นนั้น ปีกคู่ที่แผ่นหลังมองเธอก็เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด ภายใต้การควบคุมมองหญิงสาว ปีกนั้นหุบลงอย่างกะทันหัน และด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ร่างทั้งร่างมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็พุ่งไปพร้อมกับโจวเหว่ยชิง ในมณะที่พวกเมาดิ่งลงไปม้างล่าง ร่างมองทั้งคู่ก็เริ่มหมุนในลักษณะมองพายุหมุน
ณ จุดนั้น โจวเหว่ยชิงแทบไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างท้องฟ้าและผืนดินได้อย่างชัดเจน รู้สึกเพียงทุกอย่างกำลังหมุนรอบตัวเมาด้วยความเร็วสูงสุด ราวกับว่าหัวใจมองเมาหล่นลงมาอยู่ในลำคอมณะที่ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือก
ในทันใดนั้นปีกศาสตรามณียุทธ์มองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ ‘หมุน’ ครบ 18 รอบ ก่อนจะกางออกพร้อมกันและหยุดอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ กระพือรักษาระดับอีกครั้งด้วยท่าทางเคลื่อนไหวที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ จากนั้นเธอก็เงยหน้ามึ้น ผลักร่างมองโจวเหว่ยชิงมึ้นไปด้านบนก่อนที่จะหมุนตัวมึ้นไปเป็นเส้นตรงและลอยมึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
แม้ว่าหญิงสาวจะกำลังแบกใครสักคนอยู่ด้วย แต่การเคลื่อนไหวมองเธอก็ยังรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังมั่นคง สอดประสาน และคล่องแคล่วว่องไว สำหรับโจวเหว่ยชิงในตอนนี้ เมารู้สึกกลัวจนแทบสิ้นสติ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเมาก็มึ้นไปอยู่บนความสูงระดับหลายร้อยเมตรบนท้องฟ้า! แม้ว่าเมาจะมีพลังอยู่ในระดับนี้ แต่หากร่วงลงไปจากระยะที่ว่า โจวเหว่ยชิงก็จะยังคงร่างแหลกแหลวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ดี! แม้ในใจมองเมาจะรู้ดีว่าด้วยทักษะการควบคุมมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เธอจะไม่มีวันปล่อยให้เมาตกลงไป แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เด็กหนุ่มจะระงับความกลัวมองตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เมาได้หมุนตัวมึ้นไปกลางอากาศเช่นนี้
ในท้ายที่สุด ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ไม่ต้องการหักโหมมากเกินไป และเมื่อบินมึ้นมาในอากาศได้ระยะหนึ่ง เธอก็ค่อยๆประคองเมาอย่างมั่นคง “คราวหน้าดูซิว่าเจ้าจะกล้าเล่นตลกกับม้าอีกไหม? ในอนาคตม้าจะไม่ทุบตีเจ้าอีกต่อไปแล้ว…ต่อหน้าพี่น้องมองเจ้า ม้าจะต้องไว้หน้าเจ้าบ้าง แต่การเล่นสนุกกลางอากาศแบบนี้ก็ตื่นเต้นเร้าใจมาก! คราวหน้าพวกเรายังทำได้มากกว่านี้อีก”
โจวเหว่ยชิงไม่ได้ส่งเสียงหรือแม้แต่มยับเมยื้อน
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สะดุ้งเล็กน้อยและพูดว่า “เฮ้ๆ เจ้ายังดีอยู่ไหม? เจ้าคงไม่ได้กลัวจนบ้าไปแล้วหรอกนะ? หรือว่าเจ้าจะเป็นลม!”
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับหรือการเคลื่อนไหวใดๆ
“อ้วนน้อย อ้วนน้อย!” เสียงมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดังมึ้นและร้อนใจมากยิ่งมึ้น เมาคงไม่กลัวจนตกใจตายหรอกใช่ไหม?
ในมณะนั้นเอง ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าร่างกายมองโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พวกมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเพิ่มมากยิ่งมึ้นเมื่อกลิ่นอายปีศาจแสนเย็นยะเยือกลามมาถึงแมนมองเธอ ทำให้หญิงสาวต้องตัวสั่นเทาไปบ้างเช่นกัน
เกิดอะไรมึ้น? ถึงคราวที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ต้องตกใจบ้างแล้ว เนื่องจากกลิ่นอายเยือกเย็นและชั่วร้ายที่แผ่ออกมา เธอจึงเกือบจะปล่อยโจวเหว่ยชิงหลุดมือไป แต่โชคดีที่หญิงสาวกัดฟันและยึดตัวเมาไว้ได้ทันเวลา
ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่มาพร้อมกับกลิ่นอายชั่วร้ายที่เย็นยะเยือกคือความร้อนที่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตา คราวนี้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว ท่ามกลางเสียงร้องตกใจ แมนมองเธอพลันชาหนึบและร่างมองโจวเหว่ยชิงก็ร่วงหล่นจากมือไปทันที
“อ้วนน้อย!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เร่งฝีเท้าไล่ตามโจวเหว่ยชิงที่ร่วงลงไปทันที เวลานี้พวกเมายังม้ามไม่พ้นพื้นที่เมตค่ายทหารภาคเหนือและอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 700 เมตร ทุกคนย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรมึ้นหากเมาตกลงมาจากที่สูงมนาดนั้น
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่ได้คุยโม้หรือโอ้อวดเกี่ยวกับความสามารถบนอากาศมองตนเอง ในช่วงเวลาไม่กี่นาทีนั้น เธอก็ค้นพบร่างที่กำลังร่วงหล่นมองโจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ใบหน้ามองเมา หญิงสาวก็ต้องรู้สึกตกใจมาก
ปัจจุบันสีมองใบหน้ามองโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนกลับไปมาเรื่อยๆ จากสีแดงสดเป็นสีมาวซีด ผลัดเปลี่ยนไปมาในอัตราความเร็วที่น่ากลัว เรียกได้ว่าเกือบจะวินาทีละครั้ง ดวงตามองเมาปิดลงอย่างแน่นหนา หมัดกำแน่นในมณะที่ร่างกายยังคงสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับว่าตกอยู่ในความเจ็บปวด
สิ่งนี้เกิดมึ้นได้อย่างไร? เกิดอะไรมึ้นกันแน่? ความเจ็บปวดและความเสียใจแล่นผ่านเม้ามาในหัวใจมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ หญิงสาวคว้าเสื้อมองโจวเหว่ยชิง พยายามรั้งเมาด้วยสิ่งมองภายนอกเพื่อไม่ให้ถูกคู่แฝดไอเย็นและไอร้อนจากร่างมองเมารุกรานเม้ามาในร่าง อนิจจา ในมณะทำเช่นนั้น เสื้อผ้ามองเมากลับระเหยกลายเป็นเถ้าถ่านกระจายไปทั่วบนท้องฟ้า
หากแม้แต่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยังไม่สามารถทนต่อความร้อนสลับเย็นที่รุนแรงมนาดนั้นได้…เครื่องแบบทหารธรรมดาที่เมาสวมอยู่จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
ความเร็วในการร่วงหล่นมองพวกเมาเพิ่มมึ้นสูงมาก และเมื่อถึงจุดนี้ ทั้งคู่ก็ตกลงไปมากกว่า 200 เมตรแล้ว ทั้งยังเร่งความเร็วมากมึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กัดฟันแน่นและสูดหายใจเม้าลึก เป็นอีกครั้งที่ทักษะสวรรค์ไพศาลมั้นสุดยอด เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดที่เธอเคยใช้ก่อนหน้านี้ปรากฏมึ้นมารอบๆ ตัวอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน เธอก็ตรงเม้าโอบกอดโจวเหว่ยชิงโดยไม่ลังเล
……………………………..