Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 132 ตายและฟื้ นคืนชีพ! (3)
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จับมือกันมุ่งหน้าไปยังเมือง เทียนเป่ยอีกครั้ง เมื่อทั้งคู่มาถึงประตูทิศเหนือของเมืองเทียนเป่ย ดวง อาทิตย์ลอยขึ้นเหนือขอบฟ้าแล้ว
โจวเหว่ยชิงสามารถมองเห็นสี่น้อยได้จากในระยะไกลๆ เขายืนอยู่ เยื้องจากประตูทางเข้าไปเล็กน้อย ตามข้อตกลงของหลินเทียนอ้าว พวกเขาจะส่งคนไปรอโจวเหว่ยชิงที่นั่นทุกวัน เพราะถึงอย่างไรเด็ก หนุ่มก็ไม่รู้ว่าหลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ จะไปอยู่ที่ไหน
เมื่อมองเห็นโจวเหว่ยชิง สี่น้อยก็ดีใจมาก อีกฝ่ายรีบโบกไม้โบกมือ ให้เขาและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไป ใกล้ สี่น้อยก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองทั้งคู่ด้วยความตกใจ พวกเขาจับมือ กัน? หรือว่ามีการสลับตัวกัน แล้ว!
“สี่น้อย เจ้าจ้องอะไร?” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จ้องสี่น้อยที่กําลังตก ตะลึงอยู่อย่างฉุนเฉียว
“เอ๊ะ? อะไรกัน? เจ้าคือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หรือซ่างกวนปิงเอ๋อร์? พวกเจ้าสลับตัวกันแล้วหรือ?” สี่น้อยพึมพํา
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยิ้มน้อยๆ และตบไหล่เขา “เจ้าอยากลองด้วย ตัวเองไหมล่ะว่าข้าเป็นใคร?”
สี่น้อยตัวสั่นก่อนจะรีบพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่จําเป็นหรอก ข้าเข้าใจแล้ว เหว่ยชิง เจ้าแข็งแกร่งมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าได้เป็นหัวหน้า ฝีมือ เช่นนี้ มาตรฐานเช่นนี้ เจ้ายอดเยี่ยมเกินไปแล้ว! พี่น้องฝาแฝด…จ�าจี้ แบบหมู่สินะ! ช่างน่าประทับใจจริงๆ! อ๊ากกกกกก”
แน่นอนว่าเสียงสุดท้ายนั้นคือเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่เขาพูดคําว่า ‘พี่น้องฝาแฝด…จ�าจี้แบบหมู่’ หัวใจของเขาก็พลัน หนักอึ้งเมื่อรู้ตัวว่าเพิ่งกล่าวอะไรออกไป น่าเสียดาย ก่อนที่เขาจะทันได้ วิ่งหนีก็สายเกินไปเสียแล้ว ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยกมือขึ้นและร่างของเขาก็ ถลาไปจูบกับพื้นอย่างสนิทสนม
โจวเหว่ยชิงยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มแจ่มใส แม้ว่าสี่น้อยจะ พูดสิ่งที่เขาคิดในใจจริงๆ แต่โจวเหว่ยชิงก็จะไม่ยอมรับมันออกมาตรงๆ โดยเด็ดขาด
ในขณะนั้น จู่ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงอันตรายฉับพลัน เขารีบหัน หน้าไปมองอีกทางหนึ่งพร้อมๆ กับก้าวไปขวางหน้าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เอาไว้อย่างรวดเร็ว
อันตรายที่รับรู้ได้นั้นราวกับว่าเขากําลังถูกงูพิษเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ และอาจถูกแว้งกัดได้ทุกเมื่อ
ในมุมมืดตรอกด้านข้างของกําแพง ร่างเงาหนึ่งเดินออกมาอย่าง ช้าๆ ตรงไปยังโจวเหว่ยชิง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รับรู้การเคลื่อนไหวของโจวเหว่ยชิงได้อย่างเป็น ธรรมชาติเช่นกัน และเธอก็หันไปมองในทิศทางที่เขากําลังจดจ้อง น่า ประหลาดใจที่ร่างของโจวเหว่ยชิงกลับแข็งค้าง กรามของเขาอ้ากว้าง และดวงตาฉายแววว่างเปล่าขณะที่จดจ้องไปยังจุดนั้น
คนที่เดินมาหาพวกเขามีอายุประมาณ 30-40 ปี หน้าตาค่อนข้าง หล่อเหลา แม้ว่าภาพลักษณ์นั้นจะถูกขวดเหล้าในมือทําลายลงไป เล็กน้อยก็ตาม ในขณะที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาพวกเขา อีกฝ่ายก็ไม่ลืม ที่จะหยิบขวดเหล้านั้นติดมือมาด้วย ชายหนุ่มเดินมาพร้อมกับการ เคลื่อนไหวที่ซวนเซเล็กน้อย แต่ความสุขในดวงตาของเขานั้นแทบจะ ปกปิดไม่มิด ชายหนุ่มจับขวดเหล้าไว้พลางโบกมือให้โจวเหว่ยชิง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาของโจว เหว่ยชิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก�าขณะที่น�าตาค่อยๆไหลออกมา ทันใด นั้น ร่างของเขาพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกศรที่ถูกยิงออกมาจากคันธนู กระทั่งไม่สนใจผู้คุมประตูที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้
ภายในเสี้ยววินาที โจวเหว่ยชิงก็เอื้อมมือไปหาชายวัยกลางคนและ โอบกอดเขาไว้ราวกับหมียักษ์ตัวใหญ่ แม้ว่าขวดเหล้าของชายวัย กลางคนจะหกเลอะเสื้อของโจวเหว่ยชิง เด็กหนุ่มก็ไม่ให้ความสนใจ แม้แต่น้อย
สี่น้อยอุทานด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกับเหว่ยชิง? เขา มีรสนิยมแปลกประหลาดแบบอื่นด้วยเหรอ เนี่ย?”
“หึ ถ้าเจ้าอยากโดนข้าตบก็ขอมาตรงๆ เสียสิ” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ถลึงตามองที่สี่น้อย
“เอ่อ ใจเย็นๆ แม่นางเฟยเอ๋อร์ผู้งดงาม” แม้ว่าสี่น้อยจะชอบ ปากเปราะเป็นบางครั้ง แต่เขาก็รู้ดีว่าการพูดหยอกล้อกับคนบางคน ไม่ใช่เรื่องตลกแม้แต่น้อย
“อาจารย์เหลี่ยมจัด!” น�าเสียงของโจวเหว่ยชิงมีความสุขทว่าสั่น สะท้านอย่างเห็นได้ชัด
แท้จริงแล้วชายวัยกลางคนที่เขากอดไว้อย่างแนบแน่นก็คือขี้เมา เหลี่ยมจัดแห่งหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ หลัวเขอตี้! โจวเหว่ยชิงไม่เคยวาด ฝันมาก่อนว่าจะได้พบเขาที่นี่
บ้านเกิดของเขาถูกทําลาย อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ก็ล่มสลาย ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่กดทับหัวใจของโจวเหว่ยชิงอยู่ตลอดเวลา เด็ก
หนุ่มพยายามหลีกเลี่ยงไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง สหายและ ครอบครัวของเขา โจวเหว่ยชิงกดดันตัวเองอย่างหนัก คิดหาวิธีที่เป็นไป ได้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มพูนฐานพลังและสร้างกองกําลังของตัวเอง ทั้งหมด นั่นไม่ใช่เพื่ออาณาจักรบ้านเกิดของเขาหรอกเหรอ?
ดังนั้นการได้เห็นหลัวเขอตี้ที่นี่จึงเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างไม่น่าเชื่อ! เหล่าอาจารย์จากหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ล้วนมีความสําคัญอย่างยิ่ง สําหรับเขา ไม่ใช่แค่ในฐานะอาจารย์ แต่ในฐานะสหายและเครือญาติ หากไม่ได้ใช้เวลา 2 ปีในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็อาจกล่าวได้ว่าจะไม่ มีโจวเหว่ยชิงในวันนี้ ถึงแม้อาจารย์เหล่านี้จะไม่ได้มอบความรู้เกี่ยวกับ การฝึกปราณให้เขามากนัก แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทักษะของโจวเหว่ย ชิงได้รับการขัดเกลามาจากพวกเขา นี่ยังไม่ต้องพูดถึงคําสอนมากมาย เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดบนโลกใบนี้ด้วย
“เฮ้ยๆ อย่ามาอ่อนไหวเหมือนผู้หญิงสิฟะ ข้าจะบอกอะไรให้ สุภาพบุรุษผู้อ่อนโยนคนนี้ชอบผู้หญิง ข้าไม่คิดสนใจเจ้าหรอกนะ!”
ฝีปากของหลัวเขอตี้ดูน่ารังเกียจเช่นเคย แต่การได้ยินเสียงของเขา นั้นกลับทําให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกอบอุ่น
เด็กหนุ่มปล่อยมือจากอ้อมกอดของเขาอย่างร้อนใจ “อาจารย์ เหลี่ยมจัด หากท่านสบายดีแล้วคนอื่นล่ะ? อาจารย์ของข้าเป็นอย่างไร? เขาสบายดีไหม? คนที่เหลือทั้งหมดเป็นยังไงบ้าง?”
หลัวเขอตี้พูดอย่างโกรธเคือง “หากสุภาพบุรุษหล่อเหล่าอ่อนโยน ผู้นี้ไม่เป็นอะไร จะเกิดสิ่งใดกับคนที่เหลือได้อยู่อีกหรือ? เจ้าคิดว่าพวก เราหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จะตายง่ายๆ ขนาดนั้นเชียว? แม้ว่าผู้ลอบ สังหารอย่างอาณาจักรป่ายต้าจะส่งยอดฝีมือมาจํานวนหนึ่ง แต่ด้วยตัว ข้าและพลังของอาจารย์อันธพาลของเจ้า พวกมันทั้งหมดก็กลายเป็น พวกไร้ประโยชน์ขึ้นมาในทันที พวกเราทุกคนสามารถหลบหนีมาได้ และตอนนี้ทั้งหมดก็อยู่ในเมืองเทียนเป่ยแห่งนี้ เจ้าค่อยไปพบพวกเขา ในภายหลัง”
“ฮ่าๆ ดี ดีมาก!” โจวเหว่ยชิงตื่นเต้นมากเสียจนกระโดดตัวลอย เขาไม่เคยวาดฝันมาก่อนว่าหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดจะยังมีชีวิต อยู่ อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ถูกรุกรานทําลาย แต่พวกเขายังมีชีวิต อยู่…นั่นหมายความว่าเขายังมีคนให้พึ่งพา ยังเหลือครอบครัว!
ในขณะนั้นเอง กลุ่มทหารก็ได้พุ่งเข้ามาล้อมพวกเขาไว้ ถึงอย่างไร คนกลุ่มนี้ก็ได้สร้างความวุ่นวายและโจวเหว่ยชิงก็ได้แสดงความเร็วที่น่า เหลือเชื่อออกมา เช่นนั้นทหารเฝ้าประตูเมืองจะไม่เกิดความสงสัยได้ อย่างไร
ทว่าก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะเปิดปาก ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ส่งพวกเขา กลับไปด้วยแผ่นป้ายผู้บัญชาการกองพันที่เธอได้รับมาจากเซินอี้ ทําให้ สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
“อื้อหือ ปิงเอ๋อร์! เจ้าก็งดงามขึ้นอีกแล้วสินะ เร็วเข้า มาให้อาจารย์ เหลี่ยมจัดกอดเจ้าเร็ว” หลัวเขอตี้เห็นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และแสดงท่าที ดีใจสุดขีด เขากางแขนออกและกําลังมุ่งหน้าเข้าไปหาหญิงสาว
โจวเหว่ยชิงชะงักไปชั่วขณะ ทว่าในเวลาต่อมา รอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุด ขึ้นที่ริมฝีปากของเขา เด็กหนุ่มไม่ได้ห้ามปรามหลัวเขอตี้ ในทาง กลับกัน เขากลับเอนหลังรอชมการแสดง
“อ๊าาา ไม่ไหวๆ ปิงเอ๋อร์ เจ้าจะรุนแรงขนาดนี้ไม่ได้นะ!”
การพยายามกอดซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะให้ผลดีได้อย่างไร? นอกจากนี้ หลัวเขอตี้ยังประกาศตัวเองว่าเป็นพวกเหลี่ยมจัดก่อนที่จะ เข้าใกล้เธอ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงจับข้อมือของเขา ใช้ทักษะบิดและยึด ก่อนจะตามด้วยการกวาดขา ไม่นานชายวัยกลางคนก็ถูกส่งลงไปนอนที่ พื้นทันที
“อืม นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยเห็นใครบางคนเรียกตัวเองว่าเหลี่ยม จัด หากจะพยายามฉวยโอกาสจากหญิงสาวคนนี้ เจ้าก็ถือว่าเป็นคน ตายแล้ว” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชา
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่ก่อนที่จะพูดว่า “เฟยเอ๋อร์ อย่า หยาบคายสิ นี่คืออาจารย์ของข้า ฉายาของเขาคือขี้เมาเหลี่ยมจัด
แน่นอนว่า เขาเป็นพวกเจ้าเล่ห์จริงๆ แต่เจ้าก็สามารถรักษาระยะห่าง จากเขาได้”
หลัวเขอตี้ส่งเสียงดังขึ้นจากพื้น พึมพํากับตัวเองก่อนจะพูดอย่าง โกรธเคือง “เด็กน้อยปิงเอ๋อร์ เจ้าจะรุนแรงกับข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ ดูเหว่ย ชิงสิ พอเขาเห็นอาจารย์ที่สง่างามคนนี้ก็วิ่งมากอดข้าอย่างอบอุ่นทันที เจ้า…กลับกล้าทุบตีอาจารย์ของเจ้าจริงๆ รอดูเถอะ ข้าจะฟ้องหัวเฟิง!”
“หืม ท่านเป็นอาจารย์ของใครไม่ทราบ?” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่า วอย่างโมโห “มองให้ดีๆ ก่อนจะพูดอะไร ข้าไม่ใช่ปิงเอ๋อร์”
“เอ๊ะ?” เวลานี้ถึงคราวที่หลัวเขอตี้จะต้องประหลาดใจบ้างแล้ว เขาหันไปหาโจวเหว่ยชิงและถามว่า “เกิดอะไร ขึ้น?”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเริงร่าและกล่าวว่า “ฮ่าๆ เราหน้าเข้า เมืองไปหาที่คุยกันเถอะ ไม่มีประโยชน์ให้ต้องยืนขาแข็งคุยที่นี่นานๆ ข้าจะบอกท่านระหว่างทางเอง”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้ง 4 คนจึงเข้าสู่เมืองเทียนเป่ยด้วยกัน เมื่อมีป้ายผู้ บัญชาการกองพันอยู่ในมือ ทหารยามก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปข้างใน ด้วยความเคารพ
ในขณะที่พวกเขาเดินไปตามทาง โจวเหว่ยชิงและหลัวเขอตี้ก็ได้ แลกเปลี่ยนคําพูดซึ่งกันและกัน เป็นคําถามต่างๆที่ค้างคาอยู่ในใจของ พวกเขามานาน
โจวเหว่ยชิงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกจากหน่วย เกาทัณฑ์สวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับฝาแฝดซ่างกวนทั้ง 3 สําหรับหลัวเขอตี้ เขาก็อธิบายว่าหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์มาที่นี่เพื่อ รอโจวเหว่ยชิงได้อย่างไรเช่นกัน
ในเวลานั้น อาณาจักรป่ายต้าได้โจมตีอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ อย่างกะทันหัน เนื่องจากทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อหน่วย เกาทัณฑ์สวรรค์รับรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมืองหลวงก็ถูกโจมตีไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ลงมือทําอะไร อาณาจักรป่ายต้าก็ ส่งจ้าวมณีสวรรค์จํานวนหนึ่งมาโจมตีหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์แล้ว
ท้ายที่สุด ถึงแม้ว่าสมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จะไม่ทรงพลัง ในแง่ของระดับพลังและความแข็งแกร่งส่วนบุคคล แต่ทักษะการยิงธนู และลอบสังหารของพวกเขาก็ยังถือได้ว่าน่ากลัวเกินไป อาณาจักร ป่ายต้าไม่ต้องการปล่อยให้หน่วยเช่นนี้มีชีวิตอยู่ก่อกวนพวกเขาใน อนาคต ด้วยเหตุนี้ฝ่ายนั้นจึงส่งกองกําลังจํานวนมากออกมาจัดการกับ หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์
เมื่อถูกซุ่มโจมตี หัวเฟิงและคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถรับมือกับจ้าวมณี สวรรค์จํานวนมากได้ ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย มู่เอินและ หลัวเขอตี้จึงพาคนอื่นๆ มายังอุโมงค์ลับที่ทั้งสองขุดเอาไว้ในอดีต และ ทั้งหน่วยก็ได้ปลีกตัวออกจากพรมแดนอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ เช่นนั้น
หลังออกจากอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือ การตามหาคนสองคน นั่นเป็นเพราะสองคนนี้เป็นกลุ่มเดียวที่มีความ เป็นผู้นําและมีความสามารถในการรวบรวมกองทัพเพื่อกอบกู้ อาณาจักรของพวกเขา
แน่นอนว่าคนแรกเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ องค์หญิงตี้ฝูหยาซึ่ง กําลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนทหารเฟยหลี่ ส่วนอีกคนเป็นลูกชายคนเดียว ของแม่ทัพโจว โจวเหว่ยชิง
ดังนั้นพวกเขาจึงรีบไปที่เมืองเฟยหลี่และตามหาองค์หญิงตี้ฝูหยา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้สืบทราบว่าโจว เหว่ยชิงเดินทางไปที่ อาณาจักรจ้งเทียนเพื่อเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์
ดังนั้นพวกเขาจึงรออยู่ที่เมืองเฟยหลี่และวางแผนจะรวมตัว กับโจวเหว่ยชิงก่อนจะคิดถึงขั้นตอนต่อไป
อนิจจา พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าทันทีที่โจวเหว่ยชิงกลับไปที่ เมืองเฟยหลี่ เขาจะเดินทางไปที่โรงเรียนเพียงแห่งเดียว ทั้งยังอยู่ที่นั่น เพียงไม่ถึงหนึ่งวันก่อนจะถูกโจมตีและต้องหนีตายออกจากเมืองอีกครั้ง เมื่อสมาชิกหน่วยธนูสวรรค์ค้นพบเรื่องนี้ โจวเหว่ยชิงก็จากไปแล้ว
ด้วยไม่มีทางเลือกอื่น สมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จึงทําได้เพียง ใช้ประโยชน์จากรอยเท้าม้าเพื่อสืบหาเบาะแสและไล่ล่าพวกเขา ใน ที่สุดพวกเขาก็พบกับกลุ่มของโจวเหว่ยชิงระหว่างทาง
หัวเฟิง มู่เอินและคนอื่นๆ ได้ปรึกษากันและตัดสินใจที่จะไม่บอก ให้โจวเหว่ยชิงรับรู้เพื่อรอดูสิ่งที่เขาวางแผนไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขา ทั้งหมดจึงติดตามกลุ่มของเขามาอย่างลับๆ ด้วยทักษะออกล่าและ ติดตามตัว โจวเหว่ยชิงและคนอื่นๆ จึงไม่ได้ตระหนักเลยว่าพวกเขา กําลังถูกติดตาม
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงเข้าสู่อาณาจักรจ้งเทียนและมุ่งหน้าไปยัง ชายแดนทางเหนือ พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเด็กหนุ่มต้องการจะทําอะไร กันแน่ ดังนั้นคนทั้งหน่วยจึงติดตามต่อมาจนถึงเมืองเทียนเป่ย ขณะที่ กําลังจะออกไปตามหาโจว เหว่ยชิง อันธพาลน้อยคนนั้นก็วิ่งหนีไปที่ ค่ายทหารเสียแล้ว พวกเขาจึงคลาดกันไปโดยปริยาย
เนื่องจากไม่มีโจวเหว่ยชิงอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาจึงไม่สามารถติดต่อ กับหลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ ได้ เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่รู้จักพวก
เขามาก่อน และทั้งหมดก็จะกระตุ้นให้เกิดเพียงความสงสัยเท่านั้น ด้วย เหตุนี้ สมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จึงคอยจับตาดูพวกเขา และเมื่อรู้ ว่าหลินเทียนอ้าวจะส่งคนไปที่ประตูทุกเช้าเพื่อรอโจวเหว่ยชิง พวกเขา จึงทําตามบ้างเช่นกัน จนถึงวันนี้ ในที่สุดพวกเขาก็พบโจวเหว่ยชิงและ รวมตัวกันได้สําเร็จ
………………………………………………..