Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 135 การฝึกของกองพันไร้พ่าย! (3)
ขณะที่โจวเหว่ยชิงฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาก็ขมวดคิ้วหลายครั้ง จากสิ่งที่เธอพูดมา มันก็น่าจะหนักหนาอยู่พอควร ถึงอย่างไรการเข้าสู่ อาณาจักรวั่นโซ่วก็อันตรายเป็นพิเศษอยู่แล้ว หากพวกเขาต้อง เผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับราชา โอกาสที่จะได้กลับมาก็น้อยจน แทบเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าพวกเขาจะได้พบอสูร สวรรค์เหล่านั้นแม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถก็ตาม กระนั้น หากอยากจะนําแผนการนี้มาใช้จริง เขาก็ควรดึงมันออกมาจัดการ โดยเร็วที่สุด
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวต่อ “มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย…แต่ มันขึ้นอยู่กับโชคชะตาเสียเป็นส่วนมาก หากโชคดีเหมือนครั้งที่เราได้ พบกับถั่วแดงน้อย อสูรสวรรค์ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่เมื่อก่อนหน้านี้ เราทั้ง คู่ก็น่าจะจัดการกับสิ่งนั้นได้พอดีแบบฉิวเฉียด หากมีคนอื่นมาช่วยเรา ด้วยจํานวนหนึ่ง โอกาสประสบความสําเร็จก็จะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่ก็เป็นการทดลองที่อันตรายมาก”
โจวเหว่ยชิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ “แต่บางทีมันก็ยังคุ้มค่าที่ จะลอง…เพราะเรายังมีถั่วแดงน้อยอยู่ พลังของมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่า เจ้า และที่สําคัญกว่านั้นคือความเร็วของมันก็แทบจะหาผู้ใดเปรียบได้
มันจะคอยเป็นหน่วยสอดแนมให้พวกเรา ข้ากังวลเกี่ยวกับอันตราย อื่นๆ ที่เราต้องเผชิญหลังเข้าสู่อาณาจักรวั่นโซ่วมากกว่า ถึงอย่างไร อาณาจักรวั่นโซ่วก็เป็นศัตรูกับอาณาจักรมนุษย์ ดังนั้นพวกเราจึงอาจ ไม่สามารถเข้าไปในพรมแดนของพวกเขาได้ลึกมากนัก…”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “เจ้าโง่ เห็นได้ชัดว่า เจ้าไม่ได้พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรวั่นโซ่วมาก่อนเลย ใคร บอกเจ้าว่ามนุษย์จะตกอยู่ในอันตรายเมื่อเข้าสู่อาณาจักรวั่นโซ่วกัน?”
โจวเหว่ยชิงชะงักไปด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เหรอ?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “ไม่แน่นอน ความจริงคือตรงกันข้าม เลยต่างหาก ชนเผ่าอาณาจักรวั่นโซ่วเป็นฝ่ายตกอยู่ในอันตรายเมื่อเข้า สู่อาณาจักรมนุษย์ของเรามากกว่า อย่าลืมว่าพวกเขามักจะรุกรานและ พยายามดักปล้นพวกเราเสมอ แต่สําหรับพ่อค้าชาวมนุษย์ พวกเขาจะ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แน่นอนว่าหลักฐานคือพวกพ่อค้าสามารถ เดินทางข้ามพรมแดนและเข้าสู่อาณาจักรวั่นโซ่วได้ โดยปกติแล้ว ตราบ ใดที่เจ้าแสดงตัวในฐานะพ่อค้าและเดินทางไปตามเส้นทางที่พวกเขา กําหนดไว้ ลงทะเบียนเพื่อรับแผ่นป้ายซื้อขายกับอาณาจักรวั่นโซ่ว เรา ก็จะปลอดภัยที่นั่นแน่นอน”
โจวเหว่ยชิงจ้องมองอีกฝ่ายพลางอ้าปากค้าง “มันเป็นไปได้เหรอ?! แล้ว…เราจะหาแผ่นป้ายซื้อขายนั้นได้ยังไง?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หัวเราะคิกคักอีกครั้งและพูดว่า “นั่นง่ายมาก ผู้ บัญชาการกองทหารเซินจี้ไม่ได้บอกว่าเจ้าหรือว่าสามารถเรียกใช้เขาได้ ทุกเมื่อ? เขาน่าจะช่วยเจ้าได้ แม้ว่าอาณาจักรวั่นโซ่วจะทําสงครามกับ เราทุกปี แต่ความเป็นจริงพวกเขาสูญเสียกว่าเรามากนัก”
“อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ขบวนพ่อค้าของเรากลับเข้ามาใน อาณาจักร ผลกําไรที่พวกเขานํากลับมาด้วยก็มีค่ามากเกินกว่าสิ่งที่ถูก ฝ่ายตรงข้ามดักปล้นไปเสียอีก ชนเผ่าส่วนใหญ่ในอาณาจักรวั่นโซ่ว ยกเว้นชนเผ่าที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่เผ่าล้วนแล้วแต่เป็นชนเผ่า ธรรมดา ดังนั้นการค้าขายแลกเปลี่ยนกับพวกเขาจึงค่อนข้างง่าย สําหรับพวกพ่อค้า แน่นอนว่าพวกเราก็เก็บภาษีพวกเขา…ดังนั้น…จึงมี บางส่วนที่พยายามลักลอบกลับเข้ามาอย่างลับๆ เพื่อให้ได้ผลกําไร จํานวนมหาศาล”
สายตาของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไปในขณะที่พูดว่า “ที่จริงแล้วใน โลกนี้ไม่มีสิ่งใดถูกหรือผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคน นอกจากนี้ การดักปล้นด้วยภาษีของเจ้านั้นโหดร้ายยิ่งกว่าการถูกชน เผ่าอาณาจักรวั่นโซ่วดักปล้นเสียอีก!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แค่นเสียงและพูดว่า “ไม่ใช่แค่อาณาจักรจ้ง เทียนของเราเสียหน่อย เจ้าคิดว่าอาณาจักรเฟยหลี่และอาณาจักรเป่า โปจะไม่ทําเช่นเดียวกันหรือ? นอกเหนือจากสภาพขาดอาหารอย่าง รุนแรงแล้ว อาณาจักรวั่นโซ่วก็ยังอาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไป ด้วยขุมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ ที่นั่นมีสมบัติล�าค่า แร่ธาตุ และวัตถุดิบหา ยากมากมาย ในความเป็นจริง อสูรสวรรคที่หายากมากกว่า 9 ใน 10 ส่วนล้วนอาศัยอยู่ที่นั่น หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าคนส่วนใหญ่ที่นั่น อยู่กันอย่างเรียบง่ายและไม่รู้ว่าจะใช้ทรัพยากรที่มีอย่างเต็มที่ได้ อย่างไร เมื่อรวมกับการรุกรานอย่างต่อเนื่องจากอาณาจักรมนุษย์ บาง ทีอาณาอาณาจักรวั่นโซ่วอาจจะพิชิตโลกทั้งใบไปแล้วก็ได้”
โจวเหว่ยชิงฉลาดขั้นไหนน่ะหรือ? ด้วยคําพูดของซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ เขาย่อมต้องเข้าใจความลับของดินแดนเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าการค้าที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้คือการที่มนุษย์ใช้สิ่งของไร้ ประโยชน์แลกทรัพยากรอันล�าค่าของอาณาจักรวั่นโซ่วมา ทว่าใน การค้าขายตามปกติ พวกเขาจะไม่ขายอาหารหรืออาวุธให้กับ อาณาจักรวั่นโซ่ว
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าลอง…” โจวเหว่ยชิงพึมพํากับตัวเอง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวต่อ “ควรรออีกสองสามเดือนจะเป็นการดี ที่สุด เมื่ออากาศเข้าสู่ช่วงอบอุ่นและอาณาจักรวั่นโซ่วไม่ขาดแคลน
อาหาร นั่นคือช่วงเวลาที่พวกเขาจะญาติดีกับมนุษย์ นอกจากนี้ ยังเป็น ช่วงเวลาที่ดินแดนแห่งนั้นอุดมสมบูรณ์ที่สุดด้วย”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “แน่นอนว่าการรอคอยจะเป็น โอกาสที่ดีที่สุด ถึงอย่างไรเราก็มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียมการก่อนจะออก เดินทางไปทําภารกิจดังกล่าว เฟยเอ๋อร์ เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับพลังของ ข้า? หรือหากพูดให้ถูกต้องกว่านั้น เจ้าคิดว่าข้ายังขาดอะไรบ้าง?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ประสบการณ์การต่อสู้ของ เจ้าถือว่าค่อนข้างดี แต่ข้อบกพร่องของเจ้าก็ชัดเจนมากเช่นกัน เจ้า พึ่งพาทักษะธาตุมากเกินไป ขณะกําลังต่อสู้ เจ้ามักไม่ลังเลที่จะใช้ สถานะปีศาจกลายร่างและทําเพียงแค่ทุ่มเทใช้ทักษะทั้งหมดเพื่อ เอาชนะศัตรูของตัวเอง แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหม หากเจ้าต่อสู้กับศัตรูและ กลืนกินพลังปราณสวรรค์เพื่อเติมเต็มให้ตัวเองไม่สําเร็จ ด้วยระดับพลัง ปราณในปัจจุบัน เจ้าคิดว่าตัวเองจะอยู่ได้นานแค่ไหน?”
“ขอยกตัวอย่างง่ายๆ หากเจ้าไม่มีทักษะที่น่ารังเกียจเช่นทักษะ ผนึกมังกรเงียบ หากเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการกองทหารเซินจี้ เจ้าก็จะ ไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย คนผู้นั้นจะไม่เปิดโอกาสเจ้าได้กลืนกินพลัง ปราณสวรรค์ของเขาแน่นอน และแม้ว่าจะไม่อาจฆ่าเจ้าในทันที เขาก็ ยังสามารถทําให้เจ้าค่อยๆหมดพลังไปได้อย่างช้าๆ เพียงแค่พลังปราณ สวรรค์ที่มีปริมาณและคุณภาพได้เปรียบกว่า แม้ว่าเจ้าจะใช้ทักษะผนึก
มังกรเงียบ แต่พลังปราณสวรรค์ของเขาก็จะยังคงอยู่ในระดับที่เหนือ เจ้ามากเกินไปอยู่ดี เจ้าอาจไม่สามารถเจาะทะลุเกราะพลังปราณ สวรรค์พลังป้องกันธรรมดาๆ ของเขาได้ด้วยซ�า เจ้ามีทักษะมากมาย แต่สามารถใช้ทักษะทั้งหมดได้ดีหรือไม่? สําหรับจ้าวมณีสวรรค์ส่วน ใหญ่ พวกเรามีทักษะเพียงไม่กี่อย่างและแต่ละทักษะล้วนมีค่าอย่างยิ่ง พวกเราต้องปรับตัวให้เข้ากับพลังของพวกมันซ�าแล้วซ�าเล่าเหมือน โลหะที่ถูกตีหลอมขึ้นรูป ในเรื่องนี้เจ้าถือว่ายังขาดอยู่มาก โดยเฉพาะ วิธีเพิ่มพลังโจมตีของเจ้าโดยอาศัยพลังปราณสวรรค์ให้น้อยที่สุด สํารองพลังปราณสวรรค์กักเก็บเอาไว้ ค้นหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ สิ่ง เหล่านั้นไม่ใช่จุดแข็งของเจ้าในตอนนี้”
เมื่อได้ยินซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ชี้ให้เห็นปัญหามากมายอย่างไม่ลังเล โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อลอยอย่างสับสนและอุทานอย่างเศร้าๆ “ข้ามีปัญหามากมายขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ส่งเสียงหึในลําคอและกล่าวว่า “ยาที่ดีมักมีรส ขม และคําพูดที่เป็นประโยชน์มักจะแสลงหูคนฟัง ทั้งหมดที่ข้าพูดคือ ความจริง จากมุมมองของข้า เวลานี้เจ้ามีปัญหามากเกินไปและยังต้อง พัฒนาอีกมาก ด้วยพลังจากทักษะของเจ้า หากสามารถใช้งานมันได้ดี จริงๆ ข้าก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ในเวลานี้ หากเจ้าสู้กับข้าจริงๆ ข้าก็มีความมั่นใจ 7 ใน 10 ส่วนว่าจะทําร้ายเจ้าได้ และมั่นใจถึง 9 ใน 10 ส่วนว่าจะฆ่าเจ้าได้”
โอกาสในการฆ่าสูงกว่าโอกาสที่จะทําร้ายโจวเหว่ยชิง นั้นเป็นไป ตามธรรมชาติเนื่องจากอีกฝ่ายสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้โดย ไม่ต้องยั้งแรง
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยน�าเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่มีข้อดีเลยหรือไง…”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หัวเราะคิกคักและพูดว่า “หึ ไม่หรอก ทักษะการ ยิงธนูของเจ้าก็ไม่เลวร้ายนัก แต่เจ้าแค่ยังไปไม่ถึงมาตรฐานระดับ เดียวกับอาจารย์ของเจ้า ทว่าด้วยทักษะอันทรงพลังทั้งหมดที่มี บางที เจ้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเล็กน้อย”
โจวเหว่ยชิงก้มหัวลงและนิ่งเงียบ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มองเขาจากด้านข้างสักพักก่อนจะเอ่ยเบาๆ “เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ใดหรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงมองฝ่ายตรงข้ามแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “สามีของเจ้า หนังหนามาก ข้าจะบาดเจ็บง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าแค่คิดว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าข้าจะปรับปรุงปัญหาทั้งหมดที่เจ้าบอกอย่างไรมากกว่า ข้าจําเป็นต้องวางรูปแบบการฝึกปราณให้สมบูรณ์และเป็นรูปธรรม ไม่ ว่าในกรณีใด ก่อนที่เราจะเข้าสู่อาณาจักรวั่นโซ่ว ข้าจะต้องเติบโตและ แข็งแกร่งกว่านี้ให้ได้”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กลอกตาให้เขา และก่อนที่จะหันไป เธอก็เอ่ยว่า “นั่นสินะ ข้าจะออกไปก่อนแล้วกัน”
โจวเหว่ยชิงเฝ้าดูเธอจากไปพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ บนริมฝีปาก เด็กหนุ่มมองออกว่าอีกฝ่ายห่วงใยเขาอย่างแท้จริง แม้ซ่างกวนเฟย เอ๋อร์จะยังไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคในใจของตนเองไปได้ก็ตามที โจวเหว่ยชิงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นพวกเจ้าชู้หลายใจ แต่แค่มีความรัก มากพอจะแบ่งปันให้หลายคนเท่านั้นเอง เนื่องจากซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่ พร้อมที่จะยอมรับมัน เขาจึงจะไม่กดดันเธอและปล่อยให้อีกฝ่ายได้คิด เรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแพ้ในตัวอีก ฝ่าย นับตั้งแต่วันที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเขา โจวเหว่ยชิงก็ตั้งปณิธานไว้ในใจแล้วว่าเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป
สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับโจวเหว่ยชิงในตอนนี้คือการเพิ่มพลังให้ ตัวเอง
ขณะนี้เขาได้ทําธุระทั้งหมดเสร็จสิ้นและมอบหมายงานส่วนใหญ่ ให้คนอื่นไปทําแล้ว เด็กหนุ่มจึงสามารถตั้งสมาธิไปกับการฝึกปราณ อย่างเต็มที่เสียที ความแข็งแกร่งของเขาสําคัญกว่ากองพันไร้พ่าย พูด ง่ายๆ ก็คือหากโจวเหว่ยชิงเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา ตอนนี้เขาก็ คงจะสามารถเดินเข้าไปในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เพื่อปลดปล่อย บิดาและพ่อทูนหัวของตนออกมาได้แล้ว ในกรณีนี้เขาจะยังต้องรอถึง
สิบปีอยู่อีกหรือ? จะยังต้องการกองทัพอยู่อีกหรือ? นอกจากนั้น ภัย คุกคามจากยอดฝีมือฝ่ายตรงข้ามก็เหนือกว่าพลังของกองทัพใดๆ หาก กองพันไร้พ่ายต้องการสร้างชื่อในแผ่นดินใหญ่และกอบกู้อาณาจักร เกาทัณฑ์สวรรค์ พวกเขาจะต้องมียอดฝีมือระดับสูงคอยนําทัพ ในกรณี นี้ โจวเหว่ยชิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามก้าวขึ้นสู่ตําแหน่งนั้น ด้วยตัวเอง”
สําหรับโจวเหว่ยชิงในเวลานี้ เมื่อเทียบกับความรักและ ความสัมพันธ์แล้ว การฝึกฝนพัฒนาตนเองมีความสําคัญมากกว่า แม้ว่า ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะค่อนข้างปรามาสเขา แต่คําพูดเหล่านั้นก็แทงลง ตรงจุดอย่างไม่น่าเชื่อ บางเรื่องโจว เหว่ยชิงรับรู้เป็นอย่างดี แต่บาง เรื่องก็เป็นสิ่งที่เขาไม่รู้มาก่อน หากใช้คําพูดของเธอเป็นแนวทางพัฒนา ตนเอง เขาก็จะสามารถสรุปทั้งหมดได้ดีมากขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดมานั้นเป็นความจริง เขามีทักษะมากจนเกินพอ แต่กลับยังไม่สามารถใช้มันได้อย่างเต็ม ศักยภาพและผสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว แน่นอนว่าสิ่งแรกที่โจว เหว่ยชิงนึกถึงคือวิธีการอัดทักษะ 3,000 ครั้ง
ประสบการณ์การต่อสู้ ทักษะการต่อสู้ และความสามารถในการใช้ ทักษะธาตุในการต่อสู้ดังกล่าวสามารถเรียนรู้ได้จากการฝึกต่อสู้จริง อย่างไรก็ตาม เขาก็จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานในทักษะนั้นๆ อย่าง
ถ่องแท้เสียก่อน วิธีการอัดทักษะ 3,000 ครั้งอาจเป็นวิธีที่ยากลําบาก และเจ็บปวดกระทั่งทําให้ใครคนหนึ่งอยากตายขึ้นมาได้ แต่โจวเหว่ยชิง ก็เคยได้พบกับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาแล้วเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้วิธีการอัดทักษะ 3,000 ครั้งกับทักษะสอง สามชนิด หลังจากนั้นทักษะที่ว่าก็พัฒนาขึ้นไปถึงระดับที่แตกต่างกัน ออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ตอนนี้กองพันไร้พ่ายเริ่มมั่นคงแล้ว การฝึก ของพวกเขาจะต้องทําให้กองพันไร้พ่ายแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างไม่ต้อง สงสัยแน่ ฉะนั้นจึงถึงเวลาที่เขาจะต้องก้าวผ่านประสบการณ์เช่นนั้นอีก ครั้งแล้ว
เมื่อเทียบกับการอัดทักษะ 3,000 ครั้งก่อนหน้า เวลานี้โจวเหว่ยชิง อยู่ในระดับมณี 4 ชุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถอัดทักษะได้มากขึ้นใน ระยะเวลาสั้นๆ
…………………………………………………….